จักรพรรดิเซียนหวนคืน - บทที่ 395 ที่พักแรม
บทที่ 395 ที่พักแรม
ที่อยู่อาศัยของหลงชิงฉวนเป็นอะไรที่เรียบง่ายมาก ตัวบ้านทำมาจากก้อนหิน เครื่องเรือนทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นโต๊ะเก้าอี้ต่างก็ทำมาจากหินทั้งสิ้น แม้แต่กำแพงที่ล้อมรอบสวนหน้าบ้านก็ยังทำมาจากก้อนหิน
ในขณะที่ฉู่ชวิ๋นเดินติดตามหลงชิงฉวนผ่านรั้วบ้านเข้าไป เขาก็พบว่ามีชายชรากลุ่มหนึ่งกำลังรอคอยอยู่ในสวนหน้าบ้าน
ชายชรากลุ่มนี้ดูมีอายุมากแล้วก็จริง แต่พลังลมปราณและเลือดลมยังคงสูบฉีดเหมือนคนหนุ่ม บ่งบอกได้ถึงความไม่ธรรมดา
“นี่คือน้องฉู่ชวิ๋นผู้ช่วยชีวิตพวกเสี่ยวฉีเอาไว้” หลงชิงฉวนทำหน้าที่แนะนำตัวให้ทั้งสองฝ่ายรู้จักกัน
กลุ่มชายชราขอบคุณชายหนุ่มอีกครั้ง
หลังจากนั้น พวกเขาก็พากันนั่งลงที่โต๊ะม้าหิน หลงชิงฉวนนำน้ำชาและขนมหวานมาแจกจ่ายให้กับทุกคนที่อยู่รอบโต๊ะ
“น้องฉู่ชวิ๋น เรามาพูดความจริงกันดีกว่า ไม่เคยมีใครเข้ามาที่หมู่บ้านของเรานานมากแล้ว” ชายชราคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงใช้ความคิด พยายามหาคำตอบว่าฉู่ชวิ๋นมาจากที่ไหนกันแน่
“คุณมีกุญแจศิลาใช่ไหม” หลงชิงฉวนหันหน้ามาชำเลืองมอง
ผู้เป็นหัวหน้าหมู่บ้านไม่ได้มีสีหน้าประหลาดใจแม้แต่น้อย เนื่องจากไม่มีใครสามารถผ่านม่านพลังเข้ามาได้โดยไม่มีกุญแจศิลาเด็ดขาด
“ถูกต้องครับ ผมมาที่นี่เพื่อตามหาหน่วยรบมังกรเงิน” ฉู่ชวิ๋นเปิดประเด็น
พวกของหลงชิงฉวนมีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อยในขณะที่หันมองตากัน แต่หลังจากนั้น พวกเขาก็รีบเปลี่ยนสีหน้ากลับมาเป็นปกติโดยเร็ว
“หน่วยรบมังกรเงินอย่างนั้นหรือ? ใครเป็นคนบอกคุณว่าหน่วยรบมังกรเงินอยู่ที่นี่?” หนึ่งในกลุ่มชายชราถาม
“พญาไส้เดือนตัวหนึ่งบอกผมมา” ฉู่ชวิ๋นว่า
สีหน้าพวกหลงชิงฉวนแปรเปลี่ยนไปทันที
“น้องฉู่ชวิ๋น คุณกำลังพูดถึงพญามังกรทองคำใช่ไหม?” ผู้เป็นหัวหน้าหมู่บ้านลดเสียงลงเป็นกระซิบเหมือนกลัวว่าจะมีใครมาได้ยิน สีหน้าของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความเคารพนบนอบ
ฉู่ชวิ๋นพยักหน้าเล็กน้อย
หลงชิงฉวนพร้อมด้วยกลุ่มชายชราลุกขึ้นยืน ก่อนที่จะคุกเข่าทำความเคารพชายหนุ่มด้วยความนอบน้อม
“คารวะท่านผู้ส่งสาส์นมังกร”
ฉู่ชวิ๋นถึงกับตกใจทำอะไรไม่ถูก รีบลุกขึ้นยืน โคจรพลังลมปราณออกไป บังคับให้ชายชรากลุ่มนี้ลุกขึ้นยืนกลับขึ้นมาโดยเร็ว
“เข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ใช่ผู้ส่งสาส์นมังกรอะไรทั้งนั้น ผมแค่มาที่นี่เพื่อตามหาหน่วยรบมังกรเงิน ตาเฒ่าบอกผมว่าพวกเขาจะเป็นบริวารของผมในอนาคต”
ชายชรากลุ่มนี้มีสีหน้าตกตะลึงไปแล้ว ฉู่ชวิ๋นขอให้พวกเขากลับลงมานั่งตามเดิม
แต่เมื่อได้ยินฉู่ชวิ๋นเรียกขานพญามังกรทองคำว่าเป็นพญาไส้เดือน แถมยังเรียกจักรพรรดิอ๋าวฮวงว่าตาเฒ่าด้วยน้ำเสียงหยาบคายอีก ชายชรากลุ่มนี้ก็รู้สึกว่าอยากสั่งสอนชายหนุ่มคนนี้ยิ่งนัก
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อลองพิจารณาดูให้ดี ก็พอมองออกว่าฉู่ชวิ๋นกับพญามังกรทองคำคงมีความสนิทสนมกันในระดับไม่ธรรมดา
“ขอโทษทีนะพ่อหนุ่ม ว่าแต่พญามังกรทองคำไม่ได้มากับคุณด้วยหรือ?” หลงชิงฉวนสอบถามด้วยสีหน้าแสดงความเคารพ
“ไม่ได้มาด้วยน่ะสิ ตาแก่นั่นมาส่งผมที่หน้าประตู แล้วก็หนีไปหน้าตาเฉยเลย” ฉู่ชวิ๋นอดบ่นออกมาไม่ได้
“พญามังกรทองคำมีพลังเหนือธรรมชาติ พวกเราไม่ได้พบเจอท่านมาหลายร้อยปีแล้ว” ดวงตาของหลงชิงฉวนเป็นประกายเหมือนกำลังรำลึกความหลัง
“อย่าคิดถึงเขาเลย ตาแก่นั่นกินดีอยู่ดีกว่าพวกคุณเยอะ นอกจากกิน ดื่ม ตกปลาแล้ว เขาก็ไม่ทำอะไรเลย” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยความไม่พอใจ
“แค่ก ๆ ๆ ๆ…” หลงชิงฉวนเกือบจะสำลักน้ำชาออกมาแล้ว
ชาวหมู่บ้านมังกรเงินไม่เคยมีใครได้พบเห็นจักรพรรดิอ๋าวฮวงมาก่อน เว้นแต่เพียงบรรดาผู้อาวุโสไม่กี่คนเท่านั้น แต่มันก็เป็นเหตุการณ์ที่อยู่ในความทรงจำของพวกเขาไม่รู้ลืม
จักรพรรดิอ๋าวฮวงมีสถานะไม่ต่างจากเทพเจ้าในมุมมองของชาวบ้านมังกรเงิน
“น้องฉู่ชวิ๋น ขอถามได้ไหมว่าคุณเป็นอะไรกับพญามังกรทองคำ?” ฉู่ชวิ๋นพิศวงเล็กน้อยที่ชื่อของจักรพรรดิอ๋าวฮวงถึงกับทำให้ชายชรากลุ่มนี้นั่งไม่ติด
“เรียกว่าเป็นสหายก็ได้มั้ง” ฉู่ชวิ๋นนิ่งคิดอยู่เนิ่นนาน เขาไม่รู้จะระบุความสัมพันธ์ของตนเองกับจักรพรรดิอ๋าวฮวงอย่างไรดี จะบอกว่าเป็นลูกศิษย์กับอาจารย์ก็ไม่ใช่ แต่จะบอกว่าเป็นเพื่อนกันก็ไม่เชิง
กลุ่มชายชรามีสีหน้าอึดอัดใจมากยิ่งขึ้น ชายหนุ่มตรงหน้าพวกเขาคนนี้เป็นสหายกับเทพเจ้าประจำหมู่บ้านอย่างนั้นหรือ? เพียงแค่คิดก็รู้สึกขนลุกแล้ว
“นั่งคุยกันต่อดีกว่าไหม?” ฉู่ชวิ๋นกล่าว
กลุ่มชายชรารีบพูดทันทีว่า “แน่นอนครับ เชิญท่านเทพเจ้าฉู่ชวิ๋นนั่งได้ตามสบาย” น้องฉู่ชวิ๋นถูกยกระดับขึ้นมาเป็นเทพเจ้าฉู่ชวิ๋นเสียแล้ว
“พวกคุณก็มานั่งด้วยกันสิ” ฉู่ชวิ๋นนั่งลงและพบว่าบรรดาชายชรายังคงยืนอยู่ ทำให้เกิดความรู้สึกแปลกประหลาดชอบกล
“นายท่านนั่งเถอะครับ พวกเราไม่เป็นไร” บรรดาชายชราพร้อมใจกันโบกไม้โบกมือ
ฉู่ชวิ๋นสังเกตเห็นว่าตั้งแต่ที่เขาบอกว่าตนเองเป็นคนสนิทของจักรพรรดิอ๋าวฮวง ก็ดูเหมือนว่าชายชรากลุ่มนี้จะวางตัวไม่ถูกไปทันที
“พวกคุณมานั่งเถอะ ผมไม่ใช่ตาเฒ่าอ๋าว ไม่เป็นไรหรอก”
ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงออกคำสั่ง บรรดาชายชราจึงเดินเข้ามานั่งอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ในลักษณะนั่งโก้งโค้ง ก้นไม่สัมผัสกับเก้าอี้ด้วยซ้ำ
ฉู่ชวิ๋นมองดูด้วยความขบขัน เข้าใจแล้วว่าจักรพรรดิอ๋าวฮวงคงวางตัวเป็นผู้วิเศษที่เต็มไปด้วยความลึกลับปริศนา เมื่อนึกถึงพวกของเหยียนชงที่ไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอยสักเท่าไหร่ สักวันหนึ่ง ฉู่ชวิ๋นคงต้องเอาเรื่องนี้ไปสอนให้พวกนั้นบ้างแล้ว
“นายท่านนั่งก่อนนะครับ ผมจะไปเตรียมอาหารค่ำ” หนึ่งในชายชรารีบแจ้งแก่ฉู่ชวิ๋น ก่อนจะลุกขึ้นและวิ่งหนีไปทันที
ฉู่ชวิ๋นมองตามไปด้วยความมึนงง ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้นะ? จักรพรรดิอ๋าวฮวงน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือ?
“คุณลุงหัวหน้าหมู่บ้านครับ หน่วยรบมังกรเงินอยู่ที่ไหน? พาผมไปหาพวกเขาหน่อยได้ไหม” นี่คือเรื่องที่ฉู่ชวิ๋นให้ความสนใจมากที่สุด
หลงชิงฉวนตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเคารพนอบน้อมว่า “ถ้าเกิดในหมู่บ้านมังกรเงิน ทุกคนก็ถือเป็นหน่วยรบมังกรเงินแล้วล่ะครับ”
ฉู่ชวิ๋นรู้สึกอึดอัดใจขึ้นมาทันที เขาชำเลืองมองชายชราตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แล้วหัวใจก็กระตุกวูบ
“คุณลุงก็นับเป็นหน่วยรบมังกรเงินเหมือนกันหรือครับ?”
หลงชิงฉวนพยักหน้า เช่นเดียวกับชายชราคนอื่นในกลุ่ม
ฉู่ชวิ๋นอยากร้องไห้ยิ่งนัก ถึงแม้ว่าชายชราเหล่านี้แข็งแกร่งก็จริง แต่พวกเขาก็มีอายุไม่ใช่น้อยแล้ว ภาพจะออกมาเป็นอย่างไรนะถ้าเอากลุ่มชายชราแก่หงำเหงือกแบบนี้ไปต่อสู้กับพวกมนุษย์กลายพันธุ์?
ส่วนชายฉกรรจ์ในหมู่บ้านอย่างพวกของต้าซานก็มีความเหมาะสมดี แต่พวกเขาก็มีลูกมีภรรยากันหมดแล้ว ฉู่ชวิ๋นจะสั่งให้ชายฉกรรจ์เหล่านั้นละทิ้งลูกเมียเพื่อมาออกรบร่วมกับเขาได้อย่างไร? ทำแบบนั้นมันออกจะใจร้ายเกินมนุษย์ไปหน่อยแล้ว
ทว่าก็ยังมีพวกเด็กตัวเล็ก ๆ นั่นอีก ถึงแม้อายุยังน้อย แต่ระดับพลังไม่ได้น้อยตามอายุไปด้วย แต่จะให้เอาเด็กไปออกรบมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรทำ
“ไม่มีคนที่อายุน้อยกว่านี้บ้างเลยเหรอครับ?” ฉู่ชวิ๋นถามออกมาด้วยความไม่สบายใจ
หลงชิงฉวนตอบว่า “สงสัยนายท่านฉู่ชวิ๋นจะเข้าใจผิดเสียแล้วครับ คนแก่อย่างพวกเราเป็นอดีตหน่วยรบที่เกษียณอายุแล้ว ส่วนหน่วยรบมังกรเงินรุ่นปัจจุบันไปตั้งหมู่บ้านอยู่ที่ริมทะเลสาบหลงฉวน พวกมันคือคนที่หนุ่มแน่นที่สุดในหมู่บ้านของเราแล้ว”
“พวกเขาอายุเท่าไหร่?” ฉู่ชวิ๋นอยากรู้ขึ้นมาจับใจ
หลงชิงฉวนหน้าแดงด้วยความกระดากอายเล็กน้อย เขาลองใช้คลื่นพลังตรวจสอบอายุของฉู่ชวิ๋น และพบว่าชายหนุ่มคนนี้เพิ่งจะมีอายุ 30 ปีเท่านั้น ชายชราพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “อายุประมาณ 100 กว่าปีจนถึง 200 ปีเห็นจะได้ครับ”
ฉู่ชวิ๋นอดถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกไม่ได้ ถือเป็นโชคดีที่หน่วยรบกลุ่มนี้ยังไม่แก่ชราเกินไปนัก
“งั้นพาผมไปหาพวกเขาหน่อยสิ” ฉู่ชวิ๋นว่า
“ตอนนี้มืดค่ำแล้ว นายท่านฉู่ชวิ๋น ไปพรุ่งนี้กันดีกว่าครับ” หลงชิงฉวนพยายามโน้มน้าวใจ
ฉู่ชวิ๋นพยักหน้า ด้วยความที่อยากรู้อยากเห็นเรื่องราวของหน่วยรบมังกรเงิน จึงทำให้เขาตัดสินใจด้วยความใจร้อนเกินไป
หลังจากนั้น พวกเขาก็พูดคุยกันต่ออีกเล็กน้อย ฉู่ชวิ๋นได้ทราบประวัติว่าหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่มายาวนานหลายพันปีแล้ว ในช่วงที่เกิดความโกลาหลยุคโบราณ จักรพรรดิอ๋าวฮวงได้ช่วยเหลือพวกเขาเอาไว้ และฝึกสอนวิทยายุทธ์ให้ พร้อมกับก่อตั้งหมู่บ้านมังกรเงินขึ้นมาเพื่อคุ้มครองคนกลุ่มนี้ให้ปลอดภัยเป็นระยะเวลาหลายพันปี
ดังนั้น ความเคารพเทิดทูนที่ชาวบ้านมีต่อจักรพรรดิอ๋าวฮวงจึงถูกส่งต่อมาจากรุ่นสู่รุ่น จักรพรรดิอ๋าวฮวงมีสถานะไม่ต่างไปจากเทพเจ้า นี่คือความเชื่อที่ถูกส่งต่อกันมาจากบรรพบุรุษของหมู่บ้านมังกรเงิน เป็นความเชื่อที่ฝังลงสู่สายเลือดและสลักอยู่ในโครงกระดูก
คนกลุ่มนี้อาศัยอยู่ที่นี่มาหลายชั่วอายุคน ไม่มีใครเคยออกไปที่โลกภายนอกมาก่อน พวกเขาดำรงชีพด้วยระบบพึ่งพาตนเอง ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและสงบสุข
“คุณลุงครับ คุณลุงรู้อยู่แล้วหรือเปล่าว่าวันหนึ่งผมจะมาตามหาหน่วยรบมังกรเงินแบบนี้?” ฉู่ชวิ๋นสอบถาม
หลงชิงฉวนส่ายหน้า ตอบว่า “พวกเราอยู่ที่นี่ตามคำสั่งของท่านพญามังกร ในเมื่อมันเป็นคำสั่งของท่าน พวกเราก็ได้แต่ทำตามโดยไม่มีข้อแม้”
ฉู่ชวิ๋นถอนหายใจออกมาอย่างแรง ก่อนจะเล่าให้กลุ่มชายชราที่นั่งอยู่เบื้องหน้าฟังว่าโลกภายนอกเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง
“โลกนี้เปลี่ยนแปลงไปมากมาย มีหลายสำนักปรากฏตัวขึ้นมาใหม่ อีกไม่ช้าคงจะเกิดสงครามขึ้นรุนแรงกว่ายุคโบราณแน่นอน จะต้องเกิดเหตุนองเลือด จะมีคนถูกจับบูชายัญ แต่พวกคุณอาศัยอยู่ที่นี่อย่างสงบสุขมาช้านาน ผมไม่อยากรบกวนเลยจริง ๆ” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยความลำบากใจ
โลกภายนอกกำลังเกิดความโกลาหล ชาวหมู่บ้านมังกรเงินไม่เคยออกไปจากที่นี่มาหลายพันปีแล้ว พวกเขาไม่เคยได้รับการติดต่อจากโลกภายนอก นี่คือสวรรค์ที่มีอยู่จริง ๆ บนโลกมนุษย์ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาไม่เคยต่อสู้ในสนามรบจริง ๆ มานานแล้ว นอกจากเข้าป่าล่าสัตว์ก็ไม่ได้ทำอะไรเลย ฉู่ชวิ๋นกังวลไม่น้อยว่าหน่วยรบมังกรเงินจะสูญเสียจิตใจอันกล้าหาญและไม่เหมาะสมสำหรับการสู้รบที่โลกภายนอกอีกแล้ว
หลงชิงฉวนดูเหมือนจะเดาความคิดของฉู่ชวิ๋นได้ แต่สิ่งที่ชายหนุ่มไม่รู้ก็คือ ชายชราคนอื่นในกลุ่มก็อ่านสีหน้าของเขาได้ทะลุปรุโปร่งเหมือนกัน
“นายท่านฉู่ชวิ๋น ฉันคงไม่ขอพูดอะไรมาก แต่อยากจะขอยืนยันว่าบรรพบุรุษของพวกเราชาวหมู่บ้านมังกรเงินยินดีรับใช้พญามังกรทองคำและคนของท่านโดยไม่มีข้อแม้ เราพร้อมที่จะต่อสู้เพื่อความรุ่งเรืองของท่านพญามังกรเสมอ” หลงชิงฉวนพูดด้วยน้ำเสียงทรงพลัง
ฉู่ชวิ๋นกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ชายชราคนที่วิ่งหนีไปก่อนหน้านี้ก็เดินกลับมาแจ้งว่า อาหารค่ำทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“นายท่านฉู่ชวิ๋น พวกเราไปทานอาหารกันก่อนดีกว่า” หลงชิงฉวนพูด
ฉู่ชวิ๋นพยักหน้าและเดินตามกลุ่มชายชราออกมาจากบ้านพักของหัวหน้าหมู่บ้าน
“เราจะไปไหนกันครับ?” ฉู่ชวิ๋นถาม
“วันนี้นายท่านฉู่ชวิ๋นช่วยชีวิตพวกเสี่ยวฉีเอาไว้ ชาวหมู่บ้านมังกรเงินอยากจะขอบคุณคุณ ค่ำวันนี้ทุกครัวเรือนออกมารวมตัวกัน คงจะมีคนเยอะไม่น้อยทีเดียว ได้โปรดนายท่านฉู่ชวิ๋นไม่ต้องตกใจ” ชายชราคนหนึ่งกล่าว
ฉู่ชวิ๋นหัวเราะในลำคอ พูดว่า “ไม่เป็นไร ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าหมู่บ้านนี้มีคนอยู่เยอะแค่ไหนกันเชียว”
บริเวณด้านหน้าหมู่บ้านเป็นพื้นที่โล่งซึ่งเต็มไปด้วยโต๊ะม้าหินจำนวนมาก ในขณะนี้มีการก่อกองไฟเอาไว้หลายกอง สำหรับส่องแสงสว่างยามราตรีกาล
ขณะนี้มีชายหนุ่มหญิงสาวและเด็กเล็กไม่ต่ำกว่าร้อยคนมารวมตัวกัน
“นายท่านฉู่ชวิ๋น หมู่บ้านของเราไม่ได้ดีเลิศเหมือนโลกภายนอก อาหารก็เป็นอะไรที่เรียบง่าย หวังว่านายท่านจะไม่ถือสา” หลงชิงฉวนกล่าว
ฉู่ชวิ๋นเห็นกับตาแล้ว บรรดากองไฟจำนวนมากที่อยู่รอบตัวในขณะนี้ มีคนล้อมวงอยู่กำลังย่างเนื้อสัตว์บางชนิด และเนื้อบางส่วนที่ย่างเสร็จแล้วก็ถูกนำมาวางไว้บนจานอาหารที่โต๊ะม้าหิน
“หลังจากต้องใช้ชีวิตต่อสู้อย่างหนักมาหลายปี ผมไม่เคยรู้สึกผ่อนคลายแบบนี้มาก่อนเลย” ฉู่ชวิ๋นระเบิดเสียงหัวเราะ “ผมชอบที่นี่ซะแล้วสิ”
นี่คือความจริง ฉู่ชวิ๋นไม่เคยได้หยุดพักตลอดหลายสิบปีนี้ ไม่ว่าไปที่ไหนก็มีเรื่องราวให้เขาต้องต่อสู้เสมอ ชายหนุ่มไม่มีเวลาแม้แต่จะกลับไปพบหน้าพ่อแม่ด้วยซ้ำ เนื่องจากการหยุดพักแค่เพียงไม่กี่วันของเขา มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ทันที
ภารกิจที่ยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง จักรพรรดิอ๋าวฮวงเคยบอกว่าเหนื่อยล้ากับชีวิตเช่นนั้น ตอนนี้ฉู่ชวิ๋นเข้าใจความรู้สึกนั้นเป็นอย่างดี
ฉู่ชวิ๋นผลิกฝ่ามือแล้วนำเนื้อขาวใสก้อนหนึ่งออกมาจากแหวนเก็บสมบัติ
“โอ้โห…เนื้อชิ้นนี้หน้าตาน่าอร่อยจังเลย” เสี่ยวฉีเอนตัวเข้ามาด้วยสีหน้าที่มีความสุข เด็กชายดีใจมากที่ได้เจอฉู่ชวิ๋นผู้ช่วยชีวิตมันเอาไว้อีกครั้ง
“นายท่านฉู่ชวิ๋น นี่คือเนื้ออะไรหรือครับ?” หลงชิงฉวนไม่เคยเห็นเนื้อสัตว์ที่มีลักษณะเนียนใสแบบนี้มาก่อน และยังรู้สึกได้ทันทีว่ามันอุดมไปด้วยสารอาหารล้ำค่า
“เนื้อนกยูง” ฉู่ชวิ๋นยิ้มตอบ นี่คือเนื้อของคงอี้หมิงผู้ถูกสังหารที่ปราสาทจตุรเทพ มันคือนกยูงยักษ์ที่มีความยาวลำตัวกว่า 20 เมตร ฉู่ชวิ๋นนำเนื้อของมันมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ และเก็บไว้ในแหวนเก็บสมบัติโดยหวังว่าจะนำกลับไปให้พ่อแม่ได้ลองรับประทาน
หลงชิงฉวนมีสีหน้าพิศวง เช่นเดียวกับชายชราเพื่อนร่วมกลุ่มของเขา เท่าที่จำความได้ มีการบันทึกเอาไว้ในโลกครั้งโบราณว่าเผ่าพันธุ์นกยูงเป็นหนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ยากที่จะมีผู้ใดโค่นล้มได้
“เร็วเข้า รีบมาเอาเนื้อไปย่างไฟสิ” หลงชิงฉวนตอบสนองโดยการรีบตะโกนสั่งงานบริวารทันที
“ไม่เป็นไร ให้ผมทำงานตอบแทนบ้างเถอะ” ฉู่ชวิ๋นยิ้มแย้ม และนำเนื้อนกยูงไปย่างในกองไฟด้วยตัวเอง
“พี่ชาย ให้ผมช่วยนะ” เสี่ยวฉีและกลุ่มเด็กชายยกขบวนเข้ามาช่วยฉู่ชวิ๋นย่างเนื้อนกยูง
ไม่นานหลังจากนั้น อาหารก็ถูกนำมาเสิร์ฟบนโต๊ะม้าหิน
หลงชิงฉวนสั่งให้ชาวบ้านนำสุราประจำหมู่บ้านมังกรเงินมาด้วย ซึ่งเมื่อได้ลองชิมแล้วก็จะพบว่ามันมีรสชาติหวานและลื่นคอยิ่งกว่าสุราของโลกภายนอกหลายเท่า
สายลมโชยพัดแผ่วเบา กองไฟลุกโชนสว่างไสว เนื้อย่างส่งกลิ่นหอมฉุย สุราเลิศรส ชายฉกรรจ์หลายคนเดินเข้ามาจะรินเครื่องดื่มให้ฉู่ชวิ๋น แต่ชายหนุ่มก็ปฏิเสธ
พวกของเสี่ยวฉีล้อมหน้าล้อมหลังสอบถามฉู่ชวิ๋นเกี่ยวกับโลกภายนอกอยู่ตลอดเวลา เด็กชนจำนวนไม่น้อยอาศัยจังหวะที่พวกผู้ใหญ่ไม่ทันระวัง ขโมยสุรามาดื่มกิน สุดท้าย ใบหน้าของพวกมันก็แดงก่ำและเริ่มพูดจาไม่รู้เรื่องขึ้นมาแล้ว
แม้แต่บรรดาสัตว์ร้ายที่อยู่ในป่าก็ยังเดินออกมาขออาหารที่ข้างกองไฟ
ค่ำคืนนี้ ฉู่ชวิ๋นเมามายแล้ว