จักรพรรดิเซียนหวนคืน - บทที่ 301 ชักเย่อกับงูหลาม
บทที่ 301 ชักเย่อกับงูหลาม
วานรหิมะร้องคำราม ดังกึกก้องไปทั่วทั้งหุบเขา
ดวงตาแดงก่ำของมันยิ่งน่ากลัวขึ้นไปอีก ขนของมันตั้งชันราวกับเข็มขนาดใหญ่ที่เปร่งประกายแสงออกมา
ฉู่ชวิ๋นรู้สึกแย่ที่โดนย้อมเป็นมนุษย์เลือด เขารู้สึกเสียใจที่สร้างภาพลักษณ์ เวลาปลอมตัวเป็นคนมุทะลุ เขาน่าจะไปปลอมตัวเป็นคุณชายแสนสุภาพไม่ดีกว่าเหรอ
เขาลองนึกภาพตัวเอง ไม่มีอะไรทำก็ถือพัดเล่มหนึ่ง คอยเอาแต่ท่องบทกลอนบทกวี จีนสาว ทำทีเจ้าชู้ ลั้ลลาทุกวี่วัน เป็นคุณชายมากรักแต่สุดท้ายเขาก็ส่ายหัว ดูเหมือนตัวเขาจะไม่มีพรสวรรค์ด้านนั้นจริง ๆ
ฉู่ชวิ๋นกระทืบเท้ากระโจนขึ้นจนสูงเท่าวานรหิมะและชกหมัดออกไปอีกครั้ง
วานรหิมะบันดาลโทสะ ที่หัวเปร่งแสงสีขาวพร้อมเอาหัวโหม่ง หมัดของฉู่ชวิ๋น
ตู้ม
เลือดสาดกระจาย วานรหิมะคำรามโหยหวน หัวของมันโดนต่อยจนเป็นรู
ฉู่ชวิ๋นหัวเราะเฝื่อนๆ หัวของมันใหญ่เกินไป แขนเขาจมหายไปทั้งท่อนก็ยังไม่โดนเส้นประสาทสมองของมันเลย
วานรหิมะคลุ้มคลั่ง ยกมือเท่าภูเขาเล็ก ๆ ฟาดใส่ฉู่ชวิ๋น
ฉู่ชวิ๋นชักแขนกลับและกระโจนไปที่หลังหัววานรหิมะ
ตู้ม
กรงเล็บยักษ์ของวานรหิมะฟาดไม่โดนฉู่ชวิ๋น แต่โดนหัวตัวเองเข้าอย่างจัง
กรงเล็บที่ฟาดลงมานี้ไม่มีการออมแรงเลยสักนิด ทุกคนได้ยินเสียงกระดูกหน้าผากแตกกันหมด
ร่างมหึมาของวานรหิมะเริ่มโอนเอนเหมือนคนเมาเหล้า หินประหลาดสูงหลายเมตรรอบ ๆ โดนวานรหิมะชนจนแหลกไปหมด
มันส่ายหัวแรง ๆ ราวกับจะทำให้ตัวเองได้สติ แต่ฉู่ชวิ๋นไม่รีรอ เขาจับขนบนหัวของวานรหิมะแน่นก่อนจะโยกจนมันเวียนหัวอีกครั้ง
พวกหยานหวูซวงเหมือนจะตะลึง แต่สุดท้ายก็เกือบจะหัวเราะออกมา วานรหิมะตบตัวเองเข้าให้อีกป้าบจนตัวเองเกือบสลบ
ฉู่ชวิ๋นเริ่มปล่อยหมัด….1 หมัด 2 หมัด จนในที่สุดหลังหัวของวานรหิมะก็ทะลุเป็นรู เขาพุ่งเข้าไปหาสมองของวานรหิมะ
ฉู่ชวิ๋นทำให้กระโหลกทะลุและลอดเข้าไป เส้นประสาทแต่ละเส้นของวานรหิมะหนาจนน่ากลัว เขามองเห็นมันสมองของวานรหิมะ ย่น ๆ อย่างกับสัตว์ประหลาด น่ากลัวมาก
วานรหิมะคลุ้มคลั่ง มันปวดหัวถึงขีดสุด เอาหัวโหม่งไปรอบ ๆ ไม่ว่าจะเป็นหินยักษ์หรือหินผาล้วนโดนมันชนจนแหลกหมด
ภายในหัวของมัน ฉู่ชวิ๋นเหยียบอยู่บนเส้นประสาทขนาดใหญ่ยักษ์ราวกับกำลังแกว่งชิงช้าอยู่จากนั้นเขาก็พุ่งไปหาสมองของวานรหิมะ
ตอนที่ฉู่ชวิ๋นเดินมาอยู่ตรงหน้าสมองของมันเขาก็เงยหน้าขึ้นมองอย่างตกใจ ไม่น่าเชื่อ สมแล้วทำไมมันถึงมีปัญญาราวกับมนุษย์ได้ สมองมันใหญ่เท่ารถตู้คันหนึ่งเลยก็ว่าได้
ตรงนี้พวกหยานหวูซวงไม่อาจมองเห็นอะไรข้างในได้ ฉู่ชวิ๋นเลยใช้ลมปราณจำแลงล้อมรอบหมัดทั้ง 2 ข้างจนเปล่งประกาย ขอแค่ทำลายสมองได้ต่อให้วานรหิมะมี 10 ชีวิตก็ต้องตายอยู่ดี
ตู้ม
หมัดสีม่วงทำลายสมองของวานรหิมะ อย่างโหดเหี้ยม
ทันใดนั้นฉู่ชวิ๋นก็ดวงตาเบิกกว้าง ท่ามกลางเลือดเนื้อที่ระเบิดออกมามีหินสีขาวเป็นประกายแวววาวร่วงหล่นลงมาด้วย
“แกนจิตวิญญาณ”
ฉู่ชวิ๋นพุ่งเข้าไปคว้ามาไว้ในมือ เขารู้สึกได้ถึงพลังวิญญาณอันหนาแน่น
ทำไมเขาลืมไปได้นะว่าสัตว์ร้ายขั้นจักรพรรดิล้วนมีแกนจิตวิญญาณอยู่
ฉู่ชวิ๋นหัวเราะลั่น แม้ว่านี่เป็นแค่แกนจิตวิญญาณขั้น 1 แต่ถ้ารู้ว่าโลกใบนี้ก็มีละก็จากนี้ไปเขาคงจะได้มันมาอีกมาก
แกนจิตวิญญาณเป็นจุดที่สำคัญที่สุดของพวกสัตว์ร้าย ถ้ามนุษย์ได้ดูดซับมันจะมีประโยชน์อย่างมาก
แกนจิตวิญญาณแยกระดับด้วยสี ทอง เงิน สีแดง สีส้ม สีเหลือง สีเขียว
สีเขียวอ่อน สีน้ำเงิน สีม่วง สีขาว เป็นระดับทั้ง 10 ของแกนจิตวิญญาณ
เขาไม่เคยเห็นแกนจิตวิญญาณสีทอง มันคือแก่นระดับจักรพรรดิ
แกนจิตวิญญาณสีขาวเม็ดนี้เป็นขั้น 1 ไร้ประโยชน์กับเขาแต่มีประโยชน์ต่อคนอื่นมาก
สมองของวานรหิมะพอระเบิด ตัวก็ล้มลงทันที
“ตู้ม!”
พื้นดินสะเทือน หินประหลาดหินผาถูกร่างยักษ์ของมันทับจนแหลก
ฉู่ชวิ๋นพุ่งออกมา เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือด ดูแล้วน่าตกใจ
“พี่หลิว….” หยานหวูซวงยกนิ้วโป้งให้
คนอื่น ๆ ก็มองฉู่ชวิ๋นอย่างนับถือ ผู้แข็งแกร่งย่อมสมควรได้รับความเคารพ
ฉู่ชวิ๋นหัวเราะฝืด ๆ “แถวนี้มีน้ำไหม ฉันอยากล้างตัวสักหน่อย สะอิดสะเอียนจะตายอยู่แล้ว”
“ฉันจำได้ว่าด้านหน้าไม่ไกลนี้มีบ่อน้ำอยู่ พี่หลิวใช้แก้ขัดไปก่อนได้”
ฉู่ชวิ๋นปฏิเสธที่จะให้หยานหวูซวงนำทาง หลังจากที่เขาบอกทิศทางฉู่ชวิ๋น ก็จากไปทันที
“น้องหยาน วานรตัวนี้มีแต่ของดีทั้งตัว พวกนายลองดูว่ามีอะไรใช้ได้บ้าง” เสียงของฉู่ชวิ๋นดังแว่วมาแต่ไกล ๆ
หยานหวูซวงรับคำและพาคนอื่นไปเก็บกวาด พวกเขาไม่รู้สึกว่าผิดอะไร
ฉู่ชวิ๋นเสี่ยงชีวิตสังหารวานรหิมะ พวกเขาเก็บกวาดของที่ใช้ได้ ยังมีอะไรต้องคิดมากอีก
ฉู่ชวิ๋นเจอบ่อน้ำที่หยานหวูซวงบอก มันก่อเกิดจากหิมะที่ละลายลงมาจากเทือกเขาคุนหลุน เย็นยะเยือกถึงทรวง
บ่อน้ำไม่ใหญ่มาก กว้างไม่เกิน 5 เมตร ก้นบ่อดำทมิฬมองไม่เห็นก้นบ่อและไม่รู้ว่าลึกแค่ไหน
ฉู่ชวิ๋นถอดชุดเปื้อนเลือดออกและกระโดดลงไป โชคดีที่เขาคาดการณ์ไว้แล้วว่าต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแน่ ๆ เลยเตรียมชุดมาเปลี่ยนแต่ว่า….
พวกหยานหวูซวงเก็บของบนตัววานรหิมะที่ใช้ได้จนหมด แม้แต่เลือดก็ไม่เหลือ แน่นอนว่าพวกเขาเก็บแค่เลือดขั้วหัวใจที่สำคัญมาเท่านั้น ไม่งั้นด้วยขนาดร่างกายของวานรหิมะ ถ้าปล่อยเลือดออกมาหมดคงเยอะพอจะทำให้พวกเขาจมน้ำตายได้เลย
ครึ่งชั่วโมงต่อมา หยานหวูซวงก็พึมพำ “ทำไมพี่หลิวยังไม่กลับมาอีก”
สิ้นเสียงก็ได้ยินเสียงดังตู้มมาจากไกลๆ
ทั้งหมดสีหน้าเปลี่ยนไป รีบพุ่งไปยังทิศที่มีเสียงระเบิด
ฉู่ชวิ๋นเซ็งจะตายอยู่แล้ว แค่อาบน้ำยังจะมีงูหลามยักษ์โผล่ออกมาจากบ่อน้ำอีก
งูหลามตัวนี้ยาวหลายเมตร ความหนาของมันประมาณผู้ใหญ่ 2 คนโอบได้รอบตัวมีเกล็ดใหญ่ ๆ ประมาณโต๊ะกินข้าว หัว 3 เหลี่ยม ลิ้นงูยาวอย่างกับหอก แถมยังมีฟันแหลมคมที่ไขว้กันอยู่ในปาก
นี่ยังนับเป็นเผ่าพันธุ์งูอยู่หรือเปล่า ทำไมมีฟันเยอะขนาดนี้ แล้วพวกสัตว์อื่น ๆ รู้สึกยังไง
เมื่อกี้เขาไม่ทันได้สังเกตจริงๆ จึงโดนงูหลามยักษ์ตัวนี้กระโจนออกมางับเข้าให้ที่ขา
เขาโกรธจนต่อยฟันมันร่วงไปหลายซี่
ฟิ้ว
เสียงพุ่่งฉีกขาดอากาศ ฉู่ชวิ๋นเอี๊ยวตัวหลบ
เกิดเสียงดังตู้ม พื้นดินแยกออกเพราะหางของงูหลามยักษ์ฟาดจนแตกออกเป็นร่องลึก
งูหลามยักษ์ตัวนี้ก็เป็นสัตว์อสูรขั้นจักรพรรดิ เทียบกับวานรหิมะตัวนั้นยังอ่อนกว่าระดับ 1 แต่เจ้าเล่ห์มาก มันหดอยู่ในบ่อน้ำไม่ยอมออกมา จนฉู่ชวิ๋นลงมาอาบน้ำนี้ละ
ฉู่ชวิ๋นโมโหมาก พื้นดินใต้เท้าเขาระเบิดออก ตัวเขากระโจนชกหมัดใส่หัวของมัน
ชึ้บ
แม้ว่างูหลามยักษ์ตัวใหญ่ แต่คล่องแคล่วว่องไวมาก มันมุดหัวลงก้นบ่อ ทำให้ฉู่ชวิ๋นมีแรงแต่ไม่รู้จะไปใช้ที่ไหน
“ถือว่าหนีเร็ว งั้นฉันไม่เล่นด้วยแล้ว” ฉู่ชวิ๋นพึมพำ หันหลังเตรียมจะไป
แพร่บ
น้ำกระจายออก หางมหึมาโผล่ออกมาจากผืนน้ำ ฟาดใส่หัวฉู่ชวิ๋น
ฉู่ชวิ๋นหลบได้ พื้นดินโดนกระแทกจนระเบิดออก ดินโคลนลอยฟุ้ง
หลังจากโจมตีไป 1 ครั้ง หางมหึมานั้นก็หดกลับเข้าก้นบ่อ หายไปแบบหาไม่เจอ
ฉู่ชวิ๋นโกรธจนจมูกพ่นควันออกมา งูหลามยักษ์ตัวนี้นอกจากเจ้าเล่ห์แล้วยังทุเรศด้วย
แต่ตอนนี้เขาคือหลิวเทียนเหอ ไม่ใช่ฉู่ชวิ๋น ไม่อย่างนั้นต่อให้ต้องพุ่งลงไปที่ก้นบ่อเขาก็ต้องฆ่ามันให้ได้
ฉู่ชวิ๋นอดทนแล้วหันหลังจากไป
แพร่บ
ผิวน้ำกระจายออกอีกครั้ง หางมหึมานั่นฟาดลงมาอีกครั้ง
“ฉันรออยู่พอดี” ฉู่ชวิ๋นเอี๊ยวตัวหลบ หางมหึมาฟาดไม่โดนเตรียมหดกลับ
รอบนี้ฉู่ชวิ๋นเตรียมการณ์ไว้แล้วเขาจะปล่อยให้มันหนีไปง่ายๆได้ยังไง เขาเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว คว้าหมับเข้าให้ที่หางมหึมา ลากออกมาอย่างสุดชีวิต หวังจะลากงูหลามยักษ์นี่ออกจากบ่อน้ำ แล้วสับมันเป็นชิ้น ๆ
หางของงูหลามยักษ์ไม่ได้หนามาก ฉู่ชวิ๋นโอบไว้ได้ครบรอบ เขาเริ่มเล่นชักเย่อกับงูหลามยักษ์
ตอนที่พวกหยานหวูซวงมาถึงก็ทันได้เห็นฉู่ชวิ๋นโอบหางใหญ่ยักษ์น่ากลัวแล้วดึงสู้อย่างสุดแรงเกิด จนพวกเขามึนงงกันไปหมด
“ยังจะยืนมองอะไรอีก รีบมาช่วยเร็ว” ฉู่ชวิ๋นบอก
งูหยามยักษ์ตัวนี้แรงเยอะเกินไป แค่มันขยับก็คงสามารถบดขยี้ยอดเขาได้สบายๆ ฉู่ชวิ๋นใช้แรงมหาศาลในการดึงมันเอาไว้แต่ก็ลากมันออกมาไม่ได้
พวกหยานหวูซวงได้สติก็รีบเข้าไปช่วย ทั้งหมดโอบหางมหึมาไว้และดึงกันสุดชีวิต
แพร่บ
ผิวน้ำกระจายออก งูหลามยักษ์โผล่หัวออกมา อ้าปากที่เต็มไปด้วยฟันแหลมคมก่อนจะพุ่งเข้าใส่ทุกคน
“โอบไว้แน่นๆ” ฉู่ชวิ๋นตะโกน จากนั้นเขาคลายมือออก กระโดดเข้าใส่งูหลามยักษ์ที่เตรียมกัด
ตู้ม
หัวของงูหลามยักษ์ใหญ่ราวกับภูเขาลูกเล็กๆ แต่ก็โดนฉู่ชวิ๋นชกจนฟันหักไปหลายซี่
งูหลามยักษ์ฉลาดมาก มันเบิกปัญญาเทพแล้ว จึงรู้ตัวว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของ
ฉู่ชวิ๋น มันเลยมุดกลับไปที่บ่อน้ำแข็ง
แต่หางของมันโดนพวกหยานหวูซวงโอบอยู่ หนีไม่ได้ มันหันหัวกลับมาก่อนจะกัดเข้าให้ที่ร่างกายตัวเอง
แกร่บ
ร่างกาย 1 ใน 3 โดนมันถูกกัดขาด พวกหยานหวูซวงที่กำลังดึงสุดแรงเกิด ไม่ทันตั้งตัวจึงล้มครืนกันหมด
งูหลามยักษ์ลากร่างกายอีก 2 ใน 3 หดกลับเข้าบ่อน้ำแข็ง ไม่โผล่หัวออกมาอีกเลย
แม้แต่ฉู่ชวิ๋นยังอึ้ง อำมหิตสุดยอด ยอมทำร้ายตัวเองเพื่อหนีรอด ฉลาดมากจริงๆ
“พี่หลิว พี่ไปมีเรื่องกับไอ้ตัวใหญ่นี่ได้ยังไง” หยานหวูซวงก็ตกใจกับวิธีหนีของงูหลามยักษ์มาก โหดร้ายเกินไปแล้ว ถึงขั้นกัดร่างกายตัวเองให้ขาดเพื่อหนีตาย
“หมายความว่ายังไงฉันไปมีเรื่อง ฉันอาบน้ำของฉันอยู่ดี ๆ ก็เกือบโดนมันกลืนลงท้อง” ฉู่ชวิ๋นโอดครวญ “นายดูซิบ่อน้ำที่นายหาให้เนี่ย นี่เรียกว่าบ่อน้ำเหรอ บ่อน้ำมันจะลึกได้ขนาดนี้เลยเหรอ ในบ่อน้ำมีสัตว์ใหญ่มหึมานั้นรอกินฉันอยู่เนี่ย”
หยานหวูซวงโดนฉู่ชวิ๋นถามซะนิ่งอึ้งไป เขาหัวเราะเฝื่อน ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ขอโทษจริงๆ ฉันไม่รู้ว่าใต้น้ำมีงูหลามยักษ์ตัวใหญ่ขนาดนี้”
“ยังดีที่ฉันรู้นิสัยใจคอนายดี ไม่อย่างนั้นฉันคงนึกว่านายฉวยโอกาสนี้ฆ่าฉันให้ตายไปแล้ว” ฉู่ชวิ๋นพูดอย่างอารมณ์เสีย
หยานหวูซวงชะงักไปเลย ก็จริงหากเกิดอะไรขึ้นกับฉู่ชวิ๋นยากที่คนอื่นจะไม่คิดแบบนี้
“พี่หลิว ขอบคุณที่เชื่อใจ” หยานหวูซวงซาบซึ้งมาก การได้รับความเชื่อใจจากคนอื่นเป็นเรื่องที่อบอุ่นหัวใจมากจริง ๆ
“ช่างเถอะ เพื่อเป็นการชดเชย นายต้องย่างเนื้องูให้ทุกคนกินเป็นการลงโทษ” ฉู่ชวิ๋นกล่าว
เอิ่ม
หยานหวูซวงมองหางงูบนพื้นที่ยาว 2-3 เมตรด้วยสายตาตะลึง
“พี่หลิว พี่จะกินเนื้อมันงั้นเหรอ”
ฉู่ชวิ๋นหาหินสักก้อนแล้วนั่งลงก่อนจะเอ่ยอย่างดูแคลน “นายจะไปรู้อะไร งูหลามยักษ์นี่เป็นสัตว์อสูรขั้นจักรพรรดิ ในเลือดและเนื้อของพวกมันมีพลังลมปราณอยู่มาก กินแล้วจะมีประโยชน์สุดยอด อีกอย่างเนื้องูหอมอร่อยยากจะมีสิ่งใดเทียม ไม่เชื่อนายลองทำกินดู”
ที่จริงในในใจฉู่ชวิ๋นยังเสียดายอยู่บ้าง ไม่รู้ว่างูหลามยักษ์ตัวนี้มีแกนจิตวิญญาณหรือเปล่า
“พี่หลิว แต่พวกเรายังต้องไปซากโบราณสถานต่อ” หยานหวูซวงเจรจากับฉู่ชวิ๋น “เอาอย่างงี้ไหมล่ะ พอกลับถึงเมืองหยานเซวี่ย ไม่ว่าพี่หลิวอยากกินอะไรฉันเลี้ยงหมดเลย”
“พอเถอะ ที่เมืองหยานเซวี่ยมีเนื้ออสูรขั้นจักรพรรดิหรือไง” ฉู่ชวิ๋นดูแคลน “อีกอย่าง พวกเราสู้กันมาตั้งนานซากโบราณสถานก็ยังไม่ปรากฏ รอจนปรากฏพวกคนที่คอยสะกดรอยตามลับ ๆ ล่อ ๆ ก็มากันหมดแล้ว”
หยานหวูซวงเอ่ยขึ้น “พวกเขามาแล้วยังไง พี่กับฉันร่วมมือกัน ใครจะทำอะไรพวกเราได้”
“ไปเล่นตรงนู่นไป นายไม่เหมาะกับการประจบหรอกนะ” ฉู่ชวิ๋นเหล่มอง
ใบหน้าหล่อเหลาของหยานหวูซวงยิ้มอย่างเคอะเขิน เขาไม่คิดว่าความสัมพันธ์ของเขากับฉู่ชวิ๋นจะสนิทกันเร็วได้ขนาดนี้
“ปัญหาไม่ใช่กลัวหรือไม่กลัว” ฉู่ชวิ๋นนอนเอียงตัวบนหินยักษ์ก้อนนั้นและเอ่ยต่อ “ฉันแค่ไม่อยากเป็นหน่วยกล้าตาย”
“หน่วยกล้าตายหมายถึงอะไรเหรอพี่หลิว” หยานหวูซวงไม่เข้าใจ
“พวกเราปูทางอย่างเหนื่อยยากลำบากเอาเป็นเอาตายอยู่ข้างหน้า แล้วจะให้พวกมันเดินเฉิดฉายไปที่ปลายทางอย่างฉลุย ได้ยังไงกัน” ฉู่ชวิ๋นมีความไม่พอใจอยู่เต็มหน้า