จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่417 ก็ยังหลงกลอยู่ดี
“ฮ่าๆ!”
กลุ่มคนที่อยู่รอบๆ พอได้ยินประโยคของหลินหยุน กลั้นไม่ไหวจนหัวเราะออกมา
“เจ้าเด็กนี้ช่างอวดดีซะจริงๆ แม้แต่มู่ชิงซานก็ยังไม่อยู่ในสายตาของเขา”
“วัยรุ่นที่ไม่รู้อะไรย่อมไม่กลัวใครอยู่แล้ว ก็แค่ไม่รู้ว่าเป็นคุณชายจากบ้านไหนกันที่แอบหนีออกมา!”
“คุณชาย?ฮ่าๆ ลองเบิกตาแกดูให้ชัดๆสิ คุณชายบ้านแกสวมชุดราคาหลักร้อยทั่วๆไปรึไง?”
“คิดว่าก็คงจะเป็นสิบแปดมงกุฎที่เดินทางไปที่ต่างๆล่ะมั้ง!”
“อืม มีความเป็นไปได้สูง!”
พอได้ยินความคิดเห็นของคนอื่นที่มีต่อหลินหยุน มู่ชิงซานเองก็โกรธจนหน้าถอดสี แต่ว่า มู่ชิงซานเป็นคนที่เห็นอะไรมามากกว่าคนอื่น จับใจความคำพูดสุดท้ายของหลินหยุนได้อย่างรวดเร็ว
“เขาบอกว่าตระกูลมู่ของฉันจะได้ไม่ต้องเข้าไปหลงกลแผนร้ายของคนอื่น?”
“คำพูดนี้เขาแค่พูดออกมาลอยๆ หรือว่าเขารู้อะไรมากันแน่?”
มู่ชิงซานระงับความโกรธที่อยู่ในใจ สังเกตหลินหยุนอย่างละเอียด แต่ว่า ไม่ว่าจะดูยังไงหลินหยุนก็เป็นแค่ชายหนุ่มธรรมดา ไม่เหมือนคนที่รู้ข่าววงในสักนิด
แต่ว่าใบหน้าของมู่ชิงซานดูสับสน หม่าเสี่ยวหลงที่อยู่ข้างๆเริ่มร้อนรนในใจ “แย่ล่ะ มู่ชิงซานคงจะไม่เชื่อคำพูดของเจ้าหมอนี้จริงๆหรอกใช่ไหม?”
พอเห็นมู่ชิงซานที่ใกล้จะหลงกลแล้ว ในเวลาแบบนี้จะทำให้เสียงานไม่ได้เด็ดขาด
หม่าเสี่ยวหลงพูดด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา “เจ้าหนุ่ม แกรู้ชื่อเสียงของบริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปหรือเปล่า? แกต้องการจะเป็นผู้ช่วยชีวิตของบริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปงั้นเหรอ แกกำลังดูถูกบริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปอยู่งั้นเหรอ!”
มู่เฉิงที่อยู่ข้างๆกลับมองหลินหยุนด้วยความสนใจ เขารู้สึกว่าชายหนุ่มที่จู่ๆก็มาปรากฏตัวตรงหน้า ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมาก ราวกับว่าเคยเจอในความฝัน แต่บอกไม่ได้ว่าเคยเจอเขาที่ไหน
มู่ชิงซานไม่อยากสนใจคำพูดลอยๆของหลินหยุน เขาตัดสินว่าหลินหยุนไม่มีทางที่จะรู้ข่าววงในอย่างแน่นอน มีความเป็นไปได้ว่าสูงว่าจะมีเจตนาร้าย
“เจ้าหนุ่ม ฉันไม่สนว่าคุณเป็นใคร มีเป้าหมายอะไรกันแน่ ถ้าเกิดยังมีมู่ชิงซานคนนี้อยู่ ตระกูลมู่ของฉันยังไม่ถึงกลับต้องให้คนอื่นเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย!”
คำพูดนี้ก็เท่ากับไล่แขกแล้ว
ทันใดนั้นมู่เฉิงก็พูดโน้มน้าว “พ่อ ผมรู้สึกว่าคนคนนี้ไม่ได้มีเจตนาร้าย บางทีเขาอาจจะไม่รู้อำนาจตระกูลมู่ของพวกเรา ถึงได้พูดประโยคแบบนั้นออกมา!”
พอพูดจบ มู่เฉิงก็หันไปยิ้มให้กับหลินหยุน “สหาย ขอบคุณความหวังดีของคุณ แต่ว่าในอำเภอจีหมิงแห่งนี้ ยังไม่มีใครที่จะสามารถทำอะไรบริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปของพวกเราได้!”
หลินหยุนยิ้มอย่างมีเลศนัย “บางทีอันตรายนี้อาจจะมาจากที่อื่น อย่างเช่น หลินโจว!”
มู่เฉิงอึ้งไปเลย มู่ชิงซานเองก็ขมวดคิ้ว
บริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปในอำเภอจีหมิง จริงอยู่ที่ไม่มีใครสามารถทำให้สั่นคลอนได้ ต่อให้เป็นบริษัทซี่ไห่กรุ๊ปก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แต่ว่า ถ้าเกิดเป็นศัตรูที่มาจากหลินโจว งั้นบริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปก็ตกอยู่ในอันตรายจริงๆแล้ว
สีหน้าของหม่าเสี่ยวหลงเปลี่ยนในทันที แต่ก็สามารถฟื้นกลับไปได้อย่างรวดเร็ว
“เจ้าหมอนี้บอกว่าหลินโจว หรือว่าเขาจะรู้อะไรมาจริงๆ!”
“ไม่ได้การแล้ว จะปล่อยให้เขาพูดมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว!”
จู่ๆหม่าเสี่ยวหลงก็หัวเราะเยาะออกมา “เจ้าหนุ่ม แกพูดจาน่าสนใจจริงๆ บริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปเติบโตมานับสิบปี ด้วยไม่มีปัญหาอะไร ทำไมอยู่ดีๆคนจากหลินโจวถึงต้องมาต่อกรกับบริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปด้วยล่ะ?”
“แกเอาแต่พูดจาไร้สาระมาโดยตลอด ต้องการจะทำอะไรกันแน่?”
มู่เฉิงเองก็รู้สึกว่าหม่าเสี่ยวหลงพูดถูก หลายสิบปีมานี้บริษัทยักษ์ใหญ่จากหลินโจวไม่เคยสนใจบริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปมาก่อน ทำไมอยู่ดีๆถึงโดนเพ่งเล็งล่ะ?
แต่ว่า ไม่ว่าจะยังไงเขาก็ไม่ได้รู้สึกโมโหหลินหยุนแม้แต่น้อย
“สหาย ขอรับความหวังดีเอาไว้ คุณออกไปก่อนเถอะ!”
หลินหยุนรู้แต่แรกแล้วว่าต้องลงเอยแบบนี้ จากที่เขารู้จักพ่อลูกตระกูลมู่มา พวกเขาไม่มีทางเชื่อคนแปลกหน้าง่ายๆอยู่แล้ว
แต่ว่าเขาไม่สามารถยืนดูอยู่เฉยๆได้จริงๆ ออกมาเตือนมู่เฉิงสักเล็กน้อย ก็ถือว่าเขาไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรแล้ว
“ระวังคนใกล้ตัวของคุณให้ดีๆ”
สุดท้าย หลินหยุนมองหม่าเสี่ยวหลงแวบหนึ่ง จากนั้นก็เดินออกไป
หม่าเสี่ยวหลงรู้สึกเสียวสันหลัง วินาทีที่ถูกหลินหยุนจ้อง จู่ๆก็รู้สึกขนลุกด้วยความหวาดกลัว
“แย่ล่ะ เจ้าเด็กนี้จะต้องรู้อะไรอย่างแน่นอน!”
มู่เฉิงมองหม่าเสี่ยวหลงด้วยความสงสัย ตอนนี้เขาเชื่อใจหม่าเสี่ยวหลงเป็นอย่างมาก ไม่ได้คิดในแง่ลบสักนิด
“เจ้าหมอนี้ แปลกคนจริงๆ!”
มู่เฉิงมองไปยังมู่ชิงซาน แล้วถามว่า “พ่อ ยังต้องการเพิ่มอีกไหม?”
มู่ชิงซานเองก็เก็บความคิดทั้งหมด ถึงแม้เขาจะคิดเยอะกว่ามู่เฉิง แต่สำหรับที่ดินผืนนี้ เขาจะต้องเอามาให้ได้
แต่ว่า หกสิบล้านก็เป็นขีดจัดการที่บริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปจะรับไหวแล้ว
“เพิ่มอีกหนึ่งล้าน!” มู่ชิงซานพูด
“ได้!”
มู่เฉิงยกป้ายขึ้นมา ตะโกนออกไปด้วยสีหน้าที่โล่งอก “หกสิบเอ็ดล้าน!”
หม่าเสี่ยวหลงสบายใจได้สักที เธอกลัวจริงๆว่าจู่ๆมู่ชิงซานจะยอมแพ้ แบบนั้นไม่เพียงแค่ทำให้แผนการของพวกเขาเสีย ยังทำให้เธอเสียความเชื่อใจจาก หวางเจียเฉียงอีกด้วย
ฝั่งตรงข้าง หวางเจียเฉียงถามไปว่า “หกสิบล้านแล้วยังจะเพิ่มอีก เป็นอย่างที่เสี่ยวหลงว่ามาจริงๆ บริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปต้องการที่จะเอาที่ดินผืนนี้มาได้!”
“พ่อ พวกเราเพิ่มอีกสักห้าล้านไหม?”
หวางซี่ไห่ส่ายหัว “ไม่เพิ่มแล้ว นี่เป็นขีดจัดการของมู่ชิงซานแล้ว เขาเพิ่มแค่หนึ่งล้าน ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป เป็นการบอกพวกเราอย่างชัดเจนว่า ถ้าเกิดพวกเรายังยกป้ายอีก งั้นพวกเขาก็จะยกที่ดินผืนนั้นให้กับฉัน!”
“ให้เขาไปเถอะ ต่อจากนี้ก็ทำตามแผนที่วางไว้!”
หวางเจียเฉียงพยักหน้าด้วยสีหน้าตื่นเต้น “ครับ!”
งานประมูลสิ้นสุดลง สุดท้ายบริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปก็เป็นคนได้ราชาประมูลไป ทุกคนต่างก็เข้ามาแสดงความยินดี แม้แต่พ่อลูกตระกูลหวางของบริษัทซี่ไห่กรุ๊ป เองก็เข้ามาแสดงความยินดีด้วย
แม้ว่าบริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปจะได้ราชาประมูลไป แต่ก็ทุ่มจนหมดตัวแล้ว ใช้เงินทุนจนหมดแล้ว
“พ่อ กลับกันเถอะ!” มู่เฉิงพูดด้วยน้ำเสียงสดใส พอนึกถึงใบหน้าเมื่อกี้ของหวางเจียเฉียงที่กำลังผิดหวัง เขาก็รู้สึกเหมือนได้ระบายอารมณ์ที่เก็บไว้
มู่ชิงซานขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ฉันรู้สึกว่าแววตาเมื่อกี้ของหวางซี่ไห่ดูผิดปรกติ!รู้สึกเหมือนเขาจะมีแผนร้ายซ่อนเอาไว้?”
มู่เฉิงพูดโน้มน้าวอย่างที่ไม่คิดอะไรว่า “พ่อ พ่ออย่าคิดมากเลย เขาก็แค่ไม่พอใจ ที่เห็นพวกเราชนะ รอให้ที่ดินผืนนี้ทำกำไรได้ก่อน อำนาจบริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปของพวกเรา จะต้องทิ้งห่างบริษัทซี่ไห่กรุ๊ปไปไกลกว่านี้อีก!”
“ฉันก็หวังว่าฉันแค่คิดมากไป!” มู่ชิงซานพูดเบาๆ แล้วบอกว่าไปกันเถอะ จากนั้นก็เดินออกไปทันที
ข้างนอกโรงแรมมีรถBMWสีขาวจอดอยู่ กระจกรถได้ติดฟิล์มสีดำเอาไว้ คนข้างนอกไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นข้างในได้
เบาะหลัง หวางเจียเฉียงกับหม่าเสี่ยวหลงกำลังกอดกันนัวเนีย
“พวกคุณจะลงมือเมื่อไหร่?” หม่าเสี่ยวหลงพูดถามด้วยเสียงหอบ
หวางเจียเฉียงพูดอย่างลงมือไปทั่ว “เธอกลับไปฉลองปีใหม่อย่างสบายใจกับพ่อแม่ได้เลย รอให้ผ่านปีใหม่ไปเธอก็น่าจะได้ยินข่าวดีแล้ว!”
“เร็วขนาดนั้นเลย!วันนี้ก็ยี่สิบเจ็ดแล้ว อีกสามวันก็ปีใหม่แล้ว!เตรียมตัวเสร็จหมดแล้วเหรอ? บริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปเติบโตมานับสิบปี ไม่ได้จัดการง่ายขนาดนั้น!” หม่าเสี่ยวหลงพูดด้วยความแปลกใจเล็กน้อย
“สบายใจได้ พวกเราลงมือตั้งแต่แรกแล้ว แถมยังมีท่านเจี่ยงค่อยสนับสนุน แค่ตระกูลมู่จะทำอะไรได้!” น้ำเสียงของหวางเจียเฉียงเต็มไปด้วยความดูถูก
มันเป็นความจริง สำหรับเจี่ยงสงแล้ว สามารถทำลายบริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปได้ง่ายราวกับขยับนิ้ว
หม่าเสี่ยวหลงเองก็สบายใจแล้ว กลับไปเพลิดเพลินกับหวางเจียเฉียงต่อ
เพียงพริบตา ก็ผ่านไปอีกหลายวัน จนมาถึงปีใหม่
ตระกูลมู่ คฤหาสน์ถูกสร้างทางกลางภูเขาและแม่น้ำ
ตอนนี้เพราะมลพิษทางอากาศค่อนข้างหนัก อำเภอเมืองจึงไม่ให้จุดประทัด ทำให้บรรยากาศปีใหม่หมองลงเล็กน้อย
มู่ชิงซานเปลี่ยนไปใส่เสื้อใหม่ นั่งอยู่ห้องนั่งเล่นตั้งแต่เช้าตรู่ แล้วแจกอั่งเปาเหล่าบอดี้การ์ดกับแม่บ้าน
มู่เฉิงเองก็เปลี่ยนไปใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนมใหม่ แต่งเนื้อแต่งตัวจนหล่อเหลา
“พ่อ สวัสดีปีใหม่!”
มู่เฉิงอวยพรปีใหม่กับมู่ชิงซาน
มู่ชิงซานหัวเราะแล้วพูดว่า “ปีใหม่แล้ว แกก็โตขึ้นอีกปีแล้ว จากนี้เวลาจะทำอะไร ก็คิดให้ถี่ถ้วน!”
“เข้าใจแล้วครับพ่อ เริ่มปีใหม่พ่อก็เริ่มสั่งสอนผมซะแล้ว” มู่เฉิงพูดด้วยรอยยิ้มและแฝงความไม่พอใจเล็กน้อย
“จริงสิ ที่ดินทำเลทองผืนนั้นพอผ่านปีใหม่ก็ต้องรีบลงมือพัฒนาทันที จะเกิดความผิดพลาดไม่ได้อย่างเด็ดขาด!ตอนนี้บริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปของเราไม่สามารถทำแบบขอไปทีได้ จะต้องระมัดระวังแล้วระวังอีก!” มู่ชิงซานพูดด้วยเสียงจริงจัง
“พ่อ พ่อสบายใจได้ ผมเตรียมการเรียบร้อยแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ลูกชายของพ่อคนนี้ยังทำได้ดี!” มู่เฉิงพูดด้วยความมั่นใจ