จักรพรรดิเซียนหวนคืน - บทที่ 390 พายุหมุน
บทที่ 390 พายุหมุน
การลงสู่พื้นดินถือเป็นเรื่องอัปมงคลของเผ่าพันธุ์มนุษย์ปักษา พวกมันคือผู้สูงส่ง มโนคตินี้ถูกปลูกฝังอยู่ในสายเลือด การถูกบังคับให้ต้องร่อนลงสู่พื้นดินทำให้พวกมันรู้สึกอึดอัดขัดใจ
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับจอมมารฉู่ชวิ๋น ปีศาจในคราบมนุษย์ที่เกือบสังหารมนุษย์ปักษาจนหมด การเผชิญหน้าในครั้งนี้ พวกมันต้องระมัดระวังตัวทุกย่างก้าว
“ผู้อาวุโส 9 เราจะทำยังไงดีครับ?” บริวารคนหนึ่งของมันถามเสียงต่ำ
“รอโอกาสเหมาะ เรื่องนี้จำเป็นมาก ฉันจะถ่วงเวลาจอมมารฉู่ชวิ๋นเอาไว้ให้นานที่สุดเอง แล้วพวกแกก็รีบออกจากเมืองหลวงไปซะ”
ลูกน้องทั้งหลายคนของมันมีสีหน้าตกตะลึง ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 พูดว่าจะถ่วงเวลาไว้ให้นานที่สุด ซึ่งหมายความว่าท่านไม่ใช่คู่ต่อกรของจอมมารฉู่ชวิ๋น
“มันแข็งแกร่งขนาดนั้นเชียวเหรอครับ?” ลูกน้องของมันอีกคนนึงกระซิบ
ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 พยักหน้า “มันแข็งแกร่งมาก อย่างน้อยก็มีพลังระดับเดียวกับผู้อาวุโส 8”
บรรดามนุษย์ปักษาที่ยืนเรียงรายกันหน้าสลอนตกตะลึงถึงขีดสุด ผู้อาวุโสลำดับที่ 8 ยังคงอยู่ในดินแดนม่านพลัง แข็งแกร่งยิ่งกว่าขั้นจักรพรรดิระดับ 9 และตอนนี้มนุษย์ปักษาเกือบ 200 คนที่ติดตามมาด้วยในครั้งนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นขั้นปรมาจารย์ทั้งสิ้น ไม่มีทางรับมือจอมมารฉู่ชวิ๋นได้เลย
“ผู้อาวุโส 9 เราจะสูญเสียกำลังพลไม่ได้อีกแล้วนะ” มนุษย์ปักษาซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้อาวุโสพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
ก่อนหน้านี้ มนุษย์ปักษามีกำลังพลราว 300 กว่าคน แต่ในขณะนี้หลงเหลืออยู่ไม่ถึง 200 คนแล้ว ถ้าต้องสูญเสียกำลังพลไปอีก พวกมันจะต่อสู้กับเผ่าพันธุ์อื่น ๆ ได้อย่างไร?
“จอมมารฉู่ชวิ๋น ท่านต้องการอะไรกันแน่?” ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 พูดด้วยความนอบน้อม พวกมันต้องใช้น้ำเสียงแบบนี้พูดคุยกับมนุษย์ชั้นต่ำตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ความจริง ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 อยากจะฆ่าฉู่ชวิ๋นและแย่งชิงแผนที่ทะลุมิติกับเลือดปักษายักษ์กลับมาเสียเดี๋ยวนี้ แต่มันจะมีปัญญาทำได้หรือ?
ฉู่ชวิ๋นชะงักไปเล็กน้อย มีสีหน้าประหลาดพิกลตอนที่พูดว่า “พวกแกมายืนหน้าสลอนอยู่หน้าวังมังกรเพลิงของฉัน แล้วยังมีหน้ามาถามอีกหรือว่าฉันต้องการอะไร?”
“นายท่านครับ พวกมันแย่งชิงหญ้าจิตวิญญาณของเราไปหมดเลย” เหยียนชงกลอกตาตะโกนด้วยความโกรธแค้น
มนุษย์ปักษาทุกคนมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาแล้ว
“ผู้อาวุโส 9 ครับ สงสัยจะหลีกเลี่ยงการปะทะไม่พ้นแล้วสิ” มนุษย์ปักษาคนหนึ่งกระซิบ
“พวกเราอย่าเพิ่งลงมือทำอะไร จอมมารฉู่ชวิ๋นเป็นพวกคุ้มดีคุ้มร้าย เราจะรีบปะทะตอนนี้ไม่ได้ ต้องรอให้ผู้อาวุโส 8 ออกมาเสียก่อน” ผู้อาวุโส 9 พูดอย่างใจเย็น
“จอมมารฉู่ชวิ๋น โบราณว่าโลกนี้ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร ในเมื่อตอนนี้ท่านกลับมาแล้ว และเราก็มีความแข็งแกร่งเหมือนกัน ทุกอย่างก็น่าจะเจรจากันได้ไม่ใช่หรือ?” ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 พูดด้วยน้ำเสียงสุขุม
เมื่อพูดออกไปแล้ว มันก็โบกแขนเสื้อหนึ่งครั้ง แล้วขวดหยกยี่สิบกว่าขวดก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้า
“นี่คือของที่เรายึดมาจากพวกท่าน ตอนนี้ฉันขอคืนให้ทั้งหมดก็แล้วกัน”
ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเป็นประกายแวววาว เขาประหลาดใจนิดหน่อยกับท่าทีของผู้อาวุโสลำดับที่ 9
การรู้ว่าควรค้อมศีรษะให้กับผู้ใดคือความสามารถของมนุษย์ชนิดหนึ่ง ฉู่ชวิ๋นคิดอย่างนั้น และตอนนี้เขาเห็นมันจากผู้อาวุโสลำดับที่ 9 แสดงว่าพวกมนุษย์ปักษาเป็นมนุษย์จริง ๆ ต่างกันแค่ปีก
“ฉันฆ่าคนของสำนักเทวามรณะไปไม่น้อย เกรงว่านี่คงไม่ใช่เรื่องที่จะเจรจากันได้อีกแล้วล่ะมั้ง?” ฉู่ชวิ๋นถาม
“การต่อสู้ย่อมมีคนตายเป็นธรรมดา” ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“พูดได้ดี” ฉู่ชวิ๋นนิ่งคิดอยู่เล็กน้อย ก็พูดต่อว่า “แต่ฉันเอาแผนที่ทะลุมิติของพวกแกมาด้วยนะ”
“สมบัติผลัดกันชม ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยดังเดิม
“ฉันฆ่าผู้อาวุโสลำดับที่ 10 ของพวกแก และขโมยเลือดนูเอะมาเก็บเอาไว้ แผนที่ของมันก็อยู่ในมือฉันด้วยเช่นกัน”
สีหน้าของเหล่ามนุษย์ปักษาเริ่มแปรเปลี่ยนไปทีละนิดทีละคน
แม้แต่สีหน้าของผู้อาวุโสลำดับที่ 9 ก็ยังแปรเปลี่ยนไปแล้ว มันแอบหวังเอาไว้ว่าฉู่ชวิ๋นจะหาแผนที่ทะลุมิติของผู้อาวุโสลำดับที่ 10 ไม่พบ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายหาพบแล้ว ก็เท่ากับว่าจอมมารคนดังมีแผนที่ทะลุมิติอยู่ในมือถึงสองฉบับ
แผนที่ทะลุมิติของผู้อาวุโสลำดับที่ 10 ถูกวาดเขียนไว้แค่ตรงส่วนมุมกระดาษเหมือนกับอันก่อนหน้า แต่ฉู่ชวิ๋นยังไม่มีเวลาได้ตรวจสอบโดยละเอียด หลังจากที่ฆ่าผู้อาวุโสลำดับที่ 10 เรียบร้อยแล้ว เขาก็หยิบแหวนมิติของผู้อาวุโสมา ซึ่งในนั้นมีแผนที่ทะลุมิติถูกเก็บเอาไว้อยู่ด้วย
“แผนที่ทะลุมิติมีอยู่ด้วยกัน 12 ฉบับ ท่านมีอยู่แค่เพียสองฉบับก็ไม่มีประโยชน์หรอก” ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 หยุดเล็กน้อย ก่อนพูดต่อว่า “ถ้าท่านคืนแผนที่ทั้งสองฉบับนั้นมาให้พวกเรา มนุษย์ปักษาขอเอาศักดิ์ศรีเป็นประกันว่า พวกเราจะหาของมาแลกเปลี่ยนให้อย่างเหมาะสม”
“เข้าใจผิดแล้ว ฉันมีอยู่สามฉบับต่างหาก” ฉู่ชวิ๋นพูด
“สามฉบับ?” ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 ประหลาดใจ “โม่กันกับผู้อาวุโสลำดับที่ 10 มีอยู่แค่คนละฉบับเท่านั้น แล้วท่านไปได้อีกฉบับมาจากไหน?”
ฉู่ชวิ๋นยิ้มกริ่ม “แกก็พกติดตัวไว้ฉบับนึงเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”
สีหน้าของผู้อาวุโสลำดับที่ 9 เปลี่ยนแปลงไปทันที ร่างกายของมันมีพลังลมปราณสีขาวพวยพุ่ง เพียงพริบตาเดียวมันก็อยู่ในสภาวะที่พร้อมต่อสู้แล้ว
มุมปากของฉู่ชวิ๋นยกตัวเป็นรอยยิ้มเล็กน้อย เมื่อเขาใช้จิตวิญญาณสั่งร่ายวิชา นิ้วมือขนาดใหญ่ยักษ์ก็ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า
บรรดามนุษย์ปักษาเกิดความตื่นตระหนก นับได้ว่าจอมมารฉู่ชวิ๋นลงมือด้วยความป่าเถื่อนจริง ๆ
ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 ร้องคำราม มันระเบิดพลังลมปราณสีขาวสว่างจ้า ปีกทั้งสองข้างกระพืออย่างแรง แล้วสายลมจำนวนมหาศาลก็ถูกพัดกรรโชกขึ้นไปโจมตีใส่นิ้วมือขนาดยักษ์นิ้วนั้น
สองมือของมันร่ายระบำ คลื่นสีขาวในลักษณะเหมือนแสงเลเซอร์ถูกยิงขึ้นไปใส่นิ้วมือขนาดใหญ่ยักษ์ที่กำลังร่วงหล่นลงมา
ตู้ม!
ลำแสงสีขาวปะทะเข้ากับวิชาดัชนีสังหารในอากาศ แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งการร่วงหล่นลงมาได้ นิ้วมือขนาดใหญ่ยักษ์นั้นทับลงมาที่ศีรษะของผู้อาวุโสลำดับที่ 9 ก่อนระเบิดตู้ม คลื่นแรงสั่นสะเทือนแผ่กระจายไปโดยรอบ บนพื้นดินเกิดรอยแตกร้าว เช่นเดียวกับที่พื้นดินเกิดการยุบตัวและถล่มลงไปเหมือนเกิดเหตุแผ่นดินไหว
“ท่านผู้อาวุโส 9”
บรรดาลูกน้องของมันพร้อมใจกันร้องตะโกนด้วยความตื่นตระหนกตกใจ
โฮก!
พลัน มังกรปีศาจที่มีร่างยาวหลายเมตรโผบินขึ้นสู่ท้องฟ้า การเคลื่อนไหวของมันรวดเร็วมาก หางมังกรของมันสะบัดไหว เกิดเป็นแรงลมพายุพัดกรรโชกบนพื้นดินทันที
นี่คือแรงลมที่ไม่ต่างจากพายุหมุน มันเป็นพลังวายุมังกรที่พร้อมถล่มทลายทุกอย่างที่ขวางหน้า
ด้านนอกวังมังกรเพลิง พื้นที่หลายร้อยเมตรตกอยู่ภายใต้อำนาจของพายุหมุน ผู้ใดก็ตามที่หนีไม่ทันจะต้องถูกดูดเข้าไปสู่ด้านในพายุ แล้วหลังจากนั้น ร่างกายของผู้เคราะห์ร้ายก็จะถูกหมุนปั่นจนแหลกสลายไม่เหลือชิ้นดี
นี่คือพลังวายุมังกรที่อีกฝ่ายใช้โจมตีพวกเขาโดยไม่สนใจว่าพวกของตนเองจะได้รับลูกหลงไปด้วยหรือไม่ ฉู่ชวิ๋นรีบเตะพวกของเหยียนชงทั้งสามคนลอยกระเด็นไปไกลหลายร้อยเมตร เพื่อให้อยู่นอกเหนือการดูดของรัศมีพายุหมุน
โครม!
ประตูหน้าปราสาทที่เพิ่งถูกสร้างขึ้นมาใหม่พังทลาย แผ่นหินปูพื้นถูกดูดขึ้นไปในพายุหมุนและแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยทันที
พายุหมุนทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เส้นผ่าศูนย์กลางของมันมีขนาดใหญ่กว่า 10 เมตร คล้ายกับว่ามันมีจิตใจของมังกรร้าย พร้อมที่จะทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้าให้ราบเป็นหน้ากลอง
เสื้อผ้าของฉู่ชวิ๋นส่งเสียงสะบัดพรึ่บพรั่บจากแรงดูดของสายลม เขามองเห็นว่าผู้อาวุโสลำดับที่ 9 ยืนลอยตัวอยู่ใจกลางพายุหมุน ในมือของมันกำลังโบกสะบัดพัดด้ามหนึ่งด้วยความดุร้ายกราดเกรี้ยว
ฉู่ชวิ๋นอดคิดถึงพัดเหล็กในตำนานที่สามารถพัดผู้คนให้ลอยกระเด็นไปไกลหลายพันกิโลเมตรขึ้นมาไม่ได้
แต่พัดด้ามนี้ทำขึ้นมาจากขนนกทองคำ จากรูปลักษณ์แล้วมันไม่ใช่พัดเหล็กแน่นอน แต่พลังที่แผ่ออกมานั้นไม่ต่างกันเลยแม้แต่นิดเดียว
กลุ่มมนุษย์ปักษาส่งเสียงร้องเชียร์ด้วยความสะใจ
ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 มีใบหน้าซีดขาว ดูเหมือนว่าการใช้อาวุธชนิดนี้จะดูดกลืนพลังลมปราณของมันไม่ใช่น้อย
แต่มุมปากของมันยังยกตัวเป็นรอยยิ้ม กระพือปีกบินอยู่บนท้องฟ้า มือสะบัดพัดทองคำเพิ่มแรงลม พื้นดินส่งเสียงสั่นสะเทือน พายุหมุนเริ่มเคลื่อนตัวเข้าไปหาพวกของฉู่ชวิ๋น
ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเป็นประกายระยิบในขณะที่จ้องมองพายุหมุนเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้
มือของเขาร่ายม่านพลังอย่างรวดเร็ว แล้วม่านพลังสีแดงก็แผ่ปกคลุมทั่วพื้นดินเช่นเดียวกับในอากาศ พายุหมุนเริ่มเคลื่อนตัวเข้ามาด้วยความเร็วที่เพิ่มมากขึ้น
เปรี้ยง!
มังกรสีแดงตัวหนึ่งพลันพุ่งขึ้นจากพื้นดิน ลอยเข้าไปปะทะกับมังกรจากพายุหมุน เมื่อพวกมันทั้งสองตัวปะทะกันอย่างรุนแรง ท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยเสียงระเบิดดังกึกก้อง แล้วความเร็วของพายุหมุนก็เริ่มเชื่องช้าลงไป
บรรดามนุษย์ปักษาไม่ได้ส่งเสียงร้องเชียร์อีกแล้ว พวกมันกำลังรู้สึกตกตะลึง
นี่มันวิชาพายุหมุนมังกรแดง!
“พายุหมุนของพวกแกแข็งแกร่งไม่ใช่เล่น แต่ดูเหมือนว่ามังกรแดงของฉันจะแข็งแกร่งกว่านะ” ฉู่ชวิ๋นจ้องมองผู้อาวุโสลำดับที่ 9 พร้อมกับยิ้มเยาะ
หลังจากพูดคำนี้แล้ว ชายหนุ่มก็สะบัดมือเล็กน้อย แล้วมังกรแดงของเขาก็หมุนตัวกลายเป็นพายุหมุนลูกหนึ่ง ซึ่งเคลื่อนที่ตรงเข้าไปหาพายุหมุนของฝ่ายตรงข้าม
สีหน้าของบรรดาเผ่าพันธุ์มนุษย์ปักษาเต็มไปด้วยความตกตะลึง พวกมันตกตะลึงจนลืมความตื่นกลัวไปหมดสิ้น
พลังพายุหมุนมังกรแดงมีความรุนแรงมาก ต้นไม้โบราณที่อยู่ในรัศมีหลายร้อยเมตรถูกดูดเข้าไปสู่ด้านในของพายุหมุน หลังจากนั้น ก็ถูกหมุนปั่นจนกลายเป็นผุยผงไปในทันที
พายุหมุนสองลูก ลูกหนึ่งเคลื่อนตัวมาทางซ้าย อีกลูกหนึ่งเคลื่อนตัวมาจากทางขวา แล้วพวกมันก็เคลื่อนตัวเข้าหากันเกิดเป็นแรงปะทะสนั่นหวั่นไหว
เปรี้ยง!
เมื่อพายุหมุนทั้งสองลูกปะทะกัน ทุกอย่างก็หยุดนิ่งลงทันที เหมือนกับรถยนต์สองคันที่เกียร์ติดขัด ไม่สามารถขับเคลื่อนต่อไปได้อีกแล้ว
ไม่กี่วินาทีต่อจากนั้น แผ่นดินไหวอย่างรุนแรง ภูเขาสูงที่เรียงรายอยู่ทั้งสองด้านของหุบเขาเฟิงหลินสั่นสะเทือน ก้อนหินจำนวนมากถล่มลงมาจากยอดเขา
สีหน้าของฉู่ชวิ๋นแปรเปลี่ยนไปแล้วเช่นกัน เขากระโดดหนีออกมาด้วยความเร็วปานสายฟ้า พร้อมกันนั้นก็ตะโกนว่า “พวกเรารีบหนี”
พวกของเหยียนชงได้ยินคำสั่งอย่างชัดเจน ก็รีบใช้วิชาตัวเบาหลบหนีออกมาจากบริเวณนั้นทันที ฉู่ชวิ๋นมองว่าทั้งสามคนเชื่องช้ามากเกินไป จึงพุ่งตรงเข้าไปใช้เท้ายันก้นของพวกเขาทีละคน ใช้แรงถีบส่งชายชราทั้งสามลอยกระเด็นไปไกลหลายกิโลเมตรในพริบตาเดียว
“พวกเราถอนกำลัง!”
ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 ก็กำลังร้องคำรามเสียงดัง ในขณะที่กระพือปีกเตรียมบินหนี
ตู้ม!
การปะทะกันของพายุหมุนทั้งสองลูกก่อให้เกิดแรงระเบิดขนาดใหญ่ แรงระเบิดทำให้ภูเขาหลายต่อหลายลูกถล่มลงไปทันที นอกจากนี้แรงระเบิดยังกินพื้นที่บริเวณกว้าง ไม่ต่างจากอานุภาพของระเบิดปรมาณูเลยแม้แต่นิดเดียว
“พวกเราหนี รีบหนีเร็ว…หนีไป…”
เหล่ามนุษย์ปักษาร่ำร้องด้วยความตื่นกลัว สมาชิกหลายคนร้องเตือนน้ำตาไหล เฝ้ามองแรงระเบิดที่แผ่เข้ามาพร้อมกับกางสองปีกออกกว้าง บินหนีออกมาด้วยความรวดเร็ว
แต่ความเร็วของคลื่นแรงระเบิดมีมากเกินไป ทุกสิ่งทุกอย่างถูกทำลายราบคาบ ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้โบราณ ก้อนหินใหญ่ ยอดเขาสูง ล้วนแล้วแต่แหลกสลายกลายเป็นผุยผงไปหมดแล้ว
“นี่มันอะไรกัน…”
มนุษย์ปักษาจำนวนไม่น้อยบินช้าเกินไป พวกมันได้แต่เหลียวหน้าหันไปมองคลื่นแรงระเบิดที่ไล่หลังมา พร้อมกับส่งเสียงร้องอุทานด้วยความสยองขวัญ
บรรดามนุษย์ปักษาระดับผู้อาวุโสหันกลับไปมองและอยากบินกลับไปช่วยมนุษย์ปักษาชั้นผู้น้อย แต่พวกมันลงมือเชื่องช้าไปหนึ่งจังหวะ จึงทำได้แต่เพียงจ้องมองมนุษย์ปักษาผู้เคราะห์ร้ายถูกแรงระเบิดกลืนหายเข้าไป ร่างกายแหลกสลายเป็นม่านหมอกเลือดโดยที่ไม่มีโอกาสได้ส่งเสียงร้องด้วยซ้ำ
“รีบหนี พวกเรารีบหนี…”
บรรดามนุษย์ปักษาระดับผู้อาวุโสได้แต่ตะโกนอยู่อย่างนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ปีกของมันกระพือด้วยความรวดเร็ว โดยหวังว่าจะสามารถพาตนเองหนีออกไปได้สำเร็จ
“ผู้อาวุโส 9 ช่วยผมด้วย…”
มนุษย์ปักษาคนหนึ่งมัวแต่คอยช่วยเหลือคนอื่น จนคนมันเองไม่สามารถหนีรัศมีของแรงระเบิดได้ทัน มันร้องตะโกนขอความช่วยเหลืออย่างหมดหวัง
ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 สามารถบินได้รวดเร็วที่สุด เมื่อได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ นอกจากจะไม่หยุดแล้ว มันกลับเพิ่มความเร็วบินหนีออกไปให้เร็วกว่าเดิมอีกด้วย
“บัดซบ มารดามันเถอะ!” นี่คือถ้อยคำสุดท้ายที่มนุษย์ปักษาคนนั้นมีโอกาสได้พูดออกมา ก่อนที่มันจะถูกขึ้นแรงระเบิดกลืนเข้าไป แล้วกลายเป็นม่านหมอกเลือดไปทันที
“อ๊าก...ช่วยด้วย…ช่วยพวกเราด้วย…”
แรงระเบิดแผ่ออกมาด้วยความรวดเร็วมากเกินไป มนุษย์ปักษาหลายสิบคนไม่สามารถบินหนีได้ทัน แม้จะพยายามกระพือปีกให้รวดเร็วสักแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ยังไร้ประโยชน์ ต้องถูกดูดกลืนเข้าไปในแรงระเบิดและกลายเป็นม่านหมอกเลือดอยู่ดี
ยังมีมนุษย์ปักษาอีกจำนวนมากถูกแรงระเบิดดูดกินเข้าไป ไม่หลงเหลือแม้แต่กระดูก
มนุษย์ปักษาระดับผู้อาวุโสไม่สามารถช่วยเหลือผู้ใดได้แล้ว จึงตัดสินใจหลบหนีออกมาในที่สุด
ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 ไม่ได้ช่วยชีวิตใครเอาไว้เลย มันเลือกช่วยเหลือชีวิตตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก
เสียงกรีดร้องดังกึกก้องท้องฟ้า มนุษย์ปักษาจำนวนไม่น้อยหายลับเข้าไปในคลื่นแรงระเบิด
ฉู่ชวิ๋นพาพวกของเหยียนชงเข้ามาหลบอยู่ในวังมังกรเพลิง โชคดีที่ก่อนหน้านี้เนื่องจากกลัวว่าพวกมนุษย์ปักษาจะรู้ว่าหญ้าจิตวิญญาณพวกนั้นเป็นของปลอม พวกเขาจึงได้สั่งให้ลูกศิษย์ทุกคนเก็บข้าวของลงไปหลบซ่อนตัวอยู่ในห้องลับใต้พื้นดิน ซึ่งเส้นทางใต้ดินนี้เองเชื่อมต่อไปถึงเมืองกู่เจียงและสำนักภูผาทมิฬ ด้วยเหตุนี้ ถึงแม้อาคารส่วนใหญ่ของวังมังกรเพลิงจะถูกพายุหมุนทำลายล้าง แต่ก็ไม่มีลูกศิษย์คนไหนบาดเจ็บล้มตายเลยแม้แต่คนเดียว
“ให้ตายสิ! น่ากลัวชะมัด” เหลยเป้ายกมือลูบหน้าอก อาคารหลายหลังของวังมังกรเพลิงสร้างขึ้นมาจากก้อนหินที่แข็งแกร่ง แต่เมื่อเผชิญหน้ากับคลื่นแรงระเบิดเหล่านี้แล้ว มันก็แหลกสลายกลายเป็นผุยผง
เหยียนชงกับหลงอ๋าวใบหน้าขาวซีด หอบหายใจอย่างหนักหน่วง ดูเหมือนว่าทั้งสองคนนี้ก็ตื่นกลัวไม่แพ้กัน