จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่182 งานศพของหานกั๋วเฉียง
ซูหนันขมวดคิ้ว ใบหน้าเผยแววหวาดกลัวออกมา ราวกับว่ากลัวที่จะนึกถึงความทรงจำเหล่านั้นมาก
“ทำไม ไม่กล้าพูดเหรอ ?” หลินหยุนท่าทางกึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้ม
สีหน้าของซูหนันค่อยๆจริงจังขึ้นมา ดวงตาฉายแววมุ่งมั่น
“คุณช่วยปลดปล่อยผม เป็นผู้มีพระคุณของผม ผมจะบอกทุกอย่างกับคุณเอง”
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ในที่สุดหลินหยุนก็เข้าใจเสียที
ที่แท้ซูหนันก็เป็นร้อยโทฝ่ายสำรวจทองคำ มีอยู่ครั้งหนึ่งตอนที่ออกไปสำรวจสุสานทางใต้ของยูนนาน แต่เขาดันหลงเข้าไปในถ้ำที่เหล่าพระสงฆ์กำลังปฏิบัติธรรมอยู่ แล้วเขาก็ถูกเศษเสี้ยววิญญาณของฮั่นป๋าเข้าสิงสู่
เจ้าเศษเสี้ยววิญญาณของฮั่นป๋าต้องการฟื้นฟูพลังจิต เลยเข้าควบคุมซูหนัน ก่อตั้งสำนักยินซือ เข่นฆ่าคนธรรมดา สะสมกำลังเพื่อฝึกฝน
ส่วนวิญญาณของฮั่นป๋าก็ดูดกลืนพลังจิตกับพลังชีวิตไปจากร่างของซูหนันผู้เป็นเจ้าของร่างทุกวัน ทำให้ซูหนันต้องเจ็บปวดแสนสาหัสทุกครั้งไป
ซูหนันขนาดอยากจะฆ่าตัวตายก็ยังทำไม่ได้ ช่างเป็นอะไรที่อยู่ก็ไม่ได้ ตายก็ไม่รอด
ดังนั้น การที่หลินหยุนกำจัดวิญญาณบรรพบุรุษฮั่นป๋า สำหรับซูหนันแล้ว ก็ถือว่าเป็นการช่วยชีวิตโดยแท้จริง
พอฟังจบแล้ว ความเย็นชาในแววตาของหลินหยุนก็ค่อยๆลดลง
มองดูซูหนัน แล้วหลินหยุนก็พูดออกมาเบาๆว่า “ต่อไปนายคอยติดตามฉันก็แล้วกัน !”
ซูหนันชะงักไปทันที ครั้งนี้เขาก่อเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ ฆ่าผู้มีอิทธิพลและผู้มีอำนาจไปหลายคน เดิมทีเขาคิดว่าปรมาจารย์หลินจะต้องไม่ปล่อยเขาไว้แน่ คิดไม่ถึงว่าหลินหยุนไม่เพียงจะไม่ฆ่าเขา แต่ยังจะรับดูแลเขาด้วย
“ครับ !” ซูหนันไม่ได้กล่าวคำขอบคุณมากมายกว่านั้น เพียงแค่ตอบรับไปคำเดียวเท่านั้น
แต่ หลินหยุนก็รู้ว่า คำเพียงคำเดียวนี้ มันหนักแน่นยิ่งกว่าคำปฏิญาณใดๆ
หลินหยุนพยักหน้า แล้วหันไปมองศิษย์ของสำนักยินซือเหล่านั้น
ซูหนันมีสายเลือดพิเศษ เขามีประโยชน์มาก แต่ สิ่งนี้สำหรับหลินหยุนแล้ว ก็ช่างไร้ประโยชน์เสียจริงๆ
“ยอมจำนน หรือตาย !” หลินหยุนเอ่ยเบาๆ
ศิษย์หลายคนของสำนักยินซือ ตกใจจนตัวสั่นเทา แล้วรีบโค้งคำนับทันที “พวกเราเต็มใจติดตามท่านปรมาจารย์หลิน บุกน้ำลุยไฟ ทุกทั่วสารทิศ !”
เจ้าสำนักยอมจำนนแล้ว พวกเขายังจะพูดอะไรได้อีก ?
หลินหยุนมอบยาปฐมภูมิให้ซูหนันเม็ดหนึ่ง แล้วพูดว่า “รักษาตัวให้หายดีแล้วค่อยมาหาฉัน”
ซูหนันรับยาปฐมภูมิมา แล้วกล่าวขอบคุณ
หลินหยุนกวาดสายตาไปมองพวกผู้มีอิทธิพลทั้งหลายที่ยืนอยู่ข้างๆด้วยสีหน้าหวาดหวั่น
“พวกคุณจะสู้กันต่อไหม ?”
ผู้มีอิทธิพลต่างก็ก้มหน้าลงต่ำ สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ไม่ ไม่กล้าครับ ! พวกผมขอยอมจำนน ขอทำตามที่ปรมาจารย์หลินสั่งการครับ”
หลินหยุนหันไปมองทางควีนจิน ควีนจินเองก็โค้งคำนับให้เขา “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป มณฑลหลิงหนานจะขอภักดีต่อปรมาจารย์หลิน !”
หลินหยุนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตอบเบาๆว่า “ดี”
……
หลังจากผ่านไปวันหนึ่ง ผืนแผ่นดินมณฑลหลิงหนานก็กลับสู่ความสงบสุข
หลินหยุนโยนความรับผิดชอบ ส่งมอบซูหนันให้ไปอยู่ในความดูแลของควีนจิน
พวกผู้มีอิทธิพลที่ตายไปจากการสู้รบ จำเป็นต้องเลือกคนใหม่ขึ้นมารับตำแหน่งแทน ส่วนพวกลูกน้องเหล่านั้น ก็ต้องแจกจ่ายค่าบำเหน็จบำนาญให้
ตอนนี้เองหลินหยุนถึงได้รู้ว่า ท่านหานกั๋วเฉียงของเมืองลี่ชวนเอง ก็ตายในการต่อสู้ด้วย
ถึงแม้หลินหยุนจะไม่ค่อยชอบหานกั๋วเฉียงนัก แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เขาก็เป็นลุงแท้ๆของอีหลิง
หลินหยุนตั้งใจไปหาควีนจินโดยเฉพาะ เมื่อมอบหมายอย่างหนึ่ง “งานศพของหานกั๋วเฉียง ช่วยจัดให้ยิ่งใหญ่หน่อยนะ”
ด้วยกำลังของควีนจินแล้ว ก็ต้องตรวจสอบเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างหลินหยุนกับอีหลิงหลานสาวหานกั๋วเฉียงมาเรียบร้อยแล้วเป็นธรรมดา แน่นอนว่าย่อมเข้าใจดีว่าควรจะทำอย่างไร
“ท่านปรมาจารย์หลินโปรดวางใจเถอะ !”
งานศพของหานกั๋วเฉียงถูกกำหนดไว้เป็นสามวันหลังจากนั้น หลินหยุนไม่ได้กลับไปที่โรงเรียน แต่กลับไปที่คฤหาสน์ตึกว่างเยว่
ขณะนี้ ชี่ทิพย์ของทั่วทั้งทะเลสาบเยว่หยา ยิ่งเข้มข้นขึ้นกว่าเดิมแล้ว
โดยเฉพาะตึกว่างเยว่
หลินหยุนเก็บตัวฝึกวิชาทันที วิชายิงตะวันผลาญพลังทิพย์เป็นจำนวนมาก หลังจากที่หลินหยุนกำจัดวิญญาณบรรพบุรุษฮั่นป๋าภายในศรเดียวแล้ว พละกำลังภายในร่างกายก็เหลืออยู่เพียงยี่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น
ตอนนี้ จำเป็นต้องรีบฟื้นฟูกำลังให้เร็วที่สุด
จนอีกสามวันหลังจากนั้น หลินหยุนถึงเสร็จสิ้นการฝึกฝน แล้วไปเข้าร่วมงานศพของหานกั๋วเฉียง
“ฉันจำได้ว่าตอนที่อีหลิงอยู่ที่เมืองหลินโจวเธอพักอยู่ที่บ้านของคุณลุงสินะ ครั้งนี้ เธอคงจะเสียใจมาก !”
ที่หลินหยุนไปเข้าร่วมงานศพของหานกั๋วเฉียงในครั้งนี้ เป้าหมายหลักก็คือ ไปปลอบใจอีหลิง
เมืองลี่ชวน กับเมืองหลินโจวนั้นอยู่ติดกัน ต่างก็ถือเป็นสี่เมืองของทิศใต้
เดิมทีกำลังเรียนอยู่ที่สถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์หลินโจว แต่สองวันก่อนจู่ๆคุณแม่ของเธอก็โทรเรียกเธอกลับมา ภายในโทรศัพท์ อีหลิงก็ได้ยินข่าวที่ว่าหานกั๋วเฉียงเสียชีวิตแล้ว
อีหลิงเป็นลูกสาวนอกสมรส เธอกับแม่ของเธออาศัยอยู่ที่บ้านของคุณลุงมาตลอด แน่นอนว่า คุณลุงรักใคร่เอ็นดูเธอยิ่งกว่าลูกชายแท้ๆของตัวเองเสียอีก
พอได้ยินข่าวการตายของหานกั๋วเฉียงแล้ว อีหลิงจิตใจแตกสลาย และน้ำตาไหลอาบแก้มทันที
พอกลับไปที่ตระกูลหาน ศาลาไว้ทุกข์ก็ถูกสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว อยู่ในบริเวณคฤหาสน์ตระกูลหาน
คุณแม่หานหรูแต่ตัวด้วยชุดธรรมดา เกาะอยู่ที่โลงศพแล้วร้องไห้มาสองวันสองคืนแล้ว ไม่ออกห่างจากศาลาไว้ทุกข์เลยแม้แต่ก้าวเดียว
แต่ว่า คุณป้ากับพี่ชายกลับไม่มีใครเข้ามาห้ามเลย
มีเพียงข่งอู่ลูกน้องของหานกั๋วเฉียงเท่านั้น ที่เข้ามากล่าวเกลี้ยกล่อมอยู่หลายครั้ง
หลังจากที่อีหลิงกลับมาแล้ว ก็เปลี่ยนเป็นชุดไว้ทุกข์
โบราณว่าไว้ ลูกสาวที่น่ารักน่าเอ็นดู จะต้องสวมชุดสีขาว
เดิมทีอีหลิงก็เป็นดาวโรงเรียนอยู่แล้ว งดงามหาใครเปรียบ บวกกับชุดไว้ทุกข์แล้ว(ในจีน ชุดไว้ทุกข์เป็นสีขาว) ใบหน้าเล็กๆงดงามราวดอกไม้ ยิ่งสวยตื่นตาตื่นใจ
หลังจากอีหลิงทำการเคารพศพคุณลุงแล้ว ก็มองไปทางคุณแม่ที่ขอบตาบวมแดง ก่อนเกลี้ยกล่อมว่า “คุณแม่คะ แม่ไปทานข้าวก่อนเถอะค่ะ แม่ทำแบบนี้ร่างกายจะทนไหวได้ยังไง ถ้าคุณลุงยังอยู่ คงไม่อยากเห็นคุณแม่เป็นแบบนี้แน่ !”
คุณป้าของอีหลิงเดินเข้ามาพอดี พอได้ยินเข้าก็ทำเสียงเย็นในลำคอทีหนึ่ง “กินข้าวอะไร ! ตอนมีชีวิตลุงของเธอดูแลพวกเธอสองแม่ลูกขนาดนั้น ตอนนี้เขาไม่อยู่แล้ว ถ้าพวกเธอสองแม่ลูกไม่คุกเข่าตรงหน้าหลุมศพสามวันสามคืน จะคู่ควรกับสิ่งที่ลุงเธอมอบให้เหรอ !”
อีหลิงกัดริมฝีปาก มองไปทางคุณป้าอย่างเย็นชา แต่คุณป้าของเธอกลับทำสีหน้าดูแคลนอย่างไม่ปิดบัง
ตอนที่คุณลุงยังอยู่ คุณป้าของเธอคนนี้ก็เอาแต่คอยเป่าหูยุยง ให้หานกั๋วเฉียงขับไล่อีหลิงสองแม่ลูกออกไป
แต่ว่า ก็ถูกคุณลุงตำหนิอยู่หลายครั้ง เลยไม่กล้าพูดอะไรอีก
แต่ว่า เมล็ดพันธุ์ของความแค้นกลับยิ่งเติบโตขึ้น
ตอนนี้ หานกั๋วเฉียงไม่อยู่แล้ว คุณป้าเองก็ไม่จำเป็นต้องเก็บซ่อนความเกลียดชังต่อพวกเธอสองแม่ลูกอีกต่อไป ถึงขั้นอยากจะให้พวกเธอทั้งสองแม่ลูกตายตามคุณลุงไปเลยด้วยซ้ำ
ในใจของอีหลิงเย็นยะเยือกไปหมด คุณลุงเพิ่งจะจากไป ตอนนี้ขนาดเสแสร้งก็ยังขี้เกียจทำเลยเหรอ ?
“คุณป้าคะ คุณแม่ของฉันไม่ได้หลับไม่ได้นอนมาสองวันสองคืนแล้ว ไม่กินไม่ดื่ม ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ร่างกายของแม่จะทนไหวได้ยังไงคะ ?”
“ขอร้องล่ะค่ะคุณป้า ช่วยกล่อมคุณแม่ทีเถอะค่ะ ! ถ้าหากคุณลุงยังอยู่ เขาจะต้องไม่มีทางยืนดูอยู่เฉยๆแน่”
ถึงแม้จะรู้อยู่แล้วว่าคุณป้านั้นไม่ชอบตัวเองกับคุณแม่ แต่อีหลิงกลับไม่กล้าบ่นอะไรเลยแม้แต่คำเดียว ทำได้ขอร้องทั้งน้ำตา หวังว่าคุณป้าของเธอคนนี้จะพอมีความเป็นมนุษย์อยู่บ้าง”
เพราะอย่างไรก็ตาม ตอนนี้คุณลุงก็ไม่อยู่แล้ว ต่อไปหากพวกเธอจะอยู่ที่บ้านคุณลุงต่อ ก็จำเป็นต้องดูสีหน้าของคุณป้า
แต่ว่า พอคุณป้าได้ยินคำพูดนั้นแล้ว สีหน้าก็ย่ำแย่ขึ้นมาทันที แล้วด่ากราดออกมาว่า “ทั้งหมดก็เพราะพวกตัวซวยอย่างพวกเธอนั่นแหละ ที่ทำให้คุณลุงของเธอต้องตาย ถ้าตาแก่หานกั๋วเฉียงนั่นฟังคำพูดของฉันตั้งแต่แรก ให้ไล่พวกเธอสองคนออกไป เขาก็คงไม่ตายเร็วขนาดนี้หรอก !”
อีหลิงมองคุณป้าคนนี้ที่ปกติจะอ่อนโยนและสุภาพด้วยสีหน้าตื่นตกใจ ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าคำพูดโหดร้ายแบบนั้นจะออกมาจากปากของเธอ
อีหลิงรู้ดีว่า การขอร้องคุณป้าของเธอนั้นไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ทำได้แค่หันไปกล่อมคุณแม่ของเธอต่อ “แม่คะ คุณแม่มองหนูสิ หนูคืออีหลิงไงคะ !”
หานหรูขยับตัว แล้วหันมามองอีหลิงทีหนึ่ง
ทันใดนั้น ภาพตรงหน้าก็มืดไป เป็นลมล้มพับไปทันที ทรมานตัวเองมาตลอดสองวันสองคืน ในที่สุดผู้หญิงคนนี้ก็ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว
“คุณแม่คะ !”
อีหลิงตื่นตกใจ ทำได้แค่หันไปขอร้องคุณป้าของเธออีกครั้ง “คุณป้าคะ คุณหมอซุนอยู่ไหมคะ ? คุณป้ารีบเรียกเขามาช่วยคุณแม่ของฉันหน่อยค่ะ !”
คุณป้าทำหน้ารังเกียจ แล้วสะบัดแขนของอีหลิงออก แล้วตะคอกอย่างเย็นชาว่า “คุณหมอซุนไม่อยู่ ถ้าจะตายก็ให้เธอไปตายไกลๆหน่อย อย่ามาตายในบ้าน น่ารังเกียจ !”
มองดูคุณป้าของเธอที่เดินจากไปโดยไม่หันมามอง สีหน้าของอีหลิงก็สิ้นหวังทันที “คุณแม่ แม่คะ แม่ตื่นสิคะ……”
หลังจากคุณป้าจากไปแล้ว ข่งอู่ที่เฝ้าอยู่หน้าประตูก็ทนดูต่อไปไม่ไหว รีบก้าวเข้ามาแล้วพูดว่า “คุณอีหลิง รีบพาคุณแม่ของคุณกลับไปที่ห้องนอนก่อนเถอะ เดี๋ยวผมพาคุณไปหาคุณหมอเอง”