จักรพรรดิเซียนหวนคืน - บทที่ 109 การเข้าสู่เมืองจิงครั้งแรก![รีไรท์]
บทที่ 109 การเข้าสู่เมืองจิงครั้งแรก![รีไรท์]
เฮลิคอปเตอร์ลงจอดที่สนามบินเมืองจิง!
ตอนที่ฉู่ชวิ๋นลงมาถึงพื้น หัวใจของเขาก็เต้นแรงขึ้น ทำให้เลิกคิ้วขึ้นมาทันที
“พี่ฉู่ชวิ๋น เป็นอะไรไปเหรอคะ?” ถางโร้วสังเกตเห็นพอดีว่าฉู่ชวิ๋นนั้นมีบางอย่างแปลก ๆ ฉู่ชวิ๋นกลับส่ายหัว ตำราความลับฟ้า ต้องไปดูตำราความลับฟ้าแล้ว!
“เป็นไปได้ไงกัน”
หลังจากนั้นสักพักฉู่ชวิ๋นก็ตกใจ หลังจากที่อ่านคัมภีร์ความลับฟ้าสิ่งที่เขาเห็นมันเป็นทะเลเลือดที่เต็มไปด้วยศพมากมายก่ายกอง ภาพที่เห็นทำให้ตับไตไส้พุงของเขาปั่นป่วนเหมือนมีพายุวนอยู่ในนั้น
ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเย็นชาขึ้นทันที ตำราความลับฟ้าไม่มีวันทำนายผิดพลาด ดูเหมือนว่าภายใต้ความเงียบสงบดั่งทะเลสาบของเมืองจิงจะต้องซ่อนโอกาสฆาตกรรมครั้งใหญ่ไว้ คำถามอยู่ที่ว่าเมื่อไหร่กันที่มันจะถูกปลดปล่อยออกมา
“นี่ พี่ฉู่ชวิ๋น โอเคเปล่าเนี่ย?” ถางโร้วเป็นห่วง เธอรู้สึกได้เลยว่าลมหายใจของฉู่ชวิ๋นนั้นสะดุดและเปลี่ยนไปจากเดิม
แต่ฉู่ชวิ๋นกลับส่ายหัวแล้วยิ้ม “ไม่เป็นไรหรอก ไปกันเถอะ”
เขาไปส่งถางโร้วที่บริษัทอัญมณีก่อน เพราะเธอเป็นโฆษกของบริษัทอัญมณีนั้น ก่อนที่ถางโร้วจะออกจากรถ ฉู่ชวิ๋นก็เตือนให้เธอใช้ต่างหูหยกทันทีที่เกิดอันตราย
“ท่านอาวุโส โปรดวางใจในความปลอดภัย ผมจะส่งคนไปปกป้องคุณหนูถางเองครับ” มังกรเขียวพูดอย่างมั่นใจ
ความปลอดภัยงั้นเหรอ? ดวงตาของฉู่ชวิ๋นหรี่ลงเล็กน้อย เขารู้สึกได้ถึงแรงอาฆาตพยาบาทในบรรยากาศเมืองจิง พอเห็นถางโร้วเข้าไปข้างในแล้ว ฉู่ชวิ๋นก็ส่งสัญญาณให้มังกรเขียวออกรถทันที
มังกรเขียวรู้สึกไม่ค่อยดี เขาเป็นขั้นปรมาจารย์แท้ ๆ แต่กลับต้องมาเป็นคนขับรถของท่านอาวุโสซะได้
มังกรเขียวขับรถ Land Rover สีดำที่มีตราทหารแปะอยู่ เขาเหมือนอยากจะระบายอารมณ์ตัวเองเลยขับรถเร็วจัดไม่สนไฟแดง และวิ่งไปตลอดทางดูต่างจากภาพลักษณ์ที่ดูสงบเรียบร้อยของเขา
รถคันนั้นจอดลงที่ลานกว้างเงียบ ๆ ทั้งคู่ลงจากรถตามกันมา
“ท่านผู้อาวุโส เชิญทางนี้ครับ”
มังกรเขียวนำทางไป
เมื่อผลักประตูเข้าไป เขาก็พบว่าภายในนั้นเป็นสวนที่สวยมาก ๆ ภายในนั้นมีบ่อน้ำพุที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยหินสีน้ำเงินตรงกลางสวน มีรูปปั้นสลักเป็นมังกร 2 ตัว ราวกับว่ามันมีชีวิต มีน้ำใส ๆ ไหลออกจากปากของมัน
ทั้งรูปปั้นมังกร ทั้งสะพานเล็ก ๆ ทั้งน้ำที่ไหลเย็น สวนแห่งนี้เรียกได้ว่าปฏิบัติตามหลักฮวงจุ้ยแทบจะทุกประการ
ฉู่ชวิ๋นเองก็ยังรู้สึกสงบ แต่เขาก็ยังแอบ ๆ ระมัดระวังตัวอยู่ดี เพราะสวนที่ดูสวยงามแห่งนี้จริง ๆ แล้วถูกสร้างขึ้นโดยผู้ฝึกตน
ยิ่งไปกว่านั้นมีออร่าที่ทรงพลังมากกว่า 2 คนในสวนแห่งนี้ด้วย อย่างน้อย ๆ พวกเขาก็ต้องเป็นถึงขั้นปรมาจารย์ ท้ายที่สุดของแบบนี้มันขาดกันไม่ได้อยู่แล้ว พวกเขาเดินผ่านสวนแล้วเดินตรงเข้าไปยังด้านหลัง ดวงตาของเขาเบิกโตขึ้นมาทันที
สระน้ำสีเขียวมรกตกับดอกบัวบานสะพรั่ง มีแมลงปอบินฉวัดเฉวียนไปมาผิวน้ำ ทำให้เกิดระลอกคลื่นกระจายเป็นวงกว้าง
สะพานเล็ก ๆ ที่อยู่ด้านข้างนั้นก็ดูแปลกตาและมีบรรยากาศของประวัติศาสตร์ น้ำใต้สะพานใสเหมือนแก้วและปลาคาร์ปสีแดง 2-3 ตัวกำลังว่ายไปมา
พวกเขาเดินข้ามสะพานไปแล้วก็เห็นศาลาไม้พร้อมโต๊ะหินที่อยู่ด้านใน ในตอนนั้นมีชาย 2 คนนั่งอยู่ตรงกันข้ามกัน พอเห็นว่าพวกฉู่ชวิ๋นมาพวกเขาก็ลุกขึ้นต้อนรับทันที
“สหาย เราเจอกันอีกแล้วนะ” ชายชราผายมือออกมาแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม เหมือนคุณปู่ใจดีข้างบ้าน
แต่ฉู่ชวิ๋นไม่โดนหลอกโดยภาพลักษณ์ง่าย ๆ แบบนี้ อย่าว่าแต่จะก่อนหน้านี้เขาเคยโดนโจมตีเลย ก่อนหน้านี้แค่ไม่กี่ชั่วโมงก่อน คนคนนี้ยังเป็นคนยุยงปลุกปั่นให้มังกรเขียวชิงปืนชีพจรสายฟ้าไปอีก ฉู่ชวิ๋นรู้ดีอีกว่าฝ่ายเชื่อใจไม่ได้ แต่ในตอนนี้เขาก็ต้องรักษามารยาทพูดดีกับไอ้เฒ่าหัวขโมยนี้ไปก่อน
“ครับ เราเจอกันอีกแล้ว ก้นคุณตอนนี้เป็นไงบ้างครับ” ฉู่ชวิ๋นพูดสวนขึ้นมาฉับพลัน
รอยยิ้มบนใบหน้าของชายชราหุบลงทันที แล้วเผลอคิดย้อนกลับไปเมื่อคืนนั้น คืนที่เขาลอบโจมตีแต่กลับโดนโจมตีสวนที่ก้นจนบาดเจ็บ ซึ่งเป็นเรื่องที่โคตรน่าอับอายเลย
พอได้ยินแบบนั้น หัวหน้าหมายเลข1 ก็อดหันกลับไปดูก้นของชายชราไม่ได้ มังกรเขียวขนลุกไปทั้งหัว แล้วรีบก้มหัวลงทันที
ชายชราคนนั้นหน้าแดงก่ำด้วยความอาย ก่อนที่จะมองฉู่ชวิ๋นด้วยความโกรธ มารยาททำตัวเป็นผู้ดีนั้นหมดสิ้นกันแล้ว เขาคิดแค่ว่าไอ้เด็กเวรนี้มันวอนซะแล้ว กล้าดียังไงมาท้าทายตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอแบบนี้?
เขาทำหน้าบูดบึ้งและตะคอกอย่างเย็นชา “ไอ้เด็กนี่ พูดจาเลอะเทอะ กล้าดียังไงมาลามปามฉัน สงสัยต้องสั่งสอนสักหน่อยแล้ว”
“หลงอ๋าวใจเย็น ๆ อย่าเพิ่งโกรธไปเลย สหายคนนี้ยังเด็กนัก อย่าไปถือสาเลย…” หัวหน้าหมายเลข1 รีบพูดแก้
“เหอะ อายุยังน้อยก็รู้จักปั้นน้ำเป็นตัว ทำชื่อเสียงฉันป่นปี้แบบนี้ จะไม่ให้สั่งสอนให้รู้สำนึกได้ยังไง” ชายชราคนนั้นพับแขนเสื้อโกรธจัดเหมือนจะเอาเรื่องให้ได้ ไม่สนใจภาพลักษณ์
“ผู้อาวุโสหลงอ๋าว อย่าวู่วามไปเลย ค่อย ๆ คุยกันดีกว่านะ เพื่อนฉู่ชวิ๋นคนนี้ทำคุณประโยชน์ใหญ่หลวงให้ประเทศนี้เลยนะครับ” หัวหน้าหมายเลข1 พูดเกลี้ยกล่อม
“ทำเรื่องดีก็ต้องได้รับรางวัลรับความชื่นชม ทำผิดก็ต้องโดนลงโทษ ฉันจะลงโทษเด็กนี่ก่อนแล้วค่อยคุยเรื่องรางวัลกันทีหลัง” ชายชราดูตั้งใจที่จะสั่งสอนฉู่ชวิ๋นให้ได้
ฉู่ชวิ๋นยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะใช้วิชาตัวเบาพุ่งทะยานไปยังมุมมืดของสวน ที่นี่มีขั้นปรมาจารย์ 2 คนอยู่ พวกเขามีหน้าที่ปกป้องหัวหน้าหมายเลข1
ทั้งคู่นั้นอายุประมาณ 50 ปี ดวงตาคมเหมือนมีด มองดูบรรยากาศโดยรอบเหมือนเสือเจ้าถิ่น เมื่อเห็นการโจมตีของฉู่ชวิ๋น พวกเขาก็สีหน้าเปลี่ยนทันที
จากบทสนทนาของชายชรากับหัวหน้าก่อนหน้านี้ พวกเขาก็รู้ได้เลยว่าฉู่ชวิ๋นนั้นไม่ใช่คนธรรมดา พวกเขาเลยระมัดระวังตัวเป็นพิเศษตลอดเวลามานานแล้ว
ตู้ม!
สายลมแรงพัดกระจัดกระจาย พลังงานรุนแรงเหมือนอสุรกายตื่นจากการหลับใหลในเงามืด คลื่นลมปราณกำปั้นสีขาวพุ่งออกมาตามกำปั้นทำให้เกิดเสียงระเบิด หมัดของเขานั้นมีพลังวิญญาณห่อหุ้มไว้ทำให้ทันทีที่ต่อยนั้นเกิดเป็นเสียงระเบิดดังขึ้น
หนึ่งในนั้นมีใบหน้าที่เย็นชา ลมปราณไหลเวียนอย่างบ้าคลั่งเหมือนพายุที่รุนแรง และทันใดนั้นพายุก็ปรากฏขึ้นรอบตัวเขา ก่อนจะปรากฏเป็นรังสีดาบแล้วฟาดฟันรับกับหมัดของฉู่ชวิ๋น
ตู้ม!!
คลื่นกำปั้นสีขาวปะทะเข้ากับรังสีดาบ ใบหน้าของชายคนนั้นตกใจและถือดาบในมือไว้แน่น
แกร๊ง!!!!
เสียงของโลหะกระทบกัน กำปั้นและดาบปะทะกันเข้าอย่างจังและแยกออก
เมื่ออีกฝ่ายอยู่กลางอากาศก็โดนฉู่ชวิ๋นสวนกลับ มือเท้าถูกพันด้วยเส้นไหมวิญญาณก่อนจะห้อยหัวของเขาลงแล้วห้อยต่องแต่งกลางอากาศ จนคอเกือบหัก
ในขณะเดียวกันนั้นเอง แสงดาบอันแหลมคมก็พุ่งขึ้นไปในอากาศ ฉู่ชวิ๋นโยกตัวหลบมีด แต่ต้นไม้พู่สีแดงที่หนา 10 เมตรข้างหลังเขาถูกผ่าออกทันที นิ้วมือทั้งห้าขยับเบา ๆ มีเส้นไหมวิญญาณปรากฏขึ้นและระเบิดออกมา
ก่อนที่ปรมาจารย์อีกคนจะถือดาบทองพุ่งตรงเข้ามา สายตาจับจ้องไปที่ฉู่ชวิ๋นและเงื้อดาบขึ้นแล้วฟันลงไปที่เส้นไหมวิญญาณ จากนั้นดาบก็ระเบิดออก ฉู่ชวิ๋นยกมือขึ้นแล้วใช้มือรับดาบคมกริบทันทีก่อนที่อีกฝ่ายจะรู้ตัว
เส้นไหมวิญญาณพันดาบทองไว้ จากนั้นฉู่ชวิ๋นก็กำมือแน่น
เสียงปริแตกของโลหะเกิดขึ้นอย่างรุนแรงจนกระทั่งเกิดรอยแตกที่ดาบทองนั้น ก่อนที่มันจะส่งเสียง ‘เพล้ง!’ ดาบแตกออกมาเป็นเศษทองจำนวนมหาศาล
ชายคนนั้นตะลึง ก่อนจะคิดว่าต้องชักดาบอีกเล่มเพื่อมาป้องกันตัว แต่มันสายก็ไปแล้ว เร็วเท่าความคิดเส้นไหมวิญญาณพันมือของเขามัดกับด้ามดาบไปเรียบร้อยแล้วก่อนที่เส้นไหมวิญญาณจะกระจายตัวไปทั่วแล้วมัดเขาไว้จนแน่น
ฉู่ชวิ๋นกระชากตัวของทั้งสองคนแล้วยกขึ้นพร้อม ๆ กัน “สหาย หยุดก่อนเถอะ”
“สหายฉู่ชวิ๋น เมตตาด้วยเถอะ!!”
จ๋อม! จ๋อม!
เสียงน้ำสาดกระจาย ปลาคาร์ปที่หาอาหารอยู่ตกใจกลัวว่ายหนีไป แมลงปอเองก็บินหนีด้วยความตื่นตระหนก ฉู่ชวิ๋นโยนพวกเขาทั้งสองลงบ่อน้ำอย่างไม่ไยดี
ฉู่ชวิ๋นหันกลับมาแล้วมองชายชราก่อนจะยิ้มแล้วพูดว่า “ทีหลังก็รีบบอกสิ จะได้หยุด…มั่ง”
ชายชรามองหัวหน้าหมายเลข1 แล้วเห็นสายตาที่ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะเขาไม่รู้จะพูดยังไง พวกเขาตะโกนให้ยั้งมือแล้ว แต่ไอ้หนูนี่กลับไม่สนใจ
ฮา…!!
เสียงของชายสองคนโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ ชายทั้งสองที่โดนโยนลงไปในบ่อน้ำก่อนหน้านี้จมน้ำแล้ว พยายามตะเกียกตะกายขึ้นเหนือน้ำก่อนจะหายใจเฮือกใหญ่
ทั้งคู่นั้นแข็งแกร่งมากในหมู่ผู้ฝึกตนด้วยกัน แต่เขากลับขยับร่างกายได้อย่างยากลำบากมีแค่ปากเท่านั้นที่ขยับได้ แถมยังเจ็บใจมากอีกต่างหาก
แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขายิ่งหวาดกลัวเข้าไปใหญ่ เพราะเส้นไหมวิญญาณที่มัดเขาไว้นั้นจริง ๆ แล้วมันกำลังกดทับเส้นชีพจรอยู่ ทำให้ตอนนี้ลมปราณไม่ไหลเวียนนั้นเป็นเหตุผลที่เขาเจ็บใจมาก
“สหาย เมตตาด้วยเถอะ” ชายชราพูดด้วยความขมขื่นกับใจที่ไม่อยากยอม
“ปล่อยพวกเขาไปเถอะนะ” หัวหน้าหมายเลข1 ยิ้มอย่างขมขื่น สองคนนี้เป็นบอดี้การ์ดที่ไว้ใจได้มากที่สุด แล้วพวกเขาก็ไม่ได้ทำอะไรผิดด้วย
ฉู่ชวิ๋นยักไหล่ก่อนจะดึงมือขึ้น
ตู้ม!
เสียงน้ำในบ่อสาดกระจาย ขั้นปรมาจารย์ทั้งสองโดนดึงขึ้นมาจากสระน้ำโดยเส้นไหมวิญญาณ เหมือนปลาใหญ่สองตัวที่ฉู่ชวิ๋นจับมาได้ก่อนจะขึ้นฝั่งมาอย่างแสนสาหัส
บ่อบัวตอนนี้เละเทะไปหมด ดอกบัวที่เคยบานตอนนี้ถูกทำลายหมดแล้ว!