จักรพรรดิเซียนหวนคืน - บทที่ 287 สาดน้ำเสีย
บทที่ 287 สาดน้ำเสีย
เฉิงเฉวียนตื่นกลัว ชายชุดดำที่ทำร้ายเขาแข็งแกร่งเกินไป เขารับมือไม่ได้เลยแม้แต่กระบวนท่าเดียว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอื่นเลย พวกเขาทุกคนได้แต่รอรับความตายอย่างไร้ทางต่อต้าน ได้แต่โดนสังหารไปทีละคน ๆ
“ประตูวิญญาณสลาย พวกแกหักหลังกันแบบนี้ต่อให้พวกเราต้องตายสวรรค์ก็ต้องลงโทษพวกแกแน่” เฉินเฉวียนตะโกนออกมาด้วยความโมโหและความเสียใจ
“เฮอะ ต่อให้มีสวรรค์จริง ๆ แกก็ไม่ได้เห็นมันหรอก” ชายชุดดำหัวเราะอย่างเย็นชาและฆ่าเฉิงเฉวียนในหมัดเดียว ก่อนที่จะแย่งเอาแหวนมิติมา
ชายชุดดำเดินไปจิ้มนิ้วบนตัวอูหมิงที่พึ่งตายไป
ผ่านไปสักพัก ร่างกายของอูหมิงก็ขยับ ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา
อูหมิงรู้สึกเวียนหัว ผ่านไปครู่ใหญ่เขาถึงนึกได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อหันไปมองก็พบว่าเพื่อนร่วมทางของตัวเองตายหมดแล้ว
“นายฟื้นแล้วเหรอ” เสียงแหบแห้งดังขึ้น
อูหมิงสะดุ้งเขาเห็นชายชุดดำทั้ง 2 ยังอยู่ เขาแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว ตัวเองจะลืมตาขึ้นมาทำไมเนี้ย แกล้งตายดีกว่าตั้งเยอะ
แต่จะแกล้งตายตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว เขาคลานขึ้นมาอย่างลุกลี้ลุกลน พูดทั้ง ๆ ที่ปากสั่นฟันแน่น “อย่า…อย่าฆ่าผม ผมเพิ่งจะเข้าร่วมปราสาทเทียนหลงได้ไม่นานเอง”
“ขอเหตุผลสักข้อที่ฉันจะไม่ฆ่านายหน่อย” ชายชุดดำพูดขึ้น
“ผม…ผมเป็นคนตาบอด ผมไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ผมรับรองว่าจะไม่พูดเรื่องในวันนี้ออกไป ผมสาบาน…” อูหมิงกลัวมากจริง ๆ
“เหตุผลเข้าท่า งั้นนายก็มีชีวิตอยู่ต่อไปได้” ชายชุดดำพูดขึ้นอย่างใจเย็น
“หา !” อูหมิงชะงักไป “ง่ายแค่เนี้ย?” เขาเงยหน้ามองอีกฝ่ายอย่างบื้อ ๆ
ในขณะนั้นเอง ชายชุดดำก็ดึงผ้าปิดหน้าออก อูหมิงดวงตาเบิดกว้างเท่าไข่ห่าน
“นายท่าน…” อูหมิงเข่าอ่อนร่วงลงไปกองกับพื้นพลางเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก และหัวเราะออกมาด้วยท่าทางโง่งม “นายท่าน คุณทำผมตกใจแทบตาย”
ชายชุดดำทั้ง 2 ไม่ใช่ใครอื่น ฉู่ชวิ๋นและจักรพรรดิยานั่นเอง จิ่วโยวตัวเล็กเกินไป เสี่ยงที่จะโดนจับได้ ฉู่ชวิ๋นจึงให้เธอไปซ่อนตัวก่อน
อูหมิงทั้งตกใจทั้งดีใจ เขาลูบหัวที่โนอยู่ แม้จะเจ็บจนหน้าดูไม่ได้แต่ก็ยิ้มอย่างมีความสุขที่รอดตาย
“นายท่าน ครั้งนี้ถือว่าผมได้ความดีความชอบใช่มั้ย”
ฉู่ชวิ๋นพยักหน้า “ทำได้ไม่เลว พยายามต่อไป”
“พยายามต่อไป?” อูหมิงทบทวนคำนี้ไปมาก่อนจะเบ้ปาก “นายท่าน คุณจะให้ผมแฝงตัวต่อเหรอ”
ฉู่ชวิ๋นพยักหน้า
“แต่พวกเขาตายหมดแล้ว ถ้าผมกลับไปแบบนี้จะต้องโดนสงสัยแน่”
อูหมิงส่ายหน้ารัว ๆ และพูดจาออดอ้อน “นายท่าน คุณให้ผมคอยรับใช้อยู่ข้างกายคุณเถอะ”
“เฉินเฉวียนยังไม่ตาย ติงเฉวียนก็ยังไม่ตาย” ฉู่ชวิ๋นเอ่ยขึ้น
อูหมิงตกใจ หันไปมองทั้ง 2 คนก็เห็นว่าไม่มีการขยับตัว จึงถอนหายใจออกมา
“ถ้านายช่วยพวกเขาไว้ ก็จะไม่มีคนสงสัยนายอีก พวกเราต้องรู้ให้ได้ว่าปราสาทเทียนหลงโยกย้ายไปที่ไหน วันที่ปราสาทเทียนหลงถูกล้างบางจะเป็นวันที่นายได้กลับมา” ฉู่ชวิ๋นพูด
อูหมิงรู้ว่าไม่มีทางเลือก เขาได้แต่โศกเศร้าและไม่เต็มใจ
ฉู่ชวิ๋นหยิบยาทลายพลังออกมาและเอ่ยขึ้น “กินยานี่เข้าไป”
อูหมิงตกใจมากจนคุกเข่าลงพรึ่บ ร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหล “นายท่าน ผมผิดไปแล้ว จากนี้ไปถ้าคุณให้ผมไปซ้ายผมจะไม่ไปขวาเด็ดขาด ผมรับประกันว่าจะทำตามคำสั่งของคุณ”
ฉู่ชวิ๋นอดขำไม่ได้ “ยานี้จะทำให้นายบรรลุเป็นจักรพรรดิขั้น 2”
“ผม…หา…?” เสียงร้องไห้ของอูหมิงหยุดชะงักงัน พอรู้สึกตัวเขาก็ร่าเริงขึ้นมาที่แท้นี่ไม่ใช่ยาพิษ แต่เป็นของรางวัลสำหรับเขา
“ขอบคุณนายท่าน ๆ…” อารมณ์ของอูหมิงเรียกได้ว่าไม่มีใครเกิน เมื่อกี้ยังร้องไห้โวยวาย พริบตาเดียวก็ออดอ้อนเอาอกเอาใจ
จักรพรรดิยามองอย่างอึ้งทึ่ง คนอย่างเจ้าหมอนี่ไม่ไปเล่นละครถือว่าเสียของจริง ๆ
หลายชั่วโมงต่อมา อูหมิงบรรลุจักรพรรดิมนุษย์ขั้น 2 ได้สำเร็จพร้อมสร้างรากฐานที่มั่นคงด้วยความช่วยเหลือของฉู่ชวิ๋น
“ขอบคุณนายท่าน” เขาดีใจจนหน้าแดงก่ำ ความรู้สึกของจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 2 นี่สุดยอดจริง ๆ
ขณะเดียวกันเขาก็ยิ่งนับถือฉู่ชวิ๋นมากขึ้นเรื่อย ๆ สุดยอดจริง ๆ แค่ยาเม็ดเดียวก็ทำให้เขาบรรลุไปอีกขึ้นแล้ว ถ้าต่อไปนี้ขยันทำความดีความชอบ การจะเป็นจักรพรรดิขั้นสูงก็ไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป บางทีอาจได้ไปเยือนดินแดนสวรรค์ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำ เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ปากเขาก็แทบจะฉีกไปถึงหู
“เอาล่ะ เรื่องต่อจากนี้ฝากนายด้วย” พูดจบ ฉู่ชวิ๋นก็พาจักรพรรดิยาหายตัวไป
“คารวะนายท่าน” อูหมิงกล่าวอย่างนอบน้อม
จากนั้นสีหน้านอบน้อมของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นลุกลี้ลุกลนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะวิ่งไปเอาเลือดจากตัวคนตายมาป้ายตัวเอง ดูแล้วน่าอนาถเป็นอย่างมาก
เขาวิ่งไปดูติงเฉวียน หลังจากที่มั่นใจแล้วว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทีจะฟื้นขึ้นมา เขามองไปรอบ ๆ อย่างมีลับลมคมในก่อนจะยืนขึ้นแล้วถอดเข็มขัดออก
“ฉี่ ๆ ๆ ๆ ๆ”
มีน้ำไหลลงมารดใบหน้าของติงเฉวียน
“ไอ้เวรเอ้ย…กล้ารังแกฉันงั้นเหรอ”
ไม่นานสายน้ำก็หยุดลง อูหมิงสบายจนตัวสั่นระริก เป็นครั้งแรกที่แค่ฉี่ยังรู้สึกดีขนาดนี้
จากนั้นเขาก็วิ่งไปดูเฉินเฉวียน ก็พบว่าเฉินเฉวียนยังไม่ตายจริงๆ
“ถุย…จักรพรรดิระดับ 5 แล้วไง เก่งนักเหรอ สุดท้ายก็โดนนายท่านอัดอย่างกับหมาตายซาก แล้วยังต้องให้ฉันมาช่วยอีก กระจอกจริง ๆ”
จากนั้นเขาก็ถ่ายทอดพลังลมปราณเข้าไปในตัวเฉินเฉวียน ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บ
เนิ่นนาน ร่างกายของเฉินเฉวียนขยับเบา ๆ และค่อย ๆ ลืมตาขึ้น
“ผู้อาวุโสเฉิน คุณตื่นแล้ว ดีจริง ๆ ” อูหมิงตื้นตันจนน้ำตาคลอเขาแสดงละครเก่งมากจริง ๆ
เฉินเฉวียนหันไปหันมาแล้วขยับปากด้วยความยากลำบาก “อูหมิง เหรอ”
“ผมเอง ผู้อาวุโสเฉิน คุณรู้สึกยังไงบ้าง”
“นายช่วยฉันไว้เหรอ” เฉินเฉวียนสายตาแปลกไป เขาเห็นอูหมิงโดนหมัดเข้าที่หัวจนตายกับตา ทำไมถึงยังมีชีวิตอยู่
ไม่ทันที่เขาจะถาม อูหมิงก็พูดขึ้นมาก่อน “ผู้อาวุโสเฉิน คุณไม่รู้หรอกว่าเมื่อกี้น่าหวาดกลัวขนาดไหน ผมนึกว่าผมจะตายด้วยหมัดนั้นซะแล้ว แต่ใครจะไปรู้ว่าผมจะบรรลุระดับ 2 ได้ในตอนนั้นพอดี ทำให้สลบไปเท่านั้น สุดท้ายก็รอดชีวิตมาได้”
เฉินเฉวียนชะงักไปนิดหน่อย เขาสัมผัสได้ถึงลมปราณอันแข็งกร้าวของ
อูหมิงและแอบคิดในใจว่า อูหมิงโชคดีเหมือนขี้นกตกใส่หัวจริง ๆ เขารู้ดีว่าหลังจากที่จอมยุทธ์ทะลวงระดับพลังแล้ว บาดแผลต่าง ๆ จะหายไป เพราะแบบนี้เขาจึงเชื่อคำพูดของอูหมิง
“มีแค่เรา 2 คนที่รอดเหรอ” เฉินเฉวียนพูดอย่างอ่อนแรง
“ผมก็เพิ่งฟื้นเหมือนกัน พอตื่นผมก็รีบมาช่วยผู้อาวุโสเฉิน” อูหมิงพูดขึ้น “คุณพักก่อน เดี๋ยวผมไปดูคนอื่นเอง”
เฉินเฉวียนมองอูหมิงด้วยสายตาปลื้มปริ่ม อูหมิงนี่ซื่อสัตย์จริง ๆ รู้ว่าต้องช่วยเขาก่อนเป็นอันดับแรก
อูหมิงวิ่งไปตรวจดูรอบหนึ่ง จนสุดท้ายไปดูติงเฉวียนก่อนจะร้องตะโกนด้วยความตกใจ “ผู้อาวุโสเฉิน ติงเฉวียนยังไม่ตาย”
พูดจบเขาก็ตบหน้าติงเฉวียน 2-3 ที ติงเฉวียนกระโจนพรึ่บขึ้นมาทำเอา
อูหมิงตกอกตกใจหมด
อูหมิงแอบหวั่นใจ หรือติงเฉวียนจะรู้เรื่องที่เขาฉี่รดหน้ามันแล้ว !
“อูหมิง?” ติงเฉวียนส่ายหัวไปมาด้วยความมึนหัว
“นายฟื้นแล้วเหรอ” อูหมิงทำสีหน้าเป็นห่วง เพราะเขากังวลว่าอีกฝ่ายจะรู้เรื่องที่เขาฉี่ใส่หน้า
“ทำไมแกยังมีชีวิตอยู่” ติงเฉวียนถามอย่างจริงจัง
อูหมิงเบาใจลง ดูเหมือนติงเฉวียนจะไม่รู้เรื่องที่เขาฉี่ใส่หน้า จึงตีหน้าเข้มและตอบอย่างเกรี้ยวกราด “นายหมายความว่ายังไง อยากให้พวกเราตายกันหมดหรือไง ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมนายไม่มีบาดแผลอะไรเลย”
อูหมิงสาดน้ำเสีย* ใส่เขาทันที (ใส่ร้ายป้ายสี)
และก็ตามนั้น สายตาของเฉินเฉวียนที่มองติงเฉวียนกลายเป็นความสงสัย
“พวกนาย 2 คนเลิกทะเลาะกันได้แล้ว นี่ไม่ใช่เวลามาทะเลาะกัน ไปจากที่นี่ก่อนแล้วค่อยว่ากัน” เฉิงเฉวียนพูดอย่างอิดโรย เขาบาดเจ็บหนักมากอวัยวะภายในเคลื่อนที่ไปหมด
“ผู้อาวุโสเฉิน” ติงเฉวียนตกใจมาก เขาเพิ่งเห็นว่าเฉินเฉวียนยังมีชีวิตอยู่ ก่อนหน้านี้เขาเพ่งความสนใจไปที่อูหมิง ไม่ทันได้สังเกตเฉินเฉวียน
เฉินเฉวียนมองติงเฉวียนอย่างเย็นชา “ฉันยังไม่ตาย”
ติงเฉวียนไม่ได้สังเกตว่าน้ำเสียงของเฉิงเฉวียนแปลกไป เขาก้าวออกมา
“ผู้อาวุโสเฉิน เดี๋ยวผมแบกคุณเอง”
“ไม่ต้องหรอก ให้อูหมิงทำ นายคอยเฝ้าระวังดีกว่า”
ติงเฉวียนไม่คิดมากอะไร ในความคิดของเขา วิทยายุทธของเขาสูงกว่า
อูหมิง ให้อูหมิงเป็นแรงงานก็สมควรแล้ว
แต่เขาไม่รู้ว่าคำพูดของอูหมิงทำให้เฉินเฉวียนสงสัยในตัวเขา เฉินเฉวียนเลยกลัวว่าติงเฉวียนจะแอบลงมือทำอะไรระหว่างทาง
อูหมิงเห็นแบบนี้ก็แอบดีใจ สาดน้ำเสีย* สำเร็จ ! เขาแบกเฉินเฉวียนขึ้นหลัง แล้วทั้ง 3 คนก็มุ่งหน้าไปทางเมืองตงหลิง
….
….
ณ ภูเขาลูกหนึ่ง ฉู่ชวิ๋นหยิบแหวนมิติที่ตัวเองชิงได้มาดูและสอดส่องของด้านใน
พอมองไปแล้วแม้แต่เขายังต้องอึ้งก่อนจะเจ็บใจกับตัวเอง เพราะเยอะขนาดนี้ยังแค่ 1 ใน 4 เท่านั้น !
ปราสาทเทียนหลงสืบทอดกันมาหลายพันปี สมบัติมากจนน่าตกใจ แค่ในแหวนมิติวงนี้มีสมุนไพรยาวิเศษมากกว่า 500 ต้น ผลไม้วิเศษอีกหลายร้อยลูก และยังมีแก้วแหวนเงินทองอีกนับไม่ถ้วน แถมยังมีของวิเศษลึกลับอีก 3 อย่าง
ฉู่ชวิ๋นแอบตั้งมั่นว่าจะต้องเอาอีก 3 ส่วนที่เหลือมาให้ได้
มีของพวกนี้ คนรอบข้างเขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นแน่ ๆ
จิ่วโยวขยับตัวเข้ามาและยื่นมือขาวนุ่มนิ่มออกมาอย่างไม่เกรงใจ
ฉู่ชวิ๋นเองก็ไม่ขี้งก เขายื่นผลไม้วิเศษเปล่งประกายระยิบระยับหลายลูกให้เธอ แล้วก็ให้จักรพรรดิยาไปอีกหลายลูก ทั้ง 3 คนกินผลไม้วิเศษด้วยความสิ้นเปลืองอย่างกับว่ามันเป็นผลไม้ธรรมดา ๆ
ทั้ง 3 คนไม่รีบที่จะเดินทาง ฉู่ชวิ๋นตั้งค่ายกลและทั้ง 3 นั่งฝึกฝนเสียตรงนั้นเลย
จนกระทั่งแสงแดดของเช้าวันที่ 2 สาดส่องลงมาทั้ง 3 ถึงพากันตื่นขึ้นพลังลมปราณในร่างเองก็แข็งแกร่งขึ้นมาก
“ท่านเจ้าวัง หลังจากนี้พวกเราจะไปไหน” จักรพรรดิยาถามอย่างสงสัย
“กลับภูเขาเฉียนหลง” เขาไม่ได้พบหน้าพ่อแม่นานแล้ว เขาอยากต้องกลับไปสักหน่อย
“ท่านเจ้าวัง งั้นผมขอกลับวังมังกรเพลิงก่อนนะ” จักรพรรดิยาขออนุญาต
ฉู่ชวิ๋นมองอีกฝ่ายอย่างขำขัน ไม่พูดไม่แปลว่าเขาไม่รู้อะไร จักรพรรดิยาจะไปหาแม่หม้าย ช่วงนี้ทั้งสองสนิทชิดเชื้อกันมาก
ตอนที่เขาร่วมมือกับเยวี่ยฟ๋านเตี๋ยวางแผนล่อลวงประตูวิญญาณสลายเขาก็ให้ทั้ง 3 คนกลับวังมังกรเพลิงแต่จักรพรรดิยากับจิ่วโยวยังไงก็ไม่ยอมกลับ สุดท้ายก็มีแค่แม่หม้ายที่ต้องกลับไปคนเดียว
“ระวังเหลยเป้าด้วยละ” ฉู่ชวิ๋นเตือนจักรพรรดิยา ความรู้สึกที่เหลยเป้ามีต่อแม่หม้ายทุกคนรู้ดี
จักรพรรดิยาที่โผล่มากลางคันหากคิดจะสุขสมหวังกับแม่หม้าย เห็นทีจะต้องผ่านด่านเหลยเป้าไปก่อน
จักรพรรดิยาอดกระอักกระอ่วนไม่ได้ เขาเกาหัวและขอร้องออกมา
“ท่านเจ้าวัง ท่านช่วยไปคุยกับพี่เหลยเป้าให้หน่อยจะได้หรือเปล่า”
ฉู่ชวิ๋นส่ายหัวและหัวเราะออกมา “เรื่องนี้ฉันพูดไม่ได้ มันเป็นเรื่องส่วนตัวของพวกนาย ไปจัดการเอาเองเถอะ”
ก่อนที่จักรพรรดิยาจะจากไป ฉู่ชวิ๋นมอบกระบี่วิเศษลึกลับให้กับเขา กระบี่ยาวนี้นับเป็นของวิเศษระดับกลาง ชิงมาจากเป๋าผิงแห่งประตูวิญญาณสลายที่โบราณสถาน ซึ่งเขามีของแบบนี้เหลืออีกเยอะเลย
ทั้ง 3 คนไม่ได้ไปทางเดียวกันจึงแยกกันตั้งแต่ตรงนี้
กว่าฉู่ชวิ๋นและจิ่วโยวจะกลับถึงเมืองกู่เจียงก็บ่ายแล้ว เมื่อเขากลับมาก็เห็นสัตว์ร้ายมากมายเดินอยู่ตามถนน ทำให้เขาโกรธมาก
ไม่นานมานี้ เขาโมโหจนฆ่าสัตว์ร้ายไปหลายร้อยตัวพร้อมบอกอย่างชัดเจนว่าห้ามให้สัตว์ร้ายเข้ามาในเขตเมือง ดูเหมือนว่าการล้างบางตระกูลโหยวไปตระกูลเดียวจะยังไม่เพียงพอ