จักรพรรดิเซียนหวนคืน - บทที่ 318 ปล้น
บทที่ 318 ปล้น
จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 8 สามคน เพียงพอที่จะกวาดล้างสำนักขนาดเล็กและกลางให้หายไปได้ในพริบตา
แต่ถึงอย่างนั้น แม้ว่าฉู่ชวิ๋นจะโดนรุมเล่นงาน แต่คู่ต่อสู้ของมันสองคนก็บาดเจ็บไปแล้ว
ตัววายร้ายทั้งสามรู้สึกเจ็บใจมาก พวกมันทั้งรู้สึกปวดร้าวและเดือดดาล
พวกมันต่างหวาดกลัวว่าคราวนี้อาจจะไม่มีโอกาสรอดชีวิตกลับไปอีกแล้ว
“พวกแกเป็นคนแบบไหนกัน? ฉันอุตส่าห์ปล่อยตัวกลับไปไม่ทำร้าย แต่พวกแกกลับพยายามมาฆ่าฉันเนี่ยนะ?” ฉู่ชวิ๋นกระโดดตามเข้ามาด้วยสีหน้าอำมหิต
วูบ!
ฉู่ชวิ๋นพุ่งเข้าใส่เนี่ยจื่อเฉิง เงื้อง้าวยาวที่ส่องแสงเป็นประกายขึ้นสูง
เนี่ยจื่อเฉิงหายใจติดขัด แขนขวาของมันใช้การไม่ได้แล้วมันจะรับมือได้ยังไงด้วยแขนเพียงข้างเดียว? ยังไม่ทันโคจรลมปราณ ฉู่ชวิ๋นลอยตัวเข้ามาใกล้แล้ว
ผลั่ก!
เลือดสาดกระจาย ฉู่ชวิ๋นพลันฝาดง้าวยาวลงไป เลือดไหลทะลักออกมา อย่างน่าหวาดกลัว
“ไอ้คนป่าเถื่อน กล้าดีอย่างไรทำตัวโอหังขนาดนี้?” จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิของหอคอยอาภรณ์ม่วงร้องคำรามด้วยความโกรธแค้น มันกระโดดพุ่งเข้ามาหาฉู่ชวิ๋นด้วยความบ้าคลั่ง พร้อมกับซัดพลังลมปราณสีดำออกมาอีกครั้ง
ฉู่ชวิ๋นหมุนตัวฟาดง้าวยาว ลำแสงสีดำที่ถูกซัดเข้ามากระจายหายไปทันที
พลัน ในระหว่างที่พวกมันสู้กันนี้เอง ภูเขาทั้งลูกก็ถึงกับสั่นสะเทือน
จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิของหอคอยอาภรณ์ม่วงรู้สึกตื่นกลัวกับฝีมือของฝ่ายตรงข้าม มันทราบดีว่าถ้าไม่ต่อสู้ให้สุดกำลัง ก็ยากที่จะรอดชีวิตไปได้
ผลั่ก!
ร่างของมันถูกง้าวยาวฟาดใส่จนลอยกระเด็นไปไกลอีกครั้ง
“พี่จัง ช่วยผมด้วย” จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิของหอคอยอาภรณ์ม่วงเห็นว่าฉู่ชวิ๋นตามติดไม่เลิกรา จึงร้องขอความช่วยเหลือด้วยความหวาดกลัว
จอมยุทธ์จากตระกูลจังถูกหญิงสาวผมม่วงกับหยานหวูซวงพัวพันเอาไว้ไม่ห่าง ถึงแม้ว่าระดับฝีมือของมันจะสูงกว่าทั้งสองคนนี้ แต่หญิงสาวผมม่วงก็ลงมือด้วยความรวดเร็วว่องไว ยากที่มันจะสามารถเอาชนะได้โดยง่าย
“ตายซะเถอะ!”
ฉู่ชวิ๋นคำราม ง้าวยาวในมือเปล่งประกายสีทองคำระยิบระยับ ในขณะที่ฟาดลงไปยังศีรษะของจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิของหอคอยอาภรณ์ม่วง
ณ ตอนนี้เอง จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิของหอคอยอาภรณ์ม่วงฉุนเฉียวมาก รีบหมุนตัวแล้วนำโล่สีดำออกมาจากแหวนมิติขึ้นมาป้องกันทั้งร่างกายของตนเองเอาไว้
เปรี้ยง!
ระลอกคลื่นสีม่วงทองพุ่งเข้าใส่โล่ เหมือนไม้กลองที่ฟาดลงไปบนหน้ากลอง บังเกิดเสียงสั่นสะเทือนจนหูอื้อ ในเวลาเดียวกันนี้ โล่สีดำก็ระเบิดลำแสงสีดำออกมา
ฉู่ชวิ๋นพลันตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก พบว่าเมื่อง้าวยาวฟาดลงไปบนโล่ ก็เกิดเป็นพลังดีดสะท้อนกระแสลมปราณจากตัวง้าวยาวกลับมาหาเขาเอง
ฉู่ชวิ๋นหมุนตัวตีลังกาถอยออกมาไกลหลายร้อยเมตร พลังลมปราณที่สะท้อนกลับมานั้นระเบิดพื้นผิวดินเกิดเป็นรอยแตกร้าวขนาดใหญ่
“จะหนีไปไหนอีก?” ฉู่ชวิ๋นคำรามออกมาเมื่อหางตาเหลือบไปเห็นว่าเนี่ยจื่อเฉิงกำลังพยายามหลบหนี ชายหนุ่มจึงรีบควงง้าวยาวตามติดไปด้วยความรวดเร็ว
วูบ!
จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิของหอคอยอาภรณ์ม่วงก็อาศัยจังหวะนี้หลบหนีไปเช่นกัน
“ห้ามไปไหนทั้งนั้น!” ฉู่ชวิ๋นตะโกนด้วยความโกรธแค้น ตัดสินใจเลิกไล่ตามเนี่ยจื่อเฉิงแล้วหันกลับมาติดตามจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิของหอคอยอาภรณ์ม่วงแทน เนื่องจากมันสนใจกลองและโล่ของอีกฝ่ายอยู่ไม่น้อย
เปรี้ยง!
พื้นดินสั่นสะเทือนเนื่องจากจักรพรรดิตระกูลจังถูกบังคับให้ร่นถอยหลังโดยฝีมือของหญิงสาวผมม่วงกับหยานหวูซวง เมื่อเห็นว่าคงฆ่าฉู่ชวิ๋นวันนี้ไม่ได้เป็นแน่แท้ มันก็หลบหนีเอาตัวรอดไปอย่างรวดเร็ว
“ทั้งสองคนรอฉันอยู่ที่นี่ก่อน” ฉู่ชวิ๋นตะโกนออกคำสั่ง ในขณะที่ไล่ตามจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิของหอคอยอาภรณ์ม่วงไปติดๆ
พวกมันไล่ล่ากันในผืนป่าด้วยความรวดเร็วปานสายฟ้า
ฉู่ชวิ๋นมีความเร็วสูงกว่า เพียงไม่นานก็ไล่ตามไปจนทัน
จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิของหอคอยอาภรณ์ม่วงเจ็บแค้นสุดขั้วหัวใจ ทำไม
ฉู่ชวิ๋นถึงต้องตามล่ามันด้วย ทำไมไม่ไปไล่ล่าพรรคพวกอีกสองคนแทน? ทำไมถึงเลือกมัน?
“ส่งกลองกับโล่มาให้ฉันเดี๋ยวนี้” ฉู่ชวิ๋นคำราม เป็นเวลาเดียวกับที่ต่อยหมัดซัดพลังลมปราณใส่แผ่นหลังของฝ่ายตรงข้าม
จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิของหอคอยอาภรณ์ม่วงเชิดหน้าขึ้น มันอยากได้อาวุธสวรรค์นี่เองสินะ? มันรู้เหตุการณ์ทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้นในซากโบราณสถานบ้าง ฉู่ชวิ๋นเป็นจอมโจรที่ปล้นอาวุธของทุกคนได้หน้าตาเฉย ขณะนี้ก็ถึงคราวเคราะห์ของเขาแล้วงั้นเหรอ มันอดรู้สึกปวดมวนในท้องขึ้นมาอย่างกะทันหันไม่ได้
“บอกมานะ แกเป็นใครกันแน่?”
“ฉันเป็นเจ้าหนี้ของแก รีบส่งกลองจิ๋วกับโล่มาให้ฉันเดี๋ยวนี้” ฉู่ชวิ๋นยกกำปั้นขึ้นซัดพลังไปอีกครั้ง
มีต้นไม้ขึ้นอยู่มากมายในป่าใหญ่ เช่นเดียวกับก้อนหินที่ตั้งเรียงรายอยู่ข้างทาง พลังลมปราณที่ชายหนุ่มซัดออกไป กระทบถูกแต่สิ่งเหล่านั้น ไม่โดนจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิของหอคอยอาภรณ์ม่วงผู้เป็นเป้าหมายเลยแม้แต่นิดเดียว
ฉู่ชวิ๋นโคจรพลังลมปราณ เส้นไหมสีขาวพุ่งตัวออกไปราวกับเอสรพิษร้าย ความว่องไวของมันดุจดั่งสายฟ้าฟาด
เส้นไหมตามไปจนทันจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิของหอคอยอาภรณ์ม่วงและรัดพันข้อเท้าของมันเอาไว้
จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิของหอคอยอาภรณ์ม่วงทำอะไรไม่ถูก มันเป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 8 ถูกไล่ล่าราวกับสุนัขจนตรอกได้ยังไง?
“จะหนีไปไหน?” ฉู่ชวิ๋นเห็นแล้วว่าเส้นไหมของตนเองพันธนาการอีกฝ่ายจนไปไหนไม่ได้แล้ว ก็รีบตามมา
“อยากได้กลองจิ๋วจักรพรรดิใช่ไหม เอาไปเลย” จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิของหอคอยอาภรณ์ม่วงพูดอย่างไม่ใยดี โยนกลองจิ๋วที่อยู่ในมือทิ้งไปทางหนึ่ง
ฉู่ชวิ๋นกระโดดตามไปคว้าเอาไว้ด้วยความว่องไว
จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิของหอคอยอาภรณ์ม่วงอาศัยจังหวะนี้แกะเส้นไหมสีขาวออก แล้วหลบหนีไปฝั่งตรงข้าม มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก
ฉู่ชวิ๋นใช้วิชาตัวเบาตามติดไปไม่ลดละ เพียงไม่กี่กิโลเมตรเท่านั้น มันก็ไล่ตามมาได้ ชายหนุ่มถือกลองจิ๋วที่อยู่ในมือและยิ้มออกมาด้วยความเจ้าเล่ห์
แต่แล้วบัดนี้ จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิของหอคอยอาภรณ์ม่วงหายลับไปจากสายตาแล้ว
“จะหนีไปไหน?” ฉู่ชวิ๋นหัวเราะเยาะ ส่งกระแสจิตออกไปค้นหาตำแหน่งของฝ่ายตรงข้าม แล้วทันใดนั้นเอง ชายหนุ่มก็ส่งเสียงผิวปากออกมาเบาๆนับได้ว่าจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิของหอคอยอาภรณ์ม่วงฉลาดอยู่พอสมควร แทนที่มันจะหลบหนีไป กลับหลบซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้โบราณต้นหนึ่ง
ถ้าไม่มีพลังจิต ฉู่ชวิ๋นก็คงคิดว่ามันหลบหนีหายเข้าไปในป่าลึกเสียแล้ว
ฉู่ชวิ๋นแอบกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้โบราณอีกต้นหนึ่ง และจ้องมองไปยังต้นไม้ต้นที่จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิของหอคอยอาภรณ์ม่วงขึ้นไปซ่อนตัว มันเลือกต้นไม้ที่มีกิ่งก้านใบดกหนา ยากที่สายตาและจมูกจะตรวจสอบตำแหน่งของมันได้พบ
ป๊อกป๊อก!
ฉู่ชวิ๋นตีกลองในมือ แล้วคลื่นเสียงก็แผ่กระจายออกไปเหมือนเกลียวคลื่น
ตู้ม!
กิ่งก้านสาขาของต้นไม้โบราณต้นนั้นระเบิดกระจาย ลำต้นของมันถูกตัดขาดเป็นสองท่อน จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิของหอคอยอาภรณ์ม่วงส่งเสียงร้องในขณะที่กระโจนหลบหนีออกมา
มันไม่อยากเชื่อเลย ฝ่ายตรงข้ามหามันเจอได้ยังไง?
แต่ตอนนี้มันไม่มีเวลาให้คิดอะไรอีกแล้ว มันเริ่มวิ่งสี่เท้าเหมือนสุนัขเพื่อเอาตัวรอด
“เอาโล่มาให้ฉันเดี๋ยวนี้” ฉู่ชวิ๋นยังคงสะบัดกลองจิ๋วจักรพรรดิในมือ ปล่อยคลื่นเสียงใส่ฝ่ายตรงข้าม
ใบหน้าของจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิของหอคอยอาภรณ์ม่วงเครียดคล้ำดำเหมือนก้นหม้อไหม้ ดวงตาของมันลุกโชนด้วยเปลวไฟแห่งโทสะ
มันพลิกฝ่ามือหยิบผลไม้จิตวิญญาณออกมาจากแหวนมิติ เมื่อดูดซับพลังจากผลไม้จิตวิญญาณเข้าไปแล้ว มันก็หายใจรุนแรงขึ้น พลังลมปราณพวยพุ่งออกมาเนื่องจากก่อนหน้านี้ มันสูญเสียพลังลมปราณไปไม่น้อย
ฉู่ชวิ๋นจ้องมองอย่างละโมบพร้อมกับตะโกนว่า “ส่งโล่กับแหวนมิติของแกมาให้ฉันซะดีๆ”
จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิของหอคอยอาภรณ์ม่วงเกือบจะสะดุดรากไม้ล้มลง นี่อีกฝ่ายคือมนุษย์ที่หน้าหนาที่สุดในใต้หล้าแล้ว ไม่รอให้มันได้มีโอกาสเยียวยาร่างกายที่บาดเจ็บแม้แต่น้อย อีกฝ่ายก็จะปล้นชิงอย่างเดียว
ป๊อก ป๊อก!
กลองจิ๋วจักรพรรดิส่งคลื่นเสียงออกไปอีกครั้ง แล้วพลังคลื่นเสียงก็กระแทกเข้าใส่แผ่นหลังของจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิของหอคอยอาภรณ์ม่วง ส่งผลให้ตัวมันลอยกระเด็นไปไกล แผ่นหลังถูกเผาไหม้จนดำเกรียม มีเลือดไหลออกมาน่าสยดสยอง
ป๊อกป๊อก!
ฉู่ชวิ๋นสะบัดกลองจิ๋วจักรพรรดิต่อเนื่อง พลังคลื่นเสียงพุ่งเข้าไปเล่นงานใส่คู่ต่อสู้ของมันไม่หยุดยั้ง
จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิของหอคอยอาภรณ์ม่วงรู้สึกตื่นกลัวจากใจจริง มันสามารถหมุนตัวหลบหลีกได้อย่างเฉียดฉิว พื้นดินตรงที่มันล้มอยู่เมื่อสักครู่นี้กลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ไปแล้ว
“เดี๋ยวก่อน แกอยากได้พวกมันนักใช่ไหม? ฉันให้ก็ได้ ไม่เห็นต้องตามฆ่าฉันเลย” จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิของหอคอยอาภรณ์ม่วงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพูดประโยคนี้ออกไป มันคือถ้อยคำแห่งการยอมศิโรราบ มันทั้งรู้สึกอับอายตนเองและไม่สามารถทนรับไหวได้อีกแล้ว
“ไร้สาระ รีบส่งโล่กับแหวนมิติมาให้ฉันเดี๋ยวนี้” ฉู่ชวิ๋นสะบัดกลองจิ๋วในมืออีกครั้ง
คลื่นเสียงพุ่งเข้าไปกระแทกใส่แผ่นหลังของจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิของหอคอยอาภรณ์ม่วงเข้าอย่างจัง คราวนี้มันถึงกับอ้าปากกระอักเลือดออกมาคำใหญ่ ถ้าไม่มีต้นไม้ใหญ่กับก้อนหินยักษ์ตั้งอยู่โดยรอบ คอยกำบังคลื่นเสียงให้ส่วนหนึ่ง ป่านนี้มันคงได้ตกตายลงนรกไปเสียแล้ว
“อยากได้ก็เอาไป” จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิของหอคอยอาภรณ์ม่วงโยนโล่ประจำกายไปทางหนึ่ง ในขณะเดียวกันก็โยนแหวนมิติไปอีกทางหนึ่ง เมื่อเทียบกับชีวิตของมันแล้ว ของสองสิ่งนี้ถือว่าไร้ค่าเป็นอย่างยิ่ง มันยินดีสละสิ่งของเพื่อให้ตนเองมีจังหวะหลบหนี
ฉู่ชวิ๋นกระโดดตามไปเก็บโล่ เมื่อเก็บได้เรียบร้อยแล้ว ก็รีบหันกลับไปกระโดดคว้าแหวนมิติ
แต่เมื่อได้แหวนมิติมาอยู่ในมือและสำรวจดูสิ่งที่อยู่ด้านใน มันก็ต้องทำหน้าย่น ฉู่ชวิ๋นโดนหลอก ในแหวนมิติวงนี้ไม่มีอะไรอยู่เลย มันปล่อยพลังจิตออกไปค้นหาตำแหน่งของจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิของหอคอยอาภรณ์ม่วงอีกครั้ง แต่ในรัศมีหลายกิโลเมตรก็หาอีกฝ่ายไม่เจอซะแล้ว
“เจ้าเล่ห์นักนะ กล้าดีมาหลอกฉู่ชวิ๋นคนนี้ เจอกันครั้งหน้าแกตายแน่!”
ฉู่ชวิ๋นคำรามด้วยความอาฆาตแค้น เสียงของมันฟังดูดุร้ายจนแม้แต่บรรดาสรรพสัตว์ที่อยู่ในป่าก็ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 8 ฆ่าได้ยากก็จริง แต่รากฐานและวิชายุทธ์ยังอ่อนแออยู่ไม่น้อย น่าจะเป็นพวกทะลวงขั้นเร็วเกินไปจากการที่โลกเปลี่ยนแปลง
ฉู่ชวิ๋นกลับไปสมทบกับพวกของหญิงสาวผมม่วงกับหยานหวูซวงด้วยความโกรธแค้น
เมื่อเห็นว่าฉู่ชวิ๋นกลับมาแล้ว หยานหวูซวงก็จ้องมองด้วยแววตาสงสัย
“พี่หลิว ตกลงพี่เป็นใครกันแน่?” ตอนแรกคุณชายหนุ่มก็นึกว่าตนเองกับหนุ่มรุ่นพี่มีฝีมือไล่เลี่ยกัน แต่ยิ่งอยู่ด้วยกันนานมากขึ้น ก็ยิ่งได้รู้ว่าฝีมือของอีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าที่คิดเอาไว้มาก มากจนเขาได้แต่ยืนงง
ฉู่ชวิ๋นหยุดชะงักไปเล็กน้อย หยานฮวยล่ายรู้ตัวตนจริงของเขาแล้ว ไม่ช้าก็เร็วหยานหวูซวงก็คงจะต้องรู้เหมือนกัน ดังนั้น ฉู่ชวิ๋นจึงเลือกที่จะเปิดเผยความจริง “หยานน้อย ความจริงแล้วฉันไม่ได้แซ่หลิว แต่ว่าฉันใช้แซ่ฉู่”
“ใช้แซ่ฉู่?” ดวงตาของหยานหวูซวงเป็นประกาย ทันใดนั้น เขาก็นึกถึงความเป็นไปได้ที่ทำให้สะดุ้งโหยง “ระ…หรือว่าพี่คือจอมมารฉู่ชวิ๋น?”
ฉู่ชวิ๋นพยักหน้าและตอบว่า “ใช่ ฉันเอง”
หยานหวูซวงชะงักไปทันที สีหน้าของเขาปรากฏความเหลือเชื่อ คุณชายหนุ่มไม่รู้ตัวเลยว่าตลอดหลายวันที่ผ่านมา ตนเองกำลังคลุกคลีอยู่กับจอมมารฉู่ชวิ๋นผู้ชั่วร้าย
ชายหนุ่มผู้นี้มีภาพลักษณ์ไม่ดีนัก ไม่ว่าขยับเท้าไปที่ใดต้องเกิดความชิบหายวายป่วงขึ้นที่นั่น แถมยังมีนิสัยดุร้ายอำมหิต แม้แต่เมืองเล็กๆ อย่างเมืองหยานเสว่ ทุกคนในเมืองนี้ก็รู้จักชื่อเสียงของจอมมารฉู่ชวิ๋นเป็นอย่างดี
“พ่อผมรู้ตัวตนจริงของพี่หรือเปล่า?” หยานหวูซวงถามออกมาด้วยความระมัดระวัง
ฉู่ชวิ๋นพยักหน้าตอบว่า “รู้สิ เขาถึงได้มอบไผ่อัคคีมาเป็นของขวัญให้ฉันตั้งสองต้นแน่ะ”
หยานหวูซวงแอบคิดอยู่ในใจด้วยความเย้ยหยันว่า มอบให้เป็นของขวัญ? หรือว่าขโมยมากันแน่? เนื่องจากก่อนหน้านี้คุณชายหนุ่มได้เห็นกับตามาแล้วว่าฉู่ชวิ๋นมีนิสัยชอบลักขโมยปล้นชิงสิ่งของของผู้อื่นขนาดไหน
“หยานน้อย ฉันไม่ได้มีเจตนาโกหกนาย แต่ที่ฉันมาเมืองหยานเสว่ในครั้งนี้ ฉันมาก็เพราะเธอ” ฉู่ชวิ๋นยกมือชี้ไปยังหญิงสาวผมม่วง
หยานหวูซวงมองหน้าฉู่ชวิ๋น แล้วก็หันไปมองหน้าหญิงสาวผมม่วง ก่อนจะแอบคิดในใจว่า หรือไอ้จอมมารนี่คิดแอบลักพาตัวหญิงสาวชาวเมืองชนบทไปขาย?
“คุณผู้หญิง บอกผมมา เขาบังคับให้คุณมาด้วยหรือเปล่า?” ถ้าหญิงสาวผมม่วงตอบว่าใช่ เธอถูกฉู่ชวิ๋นบังคับให้มาด้วย หยานหวูซวงก็พร้อมที่จะเข้าช่วยเหลือเธอจากเงื้อมมือของจอมมารร้ายทันที
เฮ้อ!
ทั้งฉู่ชวิ๋นและหญิงสาวผมม่วงต่างก็พากันงงงัน ทั้งสองคนได้แต่นิ่งคิดไปเล็กน้อย ไม่รู้เลยว่าหยานหวูซวงกำลังคิดอะไรอยู่ในหัวสมองกันแน่?
ฉู่ชวิ๋นพลันมีสีหน้าเคร่งขรึม อยากจะส่งหยานหวูซวงเข้าเครื่องประหารหัวสุนัขจริงๆ
“ใช่ ข้าโดนเขาบังคับให้มาด้วย เขาวางยาฉันเพื่อที่จะได้ควบคุมฉันได้” หญิงสาวผมม่วงตอบด้วยเสียงสั่นเครือ น้ำตาคลอเต็มสองเบ้า
ฉู่ชวิ๋นเบิกตาโต ไม่คิดเลยว่าหญิงสาวผมม่วงจะมีพรสวรรค์ด้านการแสดงขนาดนี้ โบราณถึงได้บอกเอาไว้สินะว่ามารยาหญิงหลายร้อยเล่มเกวียน
“คิดเอาไว้อยู่แล้ว ไอ้จอมมารฉู่ชวิ๋น ส่งยาแก้พิษออกมาเดี๋ยวนี้นะ” หยานหวูซวงจ้องมองฉู่ชวิ๋น ชักกระบี่ออกมาชี้หน้าเขา
“หยานน้อย นายอยากเจ็บตัวหรือไง?” ฉู่ชวิ๋นตอบกลับไปเสียงเข้ม
“ฉู่ชวิ๋น อย่าพูดจาไร้สาระ รีบส่งยาแก้พิษมาเดี๋ยวนี้ แล้วก็คืนไผ่อัคคีที่แกขโมยไปจากพ่อฉันกลับมาด้วย” หยานหวูซวงมีดวงตาเป็นโกรธแค้น
“หยานน้อย ฉันถามว่านายอยากเจ็บตัวใช่ไหม?” ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเป็นประกายอันตรายขึ้นมาแล้ว
“คุณผู้หญิง คุณกับผมร่วมมือกันกำจัดปีศาจร้ายตัวนี้ ช่วยให้โลกยุทธภพน่าอยู่มากขึ้นกว่าเดิมกันเถอะ” หยานหวูซวงพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง เริ่มหาพันธมิตร
“ตกลง!” หญิงสาวผมม่วงรับคำอย่างกระตือรือร้น
ฉู่ชวิ๋นทำอะไรไม่ถูกอีกแล้ว ได้แต่จ้องมองหญิงสาวผมม่วงและถามว่า
“เอาจริงดิ?”
“หยุดพูดเลยนะ นายวางยาเพื่อข่มขู่ฉัน วันนี้แหละเราจะผนึกกำลังกันกำจัดมารร้ายอย่างนาย ฉันเชื่อว่าผู้คนในยุทธภพคงจะต้องสรรเสริญพวกเราอย่างแน่นอน”