จักรพรรดิเซียนหวนคืน - บทที่ 369 คุ้มคลั่ง
บทที่ 369 คุ้มคลั่ง
ตัวประหลาดจ้องมองฉู่ชวิ๋น หายใจแรงฟืดฟาด
ฉู่ชวิ๋นยืนอยู่ไกลเกินไปแถมตัวมันมีโซ่ล่ามเอาไว้ ไม่สามารถโจมตีฉู่ชวิ๋นได้เลย
“เจ้าหนู เจ้าต้องตายอยู่ที่นี่!” ตัวประหลาดคำรามด้วยความโกรธแค้น
ฉู่ชวิ๋นยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยัน ชำเลืองมองด้วยสายตาเย็นชา ก่อนที่จะนั่งลงขัดสมาธิ พยายามขับไล่ลมปราณปีศาจที่แทรกซึมเข้ามาในร่างกาย
ตัวประหลาดเฝ้ามองฉู่ชวิ๋นในความเงียบ ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะเย้ยหยัน ทำไมมันจะไม่รู้ว่าชายหนุ่มกำลังทำอะไร?
“หากเจ้าอยากจะขับลมปราณปีศาจออกจากร่างกาย เหอะ เจ้าต้องมีพลังลมปราณแข็งแกร่งมากกว่านี้”
ฉู่ชวิ๋นไม่สนใจมันแม้แต่น้อย เริ่มต้นโคจรพลังลมปราณจำแลง ลมปราณปีศาจเริ่มกัดกินร่างวิญญาณของเขาไปหลายส่วนแล้ว
ลมปราณปีศาจที่แทรกซึมเข้ามาในร่างวิญญาณของเขา รุกคืบไปทั่วร่างกายเหมือนกับหนวดปลาหมึกคอยดูดซับและกลืนกินพลังงาน มันกระจายไปตามหัวใจ สมอง และอวัยวะอื่นๆ ที่สามารถเข้าถึงได้
ฟู่!
พลังลมปราณไหลผ่านทั่วร่างกาย แพร่กระจายต้านทานลมปราณปีศาจที่แทรกซึมเข้ามา
ลมปราณจำแลงมีอานุภาพรุนแรงมาก สามารถกำจัดลมปราณปีศาจในร่างกายได้อย่างหมดจด ฉู่ชวิ๋นรู้สึกสดชื่นขึ้นมาอีกครั้ง
แต่สิ่งที่ทำให้ฉู่ชวิ๋นปวดหัวก็คือลมปราณปีศาจในอากาศมีอยู่เยอะเกินไป ความเร็วของลมปราณจำแลงที่กำจัดลมปราณปีศาจไม่เพียงพอต่อการต้านทานกลุ่มลมปราณปีศาจชุดใหม่ที่แทรกซึมเข้ามาในร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง
ลมปราณปีศาจชุดเก่าถูกกำจัดออกไป ลมปราณปีศาจชุดใหม่ก็แทรกซึมเข้ามา เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้อง
“ข้าขอแนะนำว่าอย่าเสียแรงเปล่าเลย เจ้าหนู” ตัวประหลาดพูดขึ้นมาแล้ว “อีกไม่ช้าก็เร็ว เจ้าจะต้องถูกลมปราณปีศาจกัดกินจนเป็นเหมือนข้านี่แหละ”
ฉู่ชวิ๋นลืมตาขึ้นมาแล้ว ตัวประหลาดพูดได้ถูกต้อง ลมปราณปีศาจมีอยู่มากเกินไป ร่างกายของเขาไม่อาจต้านทานไหว แต่สิ่งหนึ่งที่ฉู่ชวิ๋นมั่นใจได้ก็คือพลังลมปราณของตัวประหลาดต้องแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ไม่อย่างนั้นมันคงอยู่เฝ้าที่นี่นานหลายพันปี โดยไม่กลายเป็นปีศาจไม่ได้แน่
“อย่ามาพูดจาไร้สาระ” ฉู่ชวิ๋นตอบกลับไปอย่างเหยียดหยาม
ตัวประหลาดจ้องมองกลับมาด้วยความฉุนเฉียว “นับว่าเจ้ารนหาที่ตายจริงๆ”
ฉู่ชวิ๋นหัวเราะเยาะตอบว่า “ต่อให้ฉันตาย ศพของฉันก็ยังอยู่ในโลกมนุษย์ ญาติพี่น้องของฉันจะตกแต่งศพให้อย่างสวยงาม ทุกคนยังจดจำฉันอยู่ในความทรงจำของพวกเขา แต่แกล่ะ? ยิ่งแกอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่ แกยิ่งกลายเป็นครึ่งคนครึ่งปีศาจเข้าไปทุกที อีกไม่นานแกคงกลายเป็นปีศาจโดยสมบูรณ์แล้ว และแกจะต้องตายอยู่ที่นี่เพียงลำพัง จะมีใครอื่นจดจำแกได้บ้าง พูดไปแล้วแกก็น่าสมเพชเวทนาอยู่ไม่น้อย”
ตัวประหลาดได้ยินถ้อยคำถากถางเหล่านั้น พลันพ่นลมหายใจรุนแรงฟืดฟาด ดวงตาของมันเริ่มกลับมาเป็นสีแดงก่ำอีกครั้ง
“อีกไม่ช้าก็เร็ว ข้าจะต้องกวาดล้างดินแดนสวรรค์ให้ได้ ข้าจะต้องทำให้พวกมันมอบคำอธิบายออกมา” ตัวประหลาดร้องคำรามด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
ฉู่ชวิ๋นหัวเราะเยาะเย้ยหยัน “กวาดล้างดินแดนสวรรค์? แต่ตอนนี้แกถูกล่ามโซ่อยู่ที่นี่เหมือนหมาเฝ้าบ้าน จะออกไปจากที่นี่ได้ยังไง? ต่อให้สักวันหนึ่งแกได้กลับไปที่ดินแดนสวรรค์จริงๆ จะมีใครจดจำแกในสภาพแบบนี้ได้บ้าง ฉันว่าพวกเขาคงคิดว่าแกเป็นปีศาจกันไปหมดแล้ว ทุกคนนั่นแหละที่จะรุมเข่นฆ่าแก”
“หุบปาก!” ตัวประหลาดแผดเสียง กระโจนเข้ามาหาฉู่ชวิ๋น แต่ก็ถูกสายโซ่รั้งเอาไว้เพราะสุดความยาวพอดี
ฉู่ชวิ๋นซัดพลังสวนกลับไปในขณะที่กระโดดหลบหนีมาไกล 1 กิโลเมตร เขาไม่อาจหยั่งรู้เคล็ดวิชาของตัวประหลาดได้เลย ก่อนหน้านี้มันก็ใช้พลังแสงอะไรไม่รู้ใส่เขาจนเกือบพลาดท่ามาแล้ว
เมื่อเห็นว่าตนเองไม่สามารถจัดการฉู่ชวิ๋นได้ ตัวประหลาดก็เงยหน้าคำรามด้วยความคับแค้นใจ ดวงตาของมันกลายเป็นสีแดงก่ำ และมันก็เข้าสู่สภาวะคุ้มคลั่งอีกครั้ง
ฉู่ชวิ๋นยืนมองตัวประหลาดอยู่ในความสงบ ปากของเขากระตุกเป็นรอยยิ้มเล็กน้อย ในขณะนี้ตัวประหลาดกำลังกระโดดไปมาอย่างบ้าคลั่ง
ชายหนุ่มนั่งลงโคจรพลังลมปราณจำแลงเพื่อขับไล่ลมปราณปีศาจออกจากร่างกายอีกครั้ง ถึงแม้ว่าจะทำได้อย่างเชื่องช้า แต่มันก็สามารถชะลอการกัดกร่อนร่างวิญญาณของเขาได้ไม่น้อย
ตัวประหลาดยังคงร้องคำรามอย่างเสียสติ เสียงสายโซ่สั่นสะเทือนดังโกร่งกร่างเหมือนพร้อมที่จะขาดสะบั้นได้ตลอดเวลา
ฉู่ชวิ๋นนั่งทำสมาธิขับไล่ลมปราณปีศาจออกจากร่างกาย นี่คือขั้นตอนที่ต้องใช้เวลาหลายวัน
1 วันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
2 วันผ่านไป
5 วันผ่านไป
…
ตัวประหลาดสงบลงแล้ว มันกลับมามีสภาพเดิมเหมือนตอนที่ฉู่ชวิ๋นมาถึงที่นี่ในครั้งแรก
ฉู่ชวิ๋นลืมตาตื่นขึ้นมา รู้สึกว่าร่างกายอ่อนแอกว่าหลายวันก่อน เขาหันมองไปที่ตัวประหลาด ดวงตาของเขาเป็นประกายสีแดงขึ้นมาแล้ว
ฉู่ชวิ๋นทราบโดยทันทีว่าลมปราณปีศาจกัดกินร่างวิญญาณของเขารวดเร็วกว่าที่คิดเอาไว้ อัตราการขับไล่ลมปราณปีศาจเชื่องช้ามากเกินไป ทำได้ไม่ทันกับลมปราณปีศาจชุดใหม่ที่แทรกซึมเข้าร่างกาย บ่อยครั้งที่ลมปราณปีศาจเหล่านั้นสามารถแทรกซึมเข้าสู่หัวใจของเขาได้โดยไร้ทางป้องกัน
ถ้ายังคงสูดดมลมปราณปีศาจเข้าไปแบบนี้เรื่อยๆ อีกไม่นานเขาก็จะตกอยู่ในสภาวะคุ้มคลั่งเช่นกัน ฉู่ชวิ๋นพยายามควบคุมตัวเอง แต่ผลลัพธ์ก็ไม่ชัดเจน
10 วันต่อมา ฉู่ชวิ๋นตื่นขึ้นมาพร้อมกับดวงตาสีแดง ครึ่งหนึ่งของร่างกายเขาอุดมไปด้วยลมปราณปีศาจ
15 วันผ่านไป
ฉู่ชวิ๋นได้สติกลับคืนมาอีกครั้ง แต่เริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว ดวงตาของเขาเป็นสีแดงก่ำเจิดจ้า
ชายหนุ่มไม่สามารถต้านทานได้อีกต่อไป ลมปราณปีศาจกัดกินรุนแรงมากเกินไป
20 วันผ่านไป
“ตายซะเถอะ!”
ดวงตาของฉู่ชวิ๋นกลายเป็นสีแดงฉานโดยสมบูรณ์ ร่างกายของเขาแผ่ไอปีศาจสีแดงเข้มลอยออกมา และนั่นเป็นผลมาจากการสูดดมลมปราณปีศาจนั่นเอง
ชายหนุ่มลุกขึ้นวิ่งเข้าไปสู่พื้นที่เขตด้านในของแดนภูตทมิฬ
ความเร็วของเขาเพิ่มพูนมากขึ้นกว่าตอนก่อน ฉู่ชวิ๋นสามารถเคลื่อนที่ได้หลายร้อยกิโลเมตรในเวลาเพียงแค่พริบตาเดียว
โฮก!
แล้วก็มีผู้เคราะห์ร้ายมาปะทะเข้ากับฉู่ชวิ๋น มันผู้นั้นคือสัตว์ประหลาดที่มีหัวเป็นสิงโตและมีหางเป็นเสือ ส่วนลำตัวมีขนาดใหญ่ยักษ์มหึมา
“ตายซะเถอะ!”
ฉู่ชวิ๋นกระโดดเข้าหาสัตว์ประหลาดโดยลืมไปสนิทเลยว่าตนเองเป็นเพียงแค่ร่างวิญญาณ ซึ่งมีความเปราะบางเป็นที่สุด
สัตว์ประหลาดตัวนั้นร้องคำราม เงื้อกรงเล็บขนาดใหญ่ขึ้นมาหมายตะปบฉู่ชวิ๋นให้ตายคาที่
ฉู่ชวิ๋นยกมือขึ้นซัดลมปราณออกไป ร่างวิญญาณของเขาห่อหุ้มด้วยลมปราณปีศาจ
เปรี้ยง!
พื้นดินสั่นสะเทือนแล้วยุบตัว สัตว์ประหลาดร้องคำรามด้วยความเจ็บปวด กรงเล็บของมันถูกฉู่ชวิ๋นซัดพลังใส่จนเป็นบาดแผลฉกรรจ์ เลือดสาดกระจายไปทุกหนทุกแห่ง
“ตายซะเถอะ!”
ฉู่ชวิ๋นหายใจรุนแรงยิ่งกว่าสัตว์ประหลาดที่อยู่ตรงหน้าเขาตัวนี้เสียอีก
ในดวงตาของชายหนุ่มมีแต่การฆ่าฟันเพียงอย่างเดียว ฉู่ชวิ๋นยกมือขึ้นซัดพลังลมปราณออกไปอย่างรุนแรง สร้างบาดแผลเต็มตัวสัตว์ประหลาด
สัตว์ประหลาดตัวนั้นก็บ้าคลั่งแล้ว ไม่ว่าจะใช้กรงเล็บตะปบหรือพุ่งเข้ามาจะใช้ปากกัด มันก็ถูกซัดพลังสวนใส่กระเด็นกลับไปทุกที ในตอนนี้มันจึงอ้าปาก และพ่นไฟออกมาละลายพื้นดินเบื้องหน้าแล้ว
ฟู่!
หลังจากที่ม่านฝนเลือดหยุดลง ฉู่ชวิ๋นก็ฉีกขาของสัตว์ประหลาดออกมาข้างหนึ่ง เลือดสีแดงสดย้อมตัวเขาจนกลายเป็นมนุษย์โลหิต
ฟู่…!
เสียงสัตว์ประหลาดร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนาเมื่อมันถูกฉู่ชวิ๋นฉีกกระชากแขนขาทีละข้างด้วยความบ้าคลั่ง
ฉู่ชวิ๋นมองแขนขาที่เกลื่อนเต็มพื้นดิน แล้วรอยยิ้มแปลกประหลาดก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา
หลังจากนั้น ร่างของเขาก็หายวับไป
วินาทีต่อมา ชายหนุ่มก็มาปรากฏกายอีกครั้งตรงบริเวณที่เขาเคยเผชิญหน้ากับกองทัพมดปีศาจ และเมื่อได้พบกับพวกมันอีกครั้ง ฉู่ชวิ๋นก็ตกอยู่ในอาการคุ้มคลั่งกู่ไม่กลับ
เขาซัดพลังใส่พวกมันไม่หยุดหย่อน นกเพลิงถูกเรียกออกมาแผดเผาท้องฟ้า กองทัพมดปีศาจถูกฆ่าตายนับไม่ถ้วน
พวกมันกลายเป็นกองขี้เถ้าเต็มพื้นดิน
ฉู่ชวิ๋นสังหารทุกชีวิตด้วยความบ้าเลือด จากนั้น เขาก็เดินลึกเข้าไปในดินแดนของภูตทมิฬมากขึ้นและมากขึ้น
“โฮก…ใครกันกล้าบุกรุกอาณาเขตของข้า?”
สัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ส่งเสียงคำราม ที่ต้องเรียกว่าสัตว์ประหลาดก็เนื่องจากมันมีหัวเป็นเสือดาวและมีหางเป็นงู ถือหอกแหลมยาวหลายเมตรเป็นอาวุธคู่กาย
ดวงตาสีแดงฉานของฉู่ชวิ๋นทำท่าจะเจือจางลงเล็กน้อย แต่แล้วประกายสีแดงในดวงตาของเขาก็กลับไปเข้มข้นเหมือนเดิมอีก
“จงตายซะ!”
ฉู่ชวิ๋นเงยหน้าขึ้นร้องคำรามในขณะที่พุ่งเข้าไปหาสัตว์ประหลาด เขายกมือซัดพลังลมปราณสีม่วงพุ่งออกไป เสียงมวลพลังงานระเบิดตัวดังสนั่นหู
โฮก!
สัตว์ประหลาดเงยหน้ากู่ร้อง หอกแหลมในมือของมันทิ่มแทงเข้าใส่ฉู่ชวิ๋น แต่มันก็แทงถูกเพียงแค่อากาศธาตุเท่านั้นเอง
เปรี้ยง…!
เกิดการระเบิดต่อเนื่องหลายครั้ง แรงระเบิดส่งกลุ่มฝุ่นควันตลบอบอวลในอากาศ หอกแหลมกระเด็นหลุดจากมือ ในขณะที่สัตว์ประหลาดซวนเซถอยหลังไปหลายก้าว
ฉู่ชวิ๋นเองก็ลอยถอยหลังกลิ้งกระเด็นมาไกลประมาณ 100 เมตร เมื่อร่างของเขากระแทกพื้น พื้นดินก็เกิดเป็นรอยแตกแยกขึ้นทันที
ณ ตอนนี้ ฉู่ชวิ๋นมีความร้ายกาจยิ่งกว่าสัตว์ประหลาดพวกนี้เสียอีก ในจิตใจของเขามีแต่การฆ่าและทำลายล้างเท่านั้น
ชายหนุ่มเหวี่ยงเจ้าสัตว์ประหลาดลอยกระเด็นออกไป ก่อนที่จะกระโดดตามเข้าไปต่อยกำปั้นใส่รัวๆ
ผลั่ก…!
สัตว์ประหลาดมีความแข็งแกร่งมากระดับฝีมือของมันไม่ด้อยไปกว่าฉู่ชวิ๋น หอกในมือของมันทิ่มแทงสวนกลับมาครั้งแล้วครั้งเล่า
ฉู่ชวิ๋นตอบโต้กลับไปด้วยกำปั้นทั้งสองข้างของเขา ร่างกายห่อหุ้มด้วยลมปราณปีศาจ ไม่ว่าเขาเดินผ่านตรงไหน ก้อนหินบริเวณนั้นก็จะแหลกสลายเป็นผุยผง พื้นดินจะยุบตัวกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่
ตู้ม!
เกิดการปะทะกันขึ้นอีกครั้ง หอกแหลมกระเด็นหลุดออกจากมือของสัตว์ประหลาด ฉู่ชวิ๋นต่อยหมัดเข้าใส่ทันที แล้วปากของมันก็เต็มไปด้วยเลือด
สัตว์ประหลาดเอื้อมมือหยิบหอกกลับมาถือได้อีกครั้ง มันดีดตัวลุกขึ้น และแทงหอกแหลมลงมาเข้าหาฉู่ชวิ๋น
ถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะไม่สามารถควบคุมสติของตนเองได้ แต่สัญชาตญาณในการต่อสู้ของเขายังคงอยู่ครบถ้วน ฉู่ชวิ๋นหมุนตัวตีลังกาหนีออกมาด้วยความรวดเร็ว
เปรี้ยง!
พื้นดินยุบตัว ก้อนกรวดถล่ม หอกในมือของสัตว์ประหลาดตัดก้อนหินใหญ่ขาดเป็นหลายก้อน
ฉู่ชวิ๋นที่ร่างกายห่อหุ้มด้วยลมปราณปีศาจกระโดดลอยตัวขึ้นสูง ก่อนปล่อยหมัดสวนกลับไปหลายสิบหมัด ทุกหมัดมีเป้าหมายอยู่ที่ลำตัวของสัตว์ประหลาด
“ตายซะเถอะ!”
ชายหนุ่มคำรามคำนี้ในขณะที่ร่างของสัตว์ประหลาดกลายเป็นกระสอบทรายรับหมัดของเขา
ตุบตับ…!
สัตว์ประหลาดส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด สองเท้าของมันเริ่มหยัดยืนบนพื้นดินได้อย่างยากลำบากเต็มที
มันควงหอกแหลมในมือด้วยความเดือดดาลสุดขีด โถมตัวเข้าใส่ชายหนุ่มด้วยความดุร้าย ฉู่ชวิ๋นป้องกันการโจมตีด้วยสองหมัด และสามารถซัดสัตว์ประหลาดลอยกระเด็นไปกระแทกก้อนหินใหญ่ได้สำเร็จ
ฟู่!
สัตว์ประหลาดอ้าปากกระอักเลือดออกมาคำใหญ่ แม้แต่อวัยวะภายในที่เหลวแหลกก็ไหลทะลักออกมาด้วย เนื่องจากหมัดที่ฉู่ชวิ๋นระดมต่อยไปเมื่อสักครู่นั้น ทำให้อวัยวะภายในของมันแหลกเหลวไปหมดแล้ว
“เจ้าเป็นบ้าอะไร? ทำไมถึงต้องมาฆ่าข้าด้วย?” สัตว์ประหลาดส่งเสียงร้องโหยหวน
ฉู่ชวิ๋นฉีกยิ้มอย่างวิกลจริต กระโดดออกจากหินก้อนหนึ่งตรงเข้าไปหาสัตว์ประหลาด ก่อนที่จะยกมือขึ้นใช้วิชาถนัดของตนเอง
เปรี้ยง!
มวลอากาศสั่นไหว นิ้วมือขนาดใหญ่ยักษ์ร่วงหล่นลงมา
สัตว์ประหลาดคำรามในลำคอขณะที่แทงหอกแหลมสวนขึ้นไปหานิ้วมือขนาดยักษ์ แล้วหอกของมันกับนิ้วมือก็ปะทะกัน สัตว์ประหลาดส่งเสียงร้องโหยหวน เลือดเป็นสายไหลออกมาจากร่างกาย อาวุธคู่ใจร่วงหล่นออกจากมือไปแล้ว
ฉู่ชวิ๋นคลี่ยิ้มด้วยความเวทนา เขาดีดเท้าลอยตัวขึ้นกลางอากาศ พร้อมกับปล่อยหมัดออกไปอย่างต่อเนื่อง ทุกหมัดของเขากระแทกเข้าใส่ลำตัวของสัตว์ประหลาดเลือดสีแดงสดสาดกระจายในอากาศ
สัตว์ประหลาดส่งเสียงร้องอย่างไม่ยอมแพ้ มันควงแขนเป็นกังหันลมรับหมัดของชายหนุ่ม ในขณะเดียวกันก็คว้าจับตัวฉู่ชวิ๋นกดเขาแนบลงไปกับพื้นดิน มือซ้ายของมันกดหน้าอกฉู่ชวิ๋น ในขณะที่มือขวารัวหมัดใส่ใบหน้าของชายหนุ่มไม่ยั้ง
ผลั่ก…!
พื้นดินสั่นสะเทือน เกิดรอยแตกร้าวกินเป็นทางยาว
หลังจากรัวหมัดใส่ใบหน้าชายหนุ่มเป็นร้อยหมัดแล้ว สัตว์ประหลาดก็หยุดมือ ขณะนี้ฉู่ชวิ๋นมีเลือดไหลท่วมตัว ร่างของเขาจมลึกลงไปใต้พื้นดินหลายเมตร ลมหายใจรวยริน แต่ใบหน้าของชายหนุ่มกำลังยิ้มออกมาอย่างแปลกประหลาด
ตู้ม!
พื้นดินระเบิดตัว ฉู่ชวิ๋นกระโจนขึ้นมาจากหลุมลึก เมื่อเท้าสัมผัสพื้นดิน ร่างวิญญาณก็รอยแตกร้าวราวกับแก้วที่ใกล้แตกเต็มที่ ร่างของเขาพร้อมจะแหลกสลายได้ตลอดเวลา
“ตายซะเถอะ!”
ฉู่ชวิ๋นคำรามในขณะที่โถมตัวเข้าไปเพื่อต่อสู้กับสัตว์ประหลาดอีกครั้ง
ฟู่!
ผิวหนังของสัตว์ประหลาดถูกฉู่ชวิ๋นถลกออกมาสดๆ จนเลือดพุ่งกระฉูด
ผลั่ก!
ฉู่ชวิ๋นถูกสัตว์ประหลาดจับเหวี่ยงไปกระแทกกับหินก้อนใหญ่ รอยแตกร้าวบนร่างวิญญาณของเขายิ่งสามารถมองเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น
ชายหนุ่มทะยานกลับเข้าไปต่อสู้อีกครั้งและอีกครั้ง อย่างไม่เกรงกลัวความตาย
สัตว์ประหลาดทั้งตื่นตระหนกทั้งโกรธแค้น ตะโกนออกมา “ข้าเป็นคนของจอมปีศาจทมิฬที่ 4 แล้วเจ้าเป็นคนของใคร?”
ฉู่ชวิ๋นไม่ตอบรับคำใด เอาแต่จ้องมองอีกฝ่ายพร้อมกับยิ้มเย้ยหยัน
“หรือว่าเจ้าคือจอมปีศาจทมิฬที่ 3?” สัตว์ประหลาดสอบถามด้วยความหวาดกลัว
บุรุษหนุ่มผู้นี้แทบจะกลายเป็นปีศาจเต็มตัวไปแล้ว เขาไม่พูดคำใด เขาไม่หวาดกลัวความตาย แม้แต่ผู้ที่โหดเหี้ยมอำมหิตอย่างสัตว์ประหลาดก็ต้องตัวสั่นสะท้าน
คราวนี้ คำตอบที่มันได้รับก็ยังเป็นกำปั้นเหล็กอยู่เช่นเดิม
โครม…! พื้นดินแตกร้าว เศษหินดินทรายปลิวกระจาย
สัตว์ประหลาดส่งเสียงคำรามดังสนั่น
ฉู่ชวิ๋นร่างลอยมากระแทกก้อนหินใหญ่เป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่ทราบ แต่ทุกครั้งเขาจะลุกขึ้นและกระโดดกลับเข้าไปหาสัตว์ประหลาดอย่างไม่ย่อท้อ
ฟู่!
พื้นดินถูกเลือดย้อมจนกลายเป็นสีแดง สัตว์ประหลาดคอตก ร่างขนาดใหญ่ของมันล้มฟาดพื้น ที่หน้าอกปรากฏรูโบ๋ขนาดใหญ่ สามารถยื่นมือเข้าไปสอดทะลุได้จนถึงแผ่นหลัง
ฉู่ชวิ๋นลอยกระเด็นออกมากระแทกกับก้อนหินอีกครั้ง คราวนี้ เขาไม่ได้ลุกขึ้นมาแล้ว
หมัดสุดท้ายเมื่อสักครู่นี้ ฉู่ชวิ๋นต่อยหัวใจของสัตว์ประหลาดจนแหลกสลายไป ในขณะที่ตัวเขาเองก็ถูกมันซัดพลังใส่จนลอยคว้างออกมาเช่นกัน