จักรพรรดิเซียนหวนคืน - บทที่ 321 อิจฉาตาร้อน
บทที่ 321 อิจฉาตาร้อน
ประกายแสงวูบวาบพร้อมแรงระเบิดที่สั่นกระเทือน
ไม่มีใครห้ามปรามจักรพรรดิยาและเหลยเป้าได้เลย
แม่หม้ายสาวทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนมองด้วยความเป็นกังวล
เหยียนชงและหยานหวูซวงยืนมองด้วยความสนใจและประเมินสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา
โดยเฉพาะเหยียนชง ที่บางครั้งก็ส่งเสียงเชียร์ออกมาโดยไม่รู้ตัว
หลงอ๋าวก็มารับชมความสนุกด้วยเช่นกัน ขณะนี้ชายชราเป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 2 แล้ว ฉู่ชวิ๋นดูแลเขากับมังกรเขียวเป็นอย่างดี
“เหอะ! น้องเหลยเป้าฝีมือไม่ได้เรื่องเลยจริง ๆ แบบนี้ต่อให้เอาหญ้าจิตวิญญาณทั้งโลกมาเดิมพันข้างนาย ก็คงไม่พอให้แพ้พนันหรอกนะ ฮ่าฮ่า” หลงอ๋าวดื่มชาพร้อมส่ายศีรษะไปด้วย
เหยียนชงสวนกลับว่า “พูดอะไรบ้า ๆ เหลยเป้าไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น”
“ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าจะมาสู้กันเพราะแย่งผู้หญิงเนี่ย” หลงอ๋าวหันไปมองทางแม่หม้ายสาวด้วยความแปลกใจ
เหยียนชงชำเลืองมองมาด้วยความเหยียดหยาม พูดพร้อมกับยิ้ม “คนแก่จะเข้าใจเรื่องความรักของคนหนุ่มสาวได้ยังไง”
“พูดอะไรของแก ฉันยังไม่แก่เลยนะ” หลงอ๋าวพูดออกมาอย่างไม่พอใจ
“นายน้อยหยานแต่งงานหรือยัง?” หลงอ๋าวหันมาถามหยานหวูซวง
หยานหวูซวงส่ายหน้า
“ได้ยินแบบนี้ ผมก็สบายใจขึ้นเยอะเลย” เหยียนชงพูด “ขนาดหนุ่มหล่ออย่างนายน้อยหยานก็ยังเป็นโสด ผมว่าผมก็คงรอต่อไปได้นั่นแหละ”
หยานหวูซวงพูดอะไรไม่ออก คนพวกนี้เป็นอะไรกัน เขาจะแต่งงานหรือยังไม่แต่ง มันไปเกี่ยวอะไรกับคนพวกนี้ด้วยหรือไง
“โง่เหมือนไอ้บ้าฉู่ไม่มีผิด แบบนี้คงต้องอยู่ตัวคนเดียวไปจนตาย” หลงอ๋าวพูด แล้วก็ส่ายหัวด้วยความระอาใจ
“คุณกำลังพูดถึงนายท่านอยู่นะ” เหยียนชงพูดด้วยน้ำเสียงตักเตือน
“แกไม่รู้อะไร อย่ามาทำอวดดี ฉันรู้จักกับไอ้หนูนั้นมาเป็นสิบปีแล้ว” หลงอ๋าวยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามเช่นเดิม
“ทำไมสองคนนั้นยังไม่รู้ผลแพ้ชนะกันอีกนะ” เหยียนชงไม่สนใจแล้วปิดปากที่หาวออกมา “ฉันง่วงนอนแล้วเนี่ย”
“มาพนันกันไหมล่ะว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ?” หลงอ๋าวพูดอย่างนึกสนุก
“จะพนันกันยังไง?”
หลงอ๋าวหยิบหญ้าจิตวิญญาณออกมาจากอกเสื้อและพูดว่า “ฉันขอเดิมพันว่าเหลยเป้าจะเป็นฝ่ายแพ้”
“รวยเหลือเกินนะ ตาแก่” เหยียนชงพูดอย่างไม่พอใจ ฉู่ชวิ๋นมอบหญ้าจิตวิญญาณหลายร้อยกำเอาไว้ให้พวกเขา เพื่อช่วยเหลือในการฝึกวิชาของบรรดาลูกศิษย์ ลูกศิษย์ของพวกเขาตอนนี้จึงฝีมือพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้แต่พวกของมังกรเขียวก็มีวรยุทธ์เทียบเท่ากับปรมาจารย์ขั้นสูงแล้ว
“ของพวกนี้ฉันมีใช้จนเหลือเฟือ” หลงอ๋าวตอบกลับมาด้วยความไม่พอใจ ในขณะที่หันมามองหน้าเหยียนชงและพูดว่า “แกจะไปรู้อะไร ตอนแรกที่ฉันเจอหน้าไอ้เจ้าหนูฉู่ครั้งแรก มันอ่อนแอจะตาย ฉันเล่นงานมันจนต้องร้องไห้หาพ่อหาแม่ คนอย่างแก ไม่มีทางได้มีโอกาศเห็นมันเป็นแบบนั้นหรอกนะ”
เหยียนชงโกรธจนต้องกัดฟันกรอด พูดออกไปด้วยความเดือดจัดว่า “อย่าขี้โม้ไปหน่อยเลย คุณมาอาศัยอยู่ในบ้านตระกูลฉู่ เพราะว่าบ้านของคุณถูกนายท่านฉู่ชวิ๋นทำลายจนราบคาบถึงสองครั้งสองคราว คิดว่าผมไม่รู้เรื่องนี้หรือไง?”
“เหอะ!” หลงอ๋าวสวนกลับมาด้วยความแค้นเคือง “เหลวไหล เหลวไหลที่สุด ใครจะมาพังบ้านฉันได้ ไม่มีทาง”
“ยังไม่ยอมรับความจริงอีกเหรอ?” เหยียนชงขยับเข้ามาใกล้ แล้วพูดใส่หน้าหลงอ๋าว “แบบนี้จะไม่เรียกว่าขี้โม้ได้ยังไง ผมจะบอกความจริงให้นะ ตอนที่พบกันครั้งแรก นายท่านอายุเท่าไหร่ นายท่านฉู่ชวิ๋นมีอายุแค่ 23 ปีเท่านั้น ส่วนคุณอายุเกือบ 200 ปีแล้ว ภูมิใจนักเหรอที่เอาชนะเด็กอายุ 23 ได้เนี่ย”
“….” ความภาคภูมิใจในดวงตาของหลงอ๋าวพลันหายวับไปและถูกแทนที่ด้วยความเดือดดาลสุดขีด “แกอิจฉาในฝีมือของฉันใช่ไหมล่ะ แบบนี้เขาเรียกว่าอิจฉาตาร้อน”
“ใช่ ผมอิจฉา อิจฉาในความขี้โม้หลงตัวเองของคุณมากกว่า” เหยียนชงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบต่อไปว่า “นายท่านอุตส่าห์ใจดีกับคุณมากมายแต่คุณกลับเอาสมุนไพรที่นายท่านมอบเอาไว้ให้ มาเล่นพนันหน้าตาเฉย!”
“แล้วไง? ยังไงฝีมือของแกตอนนี้ก็สู้ฉันไม่ได้แล้ว จงจำใส่หัวเอาไว้เถอะว่าใครเป็นหัวหน้า ใครเป็นลูกน้อง แกต้องทำความเข้าใจเรื่องนี้ให้ดีเถอะ”
“เอาก็เอาวะ” เหยียนชงโกรธแค้นขึ้นมาแล้ว เขาหยิบหญ้าจิตวิญญาณออกมาจากอกเสื้อ 5 ต้นและวางลงบนโต๊ะ พูดว่า “ผมขอเดิมพันว่าจักรพรรดิยาจะต้องแพ้แน่นอน”
“นายน้อยหยาน คุณว่าฝ่ายไหนจะชนะ?” ทั้งสองคนต่างก็หันมามองหน้าหยานหวูซวงและถามออกมาพร้อมกัน
หยานหวูซวงหัวเราะด้วยความขมขื่น ทั้งสองคนต่างก็หวังว่าจะให้เขาตอบเข้าข้างตัวเอง
“ผมเดิมพันว่าเสมอก็แล้วกัน” หยานหวูซวงวางหญ้าจิตวิญญาณของตนเองลงไป 5 ต้น ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งให้รู้สึกผิด
“เหลยเป้า จัดการมันเลย” เหยียนชงส่งเสียงร้องเชียร์
“น้องยา ฝีมือของเหลยเป้าเป็นได้แค่จอมยุทธ์ตลาดล่างเท่านั้นแหละ” หลงอ๋าวตะโกนเสียงดังไม่แพ้กัน
“เหลยเป้า จัดการมันเลย เอาให้มันสำนึกว่าอย่ามายุ่งกับผู้หญิงของคนอื่น” เหยียนชงทุบโต๊ะด้วยความเกรี้ยวกราด
“น้องยา นายมีความชำนาญเรื่องยาไม่ใช่หรือ? วางยาให้เหลยเป้านกเขาไม่ขัน เอาให้มันเป็นหมันตลอดชีวิตไปเลย” หลงอ๋าวตะโกนออกมาในเวลาเดียวกัน
“เหลยเป้า จัดการมันเลย…”
“น้องยา สั่งสอนให้มันรู้สำนึก”
บนเวทีว่าต่อสู้กันอย่างดุเดือดแล้ว ด้านล่างเวทีก็ต่อสู้ผ่านวาจาอย่างดุเดือดยิ่งกว่าจนในที่สุด เหยียนชงและหลงอ๋าวก็มองหน้ากันอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อกันแล้ว
แม้แต่ลูกศิษย์ของพวกเขาต่างก็ตื่นตกใจและรีบวิ่งมาดูการต่อสู้ทันที
“พวกนายจะยืนเงียบกันอยู่ทำไม? ส่งเสียงเชียร์เหลยเป้ากันไปสิ” เหยียนชงออกคำสั่งลูกศิษย์ของตัวเองให้ส่งเสียงเชียร์เหลยเป้า
“อาจารย์เหลย สู้ ๆ อาจารย์เหลย สู้ ๆ …”
“พวกแกมา ส่งเสียงเชียร์จักรพรรดิยากันหน่อย” หลงอ๋าวไปเรียกลูกศิษย์ตัวเองมาเช่นกัน
“อาจารย์ยา สู้ ๆ อาจารย์ยา สู้ ๆ …”
“เอาให้มันไม่ซ้ำซากหน่อยได้ไหม” หลงอ๋าวพูดอย่างไม่พอใจ “ทุกคนว่าตามฉันนะ อาจารย์ยา ท่านผู้กล้าแห่งยุค บดขยี้มัน”
“…” กลุ่มลูกศิษย์ได้แต่ยืนนิ่งด้วยความงงงวย
“ตะโกนสิ”
“อาจารย์ยา ท่านผู้กล้าแห่งยุค บดขยี้มัน อาจารย์ยา ท่านผู้กล้าแห่งยุค บดขยี้มัน…”
หยานหวูซวงได้แต่ยืนรับชมอยู่ในความเงียบ
ขณะนั้น ฉู่ชวิ๋นมาถึงที่หน้าประตูวังมังกรเพลิงพอดี เมื่อเขาได้ยินเสียงคนตะโกนร้องเชียร์อะไรบางอย่าง สีหน้าของชายหนุ่มก็เปลี่ยนไป
นี่มันอะไรกัน? มีพวกอันธพาลมารวมกลุ่มกันหรือไง?
หลังจากนั้น ชายหนุ่มก็เดินตามลูกศิษย์คนหนึ่งของวังมังกรเพลิงเข้าไปที่ลานประลองยุทธ์ ทุกคนมัวแต่สนใจการต่อสู้ จนไม่มีใครสังเกตเห็นการมาถึงของฉู่ชวิ๋นเลย
“เกิดอะไรขึ้น?” ฉู่ชวิ๋นตบไหล่ลูกศิษย์คนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างหน้า
เด็กหนุ่มคนนั้นหันหน้ากลับมาและเมื่อเห็นว่าเป็นฉู่ชวิ๋น สีหน้าของเขาก็หวาดกลัวจนแทบหัวใจวายตายแล้ว
“อาจารย์เหลยกับผู้อาวุโสยาต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงอาจารย์เหมยครับ ส่วนอาจารย์หยานและท่านผู้เฒ่าหลงอ๋าวก็ทะเลาะกัน เพราะเดิมพันกันว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ”
อาจารย์เหมยก็คือแม่หม้ายสาว เนื่องจากชื่อเดิมของเธอก็คือเหมยจือถง แต่ตอนนี้ไม่มีใครเรียกชื่อเดิมของเธออีกแล้ว
สีหน้าของฉู่ชวิ๋นเคร่งขรึมขึ้นมาทันใด เขาออกไปทำงานหนักอยู่ข้างนอก แต่คนพวกนี้กลับเล่นสนุกอยู่ที่บ้าน แถมยังก่อความวุ่นวายขึ้นมาแบบนี้ ดูเหมือนว่าจะว่างงานกันมากเกินไปแล้วจริง ๆ
เมื่อเห็นว่าฉู่ชวิ๋นทำหน้าเครียด ลูกศิษย์ผู้นั้นก็ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
“อย่าเพิ่งบอกใครนะว่าฉันมาแล้ว” ฉู่ชวิ๋นกระซิบบอกเด็กหนุ่มคนนั้น
“อาจารย์ยา ท่านผู้กล้าแห่งยุค บดขยี้มัน อาจารย์ยา ท่านผู้กล้าแห่งยุค บดขยี้มัน…”
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนเชียร์ สีหน้าของฉู่ชวิ๋นก็ยิ่งเคร่งเครียดมากยิ่งขึ้น หลงอ๋าวที่ถึงผู้อาวุโสที่สุดในกลุ่ม จำเป็นต้องถูกดัดนิสัยเสียบ้างแล้ว เขาต้องสร้างภาพตัวเองให้ดูน่านับถือต่อใคร ๆ ไม่ใช่มาทำตัวแบบนี้
กระต่ายหยกที่ยืนอยู่ในกลุ่มคนดูหันมาเห็นฉู่ชวิ๋นเข้าพอดี ดวงตาของเธอเป็นประกายระยิบระยับเหมือนอัญมณี เสื้อผ้าที่หญิงสาวสวมใส่ตอนนี้เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนเล็กน้อยที่เหมือนเดิมก็คือกระต่ายหยกยังคงสวมใส่หูกระต่ายอยู่บนศีรษะและกำลังกวัดแกว่งไปมาอย่างน่ารักน่าชัง
ฉู่ชวิ๋นก็เห็นเธอเช่นกัน จึงโบกมือเรียก กระต่ายหยกเข้ามาอย่างมีความสุขพร้อมกับพูดว่า “นายท่านกลับมาแล้ว”
“เธอเรียกฉันว่า พี่ฉู่ ดีกว่า ห้ามเรียกอย่างอื่นเด็ดขาด” ฉู่ชวิ๋นหัวเราะในลำคอ หญิงสาวคนนี้ไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด เธอยังคงชื่นชมเขา ในตอนนี้ กระต่ายหยกมีฝีมือเทียบเท่าจอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ระดับ 9 แล้ว ไม่ธรรมดาเลยสำหรับอายุแค่นี้
“พี่ฉู่” กระต่ายหยกพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
“ดีมาก ฉันสัมผัสได้ว่าวรยุทธ์เธอพัฒนาขึ้นเยอะเลยนะ” ฉู่ชวิ๋นกล่าวด้วยน้ำเสียงชื่นชม
กระต่ายหยกหน้าแดง มีความสุขที่ได้รับคำชมจากฉู่ชวิ๋น “ทั้งหมดก็เป็นเพราะหญ้าจิตวิญญาณของพี่ฉู่ ไม่งั้นฉันก็คงทำไม่ได้ถึงขนาดนี้หรอก”
ฉู่ชวิ๋นนิ่งคิดอะไรบางอย่างเล็กน้อย ก่อนจะหยิบกลองขนาดเล็กชิ้นหนึ่งออกมาแล้วพูดว่า “ฉันให้เธอ”
กลองขนาดเล็กเป็นสีทองคำ มีขนาดเท่ากับฝ่ามือคน ดูเป็นของเล่นกระจุมกระจิ๋มน่ารัก แต่ในสายตาของกระต่ายหยก เธอดีใจเหมือนได้รับสมบัติสวรรค์ก็ไม่ปาน “ขอบคุณพี่ฉู่มากเลยค่ะ”
“ใช้ระวังด้วยนะ ของสิ่งนี้มีพลังร้ายกาจมาก” ฉู่ชวิ๋นเตือน
กระต่ายหยกยิ้มและพยักหน้า เก็บกลองจิ๋วเข้าไปในกระเป๋า ก่อนพูดว่า
“พี่ฉู่อยากให้ไปบอกพวกอาจารย์ไหมคะว่าพี่กลับมาแล้ว?”
ฉู่ชวิ๋นโบกมือปฏิเสธและถามว่า “พวกเขาทำแบบนี้บ่อยหรือเปล่า?”
กระต่ายหยกตอบทันทีว่า “อาจารย์เหลยกับอาจารย์ยาดวลกันทุกวัน เป็นเวลาครึ่งเดือนแล้วค่ะ”
“สงสัยจะว่างกันเกินไปจริง ๆ สินะ” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยความเหนื่อยใจ
ชายหนุ่มพากระต่ายหยกเดินไปทางเวทีประลอง จักรพรรดิยาและเหลยเป้ามัวแต่ต่อสู้กันอย่างดุเดือด จนไม่สังเกตเห็นว่าฉู่ชวิ๋นมาถึงแล้ว
กลุ่มลูกศิษย์ที่ร้องตะโกนเชียร์อย่างเมามันเมื่อหันมาเห็นว่าฉู่ชวิ๋นกำลังเดินเข้ามาใกล้ ๆ พวกเขาก็หยุดส่งเสียงเชียร์โดยทันที ทุกคนได้แต่หดหัวด้วยความหวาดกลัว ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจด้วยซ้ำ
“ทำไมเงียบกันไปหมดฮะ?” เหยียนชงหันกลับมามองด้วยความประหลาดใจ จึงได้พบว่าในขณะนี้ฉู่ชวิ๋นมายืนอยู่ด้านหลังของตนเองแล้ว เหยียนชงหวาดกลัวจนถึงกับสะดุ้งโหยง
“นายท่านกลับมาแล้ว!” เหยียนชงอ้าปากค้างน้ำลายไหลยืด บนหน้าผากเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อผุดพราว
“ไอ้หนู กลับมาแล้วเหรอ” หลงอ๋าวทักทายอย่างยิ้มแย้ม
เมื่อแม่หม้ายสาวเห็นว่าฉู่ชวิ๋นกลับมาแล้ว แต่จักรพรรดิยาและเหลยเป้ายังคงต่อสู้กันอย่างดุเดือด เธอจึงได้ส่งเสียงตะโกนว่า “หยุดสู้กันได้แล้ว นายท่านกลับมาแล้ว”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทั้งสองคนก็ยุติการต่อสู้ทันที
“วันนี้อากาศดีนะ มาออกกำลังกายกันหรือไง” ฉู่ชวิ๋นหัวเราะในลำคอ
การหัวเราะของฉู่ชวิ๋นทำให้จักรพรรดิยาและเหลยเป้ารู้สึกขนลุกเป็นอย่างยิ่ง หัวเราะแบบนี้ให้นายท่านดุด่าพวกเขายังจะดีกว่า
ทั้งสองคนได้แต่ยืนก้มหน้าพูดอะไรไม่ออก
“พวกนาย ฉันมอบของเอาไว้ให้เยอะเกินไปใช่ไหม ถึงได้เอาหญ้าจิตวิญญาณมาเล่นพนันกันแบบนี้?”
“อย่าเพิ่งโกรธไปเลยครับนายท่าน ไม่ว่าใครได้ไป สุดท้ายพวกเราก็จะเก็บรักษามันเอาไว้อย่างดี” เหยียนชงรีบเก็บหญ้าจิตวิญญาณของตัวเองเข้าใส่อกเสื้อทันที
หลงอ๋าวก็ไม่เชื่องช้า รีบเก็บหญ้าจิตวิญญาณของตัวเองในพริบตาต่อมา
“ในเมื่อทุกคนดูเหมือนจะว่างกันนัก ฉันก็เลยมีงานมาให้ทำ” ฉู่ชวิ๋นเดือดดาลขึ้นมาจริง ๆ แล้ว โลกภายนอกเกิดความวุ่นวายโกลาหลขึ้นมากมาย แต่ผู้คนในวังมังกรเพลิงแห่งนี้แทนที่จะตั้งใจฝึกวิชา กลับเอาแต่เล่นสนุกไปวัน ๆ
“สองคนนี้ก็เหมือนกัน ขึ้นไปบนเวทีเดี๋ยวนี้” ฉู่ชวิ๋นพูดกับเหยียนชงและหลงอ๋าว
เมื่อเห็นสีหน้าเย็นชาของฉู่ชวิ๋นมีใครกล้าขัดขืนคำสั่งบ้าง? ทั้งสองคนรีบขึ้นไปยืนอยู่กลางเวทีประลองทันที
“ในเมื่ออยากเป็นกองเชียร์นัก ฉันก็จะให้ตะโกนเชียร์ให้สมใจไปเลย พวกนายต้องตะโกนเชียร์ฝ่ายที่ตัวเองเดิมพันตั้งแต่ตอนนี้ ไปจนถึงเวลานี้ของวันพรุ่งนี้ ห้ามหยุดพัก ห้ามทานอาหาร ห้ามดื่มน้ำ แม้แต่เข้าห้องน้ำก็ห้าม” ฉู่ชวิ๋นออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
ตอนที่เหยียนชงกับหลงอ๋าวได้ยินบทลงโทษ พวกเขาก็ได้แต่เบิกตาโตด้วยความตกตะลึง ให้ตายเถอะ ถ้าต้องตะโกนตั้งแต่ตอนนี้ไปจนถึงพรุ่งนี้ พวกเขาจะคอไม่แตกตายเอาหรือไง?
ฉู่ชวิ๋นยกมือขึ้นและสร้างม่านพลังกักบริเวณทั้งสองคนเอาไว้
“เริ่มตะโกนเดี๋ยวนี้” ฉู่ชวิ๋นออกคำสั่ง
เมื่อรู้ว่าฉู่ชวิ๋นไม่ได้พูดเล่น คราวนี้ชายหนุ่มโกรธจริง ๆ ทั้งสองคนก็จำต้องยอมเริ่มต้นตะโกนด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
“อาจารย์เหลย สู้ ๆ!” เหยียนชงตะโกนเชียร์
“อาจารย์ยา จัดการมันเลย” หลงอ๋าวตะโกนตาม
“ส่วนพวกนายสองคน” ฉู่ชวิ๋นหันมามองจักรพรรดิยาและเหลยเป้า ผู้ถูกจ้องมองได้แต่ยืนตัวแข็งเกร็ง ฉู่ชวิ๋นออกคำสั่งว่า “ดูสภาพตัวเองสิ ไม่เหลือความเป็นจอมยุทธ์กันเลยสักนิด ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันขอสั่งให้พวกนายสองคนทำความสะอาดวังมังกรเพลิงให้ทั่วบริเวณ”
ทำความสะอาดวังมังกรเพลิง? จักรพรรดิยาและเหยียนชงถึงกับอ้าปากค้าง
“ทำความสะอาดให้ครบทั้งด้านในด้านนอก แม้แต่ห้องน้ำก็ต้องเข้าไปล้างให้หมดจด ขอสั่งไว้ก่อนเลยว่าห้ามเหนื่อย ห้ามพัก ห้ามทานอาหารเด็ดขาด” พูดจบ ฉู่ชวิ๋นก็สร้างม่านพลังกำหนดบริเวณไม่ให้ทั้งสองคนออกไปจากวังมังกรเพลิง
จักรพรรดิยาและเหลยเป้าเกือบจะร้องไห้ออกมา วังมังกรเพลิงมีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลหลายหมื่นตารางเมตร เมื่อไหร่พวกเขาถึงจะทำความสะอาดเสร็จล่ะ? ดูท่าแล้วกว่าจะทำความสะอาดได้ทั้งวังมังกรเพลิง มีหวังพวกเขาได้เหนื่อยล้าจนเป็นอัมพาตกันก่อนพอดี