จักรพรรดิเซียนหวนคืน - บทที่ 241 ออกจากภัยอันตราย!
บทที่ 241 ออกจากภัยอันตราย!
ทักษะวิชาเรียกพายุสายฟ้าของเหลยเป้านั้นรุนแรงมาก ฝูงฮายีน่าที่บุกเข้ามาถูกไฟฟ้าช็อตจนไหม้เกรียมร่างระเบิดเป็นซากนอนกองกันเป็นภูเขา
ถัดมาเป็น กระรอกยักษ์พวกมันตัวใหญ่และน่ากลัวมาก แต่ละตัวล้วนยาวกว่า 1 เมตรไม่นับรวมหาง คมเขี้ยวของพวกมันสามารถขย้ำทั้งคนทั้งกระดูกได้สบายๆ กลุ่มจอมยุทธ์ที่เข้าไปสู้กับมันในรอบแรกต่างก็ถูกพวกมันกระชากแขนขาดออกอย่างง่ายดาย
เหลยเป้าฟาดสายฟ้าลงมาทำให้กระรอกยักษ์พวกนี้ระเบิดกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยภายในพริบตา
เมื่อเห็นพลังอันล้นเหลือของพายุสายฟ้านี้แล้ว เหล่าจอมยุทธ์ต่างก็รู้สึกใจชื่นขึ้นมาก พวกเขาเริ่มโจมตีสวนกลับไป
จริงๆ แล้ว นอกเหนือเป็นตัวเก่งๆแล้ว ที่เหลือแต่ละส่วนใหญ่ไม่ต่างอะไรกับเหล่าจอมยุทธ์พวกนี้อยู่แล้ว เมื่อจำนวนของพวกมันลดลงมาแล้วก็ไม่มีอะไรที่พวกเขาต้องกลัวอีกต่อไป
ฝูงสัตว์ร้ายถูกล้างบางเข้าให้แล้ว แต่เหล่าจอมยุทธ์เองก็ต้องเสียสละเลือดเนื้อไปด้วยเช่นกัน
ตอนนี้พวกเขากำลังเรียกขวัญกำลังใจกลับมา ไม่นานนักพวกเขาก็เข้าใจแล้วว่าต้องเป็นหนึ่งเดียวกันถึงจะรอดพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปได้
ในกลุ่มจอมยุทธ์กว่า 1,000 คนนั้น มีผู้ที่เป็นจอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์อยู่มากมาย แถมยังมีจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิปะปนอยู่อีกด้วย ทำให้เหล่าสัตว์ร้ายต่อกรด้วยไม่ไหวจนล้มตายเป็นจำนวนมาก
แต่ยังไงก็ตาม สัตว์พวกนี้ก็มีมากเกินไป มากเสียจนมองไม่เห็นอะไรข้างหน้าเลยแม้แต่น้อย ราวกับพวกมันกำลังจะกลืนกินเหล่าจอมยุทธ์ก็ไม่ปาน
แม้แต่จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิก็ยังรู้สึกมือไม้ชาทำอะไรไม่ถูก เมื่อเห็นจำนวนที่แตกต่างกันมากถึงขนาดนี้ เหมือนพวกมันใช้กำลังจำนวนเข้าสู้กับพวกเขาอย่างไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย
แม้จะถูกสังหารไปหลายพันตัว แต่จำนวนจอมยุทธ์ที่ล้มตายไปก็มากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน
“พวกเราคงขึ้นไปที่ยอดเขาไม่ได้แล้ว มองไม่เห็นทางไปต่อเลย”
หญิงหม้ายพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“พวกเราต้องฝ่าพวกมันออกไป” เหยียนชงแพร่จิตสังหารออกมา
ทันใดนั้นเอง จุดที่ไม่ไกลจากฉู่ชวิ๋นนักก็เกิดการระเบิดขึ้น ตัวนิ่มยักษ์ยาวกว่า 2 เมตรปรากฏ ผิวหนังห่อหุ้มด้วยเกล็ดแข็ง ถูกตัดออกเป็นสองท่อน
เลือดนองพื้นพร้อมกับกลิ่นเฉพาะตัวที่ลอยออกมา
เมื่อตัวนิ่มตัวหนึ่งเห็นพวกพ้องของมันพลาดท่าตายไป มันก็แหกกรงเล็บออกมาพร้อมกับสะบัดหางที่ห่อหุ่มด้วยเกร็ดแหลมคม ฟาดฟันเหล่าจอมยุทธ์ที่อยู่ข้างหน้า
“ไปตายซะ!” หญิงหม้ายปล่อยลูกไฟออกมาจากฝ่ามือ พุ่งตรงไปยังร่างของตัวนิ่มยักษ์จนตัวระเบิดในทันที
พลังของลูกไฟลูกนี้รุนแรงมาก แม้แต่เกราะที่ปกป้องพวกมันจากการโจมตีที่หลากหลายก็ไม่สามารถทนต่อลูกไฟลูกนี้ได้เลยแม้แต่น้อย ร่างใหญ่โตของตัวนิ่มล้มลงไปนอนกองกับพื้นพร้อมกับก้อนเนื้อขนาดใหญ่ที่หายไปจากแรงระเบิด
ร่างบางของหญิงหม้ายไม่รอช้าวิ่งเข้าไปกลางวงของตัวนิ่มกว่า 8 ตัว ที่กำลังสับสนกับกลิ่นเลือดที่คละคลุ้งไปทั่ว
เธอกระโดดขึ้นไปกลางอากาศพร้อมกับเปลวไฟที่กลายเป็นดาบเพลิง
พรึบ! พรึบ!
ร่างกายของพวกมันถูกเผาจนเกรียมส่งกลิ่นหอมน่ากินลอยออกมา ต้องเข้าใจว่าเลือดเนื้อของสัตว์ร้ายพวกนี้สามารถมีความพิเศษ ช่วยพื้นฟูพลังและพัฒนาความสามารถขึ้นได้ทำให้จิตวิญญาณของเหล่าจอมยุทธ์รุ่มร้อนขึ้นมา
ฉู่ชวิ๋นหัวเราะเบาๆ ตอนที่เขาอยู่ในโลกเซียน เขาไม่เคยกินเนื้อสัตว์อ่อนๆพวกนี้มาก่อน ตอนนี้เขากลับมาที่โลกนี้แล้ว ท้องของเขาก็หิวโซขึ้นมาเหมือนกันเมื่อเห็นตัวนิ่มพวกนี้
ฉู่ชวิ๋นเดินเข้าไปใกล้ๆ ศพของตัวนิ่มแล้วหั่นชิ้นเนื้อก้อนโตออกมา 2 ชิ้นก่อนที่จะเก็บมันลงไปในแหวน
“พวกนี้น่าจะเป็นเนื้อชั้นดี รสชาติต้องออกมาดีแน่ๆ หลังจากที่ปรุงรสแล้ว ที่เหลือใครจะเอาไปก็ได้เลยนะ แบ่งๆ กันไปได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ”
ผู้คนรอบๆ ตัวของตะลึงเล็กน้อย ในสถานการณ์แบบนี้ ยังมีคนคิดอะไรแบบนี้ได้อยู่อีกเหรอ?
“ก่อนจะกินพวกมัน ระวังโดนมันกินก่อนดีกว่าไหม?” ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ดูถูก
หญิงหม้ายมองอย่างเยือกเย็นและกำลังจะสั่งสอน แต่ฉู่ชวิ๋นก็ห้ามไว้ก่อน
“พวกเราจะฝ่าเส้นทางอันนองเลือดแห่งนี้ออกไปอย่างไงดีหละ?” จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 1 ยกแขนขึ้นแล้วตบตะขาบยักษ์ตัวยาว 1 เมตรแหลกเป็นเศษก่อนที่จะตะโกนถามเหลยเป้า
จากนั้นเหลยเป้าก็มองไปที่ฉู่ชวิ๋น
จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิหันไปมองที่ฉู่ชวิ๋นตามเหลยเป้า เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังหนุ่มอยู่มากเขาจึงขมวดคิ้ว เขาละเกลียดสำนักใหญ่ๆที่ชอบส่งเด็กๆมาเป็นผู้นำที่สุด จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิเก่งๆ กลับต้องมาคอยปกป้องเด็กแบบนี้
ฉู่ชวิ๋นส่ายหน้า
จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิโกรธและพูดออกมาว่า “ช่างมันเถอะ ยังไงซะถ้าพวกเราไม่ฝ่าออกไปก็ต้องตายกันอยู่ที่นี่แหละ!”
“เฮ้ยๆ พูดอะไรระวังหน่อย!” เหลยเป้าเองก็พูดด้วยความโมโหเล็กน้อย
ฉู่ชวิ๋นโบกมือ เขาเห็นว่าจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิคนนี้ไม่ธรรมดาเลย ขณะที่เขาฝ่าวงล้อมฆ่าสัตว์ร้าย เขาก็ค่อยช่วยเหลือคนอื่นๆ ไปด้วย เพราะเขาทำให้จอมยุทธ์หลายคนที่กำลังจะไปเยือนประตูนรกกลับมาสู่โลกปัจจุบันได้อีกครั้ง
“คุณคือ?” ฉู่ชวิ๋นถามขึ้น
จักรพรรดิคนนี้ก็หันมามองฉู่ชวิ๋น พร้อมกับสีหน้ามั่นใจ ก่อนที่จะพูดออกมาว่า “ฉัน ยวีเฉิง รู้จักกันในชื่อจักรพรรดิยา”
“โอ้ ไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็นจักรพรรดิยา คนนั้น”
“ว่ากันว่าเขามีอารมณ์ที่แปรปรวนและสติไม่ปกติสักเท่าไหร่ แต่ยังไงซะความสามารถด้านยาและสมุนไพรนั้นพูดได้เลยว่าหาตัวจับได้ยาก”
“มีคนกล่าวว่าเขามีกฏอยู่ 3 อย่างที่เขาไม่จะช่วยเหลือเลยแม้จะเป็นจะตาย : อย่างแรกไม่ช่วยคนเลว สองคนอวดรวย และ…แค่ไม่อยากช่วย”
ผู้คนรอบๆ ต่างกระซิบกระซาบ
ฉู่ชวิ๋นที่ฟังอยู่นั้นก็ได้แต่ยิ้มออกมา คนๆ นี้มีความเป็นตัวเองสูงไม่น้อยโดยเฉพาะเรื่องที่ทำบ้าๆให้ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับเขา มันอาจจะเป็นเรื่องที่เขาต้องการให้เป็นแบบนั้นอยู่แล้วก็ได้
“ฉายาจักรพรรดิยาช่างน่าชื่นชม” ฉู่ชวิ๋นยกกำปั้นขึ้นเคารพ
จักรพรรดิยายิ้มเย้ยที่ริมฝีปาก และเพียงโบกมือเท่านั้น
เมื่อเหยียนชง และคนอื่นๆ เห็นแบบนั้นก็โกรธจัดทันที ไอ้จักรพรรดิยานี้มันหยิ่งเกินไปแล้ว!
ฉู่ชวิ๋นยิ้มอ่อน แล้วพูกออกมา “ดูนั้นสิ”
ทุกคนก็มองตามทางที่ฉู่ชวิ๋นชี้ไป มันคือยอดของหุบเขาสูงขึ้นไปกว่า 1,000 กิโลเมตรจากระดับน้ำทะเล หมาป่ายักษ์ตัวใหญ่พอๆ กับหัวรถจักรยืนอยู่อย่างองอาจ ขนสีขาวของมันสะท้อนแสงออกมาราวกับเป็นรัศมีที่เปร่งประกาย
“นั้นมัน?” จักรพรรดิยาจ้องมองตาไม่กระพริบ
“จักรพรรดิแห่งสัตว์ป่า” ฉู่ชวิ๋นตอบ “มันคือต้นเหตุว่าทำไมสัตว์ป่าถึงยังคงจู่โจมพวกเรา พวกสัตว์อยู่ภายใต้การควบคุมของมัน ถ้าพวกเราจัดการมันได้ พวกสัตว์ป่าจะหนีหายไปเอง แต่ถ้าเราบู่มบ่ามออกไป จะมีสักกี่คนกันที่รอด?”
มุมปากของจักรพรรดิยากระตุกขึ้นสองสามครั้ง ถ้าเป็นไปตามที่ฉู่ชวิ๋นพูดจริงๆ ต่อให้รวมตัวผู้มีความสามารถกันมากขนาดนี้เห็นทีจะไม่มีใครรอดออกไปจริงๆ
“ฉันจะไปฆ่ามันเอง” จักรพรรดิยาพูด
“นายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมันหรอก” ฉู่ชวิ๋นพูดอย่างเฉยเมย
จักรพรรดิยาหันกลับมามองด้วยตาที่เหลือกกว้างทันที ถ้าเขาไม่กลัวเหลยเป้าหรือหญิงหม้ายคนนั้น เขาจะซัดหน้าไอ้เด็กคนนี้แล้ว อายุเขาก็เกือบจะ 200 ปีอยู่แล้ว ในสายตาของเขาฉู่ชวิ๋นก็แค่เด็กอ่อนประสบการณ์กากๆ เท่านั้น
ฉู่ชวิ๋นมองค้อนกลับไป “ร่างกายของสัตว์ป่าตัวนั้นแข็งแกร่งกว่าจอมยุทธ์หลายเท่า มันสามารถฝึกฝนตัวเองได้ มันต้องเริ่มจากการปลดปล่อยพลังจิตวิญญาณก่อน ซึ่งยากกว่าการฝึกวิชาของมนุษย์มาก แต่เมื่อมันทำสำเร็จแล้ว พลังของมันจะแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ในระดับเดียวกันมาก…”
ปากของจักรพรรดิยาเม้มแน่น สีหน้าของเขายังแฝงสาดตาอันดูถูกอยู่ แต่ลึกๆ เขาก็คิดว่าฉู่ชวิ๋นก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์เลยสักนิด
“เหลยเป้า เหยียนชง ไปกับจักรพรรดิยา จัดการมันให้ฉันดูหน่อย” ฉู่ชวิ๋น พูดต่อ
จักรพรรดิยาตะลึงกับวิธีคิดของฉู่ชวิ๋นที่จะส่งจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ 3 คนเข้าไปจัดการเป้าหมาย แถมเป้าหมายก็แค่ตัวเดียว เขาไม่คิดว่าบนโลกนี้จะมีคนแบบนี้อยู่ แต่ตอนนี้เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเด็กคนนี้ อีกฝ่ายซ่อนพลังอะไรไว้อยู่กันแน่?
เขาคิดว่าคำสั่งนี้เป็นเพียงแค่มุขตลก “มันก็แค่สัตว์ป่าดุร้ายตัวเดียว มันจะรอดจากการจู่โจมของฉันไปได้ยังไง? แต่ถ้าบุกเข้าไปตรงๆ เห็นทีจะเข้าไปได้ไม่ถึง 10 เมตร ก็โดนพวกมันแห่กันมารุมแล้ว เว้นแต่ว่าเราจะซ่อนตัวเข้าไปหามันได้…”
“เป็นไปไม่ได้เลยที่จะฝ่าเข้าไป แต่เรายังพอที่จะแฝงตัวเข้าไปได้”
“นายกำลังพูดถึงอะไร?” จักรพรรดิยามองกลับมาด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ เขาคิดว่าตัวเองหูฟาดไป
ฉู่ชวิ๋นไม่สนใจ เขาหยิบแหวนหยกโบราณออกมา ตอนที่เขาสังหารโหยวเทียนอี้ในเมืองกู่เจียง เขาเก็บแหวนหยกนี้เอาไว้
ฉู่ชวิ๋นร่ายวงเวทย์โบราณจางๆ ลงบนแหวน เขาโยนมันให้กับเหลยเป้า
“ลองถ่ายถอดลมปราณให้กับมันดู”
พอได้ยินแบบนั้นเหลยเป้าก็ทำตามทันที แสงสีเขียวส่องสว่างออกมาจากแหวน และร่างของเหลยเป้าก็หายไปทันที
ทุกคนต่างตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“เยี่ยม!” ฉู่ชวิ๋นพูด
หลังจากที่เหลยเป้าหยุดปล่อยพลังลมปราณ ร่างของเขาก็ปรากฏขึ้นมาต่อสายตาทุกคน
“กะ…เกิดอะไรขึ้น?” เหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกคนรอบตัวเขามองเขาด้วยความตกใจ
หลังจากนั้นหญิงหม้ายจึงอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นให้เหลยเป้าฟัง เขาเองก็ตกใจเหมือนกันที่ตัวเองสามารถหายตัวได้
ฉู่ชวิ๋นร่ายวงเวทย์แบบเดียวกันลงไปในแหวนหยกอีกสองวง
“จำไว้ว่ามันจะคงสถานะหายตัวไว้ได้แค่ 20 นาทีเท่านั้น” อย่างไรซะมันก็เป็นแค่แหวนผลึกเวทมนต์ มีพลังต่างจากหินจิตวิญญาณอย่างสิ้นเชิง การที่สามารถยืดเวลาของสถานะพิเศษได้กว่า 15 – 20 นาทีนั้นถือว่าวิเศษมากแล้ว
สายตาของจักรพรรดิยาที่มองมายังฉู่ชวิ๋นนั้นแตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เขามองฉู่ชวิ๋นด้วยความรู้สึกที่เหมือนกับมองเห็นตัวประหลาด
“น้องชาย นายเป็นนักพรตเหรอ?”
“อืม!” เขาตอบไปเพราะไม่อยากจะอธิบายอะไรให้มากความ
จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิทั้งสามต่างก็แทรกลมปรานเข้าไปในแหวนหยกก่อนที่จะทะยานขึ้นไปบนยอดเขา
แน่นอนว่าพวกสัตว์ป่าที่กำลังบ้าคลั่งมองไม่เห็นพวกเขา ด้วยความชำนาญระดับสูงของคนทั้ง 3 คน ตอนนี้พวกเขาอยู่ห่างจากจักรพรรดิแห่งสัตว์ป่าเพียง 100 เมตรเท่านั้น
“ทุกคน! เราต้องเรียกร้องความสนใจ ให้จักรพรรดิหมาบ้านั้นมาสนใจพวกเรา เพื่อเปิดโอกาสให้กับสามคนนั้น!” ฉู่ชวิ๋นพูด
เพราะว่าทุกคนกำลังสนใจในสิ่งที่จะเกิดขึ้นมากเกินไป จนไม่ค่อยได้สติ
เมื่อทุกคนได้ยินแบบนั้น พวกเขาก็พยายามใช้พลังของตัวเองเพื่อดึงดูดความสนใจ ใส่พวกสัตว์ป่าน้อยใหญ่ที่บุกเข้ามา
ตอนนี้จอมยุทธ์จักรพรรดิทั้งสามก็เข้าใกล้หมาป่ายักษ์มากแล้ว
หมาป่าตัวนี้ก็ยังคงนิ่งไม่ไหวติง มันมองลงไปยังศึกสงครามด้านล่างอย่างสงบนิ่ง ดวงตาของมันมีเปลวเพลิงสีน้ำเงินสถิตอยู่ จมูกของมันขยับไปมาเหมือนกำลังดมกลิ่น ขนที่สะท้อนแสงนั้นเหมือนกับใบมีดเหล็กสีเงิน
ทันใดนั้นดวงตาของมันก็เปลี่ยนไปอยู่ในภาวะตื่นตัวทันที จักรพรรดิยารู้สึกไม่ดีกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของมันมากๆ
อะ-ฮู้ว!!!
หมาป่ายักษ์เงยหัวขึ้นพร้อมกับส่งเสียงหอนดังไปทั่วทั้งแนวเขา สัตว์ป่าน้อยใหญ่หยุดการโจมตีทั้งหมดทันที ก่อนที่จะวิ่งถอยกลับไป
“บ้าเอ้ย! พวกเราถูกพบแล้วเหรอเนี่ย!”
พวกเขารู้แล้วว่าแผนการรอบโจมตีครั้งนี้ถูกเปิดโปงแล้ว พวกเขาจึงแยกตัวกันออกไปเป็นสามมุมล้อมหมาป่ายักษ์เอาไว้
ไม่นานนักคลื่นลมปราณสีขาวก็ปรากฏพร้อมกับบอลสายฟ้า ตามหลังมาด้วยคมดาบแห่งเปลวเพลิง
หมาป่ายักษ์กระโดดเข้าไปในป่าอย่างอุกอาจ ก่อนจะหายเข้าไปในป่าทึบราวกับหมอกควัน
ตู้ม!
เศษหินดินทรายกระจายไปทั่วทุกทิศ จุดที่หมาป่ายักษ์เคยอยู่ตอนนี้กลายเป็นหลุมกว้างราวกับอุกกาบาตตกใส่!
พวกเขาโชคไม่ดีเลยที่หมาป่าตัวนั้นตื่นตัวตลอดเวลาและมันก็ว่องไวมากๆ มันจึงหนีไปได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับฝูงสัตว์ป่าของมัน ทิ้งไว้แค่เพียงซากของสงครามและหนองน้ำที่กลายเป็นสีเลือด
ศพของสัตว์ร้ายกองอยู่เกลือนทุกหนทุกแห่ง เหล่าจอมยุทธ์เองก็เสียกำลังไป 1 ใน 3 ภาพที่หลงเหลืออยู่ในตอนท้ายนั้นมีเพียงแค่ภาพอันหน้าหดหู่ ใครหลายต่อหลายคนต้องสูญเสียคนที่รักไป ไม่ว่าจะเป็นสหาย คนรัก หรือแม้กระทั้งคนในครอบครัว
จอมยุทธ์จักรพรรดิทั้งสามกลับลงมายังเชิงเข้าด้านล่างแล้วในตอนนี้
ฉู่ชวิ๋นเองก็ยังคงยืนนิ่งเงียบ การที่หมาป่าตัวนั้นรู้ถึงการลอบสังหารครั้งนี้ที่เขาวางแผนเอาไว้อยู่เหนือความคาดหมายของเขาไปมาก หากมีสัตว์ร้ายขั้นจักรพรรดิมากกว่านี้มันจะเป็นหายนะสำหรับมนุษยชาติแน่ๆ
ทั้งความดิบเถื่อน ไหวพริบ มันเก่งกว่าจอมยุทธ์จักรพรรดิทั่วๆไปจริงๆ
ตอนนี้ภายใต้บรรยากาศอันโศกเศร้า ร่างไร้วิญญาณของสหายและพวกพ้องของเหล่าจอมยุทธ์ต่างก็ถูกฝังลงไปในดินเรียบร้อยแล้ว ฝูงคนต่างก็รีบกลับไปยังเมืองมังกรทันที เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ดูดพลังงานของพวกเขามากไปแล้ว ถ้าฝูงสัตว์คลั่งบุกมาอีก พวกเขาจะได้มีกำลังพอที่จะสู้ต่อ
“งั้นพวกเราก็กลับกันบ้างเถอะ!” ฉู่ชวิ๋นตอบ
จักรพรรดิยาบอกกับฉู่ชวิ๋นว่าเขาคุ้นเคยกับการทำงานคนเดียวมาตลอดแต่ตอนนี้เขามองฉู่ชวิ๋นด้วยความชื่นชม
“วิธีของน้องชายจัดว่าคาดไม่ถึงเลยนะ แต่เหมือนว่าพลังการฝึกฝนของนายจะน้อยไปนะ แต่ฉันคิดว่านายพรสวรรค์สูงส่งไม่ธรรมดาเลย งั้นก็เหลืออยู่เหตุผลเดียวก็คือนายขี้เกียจเกินไป หวังว่านายจะตั้งใจมากกว่านี้นะ เพราะทุกอย่างตัดสินกันที่ความแข็งแกร่งนี้ละ” จักรพรรดิยาไม่ลืมสอนฉู่ชวิ๋นเอาไว้ก่อนที่จะจากไป
เหยียนชง เหลยเป้า และคนอื่นๆ จ้องมองไปที่ด้านหลังจักรพรรดิยา และมุมปากของพวกเขาก็กระตุก…กระตุก…กระตุกแล้วกระตุกอีก!