จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่152 เรื่องเศร้าของพี่เปียว
บทที่152 เรื่องเศร้าของพี่เปียว
เดิมทีเป็นเพราะว่าเถียนชุ่ยชุ่ยได้กินข้าวที่อิมพีเรียลคอร์ท ทำให้ตื่นเต้นมาก ในเวลานี้กลับว่าเหมือนไร้รสชาติสิ้นดี
การรับประทานอาหารที่ล้ำค่าอร่อยอย่างมิอาจเทียบได้ ในปากของเถียนชุ่ยชุ่ยกลับว่ารู้สึกขมไปช่วงระยะหนึ่ง
มีสิทธิ์อะไร!มีสิทธิ์อะไรกันแน่!
หลินหยุนไอ้คนจนๆนั่นมันเอาเงินมาจากไหน!
แม้แต่ครั้งสุดท้ายก่อนจะออกไปจากอิมพีเรียลคอร์ท เถียนชุ่ยชุ่ยก็ไม่ลืม
เมื่อเห็นเถียนชุ่ยชุ่ยเหมือนคนที่ไร้เรี่ยวแรง เสิ่นหย่งก็ไม่มีกะจิตกะใจอะไรทั้งนั้นแล้ว
เดิมทีคิดไว้ว่าจะมอบดอกกุหลาบให้ สร้างความโรแมนติกสักหน่อย และถือโอกาสเอาเถียนชุ่ยชุ่ยมาให้ได้
ตอนนี้ล้มเหลวไปหมดแล้ว
“หลินหยุน เป็นเพราะแก!” สุดท้ายแล้ว เสิ่นหย่งก็เอาความผิดทั้งหมด โยนไปไว้บนหัวของหลินหยุนแล้ว
“ถ้าไม่ใช่เพราะแก ตอนนี้เถียนชุ่ยชุ่ยก็จะรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลกแล้ว แล้วฉันก็เอาเธอมาครอบครองได้ถูกจังหวะเป็นขั้นตอน!”
“เสียดายเงินหลายพันหยวนของกู!”
ที่อิมพีเรียลคอร์ทนี้แม้แต่เสิ่นหย่งก็ยังไม่กล้ามาบ่อยเลย อาหารดี ระดับสูง แต่ว่าแพงเกินไป!
แม้ว่าจะมีฐานะทางสังคมเป็นร้อยล้าน ถ้าหากมาใช้จ่ายที่อิมพีเรียลคอร์ทเป็นเวลานานหลายปี ไม่นานก็จะถูกใช้จ่ายจนหมด
ครอบครัวของเสิ่นหย่งมีประมาณหนึ่งร้อยล้าน แต่นั่นเป็นสินทรัพย์รวม เงินที่เสิ่นหย่งสามารถใช้จ่ายเองได้นั่นกลับว่าไม่ได้เยอะมาก
ครั้งนี้ที่พาเถียนชุ่ยชุ่ยมายังอิมพีเรียลคอร์ท เสิ่นหย่งก็จำจนกัดฟันพามา
แต่ว่า คิดไม่ถึงว่าจะโดนหลินหยุนทำลายจนพังหมดแล้ว
ตอนที่เสิ่นหย่งโกรธแค้นหลินหยุนอย่างเงียบๆ ทันใดนั้นก็เห็นคนหัวโล้นคนหนึ่งอยู่ข้างหน้า พาวัยรุ่นสามสี่คนที่ห้อยอะไหล่เต็มตัวเดินเข้ามาแล้ว
มือข้างหนึ่งของหัวโล้นคนนั้นยังพันด้วยผ้าพันแผล
เสิ่นหย่งมีสีหน้าตกใจ มองไปยังเถียนชุ่ยชุ่ยที่กัดฟันด้วยความเกลียดชัง พูดถามว่า “เถียนชุ่ยชุ่ย อยากแก้แค้นไหม?”
เถียนชุ่ยชุ่ยอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นในตาก็พรั่งพรูความเกลียดชังที่อยู่ลึกๆออกมา ยังต้องพูดอีกเหรอ?อยากจะแก้แค้นร้อยเปอร์เซ็นต์
……
หลังจากที่หลินหยุนและพวกทานอาหารมื้อใหญ่กันอย่างเบิกบานใจแล้ว
ตอนที่ออกจากอิมพีเรียลคอร์ท เทพฟ้าผ่าและพวกพลางเดินไป พลางลูบท้องไป และเรอออกมาเลย
“หลินหยุน อิมพีเรียลคอร์ทนี้ดีสมคำร่ำลือจริงๆ!อาหารนี้อร่อยจนทำฉันอยากจะร้องไห้เลย!”
“ทั้งชีวิตนี้ของฉันไม่เคยกินอะไรที่อร่อยแบบนี้มาก่อนเลย!” ไอ้หมอก็ถอนหายใจพร้อมพูดว่า
“รสชาติที่อร่อยแบบนี้ เป็นพระเจ้าที่ประทานให้แก่พวกเรา!สรรเสริญพระเจ้า!”
ไอ้หินทนมองต่อไปไม่ไหว พูดความจริงออกไปว่า “นี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพระเจ้า เป็นหลินหยุนต่างหากที่เลี้ยง!”
ทันใดนั้นสายตาของสิบแปดมงกุฎก็พุ่งไปยังไอ้หินด้วยความโศกเศร้าเสียใจ
ไอ้หินไร้เดียงสามาก ฉันไม่ได้พูดอะไรผิดนะ!
แต่ว่า พวกเขาเดินไปได้ไม่ไกล ทันใดนั้นก็มีเสียงที่ยิ้มเยาะอย่างมีเจตนาไม่ดีดังขึ้น “ไอ้เด็กน้อย ไม่เจอกันนานเลยนะ!”
คนหัวล้านที่มือซ้ายพันผ้าพันแผล พาเด็กวัยรุ่นมาสามสี่คน กั้นขวางหลินหยุนและพวกไว้
คนหัวล้านนี้ไม่ใช่คนอื่นไกล ก็คือหูเปียว หรือที่เรียกกันว่าพี่เปียว
ครั้งก่อนหลินหยุนอยู่ที่บาร์โล่เฉิน ถือเป็นการลงโทษเขาเล็กๆน้อยๆ
ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมาหูเปียว ก็เกลียดชังหลินหยุนเลย
ยังมีเสิ่นหย่งและเถียนชุ่ยชุ่ยที่ปรากฏตัวออกมาพร้อมกัน แต่ว่าทั้งสองคนยืนห่างไกลอยู่ข้างหลังหูเปียวและพวก มองไปยังหลินหยุนและพวกด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น
จู่ๆหูเปียวก็มารอหลินหยุนอยู่ที่นี่ จะต้องมีส่วนเกี่ยวกันกับพวกเขาแน่นอน
เทพฟ้าผ่าและพวกไม่รู้จักหูเปียว แต่ก็ดูออกมาว่ามาร้ายแน่ๆ
เทพฟ้าผ่าก้าวขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว พูดตะโกนดังลั่นว่า “พวกแกเป็นใคร?จะทำอะไร?”
หูเปียวเอียงศีรษะ ไม่ได้สนใจเทพฟ้าผ่า แต่มองไปยังหลินหยุนด้วยใบหน้าที่ยิ้มเยาะ “ไอ้เด็กน้อย แกนี่ทำให้ฉันหาตัวได้ง่ายจริงๆนะ! ”
“เพื่อตามหาแก แขนของฉันก็หักแล้ว เดิมทีคิดว่าคงหาตัวแกไม่เจอแล้ว คิดไม่ถึงว่าพระเจ้าเห็นใจช่วยเหลือ จู่ๆก็ทำให้ฉันได้เจอกับแกอีกครั้ง!”
“วันนี้ กูจะเอาคืนมึงทั้งต้นทั้งดอกเลย!”
หูเปียวโบกมือขึ้น ลูกสมุนสามสี่คนนั้นก็รีบบุกขึ้นมา ล้อมรอบหยุนและพวกไว้ทันที
“แก พวกแกคิดจะทำอะไร?” ไอ้หมอและพวกตกใจจนหน้าซีดขาวเลย
แม้ว่าพวกเขาจะเคยสู้แบบกลุ่มกันมาแล้ว แต่ก็เป็นการทะเลาะวิวาทเล็กๆระหว่างเด็กนักเรียน แต่ตอนนี้กลุ่มคนที่กำลังเผชิญอยู่เป็นพวกนักเลงของสังคมจริงๆ นี่มันไม่สามารถเทียบกันได้เลย
“ต่อยมัน!” หูเปียวพูดเสียงดัง ไม่ได้พูดจาไร้สาระอะไร สั่งคนลงมือจัดการเลย
เขาเกลียดหลินหยุนเข้ากระดูกดำแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเขาไปแก้แค้นหลินหยุนที่บาร์โล่เฉิน แขนข้างนี้ของเขาก็คงไม่โดนคุณท่านหลู่หัก
ดังนั้นเมื่อได้ยินเสิ่นหย่งบอกว่าหากรอที่นี่ก็จะได้เจอตัวหลินหยุน หูเปียวก็มารออย่างไม่ลังเล
คิดไม่ถึงว่าเขาจะได้เจอแล้วจริงๆ
ไอ้หมอและพวกตกใจจนหน้าขาวซีด แต่กลับว่าป้องกันอยู่ข้างกายหลินหยุนอย่างมั่นคง ไม่มีใครถอยหลังแม้แต่น้อย
เสิ่นหย่งและเถียนชุ่ยชุ่ยที่อยู่ไม่ไกลเผยรอยยิ้มที่แผนการร้ายสำเร็จแล้ว
“หลินหยุน ครั้งนี้แกคงไม่โชคดีขนาดนั้นแล้ว!”
“ให้แกได้รู้ถึงจุดจบที่มาล่วงเกินฉัน”
มองดูเด็กวัยรุ่นสามสี่คนที่วิ่งขึ้นมา ยังไม่ทันรอให้หลินหยุนออกหมัด จู่ๆข้างกายก็มีเงาดำสาดมา หลังจากนั้นก็มีเสียงปังๆๆๆดังขึ้นมาสามสี่ครั้ง เด็กวัยรุ่นเหล่านั้นล้วนแต่ถูกยิงลงไปนอนกับพื้นเลย
เทพฟ้าผ่ายืนอยู่ข้างหน้าหลินหยุนและพวกด้วยใบหน้าที่ดูถูกเหยียดหยาม ร่างกายที่สูงใหญ่ราวกับภูเขายักษ์!
หลินหยุนขยับสายตา คิดไม่ถึงว่าเทพฟ้าผ่าจะระเบิดตัวตนเร็วขนาดนี้เพื่อเขา
แม้ว่าพวกเพื่อนๆร่วมหอพักของเขานี้ดูแล้วล้วนเป็นคนธรรมดา จริงๆแล้วก็คือคนธรรมดา แต่ว่า ตัวตนของพวกเขากลับว่าไม่ธรรมดา
เทพฟ้าผ่า ตัวตนที่แท้จริงคือคนของตระกูลบูโด
เมื่อชาติก่อนหลินหยุนก็เพิ่งมารู้ทีหลัง ในช่วงที่อยู่มหาวิทยาลัย เทพฟ้าผ่าปกปิดตัวตนที่แท้จริงของตัวเองมาโดยตลอด
แต่ชาตินี้ จู่ๆเทพฟ้าผ่าจะเปิดเผยเร็วขนาดนี้
หูเปียวมองไปยังเทพฟ้าผ่าอย่างประหลาดใจ เขารู้แค่ว่าพละกำลังของหลินหยุนยิ่งใหญ่มาก แต่คิดไม่ถึงว่าข้างกายของหลินหยุนจู่ๆจะมียอดฝีมือที่สุดยอดขนาดนี้
“ไอ้เด็กน้อย ถือว่านายเจ๋ง ไม่คาดคิดว่าข้างกายจะมียอดฝีมือที่สุดยอดขนาดนี้!แต่ว่าเรื่องระหว่างเรายังไม่จบ!”
พูดจบ หูเปียวก็กดโทรออกไป
เทพฟ้าผ่าอยากจะเข้าไปสกัดกั้นเขา กลับถูกหลินหยุนดึงไว้ข้างหลังแล้ว
จัดการพวกนักเลงแบบนี้ ต้องให้เขาเรียกกำลังเสริมมา แล้วต่อยตีพวกกำลังเสริมจนต้องซูฮกต่อหน้าของเขา
ทำแบบนี้ หูเปียวก็สงบเสงี่ยมเจียมตัวแล้ว ถ้าหากทำเพียงสั่งสอนตัวหูเปียวเอง ด้วยนิสัยของเขา ก็จะต้องคิดหาวิธีอื่นๆอีกมากมายมาแก้แค้น
เมื่อหูเปียวโทรศัพท์เสร็จ ก็มองไปยังหลินหยุนและพวกด้วยใบหน้าที่ยิ้มเยาะ
“ไอ้เด็กน้อย มีความกล้าก็อย่าหนีละ คุณท่านหลู่กำลังมาเดี๋ยวนี้ แม้ว่าบอดี้การ์ดข้างกายของนายจะต่อยเก่งมากแค่ไหน เขาสู้สิบคนได้ แต่จะสู้ห้าสิบคน หนึ่งร้อยคนได้หรือเปล่า?”
“เหอๆ ถึงตอนนั้นเหนื่อยก็คงจะทำให้เขาเหนื่อยตาย!”
เทพฟ้าผ่ายิ้มเยาะ “แกก็ลองดูได้นะ!”
เสิ่นหย่งและเถียนชุ่ยชุ่ยที่อยู่ไกล ใบหน้าตกตะลึง
“เลยเฉียงคนนี้สุดยอดขนาดนี้?ก่อนหน้านี้พวกเราดูถูกเขาเกินไปแล้ว” เสิ่นหย่งพูดอย่างคิดอะไรบางอย่างอยู่
เถียนชุ่ยชุ่ยเกลียดหลินหยุน ก็พลอยเกลียดคนข้างกายของหลินหยุนไปโดยปริยาย
“ก็แค่ร่างกายกำยำหน่อยไม่ใช่เหรอ?จะยอดเยี่ยมอะไรกัน อีกอย่าง ตอนนี้เป็นยุคเทคโนโลยี แม้ว่าเขาจะสู้ไหว แล้วจะสู้ลูกปืนได้เหรอ?”
อย่างรวดเร็ว เสียงรถตู้สองคันจอดข้างถนนดังเอี๊ยด
หลังจากนั้น คนยี่สิบกว่าบุกลงจากบนรถกันตุ๊บตั๊บๆ
“หูเปียว เขาล่ะ?”
นำทีมมาด้วยชายที่อายุราวๆสี่สิบกว่าปีหนึ่งคน น้ำเสียงกังวาน
หูเปียวชี้ไปยังหลินหยุน เอ่ยพูดด้วยท่าทางที่โหดเหี้ยมว่า “คุณท่านหลู่ ก็คือไอ้เด็กน้อยนั่น!”
กำลังเสริมที่หูเปียวเรียกมา ไม่ใช่คนอื่นไกล ก็คือหลู่สุ่ยเซิง
เดิมทีหลินหยุนคิดอยากจะปราบหูเปียว จะต้องออกแรงคิดวิธีหน่อย คิดไม่ถึงว่าพี่ใหญ่ของหูเปียวจะเป็นหลู่สุ่ยเซิง!
ในเวลานี้ก็น่าสนใจขึ้นแล้ว
“อยู่ไหน?” น้ำเสียงที่น่าเกรงขามของหลู่สุ่ยเซิง ชอบทำท่าทำทางให้ผู้อื่นเกิดความหวาดกลัว
หูเปียวชี้ไปยังหลินหยุนด้วยใบหน้าที่ดีอกดีใจ พูดอย่างโหดเหี้ยมว่า “คุณท่านหลู่ เป็นเขาครับ!”
จู่ๆหลู่สุ่ยเซิงถลึงตามองกว้าง อึ้งไปครู่ใหญ่ ถึงจะกลืนน้ำลายลงไปทันที
หูเปียวยังตะโกนพูดออกมาอย่างไม่รู้ที่ตายว่า “คุณท่านหลู่ ไอ้เด็กคนนี้หลงระเริงมาก พึ่งพายอดฝีมือที่อยู่ข้างกาย แม้แต่คนอย่างคุณก็ไม่เห็นอยู่ในสายตา ครั้งนี้คุณจะต้องสั่งสอนเขาให้ดีๆเลย!”