จักรพรรดิเซียนหวนคืน - ตอนที่ 73
บทที่ 73 นรก![รีไรท์]
“ใครมันกล้าพูดว่า พวกเราจบสิ้นแล้ว? ฉันยังยืนอยู่ตรงนี้ทั้งคน!” ทุกคนพึ่งจะโล่งใจได้ไม่นาน ก็มีเสียงเหมือนเหล็กเสียดสีกันดังขึ้นจนแสบแก้วหู ทุกคนลืมไปแล้วว่าผีดิบตนนั้นยังอยู่
“เฟิงเอ๋อ!” หยุนไป่ซาน ร้องออกมาด้วยความรู้สึกดีใจและประหลาดใจ!
เงาสีดำพุ่งไปปรากฏกายบนเวทีในชั่วพริบตาราวกับสายฟ้า เมื่อพวกเขามองไปก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียวสันหลัง แม้แต่คนในตระกูลหยุนเองก็อดไม่ได้ที่ผงะถอยหลัง
รูปลักษณ์ของอีกฝ่ายน่าหวาดกลัวเกินไปเมื่อมองด้วยตาทั้งสองข้าง มันราวกับ สัตว์ประหลาดสิ่งที่เห็นมันคือร่างกายของมนุษย์จริง ๆ งั้นเหรอ? ที่พวกเขาเห็นก็คือ ผิวหนังของมนุษย์สวมอยู่บนโครงกระดูก ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกสั่นระริกด้วยความหวาดกลัวบางอย่าง
“ดูท่านผีดิบสิ!” กุ่ยเซิ่งจื่อและกุ่ยเม่ยพูดขึ้นพร้อมกัน
ดวงตาผีดิบดำมืดสนิทราวกับหลุมลึกไร้ก้นบึ้ง ผีดิบจ้องมองไปยังศพของ ผู้อาวุโสผีดิบบนพื้นดินก่อนจะ พูดด้วยรอยยิ้มแปลก ๆ “ไร้ค่า ตายอย่างไร้ค่า ยิ่งกว่าหมาตัวหนึ่งซะอีก”
เมื่อผีดิบพูดจบแล้ว มันก็จ้องมองไปยังกุ่ยเซิ่งจื่อและกุ่ยเม่ย “ส่วนพวกแกอยู่ไปก็เปล่าประโยชน์!”
“นายท่าน ได้โปรดไว้ชีวิตด้วย…” ทั้งสองหวาดกลัวจนรีบอ้อนวอนขอความเมตตา
“ถ้าไม่เห็นว่าพวกแกอยู่ข้างฉันมาตลอด ฉันฆ่าพวกแกแน่!”
“ขอบคุณนายท่านที่เมตตา…” กุ่ยเซิ่งจื่อและกุ่ยเม่ยคุกเข่าตัวสั่นและพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ผีดิบตะคอกอย่างเย็นชา จากนั้นก็จ้องมองไปที่หยุนหนานเฟิงตัวปลอม
“หุ่นเชิดตัวเล็ก ๆ อย่างแก กล้าคิดต่อต้านเจ้านายได้ยังไง?”
“หุ่นเชิดก็ยังดีกว่าผีดิบอย่างแก” ผีดิบที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นฆาตกรที่ฆ่าน้องสาวของเขา จิตใจของเขามีแต่ความเกลียดชังจนครอบงำเหตุผล
ผีดิบเงียบงัน แต่ทุกคนรู้ว่ามันเริ่มโกรธและไอสังหารลอยออกมาจากร่างของมัน
“ฟรึ่บ!”
ทุกคนจู่ ๆ ก็เห็นผีดิบไปปรากฏตัวต่อหน้าหยุนหนานเฟิงตัวปลอม มือของมันแห้งเหี่ยว เหมือนกรงเล็บของผีดิบ ยิ่งไปกว่านั้นหยุนหนานเฟิงตัวปลอมกำลังถูกห้อมล้อมด้วยกลุ่มหมอกสีดำรอบตัว
“ตู้ม!” ม่านพลังแสงแห่งหยกปกป้องหยุนหนานเฟิงตัวปลอมจากกรงเล็บของผีดิบเอาไว้
“แกรก…” เหมือนเสียงกระจกแตก ม่านพลังแสงตรงหน้าหยุนหนานเฟิงตัวปลอม สั่นไหวอย่างรุนแรง มันไม่อาจหยุดยั้งผีดิบตรงหน้าได้เลย
“แกรก….” กรงเล็บของผีดิบทำลายม่านพลังของหยกป้องกันจนแตกสลาย
หยุนหนานเฟิงดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว หยกในมือของเขาแตกเป็นเสี่ยง ๆ ทันใดนั้นผีดิบก็หยุดมือและยืนนิ่งคล้ายรูปถ่าย ก่อนฟาดกรงเล็บสีดำสนิทลงมาอีกครั้ง!
“นายท่านอย่างฉันปรากฏตัวออกมาแล้วถึงเวลาที่หุ่นเชิดอย่างแกต้องตายตามน้องสาวไป!”
กรงเล็บอันแหลมคมของผีดิบนั้นถูกยกขึ้นและคว้าที่หยุนหนานเฟิงตัวปลอม
“จิ่วโยว” ฮวาชิงหวู่ ร้องเรียกจิ่วโยวอย่างกระวนกระวายใจ คิดไม่ถึงว่าแผ่นหยกไม่อาจหยุดยั้งผีดิบตนนี้ได้ เมื่อกรงเล็บของผีดิบกำลังจะคว้าตัวหยุนหนานเฟิงตัวปลอม แสงสว่างสีสันสดใสก็พุ่งเข้าไปโจมตีผีดิบ
“เพล๊ง!” เสียงกระทบกันของโลหะดังแสบแก้วหู
ผีดิบสะดุดไปเล็กน้อยและถอยหลังไปหลายก้าว มันมองไปที่พื้นอย่างโหดเหี้ยม ดวงตาดำสนิทดูน่าหวาดกลัว
จิ่วโยวส่ายหัวน้อย ๆ ของมันและเอียงศีรษะ ดูเหมือนมันจะสงสัยว่าทำไมร่างกายของคู่ต่อสู้ถึงแปลกประหลาดไม่เหมือนมนุษย์แบบนั้น
“น่าสนใจจริง ๆ ในโลกนี้มีสัตว์แบบนี้ด้วยเหรอ แกมาเป็นสัตว์เลี้ยงของฉันดีกว่า!?” ผีดิบ กล่าวออกมา
“ฝ่อ!” จิ่วโยวเข้าใจความหมาย มันส่งเสียงร้องแล้วเริ่มทำอะไรแปลก ๆ จิ่วโยวอ้าปากแล้วพ่นน้ำลายที่อยู่เต็มปากออกมา เป็นการล้อเลียนอีกฝ่าย
ทุกคนแข็งค้าง พวกเขาพึ่งเห็นอะไรไป? งูตัวเล็ก ๆ พ่นน้ำลายใส่ผีดิบอยู่ใช่ไหม?
แม้แขกเหล่านี้จะเป็นคนธรรมดา แต่พวกเขาก็ผ่านเรื่องราวมามาก พวกเขารู้ว่าโลกนี้มีสิ่งเหนือธรรมชาติ แต่การกระทำของจิ่วโยวมันน่าเหลือเชื่อเกินไป ทำให้พวกเขาตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
“น่าสนใจดีนี่” เสียงผีดิบดังขึ้นมันกล่าวด้วยความสนใจในตัวจิ่วโยว
จิ่วโยวรู้สึกเบื่อ มันจึงไล่โจมตีผีดิบอย่างดุเดือด มันใช้หางของมันสะบัดเหมือนแส้ฟาดไปที่ใบหน้าของผีดิบ
“เพล๊ง” เสียงเหมือนเหล็กปะทะกัน!
ผีดิบไม่ขยับเขยื้อน หางของจิ่วโยวไม่อาจทำอะไรผีดิบได้เลยแม้แต่น้อย ผีดิบโกรธมากที่จิ่วโยวฉีกหน้าของมัน ไออากาศแผ่กระจายไปรอบบริเวณมันยกกรงเล็บขึ้นและคว้าไปที่จิ่วโยว
ร่างกายของจิ่วโยวยืดหยุ่นและเคลื่อนไหวได้อย่างว่องไว ชั่วพริบตาเดียวก็ หลบไปไกลกว่า 10 เมตร จิ่วโยวชูคอขึ้นร้อง “ฟ่อ!” จิ่วโยวเริ่มโกรธแล้วเพราะเธอไม่อาจทำอันตรายอีกฝ่ายได้เลย
“ฟิ้ว!” จิ่วโยวจู่โจมอีกครั้งอย่างดุเดือด นอกจากฉู่ชวิ๋นแล้วเธอไม่เคยกลัวใคร?
“เพล๊ง! เพล๊ง!..” เสียงการปะทะกันของโลหะ จิ่วโยวเริ่มโจมตีอีกครั้ง แต่ร่างกายของผีดิบเหมือนเหล็กกล้า การโจมตีธรรมดา ๆ ไม่อาจทำอันตรายใด ๆ มันได้เลยแม้แต่น้อย!
“เพล๊ง!” จิ่วโยวไม่อาจทำอะไรมันได้จนเริ่มโมโห
“ช่างเป็นงูตัวน้อยที่น่าสนใจจริง ๆ แกต้องมาเป็นสัตว์เลี้ยงของฉัน” ผีกล่าว
“ตู้ม!” หมอกสีดำขนาดใหญ่ปกคลุมร่างกายของมันและผลไม้สีแดงสดขนาดนิ้วหัวแม่มือ ปรากฏอยู่บนฝ่ามือของผีดิบ
“เธอรู้สึกคุ้นเคยกับสิ่งนี้ไหม?” ทันใดนั้นผีดิบก็มอง ฮวาชิงหวู่และพูดกับเธอ ฮวาชิงหวู่ครุ่นคิด ดูเหมือนเธอจะคุ้นเคยกับมันมาก เหมือนเธอเคยเห็นมันมาก่อนแต่ก็จำไม่ได้ว่าเมื่อไหร่
“ดูเหมือนว่าเธอจะลืมไปแล้ว แต่ก็ไม่สำคัญหรอก” ผีดิบกลืนผลไม้สีแดงในมือ “น่าเสียดายมีเพียงลูกเดียวเท่านั้น…”
หลังคำพูดของผีดิบ ร่างกายของมันก็พองเหมือนลูกโป่งไม่นานก็กลายเป็นชายหนุ่มรูปงาม นี่คือใบหน้าที่แท้จริงของหยุนหนานเฟิง
“เจ้างูน้อย! จงเป็นสัตว์เลี้ยงของฉันซะ” หยุนหนานเฟิงตัวจริง หอบหายใจอย่างรุนแรง
“ฟ่อ!” จิ่วโยวจะยอมให้ถูกยั่วยุได้อย่างไร? เธอพุ่งเข้าไปโจมตีอีกครั้ง
“เพล๊ง!” หยุนหนานเฟิงใช้หมัดปะทะกับจิ่วโยวตรง ๆ จนจิ่วโยวรู้สึกตกใจกับพละกำลังในกำปั้นอีกฝ่ายก่อนจะกระเด็นไปไกลกว่า 10 เมตร!
ทุกคนต่างตกใจ หยุนหนานเฟิงกลายร่างจากผีดิบมาเป็นมนุษย์แล้วแบบนี้จะแข็งแกร่งขึ้นได้ยังไง? หรือเป็นเพราะผลไม้สีแดงแปลกๆ นั้น
“ยอมเป็นสัตว์เลี้ยงของฉันซะ!” หยุนหนานเฟิงขยับเข้าไปใกล้จิ่วโยวทีละก้าว
ฮวาชิงหวู่เป็นห่วงจิ่วโยว เธออยากเข้าไปช่วยจิ่วโยวแต่เพิ่งก้าวออกมาเพียงก้าวเดียวก็เห็นหยุนหนานเฟิงสะบัดมือซัดลมปราณออกมา!
ม่านพลังแสงปรากฏตรงหน้าฮวาชิงหวู่เพื่อปกป้องเธอ
“ปัง!”
พลังลมปราณที่แข็งแกร่งชนเข้ากับม่านพลัง จนเกิดการระเบิด! แผ่นหยกในมือของฮวาชิงหวู่กลายเป็นฝุ่นผง ฮวาชิงหวู่ร่างกายสั่นสะท้านได้แต่ต้องถอยหลังไปหลายก้าว
ชายชราตระกูลซูและซูฟาน รวมทั้งคนอื่น ๆ ต่างก็ตกใจ
“ใช้พลังลมปราณปลดปล่อยออกมาภายนอก จอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์!”
หยุนหนานเฟิงหันไปมองชายชราแล้วพูดด้วยรอยยิ้มแปลก ๆ “ฉันแค่ใช้ความสามารถเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
ดวงตาของชายชราบังเกิดความรู้สึกสะเทือนขวัญ คำสองคำนี้ ทำให้ภูเขาสะเทือน เขาเองแทบจะหยุดหายใจ
“จอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์อะไร? เก่งขนาดนั้นเลยเหรอ?” มีแขกที่ไม่รู้เรื่องในยุทธภพพูดออกมา
“ฉันได้ยินมาจากเพื่อนที่ฝึกฝนวิชาการต่อสู้ว่าระดับพลัง จอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ แข็งแกร่งราวกับเทพเซียน พวกเขาสามารถทำร้ายผู้คนได้โดยการเด็ดดอกไม้และใบหญ้า พวกเขาสามารถฆ่าคนได้ในระยะ 100 เมตร พวกเขาถึงกับสามารถต่อสู้กับกองกำลังติดอาวุธพิเศษได้ด้วยตัวคนเดียว!”
“ฆ่าคนในระยะ 100 เมตรได้เหรอ? ไร้สาระ นายล้อเล่นแล้ว อะไรคือการที่รับมือกับกองกำลังพิเศษติดอาวุธได้ด้วยตัวคนเดียว” ชายคนนี้ไม่เชื่อ เพราะมันออกจะเกินจริงไปมาก
“ไม่เชื่องั้นเหรอ?” ทันใดนั้น หยุนหนานเฟิงก็พูดออกมาและก้มลงเด็ดใบไม้ที่มีลักษณะคล้ายใบมีดมาเล่นอยู่ในอุ้งมือของเขา
ทันใดนั้นหยุนหนานเฟิงก็ปาใบไม้ออกไปราวกับมีดสั้น!
“วิ๊ว…” เสียงฉีกอากาศดังขึ้น!
จากนั้นคนที่สงสัยพลังของจอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ ก็ล้มลงกับพื้นดัง “ตึ้ง” ดวงตาของเขาปูดโปน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและก็พบรูเลือดเล็ก ๆ อยู่ที่ระหว่างคิ้วของเขา
ทุกคนจ้องมองหยุนหนานเฟิงด้วยสายตาหวาดกลัว ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าพลังของจอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ในตำนานไม่ใช่เรื่องที่พูดเกินจริง
“เมื่อกี้พวกแกจู่โจมตระกูลหยุนของฉัน ฉันจะลงโทษพวกแกยังไงดี?” ดวงตาของหยุนหนานเฟิงหรี่ลงเล็กน้อย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกระหายเลือด
“หรือว่าฉันต้องฆ่าพวกแกทุกคน? มันก็ค่อนข้างยุ่งยากไม่น้อย แต่ฉันทำได้” ดูเหมือนว่าหยุนหนานเฟิงกำลังพูดกับตัวเอง แต่ผู้คนต่างก็ตกใจ
“ฉันไม่เชื่อว่าเขาจะฆ่าพวกเราทั้งหมดได้หรอก?” แขกคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา
“ใช่ พวกเราคนเยอะขนาดนี้ มันจะกล้าฆ่าทุกคนได้ยังไง?” แขกทุกคนต่างก็โกรธแค้นตระกูลหยุนจนไม่สนใจชีวิตของตนเอง?
หยุนหนานเฟิงเหยียดยิ้ม แววตาแข็งกระด้าง เขาไม่เห็นใจใครทั้งสิ้นวินาทีต่อมาร่างของหยุนหนานเฟิงหายไปในพริบตา แต่ไม่นานก็กลับมายืนอยู่ที่เดิม!
ทุกคนต่างหวาดกลัว เพราะหยุนหนานเฟิงที่ถือหัวคนสองหัวที่เต็มไปด้วยเลือดกลับมาด้วย มันเป็นหัวของแขกสองคนที่เพิ่งตะโกนออกมาเมื่อครู่
“ตึ้ง ตึ้ง!” ศพสองคนที่หัวขาดล้มลงกับพื้น เลือดสาดกระจาย
“กรี๊ดดดด…!!” เสียงกรีดร้องดังขึ้นด้วยความหวาดกลัว
แขกหลายคนกลัวตาย พวกเขาเห็นภาพที่น่ากลัวมามากเกินพอแล้ว
“สัตว์เดรัจฉาน …” ชายชราตระกูลซูตะโกนอย่างโกรธเคืองจนพิษในร่างของเขาแพร่กระจายเร็วขึ้น ทำให้ใบหน้าของชายชราซีด ริมฝีปากสีม่วงคล้ำ
หยุนหนานเฟิงยังคงไม่พอใจ เขาโยนหัวสองหัวไปที่แขกคนอื่น ๆ
หัวกลิ้งกระเด็นไปที่เท้าของแขกอ้วนคนหนึ่ง ก่อนจะเข้าไปหักคอแขกต่อหยุนหนานเฟิงบีบคออีกฝ่ายด้วยมือข้างเดียว รูม่านตาอีกฝ่ายพองโตก่อนที่ทุกคนจะได้ยินเพียงเสียงที่เปล่งดังออกมาในลำคอ “อ๊อก”
ทันใดนั้นแขกก็ล้มลงกับพื้น ขาดใจตายไปในที่สุด ฉากนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนอยู่ในนรก หวาดกลัวจนสลบไปหลายคน
“อ่า…ฉันไม่อยากตาย อย่าฆ่าฉัน ฉันยังไม่อยากตาย…” มีแขกที่ดูสับสนตะโกนขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
“ก็มีอีกวิธีที่แกจะรอดกลับไปได้อยู่นะ” หยุนหนานเฟิงกล่าวทำให้ทุกสายตาจับจ้องไปที่เขา
ดวงตาที่น่าสยดสยองของหยุนหนานเฟิงมองไปรอบ ๆ แล้วพูดขึ้นเบาๆ
“จริง ๆ แล้วมันก็ไม่ใช่ความผิดพวกแก ถ้าพวกแกฆ่าทุกคนในตระกูลซูได้ และมาเข้าร่วมกับตระกูลหยุน พวกเราก็จะเหมือนลงเรือลำเดียวกัน ฉันก็จะไว้ชีวิตพวกแก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความลับหรือเพื่อชีวิตของพวกแกเอง ผู้คนในตระกูลซูทั้งหมดจะต้อง คิดให้ดีละ”
“หยุนหนานเฟิง ไอ้ขยะไร้ค่า เลวยิ่งกว่าเดรัจฉาน…” ซูฟานสบถออกมา
หยุนหนานเฟิงนั้นมีเล่ห์เหลี่ยมร้ายกาจ มันปล่อยให้คนพวกนี้ฆ่าพวกเขา แล้วก็จะสังหารพวกนี้ในภายหลัง
มันคิดว่าจะทุกคนในที่นี้บอกว่าพวกเราตระกูลซูไม่ได้มาที่นี่ในวันนี้ และจากฐานะอันสูงส่งของคนเหล่านี้ ถ้ารวมเป็นกลุ่มก้อนก็จะเป็นพยานที่แข็งแกร่ง
ต่อให้รัฐสอบสวนด้วยตัวเองก็ต้องใช้เวลาค้นหาความจริง ถึงตอนนั้นตระกูลหยุนก็คงหนีไปแล้ว