จักรพรรดิเซียนหวนคืน - บทที่ 313 เต่าอะไรตัวใหญ่ขนาดนี้
บทที่ 313 เต่าอะไรตัวใหญ่ขนาดนี้
ภูเขาสั่นสะเทือน ก้อนหินถล่มทลาย
พวกของฉู่ชวิ๋นเมื่อหนีลงมาจากภูเขาแล้วก็เหลียวหน้ากลับไปมองข้างหลัง
ภูเขาสั่นสะเทือนจนเกิดรอยแตกร้าวขนาดใหญ่เห็นได้ชัดเจน
“พวกเราถอย” ฉู่ชวิ๋นพูด
พวกของฉู่ชวิ๋นถอยเข้าไปหลบอยู่หลังม่านพลังสีทอง
ตู้ม!
หินขนาดใหญ่ระเบิดกระจาย ก้อนหินถล่มทลายราวกับเปลือกไข่ที่แตกร้าว
ตู้ม!
ฉู่ชวิ๋นรัวหมัดต่อยเศษก้อนหินที่กระเด็นเข้ามา
ในขณะที่คนอื่นๆ ก็พยายามกระโดดหลบหลีกอย่างสุดความสามารถ
ต้องใช้เวลาครู่ใหญ่กว่าที่ทุกอย่างจะสงบลง
หินขนาดใหญ่เปลี่ยนสภาพกลายเป็นเศษก้อนกรวด ต้นไม้โบราณสีเงินยวงที่ยืนต้นอยู่กลางพื้นน้ำแข็งลดแสงสว่างหม่นหมองลง
ดวงตาของทุกคนร้อนผ่าว ต้นไม้ที่เคยอยู่บนยอดเขาสูงซึ่งพวกเขาไม่มีทางปีนขึ้นไปถึง ในขณะนี้กลับมาอยู่ระดับเดียวกับพวกเขา พวกเขาสามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดาย
วูบ!
จังเฟิงหลิงอดใจไม่ไหวรีบพุ่งเข้าไปหาต้นไม้ทันที
หยานหวูซวงก็เคลื่อนไหวแล้วเช่นกัน แต่เขาถูกฉู่ชวิ๋นยกมือห้ามเอาไว้ เรื่องนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น ต้องมีความสยองขวัญบางอย่างซุกซ่อนอยู่แน่ ๆ แม้แต่เขาก็ไม่กล้าเข้าไป
ตู้ม!
จังเฟิงหลิงเข้าไปถึงต้นไม้ประหลาด พลันพื้นน้ำแข็งก็แตกออก กรงเล็บขนาดใหญ่แทงทะลุน้ำแข็งขึ้นมาพุ่งใส่จังเฟิงหลิง
แล้วทุกอย่างก็แปรเปลี่ยนไป จังเฟิงหลิงรีบโคจรพลังต้านทานด้วยความตกตะลึง
ตู้ม!
จังเฟิงหลิงร้องโหยหวน พลังลมปราณยิ่งใหญ่ดุดันราวกับลูกปืนใหญ่ ร่างของจังเฟิงหลิงลอยกระเด็นไปกระแทกพื้นน้ำแข็งและกระอักเลือดออกมาจากปากคำโต
ทุกคนรู้สึกตื่นกลัวเป็นอย่างยิ่ง
กรงเล็บนี้ขนาดใหญ่เกินไป ใหญ่มากกว่ากรงเล็บของสัตว์ร้ายทุกชนิดที่พวกเขาเคยเจอ
ฉู่ชวิ๋นเหลือบตามองบรรดาจักรพรรดิอสูร ไม่ว่าจะเป็นราชาพยัคฆ์หรือพญาวานร พวกมันต่างก็นอนหมอบราบกับพื้น ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
กรงเล็บขนาดใหญ่ตะปบลงบนพื้นน้ำแข็ง ได้ยินเสียงดัง “เปรี๊ยะ” แล้วรอยร้าวก็ปรากฏขึ้นบนพื้นน้ำแข็งเป็นบริเวณกว้าง
ปรากฏพลังลมปราณพวยพุ่งออกมาจากด้านล่าง ทำให้ทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นรู้สึกถึงแรงกดดันหนักอึ้ง
ตู้ม!
ตรงบริเวณที่มีภูเขาเป็นจุดศูนย์กลาง พื้นผิวน้ำแข็งรัศมีหลายร้อยเมตรพลันระเบิดตูม แล้วภูเขาขนาดมหึมาก็ผุดขึ้นมาจากใต้พื้นน้ำแข็ง
ทุกคนต่างเฝ้ามองด้วยดวงตาเบิกกว้าง พลังลมปราณแผ่กระจายออกมาอย่างรุนแรง ทำให้บรรดาจอมยุทธ์ที่ยืนอยู่ในบริเวณนั้นรู้สึกหายใจติดขัด หัวใจเต้นผิดจังหวะไปหมด
ตู้ม!
ในขณะที่ภูเขาลูกนั้นปรากฏตัวขึ้น กรงเล็บอีกหนึ่งข้างก็ถูกวางลงบนพื้นน้ำแข็ง ในขณะนี้ กรงเล็บสองข้างปรากฏขึ้นต่อสายตาของทุกคน และสิ่งที่พวกเขาเข้าใจว่าเป็นภูเขา แท้ที่จริงมันก็คือขาหน้าของสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์นั่นเอง
หลังจากนั้น หัวกับหางของมันก็ปรากฏขึ้นมา
“เต่าอะไรตัวใหญ่ขนาดนี้วะเนี่ย” ฉู่ชวิ๋นอุทานออกมาโดยไม่รู้ตัว
นี่คือเต่าตัวหนึ่งที่มีขนาดใหญ่ยักษ์เท่ากับภูเขาลูกหนึ่ง
เมื่อบรรดาจอมยุทธ์ได้ยินคำอุทานของฉู่ชวิ๋น พวกเขาก็รู้สึกตื่นตระหนกที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาคือ “เต่า” งั้นเหรอ!
ครืน…!
เต่ายักษ์หันตัวไปอย่างเชื่องช้าๆ ทุกย่างก้าวของมันทำให้ภูเขาคุนหลุนสั่นสะเทือนไปทั้งลูก
มันหันหน้ามองกลับมาที่ฉู่ชวิ๋น
ฉู่ชวิ๋นรู้สึกขนลุกเกรียว หนังหัวชายิบ เต่ายักษ์ขนาดนี้เขาไม่มีทางต่อสู้กับมันได้เลย ในที่สุดชายหนุ่มก็ได้ทราบแล้วว่า สิ่งที่พลังจิตของเขาค้นพบก่อนหน้านี้คืออะไร ลูกบอลไฟที่มีพลังมหาศาลนั้น ความจริงมันก็คือดวงตาของเต่ายักษ์ตัวนี้นี่เอง
พวกของหยานหวูซวงมีเหงื่อผุดซึมเต็มหน้าผาก หัวใจรู้สึกเครียดมากขึ้นกว่าเดิม เมื่ออยู่ต่อหน้าสัตว์ประหลาดยักษ์เช่นนี้ ไม่มีใครกล้าชักดาบออกมาด้วยซ้ำ
มีแต่เพียงจังเฟิงหลิงกับพันเฉิงเฟิงเท่านั้นที่ลอบภาวนาอยู่ในใจ หวังให้
ฉู่ชวิ๋นเข้าไปปะทะกับเต่ายักษ์ตัวนี้และถูกเจ้าสัตว์ประหลาดเหยียบย่ำจนตกตายไปซะ
เหงื่อไหลออกมาออกเต็มฝ่ามือของฉู่ชวิ๋น พิจารณาจากพลังลมปราณที่ไหลเวียนออกมาจากร่างกายของเต่ายักษ์ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิอ๋าวฮวง แต่มันสามารถฆ่าเขาได้อย่างง่ายดาย สิ่งเดียวที่
ฉู่ชวิ๋นกำลังคิดและทำได้ตอนนี้คือเตรียมตัวหลบหนี มันไม่ใช่สิ่งที่เขาจะไปต่อกรได้เลย
“เจ้าเป็นมนุษย์หรือเป็นสัตว์ร้ายกันแน่?” ทันใดนั้น เสียงที่แก่ชราเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในหัวของฉู่ชวิ๋น
ฉู่ชวิ๋นทราบโดยทันทีว่านี่คือการสื่อสารผ่านทางจิตของเต่ายักษ์นั่นเอง
“ฉันเป็นมนุษย์” ฉู่ชวิ๋นตอบกลับ
“แต่ข้าได้กลิ่นสัตว์ร้ายลอยออกมาจากตัวเจ้า”
ฉู่ชวิ๋นรู้ว่าเจ้าเต่ายักษ์ตัวนี้อาจจะได้กลิ่นโครงกระดูกมังกรทองที่อยู่ภายในร่างกายของเขานั่นเอง
“แกคงเข้าใจผิดแล้วล่ะ” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างในโลกนี้นอกจากพ่อแม่แล้ว เขาไม่ยอมก้มหัวให้ใครไม่แม้แต่กับจักรพรรดิอ๋าวฮวง
เต่ายักษ์จ้องมองฉู่ชวิ๋นอย่างพินิจพิเคราะห์ด้วยดวงตาขนาดมหึมาก่อนกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้น ข้าขอตัวก่อน”
“แกจะไปไหน?” ฉู่ชวิ๋นถามออกไปโดยไม่รู้ตัว
“ข้าจะไปในที่ที่ข้าอยากไป นี่คือภารกิจของเผ่าพันธุ์เต่ายักษ์ ข้าสัมผัสได้ถึงเสียงที่กำลังเรียกร้อง” เจ้าเต่ายักษ์เคลื่อนไหวเดินหายเข้าไปในหุบเขาอันกว้างใหญ่ด้วยความเงียบงัน
“เจ้าหนุ่ม จงฝึกฝนฝีมือให้แข็งแกร่งมากกว่านี้ก่อนเถอะค่อยทำตัวโอหัง ความโกลาหลกำลังจะเกิดขึ้น ความโกลาหลกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว…” เสียงอันแก่ชราดังขึ้นในหัวของฉู่ชวิ๋นอีกครั้ง เจือด้วยน้ำเสียงเศร้าหมองเล็กน้อย แต่ก็สัมผัสได้ถึงความกล้าหาญที่เปี่ยมล้น
ฉู่ชวิ๋นไม่ตอบรับคำใด ในใจกำลังหวนนึกถึงแมงมุมยักษ์ที่เคยพบเจอ ความแข็งแกร่งของมันใกล้เคียงกับเต่ายักษ์ตัวนี้ไม่มีผิด
ความโกลาหลกำลังจะเกิดขึ้น? แค่นี้โลกยังโกลาหลไม่มากพออีกเหรอ?
ดูเหมือนว่าเขาคงต้องหาโอกาสไปคุยกับจักรพรรดิอ๋าวฮวง แล้วถามถึงเรื่องนี้ดูสักหน่อยแล้ว?
“พี่หลิว ไม่เป็นไรนะครับ?” หยานหวูซวงเห็นว่าฉู่ชวิ๋นยืนนิ่งเหมือนคนไร้วิญญาณ ก็รู้สึกเป็นห่วง
แต่ผู้ที่เจ็บใจที่สุดกลับเป็นจังเฟิงหลิงกับพันเฉิงเฟิง เต่าตัวนั้นจะเดินหนีไปง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ ไอ้บ้าที่เขาผลไม้ไปยืนโง่ ๆ อยู่ตรงหน้าแล้วนะ?
“ทุกคน คืนเกราะวิเศษกลับมาได้แล้ว” ฉู่ชวิ๋นพูด
ก่อนที่จะขึ้นไปปีนภูเขา ฉู่ชวิ๋นขอให้หยานหวูซวงนำชุดเกราะวิเศษมอบให้กับคนจากสำนักต่างๆ สวมใส่เอาไว้ใช้ป้องกันตัว
บรรดาจอมยุทธ์เหล่านั้นได้ยินประโยคทวงของเข้าไปก็ถึงกับกัดฟันกรอด เกราะวิเศษมีพลังป้องกันที่สูงมาก พวกมันอยากจะได้เก็บเอาไว้เป็นของตัวเองเสียแล้ว
“ชุดเกราะพวกนี้คุณชายหยานเป็นคนให้เราไม่ใช่เหรอ? ทำไมพวกเราต้องส่งคืนด้วยล่ะ?” คนพูดมาจากสำนักตะวันเขียว มีนามว่าเฟิงฉิงหยุน ลักษณะท่าทางดูสง่างาม มีฝีมือเป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 7
หยานหวูซวงขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ คนพวกนี้โลภมากกันจริงๆ จึงต้องกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ทุกท่านครับ ผมแค่ให้ยืมพวกท่าน…”
แต่ก่อนที่คุณชายหนุ่มจะทันได้พูดจบ ฉู่ชวิ๋นก็ยกมือห้ามและหันหน้ามาส่ายศีรษะให้ ก่อนที่ฉู่ชวิ๋นจะหันกลับไปจ้องมองเฟิงฉิงหยุนด้วยแววตาเหยียดหยาม
วูบ!
ฉู่ชวิ๋นกระโดดปราดเข้าไปหาฝ่ายตรงข้ามด้วยความรวดเร็ว มือของเขา
กำเป็นหมัด เมื่อต่อยหมัดออกไป ท้องฟ้าก็คำรามครืนครันเหมือนจะเกิดฟ้าผ่า
การปีนขึ้นภูเขาสูงเมื่อกี้ทำให้ฉู่ชวิ๋นโดนแรงกดดันช่วยเสริมสร้างพลังและเคล็ดวิชาเก้ามังกรทลายนภาของฉู่ชวิ๋น ให้แข็งแกร่งและรวดเร็วมากกว่าเดิม
เมื่อต่อยหมัดออกไป เสียงมังกรก็คำรามออกมาทันที
เฟิงฉิงหยุนสีหน้าแปรเปลี่ยนไป ไม่ใช่หวาดกลัว แต่เป็นโกรธแค้น ฉู่ชวิ๋นแสดงออกชัดเจนว่าไม่เห็นมันอยู่ในสายตา เห็นหน้าก็ชกเข้าใส่ทันที
“ตายซะเถอะแก”
เฟิงฉิงหยุนส่งเสียงร้องแล้วพลังลมปราณก็พุ่งออกมาจากร่างกายของมัน
ผลั่ก!
เพียงหมัดเดียว พลังลมปราณของเฟิงฉิงหยุนก็สูญสลายหายไปกับตา
ผลั่ก!
หมัดที่สอง ลมปราณคุ้มกายถึงเจ็ดชั้นที่ห่อหุ้มร่างกายของเฟิงฉิงหยุนก็แตกกระจาย
หมัดที่สาม เสื้อผ้าของเฟิงฉิงหยุนก็ฉีกขาดไม่เหลือชิ้นดี เลือดสาดกระจาย
ฉู่ชวิ๋นทำตามลำดับ ถอดชุดเกราะของฝ่ายตรงข้ามออก ตามด้วยดึงแหวนมิติออกมาจากนิ้วมือ
หลังจากนั้น ชายหนุ่มก็ตวัดขาเตะเข้าที่ข้างเอวของเฟิงฉิงหยุน กระดูกซี่โครงหักดัง กร๊อบ! ตัวคนลอยกระเด็นไปไกลหลายร้อยเมตร
โชคดีที่เต่ายักษ์เดินจากไปแล้ว ม่านพลังสีทองคำถึงหายไปพร้อมกันไม่เช่นนั้น เฟิงฉิงหยุนซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส คงต้องเสียชีวิตลงในที่นี้แล้ว
“เอาคืนมา” เฟิงฉิงหยุนร่างกระแทกพื้น ตะโกนออกมาด้วยความบ้าคลั่ง
“ถ้าพูดออกมาอีกแม้แต่คำเดียว แกตายแน่” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เมื่อเห็นสีหน้าอำมหิตของฉู่ชวิ๋น ดวงตาของเฟิงฉิงหยุนก็เป็นประกายดุร้ายขึ้นมา แต่มันก็ไม่กล้าพูดคำใดออกมาอีก
จอมยุทธ์จากอีกสามสำนักที่เหลือ รีบถอดชุดเกราะออกมาทันที
“น้องหยาน ขอบคุณมากที่ให้ยืมชุดเกราะนะ ฉันจะขอจดจำไปชั่วชีวิต” จอมยุทธ์คนหนึ่งพูดขณะถอดชุดออกมา
หยานหวูซวงกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ฉู่ชวิ๋นกลับกระโดดตรงเข้าไปหาคนผู้นั้น แล้วเสียงหมัดปะทะใบหน้าก็ดังให้ได้ยินชัดเจนเต็มสองรูหู
สามหมัดผ่านไป จอมยุทธ์หนุ่มคนนั้นก็พ่ายแพ้ กระดูกหน้าอกยุบตัว แหวนมิติถูกดึงออกมาจากนิ้วมือ
“ฉันคืนชุดเกราะไปแล้ว ทำไมต้องทำร้ายกันด้วย?” จอมยุทธ์หนุ่มผู้เคราะห์ร้ายร่ำร้องด้วยความโกรธแค้นเมื่อพบว่าแหวนมิติของตนเองถูกช่วงชิงไป
“แกตั้งใจจะคืนชุดเกราะจริง ๆ งั้นเหรอ?” ฉู่ชวิ๋นหัวเราะอีกครั้ง “อย่าพูดให้ขำไปหน่อยเลยดีกว่า แค่ไม่ฆ่าแกนี่ก็ถือว่าบุญแล้ว”
เมื่อพูดขาดคำ ฉู่ชวิ๋นก็ตรงเข้าไปหาจอมยุทธ์คนที่เหลืออยู่ไม่มีใครสามารถต้านทานพลังหมัดของเขาได้เลย
พลังเคล็ดวิชาเก้ามังกรทลายนภาทั้งทรงพลังและอำมหิต
ไม่นานหลังจากนั้น บรรดาจอมยุทธ์ที่ปฏิเสธการคืนชุดเกราะก่อนหน้านี้ ล้วนตกอยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัสด้วยฝีมือของฉู่ชวิ๋นทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นชุดเกราะหรือแหวนมิติของพวกเขา ต่างก็ถูกเขาช่วงชิงไปอย่างง่ายดาย
“น้องชาย พอแค่นี้เถอะ รู้ตัวไหมว่ากำลังสร้างศัตรูให้กับตระกูลหยาน” หนึ่งในคนที่ถูกฉู่ชวิ๋นต่อยจนกระอักเลือด พูดออกมาด้วยความเจ็บแค้นใจ
“หึ ฉันให้ยืมชุดเกราะไปก็ดีเท่าไหร่แล้ว แต่พวกแกกลับโลภมากอยากจะเก็บเป็นของตัวเอง ถ้าอยากมีปัญหากับตระกูลหยานของฉันนักล่ะก็ เข้ามาได้เลย” เมื่อถึงตอนนี้ หยานหวูซวงก็รู้สึกเดือดดาลขึ้นมา คนกลุ่มนี้มันช่างไร้ยางอายเกินไป ตระกูลของเขายิ่งใหญ่ไม่กลัวกลุ่มคนพวกนี้หรอกนะ
ฉู่ชวิ๋นชำเลืองมองไปที่พันเฉิงเฟิง แล้วพูดว่า “ของ้าวยาวด้วย”
พันเฉิงเฟิงหัวเราะเยาะ มือหนึ่งถือง้าวยาว อีกมือหนึ่งถือกระจกทองเหลือง ก่อนตอบไปว่า “ง้าวอยู่นี่แล้ว ถ้ามีความสามารถก็เข้ามาเอาไป”
วูบ!
ฉู่ชวิ๋นกระโดดเข้าใส่พร้อมกับเงื้อมือขึ้น
แว๊บ!
พันเฉิงเฟิงโคจรพลังลมปราณใส่กระจกทองเหลืองแล้วลำแสงสีดำม่วงสนิทก็พุ่งออกมาจากบานกระจกตรงเข้าใส่ฉู่ชวิ๋น
ฉู่ชวิ๋นต่อยหมัดออกไปข้างหน้า เสียงมังกรคำรามดังสนั่น
หลังจากนั้น พลังของทั้งสองฝ่ายก็ปะทะกัน
ดวงตาของพันเฉิงเฟิงกลอกกลิ้งไปมา หัวใจของมันกระตุกวูบด้วยความพรั่นพรึง พลังฝีมือของบุรุษหนุ่มคนนี้แข็งแกร่งเกินกว่าที่จินตนาการเอาไว้มาก แม้แต่กระจกทองเหลืองก็ทำอะไรไม่ได้เลย
จอมยุทธ์คนที่เหลืออยู่ยืนดูเหตุการณ์ตัวสั่นเทา ก่อนหน้านี้พวกมันเคยปะทะฝีมือกับพันเฉิงเฟิงมาก่อน ไม่มีผู้ใดสามารถต้านทานพลังของกระจกทองเหลืองได้เลย
วูบวาบ! วูบวาบ!
ลำแสงสีดำม่วงสองสายถูกยิงออกจากกระจกพุ่งตรงเข้าใส่ฉู่ชวิ๋นอีกครั้ง
ฉู่ชวิ๋นยังคงรัวหมัดต่อยพลังออกไปสลายลำแสงที่ถูกยิงเข้ามา เสียงระเบิดดังขึ้นสองครั้งสองครา แล้วลำแสงสีดำม่วงก็กระจายหายไปอีกหน
เมื่อถึงตอนนี้ รู้สึกตัวอีกที ฉู่ชวิ๋นก็เข้ามาประชิดตัวพันเฉิงเฟิงแล้ว
สีหน้าของพันเฉิงเฟิงพลันเต็มไปด้วยความตื่นกลัว มันรีบเก็บกระจกทองเหลือง โคจรพลังทั้งหมดที่มีใส่เข้าไปที่ง้าวยาว แล้วลำแสงสีทองก็เป็นประกายสว่างไสว
ฉู่ชวิ๋นสาวหมัดสะบัดออกไปปะทะเข้ากับง้าวยาวเข้าอย่างจัง
ผลั่ก!
พลังลมปราณที่ห่อหุ้มตัวง้าวแตกกระจาย ขณะที่ร่างกายของพันเฉิงเฟิงลอยกระเด็นไปข้างหลัง
วูบ!
ทันใดนั้น เงาของวัตถุมีคมชนิดหนึ่งพลันพุ่งแทงเข้ามาทางฉู่ชวิ๋น
ฉู่ชวิ๋นหันหลังกลับชกหมัดออกไป ประกายไฟสาดกระจาย กำปั้นของเขาปะทะเข้ากับอาวุธที่แทงสวนเข้ามา
และนั่นก็คือหอกของจังเฟิงหลิง ไอ้วายร้ายตัวนี้มันใช้โอกาสทีเผลอเล่นงานฉู่ชวิ๋น
ฉู่ชวิ๋นไม่สนใจพันเฉิงเฟิงชั่วคราวและหันกลับมาเดินหน้าเข้าหาจังเฟิงหลิง
“ไอ้คุณชายไม่เอาไหน แกรนหาที่ตายนักใช่ไหม? ไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้วงั้นสิ?” ฉู่ชวิ๋นระเบิดเสียงหัวเราะเยาะและต่อยหมัดสังหารออกไป
จังเฟิงหลิงตกตะลึง ก่อนหน้านี้เขาได้รับบาดเจ็บไม่น้อยตอนที่เต่ายักษ์ปรากฏตัว เมื่อเผชิญหน้ากับฉู่ชวิ๋นที่รัวหมัดอัดใส่เขาอย่างบ้าคลั่ง จังเฟิงหลิงก็ไม่รู้ว่าจะตอบโต้ยังไงดี
ตู้ม!
ฉู่ชวิ๋นชกออกไป คลื่นพลังแผ่กระจายไปไกล
เมื่อหอกของฝ่ายตรงข้ามทิ่มแทงเข้ามา มันก็ถูกกำปั้นของฉู่ชวิ๋นต่อยสะท้อนกลับไปจนบิดงอผิดรูปทรง
“ไอ้คุณชายไม่เอาไหน อาวุธของแกก็ไม่ต่างจากตัวแกเลยนะ อ่อนแออะไรขนาดนี้” ฉู่ชวิ๋นเย้ยหยัน
“เตรียมรับมือให้ดีเถอะ!” จังเฟิงหลิงคำรามด้วยความโกรธแค้น
ผลั่ก!
ฉู่ชวิ๋นรัวกำปั้นออกไปอีกชุดใหญ่แล้วตามด้วยชกใส่ตัวหอก สุดท้ายหอกในมือของจังเฟิงหลิงก็หักงอจนหลุดลอยกระเด็นไปไกล
“ตระกูลจังออกจะเป็นตระกูลใหญ่โต ทำไมไม่สร้างอาวุธให้มันดีกว่านี้สักหน่อย? หอกที่ทำมาจากเหล็กทองแดงราคาถูกแบบนี้ เป็นอาวุธคู่กายของคุณชายไม่เอาไหนจริง ๆ เหรอ?”
“เฮือก!”
จังเฟิงหลิงสั่นสะท้านไปถึงอวัยวะภายใน ถึงแม้ว่าหอกของเขาจะไม่ใช่อาวุธในตำนาน แต่ก็จัดได้ว่าเป็นสุดยอดศาสตราวุธชนิดหนึ่ง ไม่ได้ด้อยค่าไปกว่าอาวุธลึกลับใด ๆ เลยแม้แต่น้อยแล้วเหตุไฉนมันถึงกลายเป็นเหมือนหอกเหล็กทองแดงราคาถูกได้อย่างนี้เล่า?