จักรพรรดิเซียนหวนคืน - บทที่ 312 มีช่วงเวลาที่ยากลำบาก
บทที่ 312 มีช่วงเวลาที่ยากลำบาก
จากการชิงสมบัติแปรเปลี่ยนไปเป็นการแข่งขันปีนเขา
แรงกดดันตอนครึ่งเขาว่าหนักหนามากแล้ว ฉู่ชวิ๋นที่ก้าวไปไกลสุดตอนนี้ย่างแต่ละก้าวอย่างยากลำบาก ทุกข์ขนาดที่พูดไม่ออก
จังเฟิงหลิงและพันเฉิงเฟิงก็ไม่ได้สบายไปกว่าเขา ด้านหลังฉู่ชวิ๋นมีงูหลามยักษ์สีเขียว ด้านหลังพวกเขาเองก็มีพยัคฆ์ร้าย ไล่ตามมา
คนอื่น ๆ แม้จะลำบากแต่ยังดีที่ไม่มีสัตว์ร้ายไล่ตาม
“พี่หลิวสู้ ๆ” หยานหวูซวงตะโกนเสียงดัง
ฉู่ชวิ๋นหัวเราะเฝื่อน ๆ มีตาหลายคู่จ้องมองอยู่ เขาจะใช้ลมปราณจำแลงก็ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นคงสบายกว่านี้มาก
“พี่งู นายช้า ๆ หน่อย ถ้าเหนื่อยก็พักก่อน” ฉู่ชวิ๋นเตือนด้วยความหวังดี
ในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้เขาปีนไปได้ 2 เมตร ส่วนงูหลามยักษ์เขียวนี้เลื้อยมาได้ถึง 5-6 เมตร เข้าใกล้มาด้วยความเร็วที่ไวกว่า 2-3 เท่าเลยทีเดียว
“โธ่เว้ย…” ฉู่ชวิ๋นเงยหน้าตะโกนขึ้นฟ้า อวัยวะทุกส่วนของเขากำลังส่องแสง อวัยวะภายในส่งเสียงร้อง หัวใจเต้นเร็วดั่งกลองรัว
เขาปีนป่ายสุดชีวิตโดยแรงกดดันกดไว้อย่างแสนสาหัส หินผาใต้เท้าโดนเหยียบแตกเรื่อย ๆ หลาย ๆ ครั้งที่หวุดหวิดจะตกลงไป
“ไม่ไหวก็ใช้พลังลมปราณเถอะ” ผู้หญิงผมม่วงส่งกระแสจิตบอกเขา
“ไม่เป็นไร ยังไหวอยู่” ฉู่ชวิ๋นตอบ “ไม่อย่างนั้นเธอร้องสักเพลงเป็นกำลังใจให้ฉันหน่อยสิ”
“ไสหัวไป” ผู้หญิงผมม่วงตอบอย่างสั้น ๆ ง่าย ๆ
“คุณชายไร้น้ำยา รีบหนีเร็ว เสือจะกัดตูดนายแล้ว” ฉู่ชวิ๋นตะโกนเสียงดัง
ทุกคนหมดคำพูด เวลาแบบนี้ยังมีกะจิตกะใจล้อเลียนจังเฟิงหลิงอีกเหรอ
“คุณชายไร้น้ำยา หรือไม่ต้องหนีก็ได้ไม่แน่มันอาจจะมามอบอัณฑะให้กับนายเองเลยก็ได้”
“หุบปากเน่า ๆ ของแกไปซะ” จังเฟิงหลิงหงุดหงิด
“พี่เสือสู้ ๆ พี่เสือสู้ ๆ เจ้าเสือ 1 ตัววิ่งเร็วสุด ๆ วิ่งเร็วสุด ๆ….” ฉู่ชวิ๋นเชียร์พยัคฆ์ร้ายตัวนั้นราวกับเด็ก ๆ
เขาไม่ตะโกนยังไม่เท่าไหร่ พอตะโกนปุ๊บ พยัคฆ์ร้ายตัวนั้นดันฉลาดหยุดไล่ตามจังเฟิงหลิงซะงั้น
เอิ่ม! ฉู่ชวิ๋นงุนงง
จังเฟิงหลิงเห็นแบบนั้นก็อดหัวเราะลั่นไม่ได้ เขาพูดเสียดสี “ไอ้บ้านนอก สมน้ำหน้าแก ไอ้ปากเปราะ”
ฉู่ชวิ๋นเซ็งมาก เขาพึมพำ “พยัคฆ์อะไรกันก็แค่แมวขี้โรคนี่เอง ใจเสาะมาก”
“พี่หลิว พูดให้มันน้อย ๆ หน่อยเถอะ มันไล่ตามนายมาแล้ว” หยานหวูซวงบอกอย่างเหนื่อยใจ
ฉู่ชวิ๋นหันไปมองก็เห็นว่าพยัคฆ์ร้ายตัวนั้นดวงตาแดงก่ำ เปลี่ยนทิศทางพุ่งมาหาเขาแทน
“ไสหัวไปไอ้แมวขี้โรค กล้าเข้ามาเดี๋ยวจะสอนวิธีเป็นแมวให้ ฉันจะตัดอัณฑะของแกแล้วขายให้คุณชายไร้น้ำยา” ฉู่ชวิ๋นตะโกนลั่น
ท่าทางพยัคฆ์ร้ายตัวนี้แค้นฉู่ชวิ๋นมาก มันว่องไวยิ่งกว่างูหลามยักษ์สีเขียวตัวนั้นซะอีก เขาพุ่งแทยงตรงเข้ามาหาฉู่ชวิ๋นอย่างไม่คิดชีวิต
ฉู่ชวิ๋นร้องไห้ทั้งๆที่ไม่มีน้ำตา เขาขาสั่นพั่บ ๆ ด้วยแรงกดดันอันหนักหน่วงแล้วเริ่มปีนต่อ ขณะเดียวกันเขาก็ไม่ลืมที่จะเด็ดสมุนไพรวิเศษตามทาง
ยิ่งขึ้นไปแรงกดดันก็ยิ่งน่ากลัว
ฉู่ชวิ๋นทุลักทุเลมาก ผิวของเขาร้อนผ่าวราวกับกำลังจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ เขาคำรามและปีนป่ายขึ้นไป
แรงกดดันมากขนาดนี้กดดันลงมาอยู่ตลอด ต่อให้หยุดเคลื่อนไหวแรงกดดันก็ยังคงอยู่
หน้าผากฉู่ชวิ๋นมีเหงื่อไหลออกมา เส้นเลือดเริ่มขึ้นในตา ถ้าไม่ใช่ในตัวเขามีกระดูกมังกรและเคยอาบเลือดมังกรคงปีนมาไม่ถึงขั้นนี้แน่
ขณะนั้นพยัคฆ์ร้ายก็เข้าใกล้เข้ามาแล้ว ห่างกับเขาเพียง 10 ก้าวเท่านั้น
ฉู่ชวิ๋นบ่นพึมพำ นี่มันไม่ยุติธรรมเลย ทำไมไอ้พวกสัตว์ร้ายถึงสบายขนาดนี้
พยัคฆ์ร้ายปีนมาถึงครึ่งเขาก่อนคำรามใส่ฉู่ชวิ๋นด้วยดวงตาแดงก่ำที่ฉายแววโหดร้าย
น่าเสียดายที่ตอนมันขึ้นมาถึงครึ่งเขา แรงกดดันมากมายก็ถาโถมเข้าใส่ กดดันจนมันแทบจะแนบติดอยู่กับพื้นถูเขา
โฮกก
เสียงเสือคำราม บนตัวเปล่งแสงเจิดจ้าสะท้อนออกไปมันค่อย ๆ ยืนขึ้น
ตู้ม
มันลองก้าวออกไป 1 ก้าว ปรากฏว่าพอกรงเล็บเขาย่ำลงไปพื้นเขาแหลกออก ทั้งหินผาสั่นสะเทือน
ฉู่ชวิ๋นเห็นดังนั้นก็ดีใจมาก ท่าทางแรงกดดันครึ่งเขาบนยังยุติธรรมอยู่ แม้แต่สัตว์ร้ายก็ยากจะรับไหว
ฉู่ชวิ๋นปีนมาได้ 2 ใน 3 แล้ว คนอื่น ๆ ก็เริ่มเข้าใกล้จุดครึ่งเขา
ตรงครึ่งเขาเหมือนเป็นเส้นแบ่ง ด้านล่างคลื่นสีทองถาโถม ด้านบนแรงกดดันทุ่มใส่
ตู้ม
ตัวภูเขาสั่นสะเทือน จังเฟิงหลิงและพันเฉิงเฟิงโดนอัดติดพื้นภูเขา ใบหน้าพวกเขากระแทกใส่หินผาจนหินผาแตก
“ฮ่าๆๆ ….” ฉู่ชวิ๋นหันไปเห็นฉากนี้พอดี แม้จะโดนแรงกดดันบีบจนกระดูกทั่วร่างกำลังโหยหวน แต่ก็ยังอดหัวเราะไม่ได้
“คุณชายไร้น้ำยา หนังหน้าพวกนายนี่ด้านจริง ๆ แม้แต่หินผายังสู้ไม่ได้”
จังเฟิงหลิงและพันเฉิงเฟิงไม่มีกะจิตกะใจจะสนใจคำเสียดสีของฉู่ชวิ๋น พวกเขาโดนอัดแน่นจนหน้าอกแทบยุบ หายใจลำบาก พูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว
“น้องหยาน ไม่ต้องขึ้นมาหรอก รอฉันอยู่ข้างล่างนั่นแหละ” ฉู่ชวิ๋นตะโกน
หยานหวูซวงเห็นสภาพของพันเฉิงเฟิงและจังเฟิงหลิงก็ใจไม่ดี รู้ว่าตัวเองขึ้นไปก็จะกลายเป็นแบบนั้นจึงตอบตกลง จากนั้นเขาก็ทำลายคลื่นสีทองไปพลาง เด็ดสมุนไพรหญ้าวิเศษข้างล่างไปพลาง
คนอื่น ๆ ไม่ยอมแพ้ บนยอดเขาน่ะมีผลไม้วิเศษให้กินเลยนะ กินแค่ลูกเดียวก็จะได้ประโยชน์อย่างมหาศาล
แต่น่าเสียดายเมื่อพวกเขาไปถึงครึ่งเขาก็มีจุดจบเหมือนพวกจังเฟิงหลิง โดนแรงกดดันทุ่มใส่จนแทบกระอักเลือด
สุดท้าย พวกเขาก็ได้แต่รู้สึกตกตะลึงกับความแข็งแกร่งของกายเนื้อฉู่ชวิ๋น
พยัคฆ์ร้ายตัวนั้นถอยลงมา
งูหลามยักษ์สีเขียวตัวนั้นก็วนเวียนอยู่แถวครึ่งภูเขา
วานรสีแดงถือว่ากายเนื้อแข็งแกร่ง ฝืนปีนมาได้ 2 ก้าว แต่สุดท้ายก็โดนบีบอัดจนเลือดไหลออกจากจมูกและปาก ตะเกียกตะกายถอยลงมา
แรงกดดันบนนั้นน่ากลัวเกินไป ทั้งคนและสัตว์ร้ายต่างหยุดอยู่ที่นี่
มีเพียงฉู่ชวิ๋นที่แบกรับแรงกดดันไว้แล้วเดินต่อไปอย่างยากลำบาก
แค่ก
ฉู่ชวิ๋นไอ เลือดไหลออกจากมุมปาก เขาโดนบีบอัดจนเลือดลมพลุ่งพล่าน ทรมานมาก
“แกร่ก”
หินผาใต้เท้าฉู่ชวิ๋นถูกเหยียบแตก ร่างกายของฉู่ชวิ๋นเริ่มมีเลือดไหลซึมออกมา
“อ๊ากก….” ฉู่ชวิ๋นร้องครวญคราง ความรู้สึกแบบนี้เจ็บปวดเหลือเกิน
ต่อให้ในตัวเขามีกระดูกมังกรก็เถอะ แต่แรงกดดันนี้เหมือนมาจากวิญญาณร่างกายแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์อะไร ทำให้เขาปวดจนสั่นไปทั้งตัว
พรวด
ฉู่ชวิ๋นกระอักเลือดออกมาจนพื้นดินเป็นสีแดงฉาน
“พี่หลิว ลงมาเถอะ” หยานหวูซวงกล่อมเสียงดัง
“คุณชายหลิว ลงมาเถอะ ไม่มีวันนี้ยังมีวันหน้า ผลไม้วิเศษพวกนี้คงไม่ใช่ของเรา” จอมยุทธ์ตระกูลหยานด้านล่างก็กล่อมด้วย
ผู้หญิงผมม่วงกัดปากแน่น ไม่รู้ทำไมพอเห็นฉู่ชวิ๋นเป็นแบบนี้แล้วเธอถึงรู้สึกปวดใจ
“ถอยลงมาเถอะ นายอยากตายหรือไง” เธอส่งกระแสจิตบอก
“ไม่เป็นไร นี่ก็ถือเป็นการฝึกฝนอย่างนึงจะได้หล่อหลอมกระดูก ฝึกฝนเส้นชีพจร ช่วงนี้ฉันบรรลุขั้นพลังเร็วไปหน่อยจะได้ถือโอกาสนี้ช่วยให้รากฐานมั่นคง” ฉู่ชวิ๋นตอบกลับ
พวกจังเฟิงหลิงกลับมีสีหน้าบิดเบี้ยว อยากให้ฉู่ชวิ๋นตายอยู่บนนั้นใจแทบขาด
วิ้ง
ฉู่ชวิ๋นรู้สึกหน้าเริ่มมืด ความหนักหน่วงทำให้สมองเขาเริ่มเบลอ เขากัดปลายลิ้น กลิ่นคาวเลือดกระจาออกภายในปากทำให้ตัวเองได้สติขึ้นมา
ขณะนั้น ระยะห่างระหว่างฉู่ชวิ๋นและต้นไม้วิเศษอยู่ที่ประมาณ 10 เมตร
“แกร่ก”
หินผาใต้เท้าแตกเรื่อย ๆ เขาทิ่ม 10 นิ้วของเขาเข้าไปในหินผาเมื่อทำให้ร่างกายมั่นคง
เขายกขาอันสั่นเทาอย่างยากลำบากและกัดฟันก้าวไปข้างหน้า 1 ก้าว
รูขุมขนทั่วตัวเขาเริ่มมีเลือดซึม แรงกดดันอันหนักหน่วงทำให้เลือดในตัวเขาพลุ่งพล่านอย่างกับจะทะลักออกมา
พรวด
เขาข่มไว้ไม่ไหว เลือดพุ่งออกมาจากคอและไหลออกมาตามมุมปาก
“แคร่ก”
กระดูกกำลังร้องโหยหวน กระดูกมังกรไม่มีทางหักหรอก แต่กายของเขายังเป็นเนื้อหนังมนุษย์ที่ต้องแบกรับแรงกดดันที่หนักหน่วงเกินกว่าจะจินตนาการออก หากเป็นคนอื่นกระดูกคงแหลกเป็นท่อน ๆ ไปนานแล้ว
“ตุ้บๆ…”
ภายใต้แรงกดดันอันหนักหน่วงอัตราการเต้นของหัวใจกลับเริ่มช้าลง
ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเต็มไปด้วยเส้นเลือด เหงื่อท่วมทั้งตัว สภาพเริ่มดูไม่ได้
เขาไม่เพียงแต่ต้องต่อสู้กับแรงกดดันเท่านั้น เขายังต้องประคองสติไว้ด้วย สมองเริ่มเบลอภายใต้แรงกดดันอันหนักหน่วง
“คุยกับฉัน” ฉู่ชวิ๋นส่งกระแสจิตให้ผู้หญิงผมม่วง
“พูดอะไร”
“อะไรก็ได้ บอกมาซิว่าเธอใช่จิงหงหรือเปล่า ทำไมถึงมาที่โลก ทำไมถึงใช้วิชาดัชนีสังหารเป็น”
“ฉันบอกไปแล้วว่าฉันไม่รู้ และฉันก็ไม่ใช่จิงหง”
“…..”
เลือดไหลออกจากมุมปากฉู่ชวิ๋นเรื่อย ๆ เสื้อผ้าทั้งตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อและเลือด ทุกที่ ๆ ที่ผ่านล้วนเป็นคราบเลือดย้อมหินผาให้แดง
1 เมตร
3 เมตร
5 เมตร
ฉู่ชวิ๋นเหมือนกลิ้งอยู่ในกองเลือด ใบหน้าบิดเบี้ยวดูไม่ได้
“ทำไมยังไม่อัดมันให้ร่างระเบิดไปเลยละ รออะไรอยู่” จังเฟิงหลิงกัดฟันกรอด
ทุกคนกำลังจ้องมองฉู่ชวิ๋น ความแข็งแกร่งของกายเนื้อช่างน่าสะพรึงเสียจริง
ฉู่ชวิ๋นรู้สึกตัวเองจะทนไม่ไหวแล้ว เขายกเปลือกตาไม่ขึ้น เหนื่อยจัง รู้สึกอยากจะนอนสักหน่อย
“ฉู่ชวิ๋น ตื่น นายเป็นจอมมารฉู่นะ นึกถึงพ่อแม่ของนายสิ นึกถึงแม่นางเสี่ยวหวู่ที่นอนอยู่ในโลงน้ำแข็งนั้นสิ” ผู้หญิงผมม่วงส่งกระแสจิตให้เขา
เสี่ยวหวู่?
ฉู่ชวิ๋นกำลังเข้าสู่สภาพหมดสติ แต่พอได้ยินชื่อของเสี่ยวหวู่ก็มีประกายแปลกประหลาดออกจากนัยน์ตาของเขา
ใช่ เสี่ยวหวู่ยังรอให้ฉันไปช่วยอยู่จะมาบอกว่าเหนื่อยได้ยังไง เรื่องแค่นี้ฉันผ่านมาเยอะแล้ว
ทุกฝีก้าวของฉู่ชวิ๋นใช้เวลาประมาณ 1 ก้านธูป
7 เมตร
8 เมตร
10 เมตร
ในที่สุดเขาก็สัมผัสถึงต้นไม้วิเศษต้นนั้น
ทันใดนั้นฉู่ชวิ๋นก็กระอักเลือดออกมาและไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
“นายเป็นยังไงบ้าง” ผู้หญิงผมม่วงเป็นห่วง
ฉู่ชวิ๋นมีแววตาเปลี่ยนไปเขายิ้มมุมปากเป็นรอยยิ้มประหลาด
“ฉันสบายมาก” พูดจบเขาก็เอามือค้ำต้นไม้และยืนขึ้น
จอมยุทธ์ข้างล่างงุนงงกันหมด โดยเฉพาะจังเฟิงหลิง เขาแทบจะเป็นบ้า ก่อนหน้านี้ฉู่ชวิ๋นดูใกล้จะตายแล้วแท้ ๆ
เขายืนขึ้นมาได้ยังไง
ที่แท้ในขณะที่ฉู่ชวิ๋นเอามือแตะต้นไม้วิเศษ แรงกดดันนับหมื่นนับแสนกิโลจู่ ๆ ก็หายไปราวกับน้ำลง
เดี๋ยวบีบเดี๋ยวคลายฉู่ชวิ๋นถึงได้กระอักเลือดไ่ม่หยุด
ฉู่ชวิ๋นปิติเป็นอย่างมาก เขาหยิบหญ้าวิเศษบำรุงเลือดเอามายัดปากกำโต เคี้ยว ๆ แล้วกลืน
เขาดูแล้วนี้คือต้นสาลี่วิเศษ เปล่งปลั่งด้วยแสงสีเงินจาง ๆ ดูแล้วทั้งลึกลับและยากจะแตะต้อง
ฉู่ชวิ๋นโอบรอบลำต้นด้วย 2 มือ ในปากตะโกนเสียงลั่น 2 มือเริ่มออกแรงดึง
จอมยุทธ์ข้างล่างล้วนมีสีหน้าอึ้งทึ่ง นี่จะขุดไปทั้งรากเลยเหรอ
“สหาย นายโลภมากเกินไปแล้วนะ” จู่ ๆ ก็มีเสียงชราเสียงหนึ่งดังขึ้นในหัวฉู่ชวิ๋น
ไม่ใช่เสียงของผู้หญิงผมม่วง ฉู่ชวิ๋นตะลึงจนถอยหลังไปหลายก้าว ระแวงไปทั้งตัว มีคนรู้วิชากระแสจิตด้วยงั้นเหรอ
“ใคร แกเป็นใครกัน” ฉู่ชวิ๋นตะโกนถาม เขาไม่รู้ว่าจะส่งกระแสจิตหาใครจึงตะโกนออกมาโต้ง ๆ
จอมยุทธ์ข้างล่างมีสีหน้าประหลาดใจ ฉู่ชวิ๋นคุยกับใครกัน
“นายเป็นอะไรไป” ผู้หญิงผมม่วงส่งกระแสจิตถาม
ฉู่ชวิ๋นเล่าเรื่องเมื่อกี้อีกรอบ
“หรือว่าที่นี่มีผู้ฝึกตนเป็นเซียนคนอื่นด้วย” ผู้หญิงผมม่วงตกตะลึงเช่นกันเธอรีบมองไปรอบตัว
ฉู่ชวิ๋นตอบ “ไม่รู้ แต่สำนักเต๋าของที่โลกนี้ก็มีวิชากระแสจิต ไม่ใช่แค่ผู้ฝึกตนเป็นเซียนเท่านั้นที่ใช้ได้”
“สหาย เด็ดผลไม้วิเศษแล้วรีบไปจากที่นี่เถอะ ฉันเองก็ต้องไปแล้วเหมือนกัน” เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง
ฉู่ชวิ๋นตกตะลึงในใจ เมื่อกี้เขาใช้วิชาลับเพื่อหาต้นตอของเสียง แต่ถูกปิดกั้นเอาไว้ วรยุทธของคน ๆ นี้น่ากลัวมาก
เขาไม่กล้าขัดใจอีกฝ่าย รีบกระโดดขึ้นต้นไม้วิเศษแล้วเด็ดผลไม้วิเศษมาทั้งหมด 7 ลูกก่อนจะผนึกด้วยวิชาลับ
ตู้ม !
ทั้งภูเขาเริ่มสั่นไหว หินยักษ์กลิ้งลงมา
จอมยุทธ์ตกใจกลัวรีบวิ่งลงจากภูเขา
ฉู่ชวิ๋นเองก็ไม่กล้าชักช้า รีบพุ่งตัวลงไปใต้ภูเขารวมตัวกับคนอื่น ๆ