จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 99 สงครามแห่งเกาะหูซิน
บทที่ 99 สงครามแห่งเกาะหูซิน
เมืองเว่ยเหอ เกาะหูซิน ในศาลากลางเกาะ
เส้เทียนหัวผู้มีอิทธิพลแห่งเว่ยเหอ ฉีว่างหมิงผู้มีอิทธิพลแห่งหลอซาน และฟางเยว่ผู้มีอิทธิพลแห่งชิงหยาง ทุกคนรวมตัวกันอยู่ที่นี่
แต่ว่าพวกเขาไม่ได้ถูกเชิญมา แต่เป็นการถูกจับตัวมาเป็นตัวประกัน
เวลานี้ฉินหนันเทียนยังไม่ปรากฏตัว ฉินอู๋ซวงที่นั่งอยู่บนวีลแชร์เป็นคนจัดการดำเนินการ
เส้เทียนหัวฟและคนอื่นๆยืนด้วยความเคารพนอบน้อมตรงมุม กำลังแอบพูดคุยกันเสียงเบา
“เส้เทียนหัว คุณว่าคุณหลินอะไรนั่นจะช่วยเราไหม?” ท้องใหญ่ของฟางเยว่ลดลงไปเยอะมาก ถามเสียงเบาด้วยความกังวล
ฉีว่างหมิง ถอนหายใจด้วยความเศร้า “จะมาได้ยังไง? นี่มันก็ชัดเจนขนาดนี้ มีแค่คนโง่เท่านั้นแหละที่จะกระโดดลงมาเอง!”
“แล้วผมว่าไอ้คุณหลินนั่น อาจจะไม่ได้วิเศษอย่างที่ท่านเส้พูดก็ได้!”
“ผมไม่เคยเชื่อเลย ว่าโลกนี้จะมีคนที่วิเศษขนาดนี้!”
เส้เทียนหัวนึกภาพที่หลินหยุนทำสงครามใหญ่กับฉินอู๋ชี ทันใดนั้นใบหน้าแฝงไปด้วยความโหยหา “ฉีว่างหมิง ความสามารถของคุณหลินคุณไม่มีทางที่จะจินตนาการได้ ผมเตือนคุณว่าดูถูกคุณหลินเชียว ไม่เช่นนนั้นคุณได้มาเสียใจทีหลังแน่!”
“พอถึงเวลานั้น อย่าหาว่าผมไม่เตือนคุณ!” เส้เทียนหัวพูดด้วยความมั่นใจ
ฟางเยว่ถามขึ้นด้วยความตกใจ “ท่านเส้ ต่อให้คุณหลินคนนั้นเก่งกาจอย่างที่คุณว่าจริงๆ แต่ตระกูลฉินก็ไม่ธรรมดาเลยนะครับ อีกอย่างครั้งนี้ตระกูลกนำคนออกมาทั้งตระกูล แม้แต่เจ้าบ้านอย่างฉินหนันเทียนก็มา คุณหลินคนเดียว จะสู้กับคนทั้งตระกูลฉินได้ยังไงกัน?”
ฉีว่างหมิง ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ตระกูลฉินซ่อนตัวเองไว้ลึกจริงๆ เดิมทีคิดว่าตระกูลฉินเหมือนพวกเรา อาศัยลูกน้องช่วยเหลือ คิดไม่ถึงว่าคนของตระกูลฉินแต่ละคนเป็นนักบู๊ฝีมือฉลาดที่เราเคยดูตามนิยายนักต่อสู้พวกนั้น เอาใครออกมาสักคน ก็ทำให้อำนาจของหมดไป”
“ถ้ารู้แบบนี้ตั้งแต่แรก ใครจะกล้าไปมีเรื่องกับตระกูลฉินได้!”
บนวีลแชร์ ฉินอู๋ซวงมองไปที่พวกเส้เทียนหัว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พวกแกกระซิบกระซาบอะไรกัน? อีกครึ่งชั่วโมง ถ้าหลินชางฉองยังมาไม่ถึง สายไปแค่นาทีเดียวฉันก็จะฆ่าสักคนในนี้ของพวกแก!”
พวกเส้เทียนหัวสามคนพากันตกใจจนขาอ่อน นั่งทรุดอยู่บนพื้น
เมื่อก่อนพวกเขาไม่เชื่อว่าตระกูลฉินจะกล้าฆ่าคนอย่าประเจิดประเจ้อแบบนี้ แต่ว่า พอได้เห็นวิธีการฆ่าคนแทบจะไม่กะพริบตาของพวกนี้ พวกเขาก็เชื่อแล้วว่าพวกเขาไม่สามารถมองคนตระกูลฉินเหมือนคนธรรมดาทั่วไปได้
อีกทั้งตระกูลฉินเดิมทีเป็นคนของโลกบู๊ หากพวกเขาเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงเมื่อไหร่ คงไม่มีทางทำตามกฎหมายของโลกทั่วไปแน่นอน
“คุณหลิน รีบพาเถอะ! ถ้าคุณมาช้า เราก็จะตายกันไปหมดแล้ว!”
เส้เทียนหัวยกมือขึ้นมาพนม พร้อมขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของฟ้าและดินที่ไม่รู้ตัวตน
หลินหยุนปรากฏตัวขึ้นเร็วกว่าที่ฉินอู๋ซวงคาดการณ์ไว้ เพราะว่าหลินหยุนเองก็อดทนรอไม่ไหวแล้ว
ที่หลินหยุนรอไม่ไหว แน่นอนว่าเป็นเพราะว่าเขาอยากให้ตระกูลฉินรู้สักทีว่าการที่ทำให้เขาโมโหนั้นจะเกิดผลอย่างไร
พระอาทิตย์ที่อยู่บนท้องฟ้าค่อยๆ เคลื่อนมาอยู่ตรงกลาง เส้เทียนหัวหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ เอาแต่มองดูนาฬิกาหรูที่อยู่บนข้อมือไม่หยุด
“11 โมงครึ่งแล้ว เหลืออีกครึ่งชั่วโมงถึงเที่ยง คุณหลิน คุณรีบมาเถอะ!”
ราวกับว่าหลินหยุนได้ยินเสียงขอพรของเส้เทียนหัว เงาชายสวมชุดสีดำคนหนึ่งกำลังค่อยๆ เดินมาท่ามกลางแสงอาทิตย์ พร้อมหยุดที่ข้างๆ ทะเลสาบ
ผมด้านหน้าของหลินหยุนถูกลมพัดเบาๆ เปิดหน้าที่หล่อเหลาของเขาออกมา แต่ว่านั่นเป็นใบหน้าที่ดื้อรั้นของวัยรุ่นแท้ๆ แต่กลับเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่ราวกับว่าผ่านโลกมานับไม่ถ้วน รวมทั้งดวงหน้าคู่นั้นที่เหมือนกับท้องฟ้ายามราตรีที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว
“คุณหลิน!” เส้เทียนหัวตื่นเต้นดีใจมาก
ฉินอู๋ซวงมองหลินหยุนด้วยสายตาที่ร้ายกาจ “มันกล้ามาจริงๆ!”
สายตาหลินหยุนมองผ่านฉินอู๋ซวงที่นั่งอยู่บนวีลแชร์ไปยังน้ำในทะเลสาบ ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ฉินหนันเทียนล่ะ?”
ฉินอู๋ซวงตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อยากเจอเจ้าบ้านฉินขอฉัน มาที่ศาลานี่ก่อนค่อยว่ากัน!”
คนของตระกูลฉินที่อยู่ในศาลา พากันหัวเราะเยาะหลินหยุนกันใหญ่ ชัดเจนว่านี่คือกับดักที่ตระกูลฉินออกแบบมาไว้แล้วก่อนหน้า
เส้เทียนหัวและอีกสองคนแอบพากันเป็นห่วงหลินหยุนอยู่ในใจ “คุณหลิน คุณต้องทำให้ได้นะ!”
ข้างทะเลสาบ เดิมทีที่นี่ควรจะมีฝีพายข้ามฝั่งอยู่หลายคน ตอนนี้กลับเหลือแค่สี่คนเท่านั้น อีกสี่คนนี้ก็ดูเหมือนว่าจะหน้าตาคุ้นๆ มาก
หลินหยุนสีหน้าไร้ซึ่งความรู้สึก เดินไปหาฝีพายคนหนึ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “พาฉันข้ามไป”
ฝีพายคนนั้นหยิบไม้พายขึ้นมา ก้มหน้าก้มตาพายเรือออกไปไม่พูดอะไรสักคำ
หลินหยุนกระโดดขึ้นเรือนั้นเข้าไปยังตรงกลางที่นั่ง ยืนอยู่อย่างมั่นคง
ฝีพายคนนั้นมองแวบไปที่หลินหยุน สายตาแฝงไปด้วยความแปลกประหลาด
ฝีพายอีกสามคน เมื่อเห็นว่าหลินหยุนขึ้นเรือ ทันใดนั้นก็พากันหยิบไม้พายอย่างไม่ได้นัดหมาย เริ่มพายเรือไปข้างๆ เรือที่หลินหยุนอยู่
หลินหยุนมองรอบด้าน พูดด้วยเสียงราบเรียบว่า “นักบู๊ที่มีทักษะด้านนั้นๆ ติดตัวมาแต่เกิดโดยไม่ต้องฝึกฝนสี่คน ฆ่าพวกแกซะ ฉินหนันเทียนคงออกมาสินะ!”
ฝีพายที่เดิมทีก้มหน้าพายเรืออยู่นั้นรีบเงยหน้าขึ้นมาทันที จากนั้นก็มองหลินหยุนด้วยความระมัดระวัง
“ไอ้หนุ่ม แกดูออกตั้งแต่แรก!” ฝีพายพูดด้วยเสียงหนักแน่น
“จะดูออกหรือดูไม่ออก พวกแกก็ต้องตายอยู่ดี” น้ำเสียงหลินหยุนที่ไร้ซึ่งความรู้สึกของมนุษย์ ราวกับว่าที่สังหารได้ทุกอย่าง
“อวดดี!”
“ฉินอัน แห่งตระกูลฉิน น้อมรับเพลงฝีมือของท่าน!” ฝีพายคนนั้นถูกความโอ้อวดของหลินหยุนกระตุ้นให้โมโห จนต้องขอทำศึกพร้อมบอกชื่อด้วยตนเอง
หลินหยุนยังคงพูดอย่างสบายๆ “พวกแกสี่คนมาพร้อมกันเลย จะได้ไม่เสียเวลา”
“ฆ่ามัน!” ฉินอัน ตะโกนด้วยความโมโห
ฝีพายทั้งสี่กระโดดขึ้นมาทันที จากนั้นก็โจมตีหลินหยุนจากทั้งสี่ทิศ
กระแสลมปราณที่แข็งแกร่งทั้งสี่ความเร็วที่ราวกับว่าสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า มุ่งหน้ามาที่หลินหยุนในเวลาเดียวกัน ในสายตาของคนธรรมดาทั่วไป เป็นเรื่องที่คิดไม่ถึงแน่นอน
เส้เทียนหัวที่อยู่ในศาลาอดไม่ได้ที่จะตกใจจนอุทานออกมา “ความสามารถของทั้งสี่คนนี้ แต่ละคนแข็งแกร่งกว่าฉินอู๋ชีทั้งนั้น คุณหลินครั้งนี้จะไหวไหม?”
“ท่านเส้ หุบปากนกปากกาของแกซะ ถ้าคุณหลินชนะไม่ได้ งั้นเราก็จะได้ตายกันหมด” ฉีว่างหมิงมองค้อนด้วยความโมโห
แต่ว่า เมื่อมองไปที่สี่คนที่ตอนนี้กำลังบินอยู่บนอากาศ ฉีว่างหมิงอยู่ดีๆ ก็บีบไปที่ขาของตัวเอง เจ็บจนหน้าบิดเบี้ยว
“เจ็บโว้ย ดูท่าไม่ได้ฝันไปจริงๆ! โลกนี้คนวิเศษอยู่จริงๆ ด้วย!”
“งั้นแบบนี้คุณหลินก็ตายแน่ๆ!” ฉินว่างหมิงคาดการณ์ด้วยความท้อแท้ใจ
ฉินอู๋ซวงมองไปที่คนของตระกูลฉินที่บินขึ้นบนอากาศ สีหน้าร้ายกาจ “หลินชางฉอง ฉินอัน และอีกสามคนคือองครักษ์ฝีมือดีของตระกูลฉิน นอกจากเจ้าบ้าน ความสามารถของพวกเขาไม่มีใครเทียบได้ ครั้งนี้ แกได้ตายแบบไม่ต้องสงสัยแน่!”
แต่ว่า ผลที่เกิดขึ้นกลับเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดมาก่อน
ฉินอัน และอีกสามคนนั้นตอนที่กำลังเข้าใกล้หลินหยุนได้หนึ่งเมตร หลินหยุนก้าวเท้าออกมาแค่ก้าวเดียว ชูหมัดขึ้นไปบนฟ้า
บู้ม!
เกิดเสียงดังขึ้น ฉินอัน และอีกสามคนถูกโจมตีจนกระเจิดกระเจิงกันออกมา จากนั้นก็ตกลงไปในทะเลสาบ
“เป็นไปได้ยังไง!” ฉินอู๋ซวงหากไม่ใช่เพราะว่าสองขานั้นโดนหลินหยุนตีจนหัก ตอนนี้คงตกใจจนต้องลุกเต้นขึ้นมา
“ฉินอัน และอีกสามคนรวมกัน แม้แต่เจ้าบ้านยังไม่กล้าพูดว่าใช้แค่วิชาเดียวก็เอาชนะได้ แต่ไอ้หมอนี่กลับทำได้!”
ฉีว่างหมิงดีใจจนไปสะกิดเส้เทียนหัว พร้อมพูดด้วยเสียงเบาๆ “ท่านเส้ ตอนนี้ผมเริ่มเชื่อสิ่งที่คุณพูดแล้ว คุณหลินคนนี้ความสามารถราวกับผู้วิเศษจริงๆ ด้วย!”
ฉินอัน และอีกสามคนตกลงไปในน้ำ ต่างก็พากันทำสีหน้าตกใจ แต่ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็คือนักบู๊ที่มีทักษะด้านนั้นๆ ติดตัวมาแต่เกิดโดยไม่ต้องฝึกฝน การโจมตีครั้งนี้ของหลินหยุนยังไม่ทำให้พวกเขาถึงชีวิต
ฉินอัน ตะโกนออกมาด้วยความโมโห “ทำลายเรือ!”
“ครับ!” อีกสามคนที่เหลือรีบตอบรับทันที
ทั้งสี่คนเอาหัวพุ่งไปในน้ำ ใช้น้ำทะเลสาบพรางตัว จากนั้นเรืออีก สาม ลำก็ถูกทำลายไปในพริบตา เหลือเพียงเรือที่หลินหยุนอยู่ลำนั้น
แต่ว่า ทั้งสี่คนนี้ไม่ค่อยถนัดการต่อสู้ในน้ำมาก พวกเขาไม่ขึ้นมาหายใจเลย พากันมุ่งตรงไปรอบๆ เรือลำนั้นที่หลินหยุนอยู่ จากนั้นก็ปล่อยพลังออกมาพร้อมกัน
บู้ม!
เรือลำนั้นของหลินหยุนก็โดนทำลาย บนพื้นผิวทะเลสาบกระจายเต็มไปด้วยเศษไม้
แต่ว่า หลินหยุนไม่ได้ตกลงไปในน้ำแต่อย่างใด แต่กลับยืนอยู่บนแผ่นไม้แผ่นหนึ่งด้วยความมั่นคง