จักรพรรดิเซียนหวนคืน - บทที่ 328 ช่วยคนสำเร็จ
บทที่ 328 ช่วยคนสำเร็จ
ตรงหน้าฉู่ชวิ๋นเป็นถนนทอดยาว สองข้างทางเป็นภูเขาและป่าทึบ
ฉู่ชวิ๋นไม่รู้เลยว่าถางโร้วกับจิ่วโยวหลบหนีไปอยู่ที่ไหน?
ชายหนุ่มสำรวจตามพื้นดินและในที่สุดก็พบร่องรอยที่จิ่วโยวทิ้งเอาไว้
จิ่วโยวเปลี่ยนร่างเป็นงูยักษ์ แสดงว่าตกอยู่ในสถานการณ์คับขันถึงขีดสุด
ฉู่ชวิ๋นกระโดดผ่านผืนป่าราวกับประกายแสง
เขาใช้จิตวิญญาณสำรวจพื้นที่หลายพันตารางเมตรภายในป่า
เขาไม่เจอพลังลมปราณจากตัวของถางโร้วกับจิ่วโยว แต่พบพลังลมปราณจากสัตว์ที่อยู่ในป่า
ฉู่ชวิ๋นเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอีกหลายกิโลเมตร ทันใดนั้น เขาก็หยุดอยู่กับที่เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังลมปราณที่แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่ง
พวกไฉอี้ลงจากภูเขาตามหาร่องรอยของถางโร้วกับจิ่วโยวที่หุบเหวด้านล่าง แต่ตอนที่พวกเขาไปถึงนั้น หญิงสาวทั้งสองคนก็ได้หายตัวไปแล้ว หลงเหลือไว้แต่เพียงกองเลือดกองหนึ่งให้ดูต่างหน้าเท่านั้น
“หาตัวให้เจอ ถ้ายังไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัส คงหนีไปได้ไม่ไกลหรอก” ไฉอี้ออกคำสั่ง
“ขนาดตกลงจากที่สูงขนาดนั้นยังไม่ยอมตายง่าย ๆ อีกเหรอ” ใบหน้าของไฉอี้เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมอำมหิต
ถางโร้วและจิ่วโยวไม่ได้หลบหนีไปไหน จิ่วโยวอาการโคม่า ถางโร้วเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส เธอไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะพาจิ่วโยวหลบหนีไปไหนได้เลย
ตอนนี้ ถางโร้วกับจิ่วโยวซ่อนตัวอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ห่างไกลนักจากจุดที่ตกลงมา ถางโร้วหอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้า
โชคดีที่ถางโร้วฝึกฝนสายเซียนและจิ่วโยวเองก็เป็นสัตว์ร้าย พวกของไฉอี้จึงสัมผัสลมปราณของพวกเธอไม่ได้
“มีเลือดอยู่ตรงนี้” ผู้อาวุโสจากสำนักเจ็ดดาราคนหนึ่งตะโกนขึ้น
พวกของไฉอี้รีบเข้าไปดูทันที พวกเขาพบว่าเลือดที่หยดอยู่บนพื้นยังคงสดใหม่ไม่แห้งตัว ทุกคนแหงนหน้ามองรอบบริเวณ ก่อนที่ใครคนนึงจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พวกเธอคงอยู่แถวนี้แหละ ค้นหาดูให้ทั่ว อย่าให้หนีรอดไปได้เด็ดขาด”
หัวใจของถางโร้วเต้นระทึก ใช้จิตวิญญาณสำรวจก็เห็นไฉอี้และพวกอยู่ไม่ไกลจากถ้ำที่เธอกำลังซ่อนตัวอยู่
“ตรงนี้ก็มีเลือดอยู่เหมือนกัน” มีคนพบเจอรอยเลือดอีกแล้ว
ดวงตาของไฉอี้เป็นประกายเหมือนเหยี่ยวเตรียมล่าเหยื่อ เขากวาดตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะพบกับถ้ำแห่งหนึ่งที่อยู่สูงขึ้นไปหลายร้อยเมตร
คนที่เหลือมองตามสายตาของไฉอี้ขึ้นไป ทุกคนพลันยิ้มออกมา
ชายชราทั้งหกเดินขึ้นไปใกล้ ๆ ถ้ำแห่งนั้น
ถางโร้วรับรู้ได้ว่าไฉอี้และพวกเข้ามาใกล้ถ้ำแห่งนี้แล้ว เธอหันไปมองจิ่วโยว ซึ่งยังคงสลบไม่ได้สติ
ถ้ำแห่งนี้มีขนาดเล็กมาก ลึกไม่ถึง 10 เมตรด้วยซ้ำ มันคือโพรงถ้ำที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ด้านในเต็มไปด้วยกิ่งไม้และใบไม้แห้งที่กองทับถมกันอยู่
ถางโร้วลากจิ่วโยวเข้าไปในส่วนลึกสุดของถ้ำ และหยิบกิ่งไม้กับใบไม้แห้งมาปิดบังร่างของเธอเอาไว้
ในขณะนี้ พวกไฉอี้ได้มาปิดล้อมปากถ้ำไว้เรียบร้อยแล้ว ทุกคนกำลังรอคำสั่งโจมตีและทันใดนั้นเอง โทรศัพท์มือถือของหัวหน้ากลุ่มก็ดังขึ้น
หลังจากรับสายแล้วได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย ไฉอี้ก็เกือบจะโยนโทรศัพท์ทิ้งทันที
“จอมมารฉู่รู้แล้วว่าสำนักเจ็ดดารากำลังตามล่าน้องสาวของเขาอยู่ เขามาที่เมืองนี้แล้ว” นี่คือคำพูดของหนึ่งในผู้อาวุโสจากสำนักเจ็ดดารา ที่ได้รับคำสั่งให้ตามสังหารหญิงสาวซึ่งหนีรอดจากคฤหาสน์ของนายน้อยตระกูลหวัง
“เขามาถึงนานแค่ไหนแล้ว?” ไฉอี้ถาม
“ก็ประมาณ อ๊าก…” เสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นทำให้ไฉอี้ถึงกับตัวสั่นเทา
หลังจากนั้น ก็มีเสียงที่เย็นชาของหญิงสาวผู้หนึ่งดังขึ้น “สำนักเจ็ดดารา กล้าดีกันจริง ๆ นะ ดูเหมือนพวกแกจะลืมกันไปหมดแล้วว่าที่เมืองแห่งนี้ใครเป็นคนดูแล ถ้าฉู่ชวิ๋นไม่ฆ่าพวกแกให้หมด เดี๋ยวตระกูลของฉันจะทำหน้าที่นี้แทนเขาเอง”
แม้จะได้ยินแค่เสียงในโทรศัพท์ แต่ไฉอี้ก็รู้สึกเย็นเยียบไปทั่วกาย ตอนนี้แม้แต่ตระกูลเซี่ยก็เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแล้ว
ดูเหมือนว่าแผนการของพวกเขาจะล้มเหลวไม่เป็นท่า แม้แต่การตามล่าหญิงสาวธรรมดาก็ยังทำไม่ได้ เพราะค่งจวิ้นเต๋อ ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของมันคนเดียวแท้ๆ
ในตอนนี้ จอมมารฉู่ชวิ๋นมีตระกูลเซี่ยคอยให้ความช่วยเหลือ สำนักเจ็ดดาราของพวกเขาคงถึงคราวล่มสลายเป็นแน่แท้
จะเอายังไงต่อดี? ไฉอี้คิดจนหัวหมุน
“ผู้อาวุโสไฉ เกิดอะไรขึ้นหรือครับ?” ผู้ติดตามคนหนึ่งถามออกมา
“ฉู่ชวิ๋นอยู่ในเมืองนี้แล้ว มันรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น” ไฉอี้ตอบอย่างร้อนใจ
คนอื่น ๆ พอได้ยินก็สีหน้าแปรเปลี่ยน ทุกคนตื่นตระหนกใบหน้าหวาดกลัวกันหมด
“พวกเราจะทำยังไงกันดี?”
ทุกคนเริ่มกลัวจนตัวสั่น เมื่อได้ยินชื่อของจอมฉู่ชวิ๋นผู้โหดเหี้ยมอำมหิต จะมีใครไม่รู้สึกหวาดกลัวบ้าง?
ค่งจวิ้นเต๋อพูด “ผู้อาวุโสไฉ รีบตัดสินใจเข้าเถอะครับ”
“รีบหนีกันดีกว่าครับ” หนึ่งในคณะผู้ติดตามออกความเห็นให้หลบหนี
ไฉอี้หัวเราะเยาะแล้วถามกลับไป “หลบหนีเหรอ? จะให้หนีไปที่ไหน”
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็จับตัวเด็กผู้หญิงทั้งสองคนนั้นไว้แล้วเอาไว้ต่อรองกับจอมมารฉู่ชวิ๋นดีไหมครับ?” ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งออกความเห็น
ไฉอี้ได้ยินก็ดวงตาเป็นประกาย จริงด้วยเป็นวิธีที่ไม่เลวเลย เมื่อดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว ยัยเด็กสองคนนั้นคงมีความสำคัญต่อฉู่ชวิ๋นมาก
“ตามจับตัวพวกเธอไว้ให้ได้ แต่อย่าฆ่าพวกเธอเด็ดขาด” ไฉอี้ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
สิ้นเสียงของเขา ลำแสงสีขาวก็พุ่งออกมาจากในถ้ำด้วยความเร็วสูง
ไฉอี้ได้แต่ยืนตกตะลึงไปชั่วขณะ หลังจากนั้นจึงได้มีคนหนึ่งตะโกนออกมา
“พวกเราตาม!” ทั้งหกคนรีบตามไล่ลาถางโร้วไปทันที
ถางโร้วได้รับบาดเจ็บสาหัส เธอกัดฟันใช้แรงเฮือกสุดท้าย ปกป้องชีวิตของจิ่วโยว ถางโร้วจำเป็นต้องล่อทุกคนให้ออกมาจากถ้ำ เธอหวังว่าตนเองจะล่อทุกคนให้ออกไปไกลให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
แต่โชคไม่ดีที่เธอบาดเจ็บสาหัส ความเร็วจึงลดลงอย่างน่าใจหาย ถางโร้วหลบหนีออกมาได้ไม่ถึง 1 กิโลเมตร พวกของไฉอี้ก็ไล่ตามมาจนทัน
“คนสวย อย่าหนีอีกเลย พวกเราไม่ทำร้ายเธอหรอก” ไฉอี้พยายามพูดด้วยน้ำเสียงใจดี
แต่ถางโร้วจะเชื่อเขาเหรอ? หญิงสาวพยายามโคจรลมปราณ แต่มันทำให้เธอบาดเจ็บหนักมากยิ่งขึ้น จนกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
“แม่หนู เชื่อฉันเถอะ พวกเราไม่มีเจตนาทำร้ายเธอจริงๆ” ไฉอี้พูดอย่างกังวลใจ ถางโร้วมีสภาพย่ำแย่ครึ่งเป็นครึ่งตาย ถ้าหญิงสาวผู้นี้เสียชีวิต พวกเขาก็อย่าหวังเลยว่าจะรอดไปได้
“จับตัวเธอไว้” ไฉอี้ออกคำสั่ง
ถางโร้วอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงขัดขืน ผู้อาวุโสสองคนเดินตรงเข้าไปหมายจะจับตัวเธอ
เปรี้ยง! เปรี้ยง!
ทั้งสองคนที่เดินเข้าไปอย่างดิบดี ในพริบตาต่อมา ร่างของพวกเขาก็แตกสลายกลายเป็นม่านหมอกเลือด
ไฉอี้และพวกตกตะลึงจนลืมหายใจไปชั่วขณะ
เมื่อสายตาจ้องมองไปที่ถางโร้วอีกครั้ง พวกเขาก็พบว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ข้างกายเธอแล้ว
“พี่ฉู่ชวิ๋น…” ถางโร้วอุทานออกมาด้วยความตกใจเธอดีใจจนน้ำตาไหล เมื่อเธอเห็นฉู่ชวิ๋นอีกครั้งเธอก็รู้สึกโล่งอกเป็นอย่างยิ่ง “จิ่วโยวบาดเจ็บสาหัส ซ่อนตัวอยู่ในถ้ำข้างบน พี่รีบไปช่วยเธอเร็วเข้า”
หลังจากนั้น ถางโร้วที่ฝืนใช้ลมปราณออกมาจนถึงเฮือกสุดท้ายก็สลบไปในอ้อมแขนของฉู่ชวิ๋น
ชายหนุ่มดวงตาเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม เมื่อเห็นสภาพสะบักสะบอมของถางโร้ว จิตใจของเขาก็มีแต่ความโกรธแค้น
ฉู่ชวิ๋นหยิบหญ้าจิตวิญญาณออกมาให้ถางโร้วกิน ก่อนจะใช้ลมปราณจำแลงช่วยเยียวยาอาการบาดเจ็บของเธอ
พวกไฉอี้มีสีหน้าเศร้าสลด เหมือนคนที่มาร่วมงานศพอย่างไรอย่างนั้น
ถ้ายังคาดเดาตัวตนของชายหนุ่มผู้นี้ไม่ออก ก็สมควรไปนับถือกระบือเป็นพี่ใหญ่ได้แล้ว
“จอมมารฉู่ชวิ๋น ได้โปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วย…” ไฉอี้อยู่น้ำเสียงสั่นเครือ ฟันสั่นกระทบกันดังกึกๆ
ผู้ติดตามอีกสามคนยิ่งมีสภาพแย่กว่านั้น ทุกคนแข้งขาอ่อนระทวย โดยเฉพาะค่งจวิ้นเต๋อที่ดวงตาเหลือกค้างเกือบจะเป็นลมไปแล้ว
จอมมารฉู่ชวิ๋นผู้กวาดล้างประตูวิญญาณสลายและสำนักดาบพิฆาต รวมถึงล้างบางสำนักอีกจำนวนมากให้หลบหนีไปด้วยความตื่นกลัว สำนักเจ็ดดาราก็คงหนีชะตากรรมเหล่านั้นไม่พ้นเช่นกัน
ความเศร้าเสียใจกัดกินจิตใจของพวกเขา
“จอมมารฉู่ชวิ๋นครับ ทุกอย่างเป็นเพราะมันตัวเดียว มันเป็นคนทำร้ายคุณหนูทั้งสอง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเราเลย” ไฉอี้ชี้มือไปที่ค่งจวิ้นเต๋อ
เดิมทีค่งจวิ้นเต๋อหวาดกลัวจนหัวใจแทบหยุดเต้นอยู่แล้ว พอได้ยินแบบนี้เขารีบหันไปหาไฉอี้และพูดออกมา “ไอ้เวรตะไลนี่ โยนความผิดงั้นเหรอ?”
“แกเป็นคนทำร้ายคุณหนูทั้งสองคน แกต้องชดใช้ในสิ่งที่ทำลงไป อย่าต้องให้พวกเราเดือดร้อนด้วยเลย รีบ ๆ ฆ่าตัวตายซะเถอะ” ไฉอี้ตะโกนกลับไป
“ใช่ เขาเป็นคนทำร้ายคุณหนูทั้งสองคน ส่วนพวกเรามาที่นี่เพื่อช่วยเหลือคุณหนูต่างหาก”
“ตอนที่พวกเราทราบว่าคุณหนูทั้งสองคนเป็นน้องสาวของนายท่านฉู่ชวิ๋น พวกเราก็รีบมาช่วยเหลือทันที แต่ค่งจวิ้นเต๋อลงมือด้วยความอำมหิตเกินไป พอพวกเรามาถึง เรื่องทั้งหมดก็กลายเป็นเช่นนี้ไปแล้วขอรับ” ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ต่างก็รีบสาดโคลนใส่ค่งจวิ้นเต๋อทันที
ค่งจวิ้นเต๋อแทบจะเสียสติ เขาโกรธแค้นสุดหัวใจในขณะที่คำรามออกไปว่า “ไฉอี้ เจ้าคนสารเลว ในเมื่อแกอยากให้ฉันเป็นแพะรับบาป ก็อย่าหวังเลยว่าฉันจะยอมตายเพียงคนเดียว พวกเราต้องตายด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ”
“นายท่านฉู่ชวิ๋นครับ ท่านเจ้าสำนักของเรา ถง…”
เปรี้ยง!
เสียงของค่งจวิ้นเต๋อขาดหายไปกลางอากาศ เนื่องจากถูกไฉอี้ซัดพลังใส่จนลอยกระเด็นไปไกล
เมื่อเป็นการลงมือของจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 6 ผู้ถูกโจมตีก็มีแต่ตายเท่านั้น อวัยวะภายในของค่งจวิ้นเต๋อแหลกสลาย ร่างของเขากลิ้งไปบนพื้นหลายตลบ ก่อนที่จะขาดใจตายไปในที่สุด
“นายท่านฉู่ชวิ๋น อย่าเชื่อที่มันพูดเลยนะครับ มันรู้ตัวว่ากำลังจะต้องตาย โบราณว่าไว้หมาบ้ากัดไม่เลือกหน้า คำพูดของมันเป็นเรื่องไร้สาระทั้งสิ้น ท่านเจ้าสำนักของเราเคารพนายท่านเสมอมา นายท่านฉู่ชวิ๋น แล้วแบบนี้พวกเราจะทำร้ายน้องสาวของท่านได้ยังไง?” ไฉอี้รีบอธิบายด้วยความร้อนรน
“ใช่ๆ นายท่านฉู่ชวิ๋นเป็นวีรบุรุษในสายตาของพวกเราเสมอมา ตอนที่พวกเราได้รู้ว่าคุณหนูทั้งสองคนได้รับบาดเจ็บ พวกเราก็รีบเร่งมาช่วยเหลือกันทันที นายท่านต้องเชื่อเรานะครับ ค่งจวิ้นเต๋อรู้ว่าตัวเองกำลังจะต้องตาย ก็เลยอยากลากพวกเราลงนรกไปด้วย”
ถางโร้วได้รับบาดเจ็บสาหัส แรงกระแทกจากลมปราณทำให้เส้นเลือดและหัวใจของเธอเสียหาย ยากจะรักษาให้หายดีได้ภายในระยะเวลาอันสั้น คงต้องใช้เวลาอีกหลายวันกว่าจะฟื้นตัว
ฉู่ชวิ๋นสร้างม่านพลังขึ้นมาห่อหุ้มร่างกายของถางโร้วเอาไว้ นี่คือม่านพลังสำหรับการรักษาบาดแผล
“สำคัญด้วยหรือไง?” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนดังขึ้นมาจากนรก ทำให้พวกของไฉอี้ถึงกับเสียวสันหลังวาบ
พวกเขาไม่เข้าใจในสิ่งที่ฉู่ชวิ๋นพูดออกมา
“ยังไงเดี๋ยวพวกแกก็ต้องตายกันอยู่ดี พูดแก้ตัวไปก็เปล่าประโยชน์!” พูดจบ ฉู่ชวิ๋นก็ลงมือทันที
เปรี้ยง!
ลมปราณสีม่วงพุ่งเข้าใส่ร่างของผู้อาวุโสจากสำนักเจ็ดดารา จนร่างของเขาสลายกลายเป็นม่านหมอกเลือด
เปรี้ยง!
ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งร่างระเบิดตามไปเป็นรายต่อมา
ในขณะนี้ จึงหลงเหลือแต่เพียงไฉอี้คนเดียวเท่านั้น เขาอยากจะลองต่อสู้ดูเหมือนกัน เสียแต่ว่าความกล้าหาญในหัวใจหายไปจนหมดสิ้นแล้ว
ฉู่ชวิ๋นจัดการไฉอี้อย่างโหดเหี้ยม เส้นไหมสีขาวนับหมื่นเส้นรัดร่างของชายชราแน่น ก่อนจะสับ ตัด ฉีก กระฉาก ร่างของไฉอี้ให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในที่สุดแม้แต่กระดูกสักชิ้นก็ไม่มีเหลือ
แต่การฆ่าผู้อาวุโสเหล่านี้ ยังไม่สามารถทำให้ฉู่ชวิ๋นหายโกรธได้อยู่ดี
ชายหนุ่มรีบเข้าไปในถ้ำบนยอดเขาและก็พบร่างของจิ่วโยวนอนอยู่
จิ่วโยวตกลงมาจากหน้าผา กระดูกแตกหักทั่วร่างกาย อวัยวะภายในบอบช้ำ แม้แต่พลังลมปราณของฉู่ชวิ๋นก็ไม่สามารถเยียวยาได้
ชายหนุ่มจึงจำเป็นต้องใช้สูตรลับในการรักษาจิ่วโยว เขาใช้หญ้าจิตวิญญาณระดับกลางในการช่วยขยายกระดูก แล้วใช้ลมปราณจำแลงช่วยซ่อมแซมอวัยวะภายในรวมถึงเส้นลมปราณที่เสียหาย
หากจิ่วโยวได้สติฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ ต้องใช้เวลาตรวจสอบอีกหลายชั่วโมง กว่าจะแน่ใจได้ว่าเธอไม่เป็นไรจริง ๆ ส่วนเรื่องการรักษาให้หายขาดต้องกินเวลาเป็นเดือนอย่างแน่นอน
ฉู่ชวิ๋นนำตัวถางโร้วกับจิ่วโยวกลับออกมาจากป่า ก็บังเอิญได้มาพบเข้ากับเซี่ยเมี้ยวหยู่ที่เดินทางมาถึงพอดี
พอเห็นแบบนี้ ฉู่ชวิ๋นพอถางโร้วกับจิ่วโยวไปพักรักษาตัวที่บ้านตระกูลเซี่ย
ฉู่ชวิ๋นมีผลไม้วิเศษอยู่หลายชนิด แต่เขาไม่รู้ว่าพวกมันมีสรรพคุณอะไรบ้าง จึงไม่กล้าให้พวกเธอรับประทานส่งเดช เซี่ยไป่หยานจึงเอาสมุนไพรออกมาช่วยรักษาอาการบาดเจ็บให้กับพวกเธอ
“ขอบคุณมากนะครับ” ฉู่ชวิ๋นขอบคุณเซี่ยไป่หยานกับเซี่ยเมี้ยวหยู่
เซี่ยไป่หยานหัวเราะเบาๆ “นับเป็นเกียรติสำหรับตระกูลเซี่ยเป็นอย่างยิ่ง”
ฉู่ชวิ๋นรู้ดีว่าตนเองติดหนี้บุญคุณตระกูลเซี่ยครั้งใหญ่เข้าซะแล้ว
เขาจัดการสร้างม่านพลังหุ้มร่างกายของถางโร้วกับจิ่วโยว เพื่อช่วยให้พวกเธอฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
“คุณเซี่ยครับ ผมต้องไปที่อื่นสักระยะหนึ่ง ฝากคุณดูแลน้องสาวของผมด้วย”
เซี่ยไป่หยานแอบส่งสัญญาณให้เซี่ยเมี้ยวหยู่ เซี่ยเมี้ยวหยู่หยิบแผนที่ออกมาส่งให้ฉู่ชวิ๋นทันที
ฉู่ชวิ๋นรับแผนที่มาถือไว้ มันคือแผนที่ระบุตำแหน่งสำนักเจ็ดดารานั่นเอง
เซี่ยไป่หยานมองแผ่นหลังของฉู่ชวิ๋นที่เดินจากไปแล้วถอนหายใจออกมาว่า “กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย้อนคืนสนองจริงๆ”