จักรพรรดิเซียนหวนคืน - ตอนที่ 5
บทที่ 5 ลบมนต์ดำให้หมดไป
EnjoyBook
บทที่ 5 ลบมนต์ดำให้หมดไป
สายตาของฉู่ชวิ๋นเย็นชาขึ้นมาและพูดอย่างเยือกเย็น “ในเมื่อเป็นแบบนี้ คุณก็รอความตายไปเถอะ!” ช่วยคนแบบนี้รังแต่จะเป็นการสร้างกรรมให้กับตัวเขาเอง ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับการฝึกตน
ในขณะนั้น บนดาดฟ้ามีลมเย็น ๆ พัดโชยมา ส่งเสียงที่คล้ายกับเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของผู้หญิง ถึงแม้ว่าดวงอาทิตย์จะส่องแสงจ้า แต่สายลมอ่อน ๆ ที่พัดอยู่รอบตัวเฉินฮั่นหลงทำให้เขารู้สึกขนลุกจนตัวหนาวสั่นขึ้นมา
“ตุ๊บ!”
เฉินฮั่นหลงไม่มีสนอะไรอีกแล้วเขาคุกเข่าลงต่อหน้าฉู่ชวิ๋นทันที
“คุณครับ ผมผิดไปแล้วคุณได้โปรดช่วยผมเถอะ”
ฉู่ชวิ๋นที่มีสีหน้าเย็นชาหันหลังกลับและเดินจากไป
“ตุ๊บ!”
ไป๋จิ้งที่อยู่ด้านข้างทันใดนั้นก็คุกเข่าลงเหมือนกัน
“ฉันเคยช่วยพี่หลิวหราน ขอให้คุณเห็นแก่หน้าพี่หลิวหรานช่วยคุณเฉินด้วยเถอะนะคะ” ฉู่ชวิ๋นชะงักฝีเท้าลงและหันกลับไปมองเธอ
“มีอยู่ครั้งหนึ่งที่พวกเรากำลังเดินช็อปปิ้ง มีรถคันหนึ่งเสียหลักพุ่งเข้ามาจะชนพี่หลิวหราน ฉันเป็นคนผลักพี่หลิวหรานออกไปไม่ให้โดนรถชน” ไป๋จิ้งพูดอย่างรีบร้อน
“ที่เธอพูดเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?”
“ฉันสาบานค่ะ ถ้าหากว่าฉันพูดโกหก ขอให้ฉันไม่ตายดีได้เลย” ไป๋จิ้งยกมือสาบาน
“เธอจำเลขทะเบียนรถคันนั้นได้ไหม?”
“จำได้ค่ะ กู่ A45609” ฉู่ชวิ๋นรู้ว่าน้ำใจของคนจำเป็นต้องตอบแทน
“เธอไปหาวัตถุดิบหินหยกที่ยังไม่ถูกแกะสลักมา”
“เอ๋?” ไป๋จิ้งมองไปที่ฉู่ชวิ๋นอย่าง งง ๆ
“อยากให้ฉันช่วยเขาก็รีบไปเร็ว!”
“ได้ค่ะ… ฉันจะไปเดี๋ยวนี้” ไป๋จิ้งลุกขึ้นและรีบร้อนไปหาวัตถุดิบหินหยก มีเงินแล้วทุกอย่างก็ง่ายดาย! ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงไป๋จิ้งก็ถือถุงวิ่งกลับมา
“คุณดูหน่อยว่าของพวกนี้ใช้ได้หรือเปล่า?” ฉู่ชวิ๋นรับมาและมองดูด้านในก็เห็นว่ามีวัตถุดิบหินหยกที่คุณภาพดีมากยี่สิบกว่าชิ้น จริง ๆ แล้วการลบมนต์ดำให้หมดไปนั้นพลังลมปราณของเขาก็เพียงพอแล้วไม่จำเป็นต้องใช้หยกแต่เขาไม่อยากเปลืองพลังลมปราณให้กับคนอย่างเฉินฮั่นหลง
ฉู่ชวิ๋นถือถุงที่มีหินหยกเดินไปตรงกลางดาดฟ้าหลังจากนั้นใช้มือทำท่าคล้ายร่ายคาถา หินหยกเล็กพุ่งออกมาก้อนแล้วก้อนเล่า ในชั่วพริบตาเดียวก็เหลือแค่หินหยกชิ้นสุดท้ายที่ถืออยู่ในมือก่อนจะมองไปที่เฉินฮั่นหลง “นายมานี่!”
ร่างกายของเฉินฮั่นหลงแข็งทื่อ เดินไปด้วยตัวสั่นเทาและหยุดอยู่ข้าง ๆ ฉู่ชวิ๋น
“ไม่ว่าจะมองเห็นอะไรก็ไม่ต้องกลัว” เฉินฮั่นหลงรู้สึกขนลุกในใจแต่ยังฝืนใจพยักหน้า
หินหยกชิ้นสุดท้ายที่อยู่ในมือฉู่ชวิ๋นพุ่งออกไปลอยอยู่ในอากาศราวกับเปิดม่านออก แผ่คลื่นพลังเล็ก ๆ ออกมา เฉินฮั่นหลงรู้สึกว่าสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าเปลี่ยนไป บรรยากาศทั่วทุกทิศเป็นสีหม่นหมอง เมื่อเงยหน้ามองอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงออกมา
“พระเจ้า!” เขาเห็นเงาดาบสีดำที่ยาวสิบกว่านิ้วลอยอยู่บนหัวตัวเอง สั่นไหวและพร้อมที่จะร่วงหล่นลงมาใส่เขาให้ได้ ถึงแม้ว่าเขาจะเตรียมใจไว้ตั้งแต่แรกแล้วแต่ก็ยังตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ หันหลังกลับอยากจะวิ่งหนีไป ฉู่ชวิ๋นใช้เท้าเตะไปที่ข้อเข่าของเขาให้เขาคุกเข่าลง
“ถ้าไม่อยากตายก็อย่าโวยวาย!” ฉู่ชวิ๋นตะคอกด้วยความโมโห ร่างกายของเฉินฮั่นหลงสั่นเทาแต่ไม่กล้าที่ขยับตัวอีก ได้แต่ภาวนาในใจขอร้องวิงวอนไม่ให้ดาบตกลงมา
ฉู่ชวิ๋นยื่นมือออกไปกวักเรียก ประกายวิบวับทั้งเจ็ดที่อยู่บนท้องฟ้าก็ลอยมา กลายเป็นแส้เจ็ดดาวตกมาอยู่ในมือเขา
เขาเหลือบมองไปเฉินฮั่นหลงที่ตัวอ่อนปวกเปียก ทันในนั้นเขาก็ยิ้มมุมปากอย่างเหยียดหยามค่ายกลวิญญาณเจ็ดดารา จริง ๆ แล้วทำลายดาบมนต์ดำเดิมทีไม่ต้องเปลืองแรงขนาดนี้ที่ทำขนาดนี้ก็เพื่อให้เฉินฮั่นหลงได้เห็นบาปกรรมที่เขาสร้างขึ้นด้วยตาตัวเอง
“ตู้ม!”
พื้นดินสั่นไหว ดาบที่หลอมขึ้นจากมนต์ดำฟันลงมาที่หัวเฉินฮั่นหลง
เฉินฮั่นหลงตกใจจนลืมร้องตะโกน ร่างกายนอนไร้เรี่ยวแรงอยู่บนพื้นตาเหลือกทั้งสองข้าง ฉู่ชวิ๋นโบกแขนไปมา แส้ยาวกระตุกไปม้วนตัวเฉินฮั่นหลงไว้ลากให้เขาอยู่ห่างออกมา
“โครม!”
ดาบใหญ่ฟันลงมาจนพื้นดินแตกกระจาย หินใหญ่ปลิวว่อนบดบังฟ้าดิน
“รู้สึกยังไงบ้าง?” ฉู่ชวิ๋นหัวเราะเยาะ เฉินฮั่นหลงตาเหลือกทั้งสองข้าง สีหน้าซีดเผือด ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกครั้งเกรงว่าจะตกใจจนตายแน่ ๆ แส้ยาวของฉู่ชวิ๋นกระตุกอีกครั้งและม้วนออกมาอย่างรวดเร็วเพื่อมัดดาบมนต์ดำไว้ เมื่อดึงอย่างเต็มที่ดาบมืดก็หลุดออกมาเพื่อโจมตีฉู่ชวิ๋น
ฉู่ชวิ๋นใช้เท้ากระทืบพื้นอย่างแรง ร่างกายยืดสูง เขาชกกำปั้นออกไปพร้อมเสียงฉีกอากาอันดังก้อง
“คลาย” หมัดของเขากระแทกโดนตัวดาบอย่างรุนแรง พลังลมปราณของเขาระเบิดออกตามกำปั้น พลังลมปราณของผู้ฝึกเซียน เดิมทีเป็นพลังที่สิ่งอัปมงคลทุกอย่างต้องกลัว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมนต์ดำชั้นต่ำเลย
“เพล้ง!”
ดาบใหญ่ยาวสิบกว่านิ้วระเบิดออกเป็นท่อน ๆ สุดท้ายกลายเป็นประกายแสงเป็นพันเป็นหมื่นดวงเต็มท้องฟ้า ฉู่ชวิ๋นรีบนั่งขัดสมาธิและกวักมือ ประกายแสงเป็นพัน ๆ หมื่น ๆ ดวงลอยมาหาเขา
“ค่ายกลวิญญาณเจ็ดดารา…ชำระล้าง” ค่ายกลใหญ่ทั้งหมดเริ่มหมุนรอบ! ประกายแสงสีเขียวนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นทุกทิศทาง หลอมเข้ากับประกายแสงจากการหักออกของดาบใหญ่ ประกายแสงสีเขียวทั้งหมดนี้ล้วนมาจากวัตถุหินหยกพวกนั้น
ประกายแสงสีเขียวก็คล้ายกับยาย้อมสีทั่วไป ประกายแสงนับไม่ถ้วนที่อยู่ในอากาศเริ่มค่อย ๆ กลายเป็นสีเขียวและประกายแสงสีเขียวพวกนี้เป็นพลังวิญญาณ ฉู่ชวิ๋นถูกประกายแสงสีเขียวนับไม่ถ้วนล้อมไว้รอบตัว
ฉู่ชวิ๋นยิ้มมุมปากอย่างดีอกดีใจ เขาเริ่มเก็บพลังวิญญาณที่อยู่รอบ ๆ ทันที พลังวิญญาณถูกดึงเข้าสู่ร่างกาย ให้ความชุ่มชื้นกับเซลล์ทุกเซลล์ในร่างกาย
สีหน้าขอฉู่ชวิ๋นเดี๋ยวสว่างเดี๋ยวมืดลง ลมปราณก็เริ่มแผ่วเบาลงเรื่อย ๆ เฉินฮั่นหลงเบิกตากว้างเมื่อมองภาพทั้งหมดนี้ เขาแทบจะไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของฉู่ชวิ๋นแล้ว
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ทันใดนั้นฉู่ชวิ๋นก็ลืมตาทั้งสองข้างด้วยสายตาที่เปล่งประกายแสงสีทองแวววับออกมา
“เทพเซียน!” เฉินฮั่นหลงพูดพึมพำ ฉู่ชวิ๋นลุกขึ้นยืน ร่างกายส่งเสียงระเบิดเปรี้ยงปร้าง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยท่าทางที่พึงพอใจ
การฝึกตนครั้งนี้ถึงแม้ว่าจะไม่เพียงพอที่จะก้าวไปสู่ขั้นหลอมรวมลมปราณระดับกลางได้แต่ก็ถือว่าพัฒนาได้ดี โดยเฉพาะเคล็ดวิชาวิถีมังกรฟ้าเจ้าแห่งโลกาที่แข็งแกร่งของเขา
ฉู่ชวิ๋นโบกมือลบล้างค่ายกลวิญญาณเจ็ดดาราไป หยกก่อนหน้านี้ได้กลายเป็นฝุ่นผงไปแล้ว
“คุณเฉิน คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?” ไป๋จิ้งไม่ได้อยู่ในพิธีนี้ด้วย ดังนั้นจึงไม่ได้เห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในค่ายกล เธอเห็นแค่เฉินฮั่นหลงเดี๋ยวคุกเข่าลง เดี๋ยวฟุบตัวลงไป สุดท้ายก็กราบไหว้ฉู่ชวิ๋นที่นั่งพักผ่อนอยู่
เฉินฮั่นหลงส่ายหน้าแล้วรีบดึงไป๋จิ้งให้ลงมาคุกเข่าต่อหน้าฉู่ชวิ๋น ไป๋จิ้งไม่ค่อยเข้าใจมากนัก อยากจะถามแต่กลับถูกเฉินฮั่นหลงใช้สายตาห้ามไว้! เฉินฮั่นหลงคุกเข่าลงกับพื้นอย่างตั้งใจและคำนับลงไปสามครั้งต่อฉู่ชวิ๋น
หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ เขามั่นใจว่าฉู่ชวิ๋นต้องเป็นเทพเซียนที่มาจากสวรรค์แน่นอน หลายครั้งที่ไป๋จิ้งใช้แววตาถามเป็นนัย ๆ แต่เฉินฮั่นหลงกลับทำเป็นมองไม่เห็น เรื่องของเทพเซียนเขากล้าพูดออกไปตรง ๆ ที่ไหนนั่นไม่ใช่ความลับที่ควรเปิดเผยแน่นอน ไม่งั้นจะโดนลงโทษจากสวรรค์
“เรื่องนี้ก็จัดการเรียบร้อยแล้ว! ชีวิตของคุณรอดแล้วแต่ยังมีบางเรื่องที่คุณต้องทำ”
“ท่านเทพเซียนสั่งมาได้เลย!” เฉินฮั่นหลงพูดอย่างเคารพ ไป๋จิ้งที่อยู่ด้านข้างได้ยินเฉินฮั่นหลงเรียกฉู่ชวิ๋นว่าเทพเซียน อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าประหลาดใจ!
“คุณเรียกผมว่าคุณเหมือนเดิมเถอะ! ฟังแล้วมันรื่นหูกว่า!”
“ได้ครับ” เฉินฮั่นหลงรีบพยักหน้า
“ดาบสีดำที่คุณเห็นเป็นความเคียดแค้นของเฉินหว่าน ซึ่งตอนนี้ก็ได้จัดการไปหมดแล้ว! แต่คุณยังต้องไปรับครอบครัวของเธอด้วย ค่อย ๆ หางานให้กับพวกเขา แบบนี้ถึงจะลบล้างบาปกรรมของพวกคุณได้ดีที่สุด”
“ได้ ผมจะรีบสั่งคนให้ไปจัดการ!” ถึงแม้ว่าฉู่ชวิ๋นไม่พูด เขาก็จะไปรับครอบครัวของเฉินหว่านอยู่แล้ว ถึงอย่างไรครั้งนี้ก็เป็นเพราะความเห็นแก่ตัวของตัวเอง ที่เกือบจะทำให้ตัวเองต้องจบชีวิตลง ฉู่ชวิ๋นพยักหน้านิด ๆ เฉินฮั่นหลงจากที่เคยเป็นแค่นักเลงหัวไม้ก้าวมาจนถึงทุกวันนี้ที่กลายเป็นคนที่มีอสังหาริมทรัพย์ขาใหญ่ในเมืองกู่เจียงไม่ได้พึ่งแค่ความโชคดีเท่านั้น หัวสมองเขาใช้ได้เลยล่ะ
เขามั่นใจเต็มร้อยแล้วว่าฉู่ชวิ๋นเป็นเทพเซียนที่มาจากสวรรค์ ถ้าหากว่าตอนนี้ยังไม่รู้จักประจบประแจงงั้นสมองของเขาก็สมควรเอาไปเป็นอาหารสุนัขแล้ว เฉินฮั่นหลงขอร้องอย่างจริงใจ หวังว่าฉู่ชวิ๋นจะให้โอกาสเขาได้ตอบแทนสักครั้ง
ที่จริงฉู่ชวิ๋นจะออกไปจากที่นี้ตั้งแต่แรกแล้ว ที่เขาช่วยเฉินฮั่นหลงก็เพราะว่าหญิงสาวแซ่ไป๋เคยช่วยชีวิตแม่ของเขา เขาทำไปเพื่อตอบแทนบุญคุณ แต่มันไม่ง่ายเลยที่เขาจะตามหาพ่อแม่ท่ามกลางคนมากมายเป็นพันเป็นหมื่น ตอนนี้ดวงตาเซียนของเขามองรอบ ๆ ได้แค่สิบกว่าเมตร ถ้าหากว่ามีพลังของจักรพรรดิเซียน ขอเพียงแค่พ่อแม่อยู่บนโลกเขาก็สามารถใช้ดวงตาเซียนตามหาได้เลย ดังนั้นตอนนี้เขาต้องการพลังของคนธรรมดา
ฉู่ชวิ๋นคิดพิจารณาอยู่สักพักก็พยักหน้าตอบรับ ฉู่ชวิ๋นเดินจากไปพร้อมกับของขวัญขอบคุณจากเฉินฮั่นหลง
“คุณเฉิน ของขวัญนี้มีมูลค่ามากไปหรือเปล่าคะ?” ไป๋จิ้งไม่เข้าใจอยู่ ๆ เฉินฮั่นหลงก็มอบบ้านพักตากอากาศให้หนึ่งหลังแถมยังให้เงินอีกยี่สิบล้าน ตามที่เธอรู้ต่อให้เป็นปรมาจารย์ฮวงจุ้ยของเกาะฮ่องกงที่มีชื่อเสียง ส่วนใหญ่ก็แค่ไม่กี่ล้านเท่านั้น
บ้านพักตากอากาศหลังนั้นที่เฉินฮั่นหลงมอบให้อยู่ภูเขาเฉียนหลง เป็นเขตที่บริษัทพวกเขาบุกเบิก มหาเศรษฐีทุกคนที่อยู่ในเมืองกู่เจียงต่างก็ชอบที่นี่มาก บ้านหลังนั้นที่ให้ฉู่ชวิ๋นไปมีมูลค่าสามสิบล้าน หรือพูดได้ว่าเฉินฮั่นหลงให้ฉู่ชวิ๋นไปกว่าห้าสิบล้านแล้ว!
เฉินฮั่นหลงได้แต่ยิ้มไม่พูดอะไร ปรมาจารย์ฮวงจุ้ยในเกาะฮ่องกงพวกนั้นจะมาทียบกับฉู่ชวิ๋นได้เหรอ? เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพวกนั้นในพิธีทำให้เขายังรู้สึกว่าขาทั้งสองข้างอ่อนแรงมาถึงตอนนี้ นั่นมันเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติชัด ๆ ห้าสิบล้าน เฉินฮั่นหลงรู้สึกว่ามันน้อยไปด้วยซ้ำ
ฉู่ชวิ๋นรีบขับรถไปที่ภูเขาเฉียนหลง เขาต้องการสถานที่ที่จะหยุดพักจริง ๆ ได้ ถ้าหากว่าเป็นคนธรรมดาอยู่ ๆ ก็มีบ้านพักตากอากาศหนึ่งหลังและเงินอีกยี่สิบล้านคาดว่าจะดีใจจนเป็นลมล้มลงไปเลย แต่ฉู่ชวิ๋นกลับไม่ใส่ใจนักของพวกนี้ที่เฉินฮั่นหลงให้มา แลกกับบุญคุณที่จักรพรรดิเซียนจะตอบแทน ฉู่ชวิ๋นมั่นใจว่า ไม่ช้าก็เร็วเขาจะตอบแทนให้เฉินฮั่นหลงให้ได้มากกว่าที่เขาได้รับมาอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงสบายใจและไม่ได้รู้สึกอะไร