จักรพรรดิเซียนหวนคืน - บทที่ 325 ไล่ล่า
บทที่ 325 ไล่ล่า
ตระกูลหวังเป็นตระกูลใหญ่ร่ำรวยมหาศาล เมื่อ 6 เดือนที่แล้ว ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือด้านการเงินของสำนักเจ็ดดารา คอยอำนวยความสะดวกด้านการเงินให้แก่จอมยุทธ์ภายในสำนักเป็นอย่างดี
ค่งจวิ้นเต๋อเป็นตัวแทนจากสำนักเจ็ดดาราที่ถูกส่งมาคอยคุ้มครองคนตระกูลหวัง เขาน่ากลัวมากพอที่คนในโลกมนุษย์จะไม่กล้าเข้ามายุ่งเกี่ยว
ถึงแม้ว่าค่งจวิ้นเต๋อจะเป็นจอมยุทธ์ แต่เขาก็ยังคงหิวเงินลุ่มหลงในกิเลสตัณหาเหมือนคนทั่วไป ค่งจวิ้นเต๋อมักจะมาที่คฤหาสน์แห่งนี้เสมอในเวลาที่ไม่มีอะไรทำ
ร่างกายจิ่วโยวเต็มไปด้วยไอสังหาร เธอรู้ตัวว่าเธอเจอคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อแล้ว
แต่ค่งจวิ้นเต๋อกลับไม่สนใจแล้วไปตกตะลึงในความงามของถางโร้ว แววตาของเขาแปรเปลี่ยนไป ในขณะที่กลืนน้ำลายลงคอเอื๊อกใหญ่
“รีบหนีเร็ว”
จิ่วโยวผลักถางโร้ว หญิงสาวทั้งสองคนหมุนตัวและรีบวิ่งหนีทันที
“จะหนีไปไหน” ค่งจวิ้นเต๋อหัวเราะเยาะ กระโดดตามไปทันหญิงสาวทั้งสองคนทันที เขายกมือขึ้นซัดพลังลมปราณใส่ด้านหลังของจิ่วโยว
จิ่วโยวผลักถางโร้วกระเด็นไปทางหนึ่ง ตัวเธอเองกระโดดหลบไปทางหนึ่ง ปืนเงินตวัดสวนกลับไป
เปรี้ยง!
ลำแสงพุ่งออกมาจากปลายปืน เมื่อลมปราณปะทะกัน ก็เกิดเป็นแรงระเบิดขนาดใหญ่
“อายุเพียงเท่านี้ มีฝีมือน่ากลัวไม่เบาเลยนะเนี่ย” ค่งจวิ้นเต๋อประหลาดใจไม่น้อยในความแข็งแกร่งของจิ่วโยว ซึ่งถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะยังเป็นเด็ก แต่เธอก็มีพลังขั้นจักรพรรดิแล้ว
“ฉันขอแนะนำว่าแกอย่ารนหาที่ตายเลยดีกว่า ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเรา สำนักของแกได้ถูกฆ่าล้างสำนักแน่ ๆ” จิ่วโยวคำรามเสียงดัง
ค่งจวิ้นเต๋อพอคาดเดาได้ว่าที่มาที่ไปของหญิงสาวทั้งสองคนนี้คงไม่ธรรมดา ไม่เช่นนั้นคงไม่มีพลังกล้าแข็งขนาดนี้ แต่ว่าพวกไหนกันที่ทำให้หญิงสาวธรรมดากลายเป็นจอมยุทธ์ที่มีพลังขั้นจักรพรรดิได้แบบนี้
แต่เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วก็ต้องสานต่อให้จบ ถ้าหญิงสาวทั้งสองตายไป ก็จะไม่มีใครรู้เรื่องนี้อีกแล้ว
“เป็นเด็กเป็นเล็ก ปากดีเกินไปแล้ว” ค่งจวิ้นเต๋อประกบสองมือเข้าด้วยกัน เกิดเป็นพลังลมปราณพวยพุ่งออกมาเหมือนเกลียวคลื่นขนาดใหญ่
จิ่วโยวยกปืนขึ้นป้องกัน ตัวปืนส่องแสงประกายระยิบระยับ ในขณะที่เธอตรงเข้าไปต่อสู้กับค่งจวิ้นเต๋ออย่างดุเดือด
ถางโร้วยืนกัดริมฝีปากอยู่ด้านข้าง สุดท้ายก็ตัดสินใจยกมือขึ้นและซัดพลังลมปราณออกไป
ค่งจวิ้นเต๋อหมุนตัวหลบการโจมตีของจิ่วโยวอยู่ทำให้ต้องโดนการโจมตีของถางโร้วเข้าไปเต็ม เขาตกใจมาก ไม่คิดว่าหญิงสาวคนนี้ก็มีพลังขั้นจักรพรรดิเช่นกัน
จิ่วโยวและถางโร้วร่วมแรงร่วมใจ ช่วยกันต่อสู้กับค่งจวิ้นเต๋อ
จิ่วโยวเป็นปีศาจที่แข็งแกร่งไม่ธรรมดา แต่เธอก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจอมยุทธ์ผู้มีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 4 อยู่ดี
ถางโร้วยิ่งขาดประสบการณ์และไม่สามารถตัดสินใจได้รวดเร็วพอ กลับกลายเป็นตัวถ่วงของจิ่วโยว
เปรี้ยง!
จิ่วโยวลอยคว้างไปเมื่อถูกฝ่ามือกระแทกเข้าอย่างจัง
ค่งจวิ้นเต๋อพุ่งไปเล่นงานถางโร้วเป็นรายต่อไป เขากระแทกฝ่ามือใส่หัวไหล่ของหญิงสาวเต็มแรงจนร่างของหญิงสาวลอยกระเด็นไปไกล
“รีบหนีไป ฉันจะสู้กับเขาเอง” จิ่วโยวร้องตะโกน
ปืนเงินในมือสะบัดวูบวาบ ลำแสงสีเงินพุ่งออกมา จิ่วโยวระเบิดพลังลมปราณเต็มที่
แต่โชคร้ายที่ระดับพลังของเธอกับอีกฝ่ายหนึ่ง ต่างกันมากเกินไป จิ่วโยวจึงถูกค่งจวิ้นเต๋อซัดกระเด็นกลับมาอีกครั้ง
ถางโร้วหัวไหล่บาดเจ็บ ได้ก็กัดฟันอดทนเอาไว้ พยายามเข้าไปช่วยจิ่วโยว
เปรี้ยง!
แต่ค่งจวิ้นเต๋อลงมือด้วยความอำมหิต เขาซัดลมปราณใส่ถางโร้วอีกครั้ง ถางโร้วกระอักเลือดออกมาจากปากบาดเจ็บหนัก
จิ่วโยวพยายามเข้าสู้อีกครั้ง ควงปืนเข้าไปหมายจะแทงค่งจวิ้นเต๋อให้ดับดิ้น แต่ผลที่ได้ก็คือเธอและถางโร้วถูกพลังซัดใส่จนลอยกระเด็นออกมา
“รีบหนีไป” จิ่วโยวตะโกน
โฮก!
เกิดเสียงคำรามอันน่ากลัวดังขึ้นแล้วจิ่วโยวก็เปลี่ยนร่าง กลายเป็นงูยักษ์พุ่งเข้าใส่ค่งจวิ้นเต๋อ ลำตัวของเธอส่งแสงเป็นประกายสว่างจ้าราวกับพระอาทิตย์ดวงหนึ่ง
ในตอนนี้ ร่างงูยักษ์ของจิ่วโยวมีความยาวมากถึง 66 เมตร ลำตัวของเธอหนาอย่างกับขบวนรถไฟ เกล็ดบนผิวหนังแต่ละชิ้นมีความแวววาวและ คมกริบ
ค่งจวิ้นเต๋อได้แต่จ้องมองงูยักษ์ที่ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าด้วยความตกตะลึง เขาไม่เคยเห็นมนุษย์แปลงร่างเป็นสัตว์ร้ายมาก่อนเลย
ถางโร้วเองก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน ในที่สุดเธอก็ได้รู้แล้วว่าจิ่วโยวเป็นใครที่แท้จิ่วโยวก็คืองูยักษ์ที่คอยติดตามฉู่ชวิ๋นเมื่อก่อนนั่นเอง
จิ่วโยวสะบัดหาง ถางโร้วได้แต่รีบกระโดดหลบ
ในดวงตาของถางโร้วมีน้ำตาคลอเต็มเบ้า เธอทราบดีว่าตนเองอยู่ต่อไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ จึงหันหลังและวิ่งหนีออกมา
ค่งจวิ้นเต๋อต้องการจะไล่ตามถางโร้วไป แต่ทันทีที่เขาขยับเท้า เงาสีดำก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้า ค่งจวิ้นเต๋อซัดพลังลมปราณใส่ในทันที
เปรี้ยง!
บนพื้นเกิดรอยแตกร้าว เศษดินเศษหินปลิวกระจายไปทั่ว รอยร้าวบนพื้นขยายบริเวณไปอย่างน่าหวาดกลัว คฤหาสน์ทั้งหลังเริ่มสั่นสะเทือนราวกับจะถล่มลงมา
ในเวลาเดียวกันนี้ ร่างกายของค่งจวิ้นเต๋อก็ถูกจิ่วโยวรัดพันรอบตัว ค่งจวิ้นเต๋อรีบกระแทกฝ่ามือใส่ลำตัวของจิ่วโยวทันที
เปรี้ยง!
ประกายไฟสาดกระจายรอบตัว การโจมตีของค่งจวิ้นเต๋อได้ผล ลำตัวขนาดใหญ่ยักษ์ของจิ่วโยวคลายออกไปจากร่างกายของค่งจวิ้นเต๋อเล็กน้อย
ดวงตาของจิ่วโยวเป็นประกายเย็นชา เธออ้าปากกว้างแล้วพ่นลมปราณที่เป็นพลังน้ำแข็งออกมา
ค่งจวิ้นเต๋อกระโดดหลบ กำแพงหินในคฤหาสน์พลันปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งก่อนที่จะเกิดเสียงดังเปรี๊ยะ แล้วกำแพงก็ถล่มลงมากลายเป็นเศษหินชิ้นเล็กชิ้นน้อย
จิ่วโยวสะบัดหางและพุ่งตรงไปในคฤหาสน์
“กล้าดียังไง!” ค่งจวิ้นเต๋อคำราม นายน้อยตระกูลหวังยังคงหลบซ่อนตัวอยู่ในคฤหาสน์ ค่งจวิ้นเต๋อรีบกระโดดไปคว้าจับหางของจิ่วโยวเอาไว้อย่างไม่รอรี
เปรี้ยง!
จิ่วโยวรอจังหวะที่ค่งจวิ้นเต๋อเข้ามาถึงตัวพอดี เธอสะบัดหางใส่ก้อนหินใหญ่ข้างทาง เพื่อดีดหินก้อนนั้นเข้าหาฝ่ายตรงข้าม
หลังจากนั้น งูยักษ์ก็สะบัดหางลงบนพื้นดินสุดแรงเกิด คลื่นแรงสั่นสะเทือนแผ่กระจายออกไปแล้วคฤหาสน์ทั้งหลังก็ถล่มลงมาในพริบตา
“บ้าจริง” ค่งจวิ้นเต๋อร้องคำราม กระโดดเข้าไปในซากปรักหักพังของตัวคฤหาสน์ เพื่อช่วยชีวิตนายน้อย
ถึงแม้ว่านายน้อยจะเป็นไอ้โรคจิตขยะสังคม แต่จะปล่อยให้ตายไปแบบนี้ไม่ได้ ไม่งั้นจะถือว่าค่งจวิ้นเต๋อปฏิบัติหน้าที่บกพร่องและเป็นนายน้อยที่ต้องมาตายภายใต้การดูแลของเขา
จิ่วโยวอาศัยจังหวะนี้เปลี่ยนร่างกลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง แล้วเธอก็ใช้วิชาตัวเบาหนีมาด้วยความรวดเร็ว
ค่งจวิ้นเต๋อโมโหเป็นอย่างยิ่ง วิ่งเข้าไปยืนอยู่กลางซากปรักหักพังและตะโกนเรียกหานายน้อยตระกูลหวัง
“ช่วยด้วย ช่วยผมด้วย ผมอยู่ตรงนี้”
ค่งจวิ้นเต๋อโล่งอก เขาเดินตามเสียงเรียกไปก่อนจะยกก้อนหินกับแผ่นไม้ที่ทับถมกันออกมา จนเห็นนายน้อยตระกูลหวังนอนหมดสภาพอยู่ด้านล่าง
ชายหนุ่มโชคดีมาก ตอนที่คฤหาสน์ถล่มลงมา เขามุดเข้าไปหลบอยู่ใต้เตียงจึงรอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด ค่งจวิ้นเต๋อเข้าไปตรวจสอบร่างกาย นายน้อยนอกจากที่ตกใจกลัวก็ปลอดภัยดีไม่เป็นอะไรมาก
“บอกให้สำนักผมส่งคนมาช่วยด้วยนะครับ” ค่งจวิ้นเต๋อพูด
ค่งจวิ้นเต๋อเป็นคนรอบคอบเสมอ ถางโร้วและจิ่วโยวมีฝีมือเท่ากับจอมยุทธ์ระดับจักรพรรดิ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังพวกเธอจะต้องมีพลังสูงส่งกว่านี้แน่นอน ถ้าปล่อยให้หญิงสาวทั้งสองคนนี้หลบหนีออกไปจากเมืองเซี่ยเฉิงไปได้ ปัญหาไม่รู้จบก็จะตามมาอย่างแน่นอน
ถางโร้วที่หลบหนีออกมาไกลแล้ว ได้ยินข่าวเรื่องคฤหาสน์ถล่ม ก็นึกเป็นกังวลถึงความปลอดภัยของจิ่วโยว เธอกัดฟันและทำท่าจะย้อนกลับไปช่วยเหลือ
“ถางโร้ว รีบหนีกันเถอะ” จิ่วโยวพบว่าถางโร้วกำลังย้อนกลับมาโดยบังเอิญ จึงรีบตะโกนออกไป
ถางโร้วดีใจมากที่จิ่วโยวหนีรอดมาได้
ทั้งสองคนใช้วิชาตัวเบาหลบหนีออกมาด้วยความรวดเร็ว
“จิ่วโยว เธอบาดเจ็บ” เลือดสีแดงสดกำลังไหลทะลักออกมาจากขาของจิ่วโยว
“ฉันไม่เป็นไร รีบหนีกันก่อนดีกว่า”
ค่งจวิ้นเต๋อมีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 4 เขามีความรวดเร็วมากกว่าพวกเธอ อีกไม่นานก็คงตามมาทันแล้ว
“ฉันจะโทรไปหาพี่ฉู่ชวิ๋นนะ” ถางโร้วพูดออกมา
จิ่วโยวพยักหน้า ตอนนี้หญิงสาวเข้าใจแล้วว่าเมื่อไม่มีการคุ้มครองของฉู่ชวิ๋น พวกเธอก็ไม่สามารถดูแลตัวเองได้เลย
ที่เมืองกู่เจียง ณ ฐานบัญชาการใหญ่ ฉู่ชวิ๋นกำลังวิตกกังวลเป็นอย่างยิ่ง
“อย่าห่วงไปเลยครับนายท่าน คุณหนูทั้งสองคนมีพลังขั้นจักรพรรดิ ต้องไม่เป็นอะไรอยู่แล้วครับ” บริวารคนหนึ่งของเขาพยายามปลอบ
ฉู่ชวิ๋นหันไปมองหน้าคนพูดและกล่าวว่า “เจ้าเด็กแสบจิ่วโยวนั้นกำลังร้อนวิชา แถมจิ่วโยวก็เป็นตัวสร้างปัญหามาตั้งแต่ไหนแต่ไร ฉันไม่เชื่อหรอกว่าพวกเธอจะไม่ก่อเรื่องจนตัวเองเดือดร้อน”
ฉู่ชวิ๋นยกมือนวดขมับแล้วในวินาทีนั้น เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น ตอนที่ไม่ได้หันไปมอง ชายหนุ่มเข้าใจว่าผู้เป็นมารดาคงโทรมาอีกแล้ว
ตั้งแต่ที่ถางโร้วและจิ่วโยวหายตัวไป หลิวหรานก็โทรมาหาฉู่ชวิ๋นหลายร้อยรอบแล้ว
ฉู่ชวิ๋นก้มมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือ แล้วเขาก็รู้สึกดีใจขึ้นมา นั่นคือเบอร์โทรของถางโร้ว เขาพยายามโทรหาถางโร้วมาหลายครั้ง แต่หญิงสาวก็ปิดเครื่องหนี แสดงว่าในตอนนี้เจ้าเด็กแสบสองคนนี้คงมีปัญหาจริงๆ
ชายหนุ่มกดรับสายทันที
“พี่ฉู่ชวิ๋น ช่วยพวกฉันด้วย เราถูกตามล่า จิ่วโยวได้รับบาดเจ็บด้วย” เสียงที่เต็มไปด้วยความร้อนใจของถางโร้วดังมาจากต้นสาย
ฉู่ชวิ๋นสีหน้าแปรเปลี่ยน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นรอบตัวเต็มไปด้วยจิตสังหารแผ่ออกมาเปี่ยมล้น
“ตอนนี้พวกเธออยู่ที่ไหน?”
“พวกเราอยู่ในเมืองเซี่ยเฉิงค่ะ”
“ฉู่ชวิ๋น ช่วยฉันด้วย ถ้านายมาช้า พวกเราคงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว” เสียงของจิ่วโยวตะโกนแทรกเข้ามาในโทรศัพท์
ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเต็มไปด้วยความวิตกกังวล พลันได้ยินเหมือนเสียงลมหมุนดังขึ้น แสดงว่าหญิงสาวทั้งสองคนกำลังเคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง
ค่งจวิ้นเต๋อรวดเร็วมากกว่าถางโร้วและจิ่วโยว โดยเฉพาะในยามที่จิ่วโยวบาดเจ็บ ความเร็วของเธอก็เชื่องช้าลงมากไม่ช้าค่งจวิ้นเต๋อก็ตามมาจนทัน
“จะหนีไปไหนกัน?” ค่งจวิ้นเต๋อมองเห็นเงาร่างของจิ่วโยวกับถางโร้วอยู่ไม่ไกล จึงส่งเสียงตะโกนออกไปเพื่อขู่ขวัญ
“ตุบ!”
ถางโร้วตกใจกลัวจนเผลอทำโทรศัพท์มือถือหลุดมือ
“ไม่ต้องเก็บขึ้นมาหรอก รีบหนีกันเถอะ” จิ่วโยวดึงตัวถางโร้วให้เริ่มหลบหนีอีกครั้ง
ตอนนี้ ฉู่ชวิ๋นได้ยินเสียงทุกอย่างที่เกิดขึ้น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ
ค่งจวิ้นเต๋อหยุดชะงัก ก้มลงหยิบโทรศัพท์มือถือของถางโร้วขึ้นมาจากพื้นก็พบว่าบนหน้าจอกำลังแสดงเบอร์โทรของคนที่ชื่อว่า “พี่ฉู่ชวิ๋น” เขาจึงตกตะลึงอยู่กับที่
ฉู่ชวิ๋น ชื่อนี้มีความคุ้นหูเป็นอย่างยิ่ง ค่งจวิ้นเต๋อลองนึกทบทวนดูอยู่สักครู่หนึ่ง พลัน ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง เกือบจะทำโทรศัพท์มือถือหลุดมือโดยไม่รู้ตัว
ฉู่ชวิ๋น จอมมารฉู่ชวิ๋น! ค่งจวิ้นเต๋อจำชื่อนี้ได้แล้ว
ฉู่ชวิ๋นถูกขนานนามว่าเป็นจอมมารผู้โหดร้ายในยุทธภพ แต่ในระยะหลังเขาได้หายหน้าหายตาไป ค่งจวิ้นเต๋อจึงต้องใช้เวลานึกอยู่สักครู่หนึ่งถึงได้นึกออก
แต่ในยามนี้ เมื่อคิดว่าอีกฝ่ายเป็นฉู่ชวิ๋น ค่งจวิ้นเต๋อก็รู้สึกหวาดกลัวแทบตาย อวัยวะภายในของเขาสั่นสะเทือนไปทั้งตัว
“ฉันไม่ว่าแกเป็นใคร? ฉันไม่รู้ว่าแกต้องการอะไร ฉันไม่ว่ารู้ว่าแกอยู่ที่ไหนแต่ฉันจะตามล่าแก ถ้าแกทำให้พวกเธอผมร่วงแม้แต่เส้นเดียว ฉันจะฆ่าพวกแกให้หมดทั้งสำนัก แม้แต่เป็ดไก่สักตัวก็ไม่ละเว้น!” เสียงของฉู่ชวิ๋นดังออกมาจากโทรศัพท์มือถือ จนทำให้ค่งจวิ้นเต๋อต้องรีบโยนโทรศัพท์เครื่องนั้นทิ้งไปทันที
โทรศัพท์มือถือกระแทกกับก้อนหินจนแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ
ตอนที่ฉู่ชวิ๋นได้ยินว่าสัญญาณโทรศัพท์มือถือขาดหายไปแล้ว ไอสังหารของเขาพุ่งออกมาล้อมรอบร่างกาย กลุ่มผู้รับใช้ฝีมืออ่อนหัดที่อยู่แถวนั้น เกือบจะกระอักเลือดออกมาเพราะทนพลังกดดันไม่ไหว พวกเขารีบหนีออกไปห่าง ๆ ทันที
ฟังจากคำพูดแล้ว ค่งจวิ้นเต๋อก็มั่นใจว่าผู้ที่อยู่ปลายสายโทรศัพท์ต้องเป็นฉู่ชวิ๋นตัวจริงแน่นอน มีแต่ฉู่ชวิ๋นผู้เดียวเท่านั้นที่จะพูดอะไรแบบนี้ได้อย่างหนักแน่นอำมหิต
ค่งจวิ้นเต๋อทำอะไรไม่ถูก เขาควรจะทำอย่างไรดี? ฉู่ชวิ๋นเป็นคนพูดจริงทำจริง แม้แต่ประตูวิญญาณสลาย สำนักดาบพิฆาต ปราสาทเทียนหลง ต่างก็ถูกกวาดล้างอย่างน่าสยองขวัญ แม้แต่ครอบครัวของบรรดาจอมยุทธ์ก็ถูกฆ่าล้างตระกูลราวกับหมูกับหมา
ดวงตาของค่งจวิ้นเต๋อเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เขาอยากจะกลับไปฆ่านายน้อยตระกูลหวังทิ้งเสียเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่มีไอ้โรคจิตนั่นสักคนปัญหาเหล่านี้ก็คงไม่เกิดขึ้น
ค่งจวิ้นเต๋อรีบโทรศัพท์กลับไปหาท่านเจ้าสำนักทันที
เจ้าสำนักเจ็ดดารามีนามว่า ถงหลี่ เขากำลังปรึกษากับผู้อาวุโสในสำนักด้วยความเคร่งเครียดเรื่องภายใน
แต่ถงหลี่พอได้รับฟังผ่านโทรศัพท์ว่า ค่งจวิ้นเต๋อไปตามไล่ล่าคนสนิทของจอมมารฉู่ชวิ๋น แถมยังทำให้หนึ่งในนั้นบาดเจ็บอีกด้วย เมื่อรับฟังมาถึงตรงนี้ สีหน้าของท่านเจ้าสำนักก็เปลี่ยนไป ถงหลี่ลุกพรวดขึ้นยืน จนทำให้ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ตกใจกันไปหมด
“ค่งจวิ้นเต๋อ ไอ้โง่บัดซบ แกอยากตายนักหรือไง” ถงหลี่สบถออกมา
“รอฟังคำสั่งจากฉัน อย่าเพิ่งทำอะไรเด็ดขาด” แล้วถงหลี่ก็กดวางสายด้วยความเดือดดาล
“ท่านเจ้าสำนักครับ เกิดอะไรขึ้น?” ผู้อาวุโสคนหนึ่งถาม
ถงหลี่จึงบอกเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้ฟัง
หลังจากฟังถงหลี่เล่าจบแล้ว กลุ่มผู้อาวุโสก็ใจเย็นไม่ไหว ทุกคนตื่นกลัว ใครคือฉู่ชวิ๋น? มีคนในยุทธภพผู้ใดจะไม่รู้จักชื่อนี้บ้าง
“ก่อนหน้านี้ ค่งจวิ้นเต๋อก็สั่งให้คนโทรมาบอกว่าตัวเองมีปัญหาและต้องการกำลังเสริม ฉันไม่ทันได้คิดอะไรมาก จึงส่งลูกศิษย์ฝีมือดีไปช่วยเขาประมาณ 10 คน” ผู้อาวุโสคนหนึ่งรายงาน
“มันไปกินดีหมีหัวใจเสือมาหรือไง? ทำไมถึงได้กล้าไล่ล่าคนสนิทของจอมมารฉู่ชวิ๋นแบบนี้…”
“ผมว่าเรารีบขอโทษดีกว่านะครับ ว่ากันว่าคนไม่รู้ย่อมไม่ผิด ตอนที่ต่อสู้กัน ค่งจวิ้นเต๋อไม่รู้สักหน่อยว่าอีกฝ่ายหนึ่งเป็นคนสนิทของจอมมารฉู่ชวิ๋น”
“ขอโทษงั้นหรือ? นั่นมันจอมมารฉู่ชวิ๋นนะ ลองนึกถึงประตูวิญญาณสลาย สำนักดาบพิฆาตและปราสาทเทียนหลงดูสิ พวกเขาต่างก็ลงไปคุยกับรากมะม่วงกันหมดแล้ว คนที่เหลืออยู่ก็หลบหนีหัวซุกหัวซุน คิดว่าเขาจะยอมรับคำขอโทษหรือเปล่าล่ะ? อีกอย่าง ค่งจวิ้นเต๋อทำให้คนของเขาบาดเจ็บไปแล้วด้วย”
“ทุกอย่างเป็นเพราะค่งจวิ้นเต๋อคนเดียวแท้ ๆ ถ้าเกิดยุ่งยากนัก พวกเราก็ควร…”
ผู้อาวุโสอีกคนนึงพูดไม่ทันจบประโยค ทุกคนก็เข้าใจดีว่าค่งจวิ้นเต๋อน่าจะต้องสละชีวิตของตัวเอง เพื่อความปลอดภัยของคนทั้งสำนัก
“ยังมีอีกวิธีหนึ่ง!” ผู้อาวุโสคนสุดท้ายพูดและดึงดูดความสนใจของทุกคนไม่ว่าเป็นใครต่างก็อยากรู้ว่าอีกวิธีหนึ่งนั้น มันคืออะไรกันแน่?