จักรพรรดิเซียนหวนคืน - บทที่ 340 ผู้ฆ่ามังกร
บทที่ 340 ผู้ฆ่ามังกร
การตอบโต้กลับครั้งนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึง
ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม เมื่อคิดถึงทหารหลายพันนายที่ต้องเสียชีวิตไป เขาก็อดกลั้นความแค้นอีกต่อไปไม่ไหวแล้ว
โฮก!
ภูเขาสั่นสะเทือนเมื่อมังกรดำแผดเสียงคำราม น้ำเสียงของมันเต็มไปด้วยความเดือดดาล ในใจของมันอาจกำลังโกรธแค้นที่ถูกเล่นงานด้วยมดแมลงตัวเล็ก ซึ่งปกติแล้วเป็นสิ่งที่มันฆ่าได้ทุกเมื่อที่ต้องการ
มันคือมังกรดำผู้ยิ่งใหญ่ แต่ตอนนี้กลับถูกมดแมลงตัวเล็กเล่นงานกลับมา นับว่าเป็นสิ่งที่ยากจะยอมรับได้
“บัดซบ แกมันไม่ใช่มังกรสักหน่อย อย่ามาทำอวดดี! แกมันก็แค่กิ้งก่ากลายพันธุ์ที่มีปีกเท่านั้น!” ฉู่ชวิ๋นผู้มีโครงกระดูกมังกรอยู่ในร่าง ทั้งยังเคยดื่มเลือดมังกร และฝึกเคล็ดวิชาเก้ามังกรทลายนภา เทียบกันจริงๆแล้วเขาอาจเป็นมังกรมากกว่าด้วยซ้ำ เขารู้สึกเกลียดชังมังกรดำนอกคอกตัวนี้เป็นที่สุด
ฉู่ชวิ๋นหมุนวนฝ่ามือในอากาศ ก่อนที่จะชี้นิ้วขึ้นไปบนท้องฟ้า
แว๊ก!
เสียงกรีดร้องก้องกังวานดังออกมาจากปากของฟีนิกซ์เปลวเพลิงสีม่วงตัวหนึ่ง ฟีนิกซ์ตัวนี้มีขนาดตัวใหญ่ยักษ์ เวลาที่กางปีกเต็มความยาว ปีกของมันจะกว้างถึง 20 เมตร ปกคลุมไปทั่วแผ่นฟ้าและบดบังแสงอาทิตย์
เมื่อฟีนิกซ์ปรากฏตัว ท้องนภาก็ลุกโชติช่วงด้วยเปลวไฟสีม่วงที่น่าเกรงขาม แม้แต่เปลวไฟของมังกรดำก็ถูกกลืนกินลงไปด้วย
ฉู่ชวิ๋นสะบัดฝ่ามืออย่างแผ่วเบา ฟีนิกซ์ก็กู่ร้องก่อนที่มันจะบินตรงพุ่งเข้าใส่มังกรดำ
วูบ!
มังกรดำร้องคำราม พายุลมหมุนพุ่งออกมาจากใต้ปีกของมัน ในขณะที่ตัวมันเองก็พุ่งเข้าหาฟีนิกซ์เช่นกัน
โฮก!
ดวงตาสีแดงก่ำของมังกรดำเต็มไปด้วยความอำมหิต มันอ้าปากกว้างและพ่นไฟผ่านท้องฟ้าใส่ฟีนิกซ์
ฟู่!
ฟีนิกซ์ของฉู่ชวิ๋นเร่งความเร็วกระพือปีก เปลวไฟลุกโชนออกมาจากใต้ปีก พุ่งข้ามท้องฟ้าเข้าไปปะทะกับเปลวไฟของมังกรดำตรง ๆ
เปลวไฟของมังกรดำกับเปลวไฟของฟีนิกซ์ปะทะกันกลางอากาศ ในทันใดนั้น ท้องนภาก็ปกคลุมไปด้วยเปลวไฟอันเจิดจ้า
ฟู่!
ฟีนิกซ์ขยับปีก เปลวไฟแผ่กระจายไปทั่วท้องฟ้า แผดเผาลงไปบนลำตัวของมังกรดำ
ในวินาทีนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างก็ถูกปกคลุมไปด้วยเปลวไฟร้อนแรง ต้นไม้ใบหญ้าที่อยู่บนพื้นดินด้านล่างหลายร้อยเมตร กลายเป็นผุยผงในพริบตา
ฟีนิกซ์ระเบิดตัวกลายเป็นลูกไฟสีม่วงขนาดใหญ่ ราวกับการระเบิดของดวงดาวในอวกาศ ภูเขาที่อยู่รายรอบพังทลายหายไปหลายลูก บรรยากาศเหมือนจุดสิ้นสุดของโลก
มังกรดำส่งเสียงร้องคำราม เกล็ดบนลำตัวของมันถลอกปอกเปิก เลือดมังกรสาดกระจาย ลำตัวของมันถูกแรงกระแทกจนร่วงดิ่งลงมาราวกับอุกกาบาตตกลงสู่ผิวโลก เมื่อมันกระแทกกับพื้นดิน บนพื้นก็เกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่ยักษ์
โฮก!
แต่มังกรดำมีความแข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อ แม้ตอนนี้มันจะบาดเจ็บ แต่ก็ไม่ใช่อาการบาดเจ็บที่สาหัสสักเท่าไหร่ ในเสียงคำรามของมันยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธแค้น
“น้องหยาน เขาคนนี้คือ…” อี้เสี่ยวซูพูดแต่ละคำออกมาอย่างยากลำบาก
ในแววตาของทุกคนเต็มไปด้วยประกายแห่งความสงสัย
“อ้อก็นั้นไง ๆ เขานี่แหละคือฉู่ชวิ๋น จอมมารฉู่ชวิ๋น” เมื่อเรื่องดำเนินมาถึงจุดนี้แล้ว ตัวตนของฉู่ชวิ๋นก็ย่อมถูกเปิดเผย ไม่มีประโยชน์ที่จะปิดบังอีกต่อไป
ถึงจะคิดเอาไว้ว่าต้องใช่แน่ ๆ แต่สุดท้ายอี้เสี่ยวซูก็หนีความตกตะลึงไม่พ้นอีกครั้งและสมาชิกคนอื่น ๆ ในทีมต่างก็ตกใจจนไม่กล้าขยับตัว หลายคนตัวสั่นเทาโดยไม่รู้ตัว จอมมารฉู่ชวิ๋น มีใครบ้างที่จะไม่หวาดกลัวชื่อนี้? ระหว่างการต่อสู้เมื่อสักครู่ ไม่มีใครนึกคิดเลยว่าผู้ที่เข้าร่วมต่อสู้พร้อมกับพวกเขาจะเป็นจอมมารฉู่ชวิ๋น!
ทุกคนเกิดหวาดกลัวขึ้นแล้ว โชคดีที่ก่อนหน้านี้พวกเขาทำตัวปกติธรรมดา ไม่มีใครแสดงกิริยาหยาบคายหรือพูดอะไรที่ไม่สมควรพูดออกมาเลย
เสียงของหยานหวูซวงดังชัดเจน กลุ่มจอมยุทธ์จีนที่รอดชีวิตได้ยินเต็มสองหู
ชายหนุ่มคนนี้คือจอมมารฉู่ชวิ๋นผู้โด่งดังและโหดเหี้ยม
ทุกคนหวาดกลัวจนตัวสั่น แต่ในเวลาเดียวกันก็นึกดีใจที่ก่อนหน้านี้แม้ว่าหยานหวูซวงจะพูดเหยียดหยามพวกเขาหลายครั้ง แต่พวกเขาก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไป
ไม่ใช่แต่เพียงจอมยุทธ์จีนเท่านั้น แม้แต่นักรบยุโรปต่างก็กำลังจ้องมองมาที่ฉู่ชวิ๋นด้วยความไม่อยากเชื่อ
ชื่อเสียงของจอมมารฉู่ชวิ๋นไม่ได้โด่งดังแค่ในประเทศจีนเท่านั้น แต่โด่งดังไปไกลถึงต่างประเทศ พวกเขาหลายคนก็รู้จักจอมมารฉู่
กล้ามเนื้อบนใบหน้าของฉู่ชวิ๋นเต้นระริก ไม่ช้าใบหน้าที่แท้จริงของเขาก็เผยโฉมออกมา เส้นผมของเขาส่องแสงเป็นประกายสว่างไสว อุณหภูมิรอบตัวพุ่งสูงจนแม้แต่น้ำยังเดือด
โฮก!
มังกรดำส่งเสียงร้องคำราม มันปีนขึ้นมาจากหลุมบนพื้นดินและแผดเสียงใส่ฉู่ชวิ๋น ก่อนที่จะพ่นไฟใส่เขาด้วยความดุร้าย
ฉู่ชวิ๋นจ้องมองด้วยความเยือกเย็น ก่อนโคจรพลังลมปราณสีม่วงห่อหุ้มร่างกายเอาไว้แล้วสะบัดมือเพียงหนึ่งครั้งไปเผชิญหน้ากับเปลวไฟ
ในวินาทีนั้น ฉู่ชวิ๋นถูกกลืนหายเข้าไปภายในเปลวไฟของมังกรดำ
ทุกคนเบิกตาโต แต่พริบตาเดียว พวกเขาก็รู้สึกเย็นเยียบไปถึงไขสันหลัง
ฉู่ชวิ๋นเดินผ่านเปลวไฟออกมา ชายหนุ่มเดินออกมาทีละก้าวอย่างแช่มช้า
มังกรดำจ้องมองชายหนุ่มด้วยดวงตาที่มีประกายไฟลุกโชน ประเมินได้ว่านี่คือครั้งแรกที่มันพบเจอกับสถานการณ์เช่นนี้
มันได้แต่เอียงคอด้วยความฉงน เฝ้าคิดหาเหตุผลว่าทำไมไฟมังกรของมัน ถึงฆ่าชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้
แต่ในสายตาของฉู่ชวิ๋น อีกฝ่ายหนึ่งมีค่าเป็นเพียงกิ้งก่าที่พ่นไฟได้เท่านั้น
มังกรดำแผดเสียงร้องคำราม มันคือมังกรผู้ยิ่งใหญ่ ฉู่ชวิ๋นกำลังทำลายเกียรติยศของมัน
ในวินาทีต่อมา มังกรดำกระพือปีก เกิดเป็นลมหมุนพัดกรรโชกบนพื้นดิน เศษหินดินทรายปลิวว่อน มันจะใช้คลื่นพายุลมหมุนนี้พัดชายหนุ่มคนนี้ให้กระเด็นตายไป
พายุลมหมุนมีความรุนแรงและคมเหมือนคมดาบ พวกมันสามารถตัดก้อนหินทุกก้อนที่อยู่บนพื้นดิน นี่คือหนึ่งในการโจมตีที่น่ากลัวที่สุดรูปแบบหนึ่งของมังกรดำ
แต่ร่างกายของฉู่ชวิ๋นมีลมปราณสีม่วงห่อหุ้มอยู่ พายุหมุนพัดเข้ามาปะทะกับม่านพลังรอบกายของเขา ไม่นานพายุลมหมุนก็สลายตัวหายไป ไม่สามารถทำให้ฉู่ชวิ๋นบาดเจ็บได้เลยแม้แต่น้อย
“ฉันบอกแล้วไงว่าแกไม่ใช่มังกร แกมันเป็นได้แค่กิ้งก่าเท่านั้น!” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงดูถูก
มังกรดำจ้องมองดวงตาของชายหนุ่มด้วยความโกรธา มันเงื้อกรงเล็บขึ้นหมายจะตะปบฉู่ชวิ๋น
มันมีกรงเล็บขนาดใหญ่ นิ้วเพียงหนึ่งนิ้วก็มีขนาดใหญ่กว่าฉู่ชวิ๋นทั้งตัวแล้ว
ฉู่ชวิ๋นยิ้มอย่างไม่รู้สึกทุกข์ร้อนใด ๆ เขายกมือขึ้นเหนือศีรษะและชี้นิ้วขึ้นไปในขณะที่พื้นดินสั่นสะเทือนครืนครัน
กรงเล็บมังกรดำไม่สามารถตะปบลงมาได้ เนื่องจากนิ้วมือของฉู่ชวิ๋นที่ยื่นขึ้นไปรับน้ำหนักเอาไว้ได้ทั้งหมด
ทุกคนไม่อยากเชื่อสายตา มังกรดำตัวนี้แข็งแกร่งขนาดไหน? ก่อนหน้านี้ทุกคนก็ได้เห็นกับตาของตัวเองแล้ว
แต่ในตอนนี้ มันกลับเป็นแค่เด็กน้อยต่อหน้าจอมมารฉู่ คำอธิบายเดียวที่มีก็คือจอมมารฉู่แข็งแกร่งมากเกินไป
แต่ถ้าจะกล่าวตามความจริงก็คือ ฉู่ชวิ๋นตอนนี้ร่างกายเกือบทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเลือดหรือกระดูกต่างก็เป็นของจักรพรรดิมังกร เขาคือมังกรตัวจริง ส่วนมังกรดำ ก็เป็นเพียงแค่กิ้งก่ากลายพันธุ์ที่บังเอิญว่ามีพลังพิเศษเท่านั้น
“เก่งจริงก็ฆ่าฉันให้ได้ ไม่งั้นวันนี้แกต้องตายอยู่ที่นี่” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม
พลัน เขาก็คว้าจับนิ้วมือของกรงเล็บมังกรด้วยมือทั้งสองข้าง ชายหนุ่มตะโกนออกมาในขณะที่มวลพลังลมปราณพวยพุ่งออกมาจากร่างกาย
เสียงคำรามของมังกรดำที่ว่าดังกังวานแล้ว ก็ยังต้องแพ้ให้กับเสียงตะโกนของฉู่ชวิ๋น
ฉู่ชวิ๋นระเบิดพลังลมปราณจนเกิดเป็นแสงเปล่งประกายกลางอากาศ
ตู้ม!
พื้นดินสั่นไหว มวลอากาศสั่นสะเทือน
นิ้วมือยักษ์ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า ในวินาทีนั้น คลื่นแรงระเบิดปกคลุมไปทั่วบริเวณ ในอากาศมีแต่หมอกควันฟุ้งกระจายไปทั่วทุกพื้นที่
เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของมังกรดำกึกก้องท้องนภา
เมื่อฝุ่นควันจางหายไป สิ่งที่ทุกคนได้เห็น ก็ทำให้พวกเขาต้องตกตะลึง
เลือดจำนวนมากกำลังไหลทะลักออกมาจากร่างกายของมังกรดำ ผิวหนังและเนื้อสดกระจัดกระจายไม่เหลือชิ้นดี มองไปเห็นแต่เพียงกระดูกสีขาวอยู่หลายส่วนและปากขนาดใหญ่ของมัน ที่มีเลือดไหลทะลักออกมาตลอดเวลา
“รู้แล้วใช่ไหมว่ามังกรตัวจริงเป็นยังไง” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย
ในตอนนี้ ร่างกายของชายหนุ่มเคลื่อนที่ไปรอบตัวมังกรดำด้วยความเร็วสูงสุด ในแต่ละครั้งที่ชายหนุ่มซัดพลังออกไป ร่างกายของเขาจะส่งแสงประกายเจิดจ้า
ลมปราณถูกซัดออกมาจากกำปั้นเหมือนสายรุ้งหลากสีสัน ฉู่ชวิ๋นวิ่งวนรอบตัวมังกรดำด้วยความเร็วสูง พลังลมปราณจำแลงกระแทกมังกรดำครั้งแล้วครั้งเล่า นอกจากจะทะลุเกล็ดบนลำตัวได้แล้ว ยังสามารถทำลายอวัยวะภายในได้อีกด้วย
ไม่นานฉู่ชวิ๋นก็หยุดมือ เพียงพริบตาเดียว เขาก็รัวหมัดออกไปเป็นพันครั้ง ฉู่ชวิ๋นหันขวับไปจ้องมองกลุ่มนักรบจากยุโรป
“วิหารดวงตะวัน สหพันธ์ศาสตร์มืด เก่งจริงก็เงยหน้าขึ้นมาดูภาพตรงหน้าให้ดี แล้วจงดูไว้ซะว่าการเข่นฆ่าทหารจีน จะต้องมีจุดจบยังไง!”
ถ้อยคำของชายหนุ่มดังกังวานเหมือนฟ้าผ่า ทำให้กลุ่มนักรบยุโรปใบหน้าซีดขาว ดวงตามีแต่ความหวาดกลัว
ฉู่ชวิ๋นหันกลับไปมองมังกรดำ ดวงตาของชายหนุ่มเป็นประกายวาวโรจน์ในขณะที่พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า
“ตาย!”
คำว่าตายพูดออกไป พลังลมปราณจำแลงก็พุ่งออกมาจากร่างกายของมังกรดำ จนตัวของมันระเบิดกระจุยในพริบตา
เสียงระเบิดดังสนั่นหู ท้องฟ้าปกคลุมด้วยฝนโลหิตกินพื้นที่หลายกิโลเมตร บนพื้นดินหลายกิโลเมตรถูกย้อมเป็นสีแดงด้วยเลือดของมังกร
ร่างของมังกรดำไม่เหลือแม้แต่ซาก!
“ชีวิตของทหารชาวจีนที่สูญเสียไปนับพันคนต้องชดใช้ด้วยเลือดเท่านั้น ฉันไม่ยอมรับคำขอโทษ พวกแกต้องชดใช้ด้วยเลือดเพียงอย่างเดียว!”
เมื่อพูดจบ ร่างของฉู่ชวิ๋นก็พร่ามัวหายไปอีกครั้งหนึ่ง
“ชาร์ลี ชีวิตของแก ฉันฉู่ชวิ๋นจะเอามาชดใช้ให้กับนายทหารจีนนับพันคนเหล่านั้นเอง”
ไม่ทันขาดคำ เสียงของฉู่ชวิ๋นก็ดังกังวานอีกครั้ง “ฉันอยากให้ทุกคนบันทึกภาพนี้เอาไว้ด้วย ฉันอยากให้ทั้งโลกได้รู้ว่าเมื่อเข่นฆ่านายทหารจีนด้วยความนึกสนุก มันจะต้องมีจุดจบยังไง”
หยานหวูซวงเป็นคนแรกที่ตอบรับคำพูดนี้ ด้วยการหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาบันทึกภาพเหตุการณ์เอาไว้
จอมยุทธ์ชาวจีนคนอื่นไม่กล้าเมินเฉย นี่คือคำสั่งของจอมมารฉู่ชวิ๋น เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่ทำไม่ได้
มังกรดำร่างระเบิดกลายเป็นม่านหมอกเลือด ผู้เฒ่าชาร์ลีหวาดกลัวจนแทบตายอยู่แล้ว
ฉู่ชวิ๋นรวดเร็วดั่งสายฟ้าฟาด เพียงพริบตาเดียวก็มาถึงตรงหน้าชายชราแล้ว ชายหนุ่มยกมือขึ้นและซัดพลังออกไป
เปรี้ยง!
ผู้เฒ่าชาร์ลีร่างระเบิดกระจุยกระจายกลายเป็นม่านหมอกเลือด
ฉู่ชวิ๋นหายวับไปในพริบตาอีกครั้ง การเคลื่อนที่ของเขารวดเร็วจนมองด้วยตาเปล่าไม่ทัน
เปรี้ยง!
ฮอฟมัน ทายาทของวิหารดวงตะวัน ก็ร่างกายแหลกสลายกลายเป็นม่านหมอกเลือดเช่นกัน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ถูกบันทึกเอาไว้และเผยแพร่ในโลกอินเทอร์เน็ตตามเว็บไซต์ต่าง ๆ และมีบางคนไลฟ์สดเลยด้วยซ้ำ
ฉู่ชวิ๋นทำให้ทั้งโลกตกตะลึงด้วยการลงมืออันแสนโหดร้ายของเขา
ถึงจะฆ่าผู้เฒ่าชาร์ลีและฮอฟมันไปแล้ว แต่ฉู่ชวิ๋นก็ยังไม่หยุด เขาอยากให้ทุกคนได้จดจำบทเรียนครั้งนี้ให้ขึ้นใจ
ไม่ว่าจะเป็นนักรบจากยุโรปหรือจอมยุทธ์จากเวียดนาม ทุกคนต่างก็หวาดกลัวจนตัวสั่น
ไม่มีใครสามารถหยุดยั้งฉู่ชวิ๋นได้อีกแล้ว
กำปั้นของฉู่ชวิ๋นทุกครั้งที่ชกออกมาจะเป็นลำแสงอันงดงาม แต่จริง ๆ แล้วมันคือม่านหมอกเลือดที่กระจายทั่วท้องฟ้า
ทุกชีวิตที่ตกอยู่ในกำมือของฉู่ชวิ๋นจะแหลกสลายหายไป ในอากาศเต็มไปด้วยเลือดสีแดงสดเป็นประกายระยิบระยับ หยดเลือดปลิวไปตามแรงลม เลือดสาดกระจายบนพื้นดินไปหลายกิโล
นักรบจากยุโรป จอมยุทธ์จากเวียดนาม พวกเขาร้องโหยหวนด้วยความสยดสยอง ร่ำร้องขอความเมตตาในขณะที่นึกถึงบิดามารดา
ฉู่ชวิ๋นราวกับเป็นจอมมารจริง ๆ เขาไม่ปล่อยให้ศัตรูเหลือแม้แต่ซากศพด้วยซ้ำ ดวงตาของเขามีแต่ความโหดเหี้ยม ไม่มีความสงสารอยู่ในแววตาของเขาเลยแม้แต่น้อย
นี่คือตัวตนจริง ๆ ของเขาสมัยเป็นจักรพรรดิเซียนฉู่ชวิ๋น จักรพรรดิเซียนผู้ลงมือทุกครั้งด้วยความโหดเหี้ยมอำมหิต!
ในตอนที่เขาไปอยู่ต่างโลก ชายหนุ่มยิ่งใหญ่จนสามารถเหยียบแผ่นฟ้าไว้ที่ใต้เท้า ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน สองข้างทางที่เขาผ่านก็จะเต็มไปด้วยซากศพและเลือดของคนตาย จนทำให้เขาเป็นจักรพรรดิเซียนผู้โด่งดังในเรื่องของความโหดเหี้ยมเป็นอย่างยิ่ง และครั้งนี้เขาก็ได้กลับมาลงมือฆ่าคนอย่างไร้ความปราณีอีกครั้ง!
เมื่อมองย้อนจากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน จักรพรรดิเซียนทุกคนต่างก็มือเปื้อนเลือดกันทั้งนั้น ไม่มากก็น้อย ฉู่ชวิ๋นก็ไม่ต่างกันอาจมีแค่จินหงที่มือไม่เปื้อนเลือดมากนักเพราะอยู่กับฉู่ชวิ๋นตลอดเวลา
แต่หลังจากได้กลับมาอยู่โลกมนุษย์ จิตใจของฉู่ชวิ๋นก็เริ่มอ่อนโยนขึ้นมากจนฉู่ชวิ๋นเริ่มมีความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์
แต่จอมโหดจะอย่างไรก็เป็นจอมโหด แม้ตอนนี้เขาจะอยู่ในโลกมนุษย์ แต่ความโหดเหี้ยมอำมหิตก็ยังคงฝังอยู่ในส่วนลึกของตัวตนฉู่ชวิ๋นอยู่ดี
ฉู่ชวิ๋นสังหารศัตรูคนแล้วคนเล่าอย่างปราศจากความเมตตา ราวกับฆ่าเป็ดไก่ตัวหนึ่ง
พื้นที่หลายกิโลเมตรถูกย้อมเป็นเลือดสีแดงสด โดยเฉพาะพื้นที่บริเวณชายแดน ที่นั่นมีแต่เลือดเต็มไปหมด
ในเวลาเพียงไม่นาน นักรบจากยุโรปและจอมยุทธ์จากเวียดนาม ก็ตกตายกลายเป็นม่านหมอกเลือด เปลี่ยนสภาพเป็นสารอาหารให้แก่พื้นดิน
มีเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่รอดชีวิต นั่นคือแม่มดน้ำแข็งไฟ ฉู่ชวิ๋นไม่ฆ่าเธอ
เพราะในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ แม่มดน้ำแข็งไฟยิงธนูใส่อาวุธเท่านั้น เธอไม่ได้ยิงใส่คน ด้วยเหตุนี้ ฉู่ชวิ๋นจึงละเว้นชีวิต แต่ที่เหลือไม่ว่าเด็กหนุ่มหรือหญิงสาวที่มาที่นี่เพราะหวังสร้างชื่อเสียงตายหมด!
กลิ่นเลือดในอากาศน่าสะอิดสะเอียน บริเวณเขตชายแดนกลายเป็นชายแดนเลือด
“ไสหัวไปได้แล้ว!” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
แม่มดน้ำแข็งไฟตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว นี่คือฝันร้ายที่เธอคงไม่ลืมไปตลอดชีวิต
เมื่อฉู่ชวิ๋นหมุนตัวกลับมา ร่างของเขาก็จางหายไป ชายหนุ่มไปปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งที่ภูเขาซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก
เขายกมือขึ้น โคจรพลังลมปราณ เขียนเป็นตัวอักษรกลางอากาศ
ไม่นานหน้าผาหินบนภูเขาก็ถล่มลงมา หลังจากนั้น ตัวอักษรขนาดใหญ่ก็ปรากฏบนหน้าผาหิน นี่คือตัวอักษรแห่งการฆ่าฟัน พวกมันส่งแสงเป็นประกายสว่างไสวอ่านได้ความว่า
– ต่อให้อยู่สุดหล้าฟ้าเขียว แต่ถ้าผู้ใดก็ตามกล้ามาเข่นฆ่าชาวจีน พวกแกจะต้องถูกลงโทษ! –