จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่361 ความจัญไรของเจิ้งหยาง
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ชั้น 3 ห้องสำนักงานรองหัวหน้า
เจิ้งหยางกับเยนเป่ยเฟยและส้งหัวอันทั้งสามคน กำลังพูดคุยและหัวเราะ
“ท่านประธานส้ง ถ้าคราวนี้สามารถทำให้บริษัทตงหวางกรุ๊ปล่มสลาย บริษัทหัวอันกรุ๊ปของคุณ จะต้องฉวยโอกาสทำลายล้างบริษัทตงหวางกรุ๊ป!” เยนเป่ยเฟยพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
ส้งหัวอันให้คำมั่นสัญญาที่แน่วแน่ “คุณเยนวางใจ เงินทุนส่วนใหญ่ของบริษัทตงหวางกรุ๊ปนำไปลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจร้านอาหาร หากครั้งนี้สามารถทำให้ธุรกิจร้านอาหารของเธอล่มสลาย มันก็เปรียบได้กับทำให้บริษัทตงหวางกรุ๊ปล่มสลาย”
ในขณะนี้เอง ประตูห้องก็ถูกถีบออก
หวางซูเฟินมีใบหน้าเย็นชา พาหลินหยุนกับฉินหลันและหมอจ้าวเป่าหัวที่จ้างมาเป็นพิเศษ ยืนอยู่หน้าประตู จ้องมองคนสามคนในห้อง และพูดเยาะเย้ย “ท่านประธานส้ง วางแผนได้ดีนะ!”
“เจิ้งหยาง นี่คือการประชุมที่นายพูดถึงเเหรอประชุมว่าจะทำยังไงให้บริษัทตงหวางกรุ๊ปของฉันล่มสลายใช่ไหม?”
หวางซูเฟินระงับความโกรธไว้ น้ำเสียงเย็นชาจนทำให้ผู้คนใจสั่น
นี่……
มีคนสามคนอยู่ในห้อง สีหน้าแย่ พวกเขาไม่คาดคิดว่าหวางซูเฟินจะใจกล้าได้ขนาดนี้ มาที่สำนักงานชั้นสามโดยตรง
นอกจากนี้การสนทนาเมื่อกี้ ส่วนใหญ่หวางซูเฟินก็ได้ยินแล้ว
เจิ้งหยางคนเจ้าเล่ห์ คนร้ายรีบฟ้องร้องก่อน และพูดอย่างเยาะเย้ย “ท่านประธานหวางอารมณ์ร้ายจริงๆ แม้แต่ประตูสำนักงานฉันยังกล้าถีบ ไม่น่าแปลกใจที่ร้านอาหารของคุณ กล้าโฆษณาชวนเชื่อ ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่มีใบอนุญาต ทั้งหมดนี้คงได้รับอิทธิพลมาจากท่านประธานใช่ไหม!”
ปฏิกิริยาของเจิ้งหยาง อยู่ในการคาดเดาของหวางซูเฟิน ดังนั้นหวางซูเฟินถูกเขาแว้งกัด จึงไม่น่าแปลกใจ
อย่างไรก็ตาม ฉินหลันอายุยังน้อยยังไม่ค่อยรู้ความ ไม่สามารถทนต่อการพูดจากลับกลอกของเจิ้งหยาง และพูดอย่างเย็นชาทันที “พวกคุณปิดประตูเพื่อวางแผนจะโค่นล้มบริษัทตงหวางกรุ๊ปของเรา เมื่อกี้อยู่ด้านนอกพวกเราได้ยินอย่างชัดเจน พูดว่าโฆษณาชวนเชื่อประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่มีใบอนุญาต เห็นได้ชัดว่าพวกคุณรวมหัวกันทำเรื่องชั่วร้าย จงใจใส่ร้ายบริษัทตงหวางกรุ๊ปของเรา!”
หลินหยุนเหลือบมองทั้งสามคน ไร้ความรู้สึก สายตามีความเย็นชา
เจิ้งหยางยิ้มเยาะเย้ยทันที มองไปที่ฉินหลันด้วยสีหน้าเคร่งขรึม และพูดด้วยน้ำเสียงข่มขู่ “สาวน้อย ข้าวกินอะไรก็ได้ แต่คำพูดนี่พูดมั่วๆไม่ได้?”
“คุณบอกว่าเราให้ร้ายบริษัทตงหวางกรุ๊ป มีหลักฐานไหม?”
“เห็นได้ชัดว่าบริษัทตงหวางกรุ๊ปโฆษณาชวนเชื่อ ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่มีใบอนุญาต และไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้บริโภค พวกเราปฏิบัติตามกระบวนการที่เป็นทางการในการตรวจสอบวัตถุดิบของคุณ แต่คุณกลับวิ่งมาที่สำนักงานของฉันเพื่อพูดเรื่องไร้สาระ เชื่อหรือไม่ตอนนี้ฉันสามารถฟ้องคุณหมิ่นประมาทได้!”
“แก จัญไร!” ฉินหลันโกรธจนพูดไม่ออก ถ้าเทียบความจัญไร ฉินหลันเทียบไม่ได้กับคนที่รอบจัดอย่างเจิ้งหยาง
หวางซูเฟินยิ้มเยาะเย้ยและพูดว่า “เจิ้งหยาง คุณบอกว่าพวกเราโฆษณาชวนเชื่อ แล้วหลักฐานล่ะ? มีคนมากมายที่กินวัตถุดิบของพวกเราแล้วว่าดี มีแต่คุณที่พูดว่ามันเป็นเรื่องเท็จ”
ที่คุณบอกว่าพวกเราประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่มีใบอนุญาต ก่อนอื่นเราไม่เคยทำการรักษา สิ่งที่เราทำคืออาหาร วัตถุดิบที่พวกเราแนะนำเรียกว่าซุปยาจีนเพื่อสุขภาพ คนข้างกายฉันท่านนี้คือจ้าวเป่าหัวแพทย์พิเศษที่บริษัทตงหวางกรุ๊ปเชิญมา วัตถุดิบทั้งหมดของเราต้องผ่านการตรวจสอบและอนุมัติจากเขา ถ้าจะพูดว่าประกอบอาชีพเวชกรรมโดยไม่มีใบอนุญาต มันเป็นการพูดที่ไม่มีมูล”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเจิ้งหยางไม่เปลี่ยน และพูดกลับกลอก “ท่านประธานหวาง ฉันก็รู้ว่าไม่มีหลักฐาน ทั้งสองข้อนี้คงไม่อยู่ ไม่อย่างนั้น คุณคิดว่าคุณยังสามารถมายืนทะเลาะกับฉันตรงนี้ได้เเหรอคุณคงได้เข้าไปดื่มชาอยู่ที่สถานีตำรวจแล้ว!”
หวางซู่เฟินยิ้มเยาะเย้ย “ถ้าอย่างนั้นแผ่นปิดกิจการของพวกคุณจะรื้อออกเมื่อไหร่?”
เจิ้งหยางหัวเราะและพูดว่า “ท่านประธานหวาง พวกเราไม่ใช่เด็กๆกันแล้ว แม้ว่าทั้งสองข้อหานั้นจะคงไม่อยู่ แต่มีคนร้องเรียนว่าวัตถุดิบของพวกคุณมีพิษ พวกเราก็ต้องตรวจสอบวัตถุดิบของพวกคุณใช่ไหม?”
ทันใดนั้นใบหน้าของเจิ้งหยางก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที และพูดว่า “เมื่อผลการตรวจสอบผ่าน ฉันจะไปเอาแผ่นปิดกิจการของพวกคุณออกเอง!”
หวางซูเฟินพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ตกลง ฉันจะร่วมมือกับพวกคุณในการตรวจสอบ แต่ผลการตรวจสอบของพวกคุณล่าช้ามาสามวันแล้วและผลยังไม่ออกมา ในสามวันนี้ส่งผลทำให้ธุรกิจของพวกเราเสียหาย ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ! นอกจากนี้ วันนี้พวกเรามาพูดกันอย่างเปิดอกกันดีกว่า เจิ้งหยาง ผลการตรวจสอบของพวกคุณ เมื่อไหร่จะออกมา?”
“วันนี้ คุณต้องให้คำตอบที่ถูกต้องกับฉัน!”
เจิ้งหยางมีสีหน้าเหยียดหยามและพูดเยาะเย้ย “ท่านประธานหวาง การตรวจสอบมีขั้นตอนที่ซับซ้อนมาก นับประสาอะไรกับแค่สามวัน ใช้เวลาสามปีอาจตรวจสอบไม่เสร็จสมบูรณ์ ฉันไม่สามารถที่จะให้เวลาที่แน่ชัดแก่คุณได้”
“ยังมีเรื่องค่าชดเชยที่คุณพูดถึงอีก นี่เป็นปัญหาเกี่ยวกับวัตถุดิบของพวกคุณเอง และถูกคนร้องเรียน พวกคุณต้องรับผิดชอบเอง มันจะไปเกี่ยวอะไรกับพวกเรา?”
ถ้าไม่มีเยนเป่ยเฟยที่คอยวางแผนกันทำเรื่องชั่วร้าย คนอย่างเจิ้งหยางไม่มีทางที่จะมารุกรานหวางซูเฟิน ต้องเข้าใจว่าหวางซูเฟินเป็นถึงประธานบริษัทที่มีค่าตัวมูลค่าหลายพันล้าน ที่มีพลังอำนาจไม่น้อย
อย่างไรก็ตาม เพื่อการฝึกบู๊ เพื่อรุ่นลูกหลานของเจิ้งหยางที่จะกลายเป็นนักบู๊ แม้ว่าจะต้องตายโดยไม่มีที่ฝังศพ เขาก็ยอม
หวางซูเฟินโกรธจนใบหน้าซีดเซียว เธอไม่กลัวว่าเจิ้งหยางจะใส่ร้ายป้ายสีเธอ และไม่กลัวที่จะถูกตระกูลส้งใส่ร้าย เพราะเธอเป็นคนซื่อสัตย์เสมอ เมื่อทำงานซื่อสัตย์สุจริตก็ไม่ต้องกลัวอะไร
เพียงแต่ว่า เธอกลัวว่าเจิ้งหยางจะเล่นโกง ถ้าเจิ้งหยางตัดสินใจจะดึงเธอให้จมดิ่ง เธอก็ไม่มีวิธีแก้ไขใดๆ!
แม้ว่าจะแจ้งไปยังหัวหน้าระดับสูงของเจิ้งหยาง เจิ้งหยางยังคงใช้ข้ออ้าง ใครจะไปรู้ว่าผลตรวจสอบของเขาต้องรออีกนานแค่ไหน?
ตอนนี้สำหรับบริษัทตงหวางกรุ๊ปถ้าล่าช้าไปทุกหนึ่งนาที จะขาดทุนจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับวัตถุดิบเหล่านั้น อายุการเก็บรักษามีไม่กี่วัน
เมื่อหมดอายุ ก็ต้องทิ้ง
หากไม่มีทางอื่น หวางซูเฟินทำได้เพียงฝ่าฝืนหลักการ หาคนที่มีเส้นสายเพื่อจะทำให้เจิ้งหยางยอมจำนน
“ท่านประธานหวาง หรือว่าให้ฉันช่วยคุณจัดการกับคนชั้นต่ำเหล่านี้?” หลินหยุนอยู่ข้างหลัง ทนไม่ได้ที่จะเห็นแม่ของเขาถูกคนชั้นต่ำเช่นนี้หาเรื่อง ก็เลยพูดออกมา
หวางซูเฟินเหลือบมองหลินหยุน ขมวดคิ้วและพูดว่า “ไม่ต้อง ฉันมีวิธี! ไปกันเถอะ พวกเรากลับไปกันก่อน!”
ทางแก้ปัญหาของหลินหยุน หวางซูเฟินเดาได้แล้ว คงต้องแก้โดยการใช้กำลัง
ด้วยวิธีนี้ แม้ว่าบริษัทตงหวางกรุ๊ปจะมีเหตุผล มันก็จะกลายเป็นไร้เหตุผล
อีกอย่างแม้ว่าเจิ้งหยางจะไร้ยางอาย แต่เขาก็ยังคงเป็นเจ้าหน้าที่รัฐของจีน หากหลินหยุนลงมือกับเขา เจ้าหน้าที่รัฐของจีนจะเพิกเฉยได้อย่างไร?
ในความเป็นจริงหวางซูเฟินประเมินค่าหลินหยุนต่ำไป การแก้ปัญหาของหลินหยุนในครั้งนี้ ไม่ใช่การต่อสู้ แต่เป็นการฆ่าคน
เขามีวิธีการมากมาย ที่จะฆ่าเจิ้งหยางอย่างเงียบๆ และแม้แต่แพทย์นิติเวชที่มีความเชี่ยวชาญมากที่สุดก็ไม่สามารถหาสาเหตุการตายได้
แต่เนื่องจากแม่ของเขาไม่ต้องการให้เขาลงมือ หลินหยุนจึงทำได้เพียงอดกลั้นไว้
เมื่อมองดูหวางซูเฟินพาผู้คนออกไป เจิ้งหยางยิ้มอย่างมีชัย “ท่านประธานหวาง ค่อยๆไป ไม่ส่งล่ะ!”
เยนเป่ยเฟยกับส้งหัวอันหัวเราะเยาะอย่างมีชัย ในช่วงเวลานี้ที่พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับหวางซูเฟิน ได้รับความทุกข์ลำบากมากมาย และคราวนี้ในที่สุดก็ได้เปรียบ
“เจิ้งหยาง นายนี่มันสุดยอดจริงๆ!” เยนเป่ยเฟยยิ้มอย่างมีความสุข
เรื่องเล็กน้อย แม้ว่าบริษัทตงหวางกรุ๊ปจะมีธุรกิจใหญ่ แต่เมื่อมาถึงตรงที่ฉัน แม้เธอจะเป็นมังกรก็ต้องยอมเพื่อฉัน และถ้าเป็นเสือก็ต้องหมอบ!” เจิ้งหยางลำพองตน จนเหมือนได้ขึ้นไปบนท้องฟ้า
เมื่อหวางซูเฟินพวกเขาทั้งสามคนมาถึงห้องโถงสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ฉินหลันดูมีสีหน้าไม่พอใจ และถามว่า “ท่านประธาน พวกเราเป็นบริษัทตงหวางกรุ๊ปที่ใหญ่มาก หรือจะถูกทำลายด้วยน้ำมือคนแซ่เจิ้งเหรอ?”
ท่านหลิวและหลิวจื่อหานที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องโถง บังเอิญได้ยินคำบ่นของฉินหลัน
ทันใดนั้นท่านหลิวก็เดินไปข้างหน้าทันที และถามอย่างอ่อนโยน “ขอโทษนะ พวกคุณคนไหนที่เป็นประธานบริษัทตงหวางกรุ๊ป?”