จักรพรรดิเซียนหวนคืน - บทที่ 401 สอยร่วง
บทที่ 401 สอยร่วง
กลุ่มของมนุษย์นกยูงมีสีหน้าภาคภูมิใจในตัวเองเป็นอย่างยิ่ง
“ปล่อยฉันนะ” หญิงสาวพยายามดิ้นรนขัดขืน
แต่แล้วชายหนุ่มที่จับตัวเธออยู่กลับยกมือข้างหนึ่งขึ้นบีบปากเธอ แล้วตัวมันก็พูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันว่า “ไม่ปล่อยจะทำไม? โชคดีแค่ไหนแล้วที่มนุษย์สกปรกอย่างแกเตะตานายน้อยของฉัน นี่ถือเป็นวาสนาของแกเลยนะ”
ขณะนี้ ผู้คนจากด้านในบาร์เหล้ามายืนออกันอยู่ที่หน้าประตู ทุกคนได้ยินสิ่งที่พวกมนุษย์นกยูงพูดจึงรู้สึกโกรธแค้นขึ้นมาทันที แต่ก็ไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้าช่วยเหลือ
สำนักนกยูงปีศาจ ไม่มีใครอยากตอแยด้วยและด้วยเหตุนี้เอง จึงไม่มีผู้ใดเข้ามาช่วยเหลือหญิงสาวคนนี้เลย
“เก่งจริงอย่ารังแกผู้หญิงสิ!” ชายวัยกลางคนตะโกนสวนกลับไปด้วยความเดือดดาล
นายน้อยของกลุ่มนกยูงปีศาจหันหน้ากลับมาจ้องมองด้วยความเหยียดหยามและกล่าวว่า “จะบอกความจริงให้เลยนะ แกมันเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำที่ไม่คู่ควรให้ฉันลงมือด้วยซ้ำ”
“ไอ้พวกนกยูงผี อย่าได้ใจให้มากเกินไปนัก จอมมารฉู่ชวิ๋นบอกแล้วว่าโลกนี้เป็นของมนุษย์ พวกแกเป็นแค่คนนอก รู้จักเจียมตัวกันเสียบ้าง” ชายวัยกลางคนคำรามออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด
“จอมมารฉู่ชวิ๋น?” สีหน้าของนายน้อยนกยูงปีศาจแสดงความไม่พอใจออกมาทันที “ไม่ต้องเอาชื่อของมันมาขู่ฉัน ไม่งั้นแกจะตายเร็วยิ่งกว่าเดิม ไม่ว่าไอ้จอมมารฉู่ชวิ๋นมันจะเป็นใคร แต่ถ้ามันมาอยู่ตรงนี้ มันจะต้องเสียใจแน่ที่มาดูถูกเผ่าพันธุ์นกยูงปีศาจ”
“เผ่าพันธุ์นกยูงผีของพวกแกเก่งกาจมาจากไหน? เหมือนพวกมนุษย์ปักษาหรือเปล่า? ทั้ง ๆ ที่มนุษย์ปักษาได้รับการยกย่องให้เป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในยุทธภพ แต่ก็ยังถูกจอมมารฉู่ชวิ๋นฆ่าตายเหมือนเป็ดไก่ตัวหนึ่ง” ชายวัยกลางคนไม่ใช่ผู้ที่มีฝีมือสูงส่ง แต่ก็นับได้ว่าเป็นคนจิตใจกล้าหาญอย่างน้อยก็มีความกล้ามากกว่าพวกที่ยืนดูอยู่เฉย ๆ ในบาร์เหล้า
นายน้อยหัวหน้ากลุ่มนกยูงปีศาจมีสีหน้าเย็นชาขึ้นมาแล้ว รังสีสังหารแผ่ออกมาในขณะที่มันพูดพร้อมกับยิ้มว่า “ฉันอยากจะฆ่าผู้หญิงคนนี้ขึ้นมาเสียแล้วสิ ให้แกได้รู้ว่าชีวิตมันไร้ค่าแค่ไหน?”
“เหอะไม่มีอะไรไร้ค่า อย่าได้ดูถูกเธอถึงจะเป็นมนุษย์ธรรมดา แต่ร่างกายของเธอก็เต็มไปด้วยเลือดและจิตวิญญาณของมนุษย์ ไม่เหมือนพวกเผ่าพันธุ์สัตว์ประหลาดวิปริตอย่างพวกแก” ชายวัยกลางคนคำรามออกไปด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
“ฆ่ามันซะ!” นายน้อยหัวหน้ากลุ่มนกยูงปีศาจออกคำสั่งต่อบริวาร
“รับทราบครับ นายน้อย” ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่อยู่ด้านหลังขยับออกมาข้างหน้าพร้อมกับยิงฟันยิ้มกว้าง “อย่าดูถูกมนุษย์ผู้หญิงธรรมดางั้นเหรอ? แล้วมันจะทำไม? นายน้อยของฉันฆ่ามนุษย์มาเป็นหมื่นเป็นแสนคนแล้ว มีใครกล้าเข้ามาขัดขวาง? ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่าถ้าพวกแกมีปัญหากับเผ่าพันธุ์นกยูงปีศาจ พวกแกก็จะต้องตายสถานเดียว”
ชายหนุ่มผู้นี้มีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 7 มันจึงดูถูกชายวัยกลางคนที่มีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 6 อยู่หลายส่วน ความจริงแล้ว ถึงชายหนุ่มจะมีหน้าตาหล่อเหลาเยาว์วัย แต่มันก็มีอายุจริง ๆ เกือบ 200 ปีเข้าไปแล้ว
“แกเตรียมตัวตายเอาไว้หรือยัง?” ชายหนุ่มจากสำนักนกยูงปีศาจมีแววตาอำมหิต แต่คำพูดที่กล่าวออกมาต่อจากนั้นอำมหิตยิ่งกว่าแววตาหลายเท่า “อันที่จริงแกเลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะตายแบบไหน เพราะฉันตัดสินใจแล้วว่าจะฉีกปากแกก่อนเป็นอันดับแรก”
ฉู่ชวิ๋นมองดูด้วยความสนใจ ชายหนุ่มจากสำนักนกยูงปีศาจผู้นั้นลอยตัวขึ้นกลางอากาศ มันไม่ได้โกรธแค้นอะไร แต่มันกำลังมีความสุขที่จะได้ลงมือ
วูบ!
ชายหนุ่มจากสำนักนกยูงปีศาจระเบิดแสงหลากสีสันออกมาจากร่างกาย
ดวงตาของชายวัยกลางคนจ้องมองฝ่ายตรงข้ามเขม็งไม่ถอยแม้แต่นิดเดียว แม้เขาจะรู้ดีว่านี่ไม่ต่างจากการเอาไข่กระแทกหิน จุดจบคงต้องเป็นความตายของตนเองแน่นอน แต่เขาก็ไม่สั่นสะท้านเลยแม้แต่น้อย
“หลงอี้” ฉู่ชวิ๋นพูดเสียงเบา
“ครับ” หลงอี้เข้าใจความหมายของผู้เป็นเจ้านาย
คันธนูและลูกศรเหล็กปรากฏขึ้นในมือของมัน จากนั้นลูกศรเหล็กก็ถูกยิงออกไป
ฟ้าว!
ลูกศรสีขาวแหวกอากาศออกไปเป็นเหมือนลำแสงสีขาวสายหนึ่ง เสียบใส่ร่างกายของนกยูงปีศาจที่ส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
ฟู่!
เลือดสาดกระจาย นกยูงปีศาจตัวนั้นได้แต่ส่งเสียงกรีดร้อง ลูกศรสีขาวก็แทงทะลุหัวใจลากตามแนวนอนหลังจากตายกลางอากาศร่างกายก็เปลี่ยนเป็นนกยูงขนาดใหญ่สูงกว่า 10 เมตร
โครม!
ร่างของนกยูงยักษ์ร่วงลงมากระแทกพื้นถนน ทำให้อาคารบ้านเรือนที่อยู่โดยรอบถึงกับสั่นสะเทือน
บรรยากาศตกอยู่ภายใต้ความเงียบ ทุกคนยืนนิ่งราวกับเป็นรูปปั้นแกะสลัก
ชายวัยกลางคนหันมามองทางหลงอี้ด้วยความตกตะลึง
ผู้คนที่อยู่ในบาร์เหล้าล้วนงงเป็นไก่ตาแตก ได้แต่จ้องมองมาที่หลงอี้เป็นตาเดียว
สีหน้าของหลงอี้ยังคงไม่แปรเปลี่ยน เขาลดคันธนูลงอย่างเป็นธรรมชาติ
เมื่อทุกคนกลับมาได้สติอีกครั้ง ก็รู้สึกเย็นเยือกไปทั่วร่างกายขึ้นมาแล้ว
คนของเผ่าพันธุ์นกยูงปีศาจถูกสอยร่วงลงมาด้วยธนูแค่ดอกเดียว แทบไม่ต่างจากการยิงนกตัวหนึ่งเลยด้วยซ้ำ
ฮึ่ม!
นายน้อยหัวหน้ากลุ่มนกยูงปีศาจมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาแล้ว แววตาบริวารของมันทุกคนเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
“แกรู้ไหมว่าทำอะไรลงไป?” มันจ้องมองหลงอี้ด้วยแววตาอำมหิต
หลงอี้ไม่พูดไม่จา ฉู่ชวิ๋นสั่งให้เขายิงนกยูงปีศาจเท่านั้นไม่ได้สั่งให้คอยตอบคำถามของอีกฝ่าย
“ดูเหมือนว่าพวกแกจะไม่ได้เรียนรู้บทเรียนของพวกมนุษย์ปักษาเลยนะ” ฉู่ชวิ๋นพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ตอนนั้นเองทุกคนจึงได้พบว่าหลงอี้ไม่ได้เป็นหัวหน้าของกลุ่มคน สายตาของพวกมันหันมาจับจองที่ฉู่ชวิ๋น
บางคนมีสีหน้าเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ จากนั้นพวกเขาก็เริ่มตกตะลึงทีละคน ทีละคน
“จอมมารฉู่ชวิ๋น” ใครคนหนึ่งอุทานออกมาด้วยความตะลึงงัน ส่งเสียงตะโกนโดยไม่รู้ตัว
บางส่วนที่ลังเลว่าชายหนุ่มคนนี้อาจจะเป็นฉู่ชวิ๋นก็ถึงกับตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวขึ้นมาทันที
จะมีใครไม่รู้จักจอมมารบ้าง? ต่อให้ไม่รู้จัก แต่ในชีวิตนี้จะไม่เคยได้ยินนามของจอมมารฉู่ชวิ๋นผ่านหูมาบ้างเลยหรือ?
ทว่าผู้ที่มีสีหน้าตกตะลึงยิ่งกว่าบรรดาจอมยุทธ์ทุกคน ก็คือบรรดาคนจากเผ่าพันธุ์นกยูงปีศาจ สีหน้าของพวกมันเปลี่ยนแปลงไป เรียกได้ว่าไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเอง
ความโกรธแค้นหายลับไปจากใบหน้าของผู้เป็นนายน้อย และถูกแทนที่ด้วยความหวาดกลัว
ส่วนสีหน้าบริวารของมันก็เปลี่ยนไปกลายเป็นความตกตะลึง
“เว้นมันผู้นี้เอาไว้” ฉู่ชวิ๋นชี้มือไปยังนายน้อยของกลุ่มนกยูงปีศาจ ก่อนที่จะชำเลืองมองบริวารของฝ่ายตรงข้าม แล้วกล่าวว่า “ส่วนที่เหลือฆ่าให้หมด”
นายน้อยของกลุ่มนกยูงปีศาจที่เคยฆ่าคนด้วยความสนุกสนานมาตลอด ในขณะนี้กลับหวาดกลัวจนไม่หลงเหลือความกล้าหาญอีกต่อไป พวกมันทั้งหมดต่างก็ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดผวา
หลงอี้กระโดดออกไปทันที
“จอมมารฉู่ชวิ๋น กล้าดียังไง” นายน้อยของพวกนกยูงปีศาจร้องคำรามในขณะที่บริวารของมันถูกพลังลมปราณของหลงอี้ฆ่าตายไปทีละคน
ตัวมันเองมีพลังเพียงขั้นจักรพรรดิระดับ 8 ไม่อาจต่อกรกับหลงอี้ได้เลย
เช่นเดียวกับมนุษย์นกยูงปีศาจคนที่เหลือ พวกมันมีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 7 เท่านั้น พวกมันถูกหลงอี้ซัดลมปราณเข้าใส่จนลอยกระเด็นขึ้นท้องฟ้าไปทีละคนสองคน
ฟ้าว…!
นักรบมังกรเงินที่เหลืออีก 9 คน น้าวสายธนูประทับลูกศร แล้วลูกธนูก็ถูกยิงออกไปด้วยความรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ
ฟู่…!
บนท้องฟ้าเต็มไปด้วยม่านฝนเลือด มนุษย์นกยูงจำนวนนับไม่ถ้วนถูกหลงอี้ซัดพลังลมปราณใส่ลอยกระเด็นขึ้นไปกลางอากาศ ก่อนที่จะถูกกลุ่มนักรบมังกรเงินยิงลูกธนูใส่เหมือนกับเป็นเป้าบิน เมื่อพวกมันตาย ร่างกายก็ร่วงลงมากระแทกพื้นกองทับถมกันอยู่บนถนน ปิดบังการสัญจรไปมา
แว๊ก!
เสียงนกเพลิงกรีดร้องดังเสียดแทงรูหู ปีกที่เต็มไปด้วยเปลวไฟของมันกางออกกว้างมากกว่า 30 เมตร
ตู้ม!
คลื่นความร้อนแผ่เข้ามาอย่างรุนแรง ซากศพของพวกมนุษย์นกยูงที่ตายแล้ว ถูกเผาไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านจากนกเพลิงบนท้องฟ้า
ในขณะนี้ ผู้เป็นนายน้อยของพวกมันลอยตัวขึ้นกลางอากาศ เปลี่ยนร่างจากมนุษย์กลายเป็นนกยูงยักษ์ มันกางปีกกว้าง หมายจะบินหนีไป
ฉู่ชวิ๋นดีดตัวขึ้นจากพื้นดิน ตัวคนลอยตรงขึ้นไปในอากาศ กระโดดขึ้นไปขี่บนแผ่นหลังของนกยูงปีศาจ เท้าของเขากระแทกลงไปเต็มแรง นายน้อยนกยูงที่อยากจะหลบหนีส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ร่างของมันร่วงหล่นลงมาจากกลางอากาศ กระแทกพื้นดินจนแผ่นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
“จอมมารฉู่ชวิ๋น ไว้ชีวิตฉันด้วย…ได้โปรดไว้ชีวิต…” นายน้อยนกยูงร้องขอความเมตตา พยายามตะเกียกตะกายหลบหนีด้วยความหวาดกลัวและหมดหวัง
ฉู่ชวิ๋นส่งสัญญาณให้หลงอี้และคนอื่น ๆ ขึ้นหลังนกยูง
“ไม่ใช่ว่าฉันไม่กล้าฆ่าแกหรอกนะ แต่เพราะฉันขาดเครื่องมือในการขนส่งต่างหาก”
“ถ้าอย่างนั้นผมจะเป็นพาหนะให้นายท่านเอง ผมจะเป็นให้เอง…” นายน้อยนกยูงปีศาจที่มีร่างกายยาวกว่า 20 เมตรพูดด้วยเสียงแหลมสูง
สถานการณ์ในตอนนี้น่ากลัวมากเกินไป ถ้าเผชิญหน้ากับเผ่าพันธุ์อื่น สำนักนกยูงปีศาจมีแต่เป็นฝ่ายกดขี่ข่มเหงผู้อื่นเท่านั้น
แต่ขณะนี้มันกำลังเผชิญหน้ากับจอมมารฉู่ชวิ๋น สิ่งเดียวที่ทำได้คือต้องยอมรับชะตากรรม ปีศาจร้ายผู้นี้เป็นจอมโหดจิตใจอำมหิต ฆ่าคนได้ตาไม่กระพริบ ไม่เห็นเผ่าพันธุ์ใดอยู่ในสายตา หากอยากรอดชีวิตก็จำเป็นต้องยอมจำนน ห้ามพูดอะไรที่ไม่ควรพูดเด็ดขาด
จนกระทั่งพวกของฉู่ชวิ๋นลากนกยูงปีศาจตัวนั้นไปแล้ว ทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นจึงสามารถถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกได้เต็มที่
ไม่ต้องกล่าวถึงเลยว่าฉู่ชวิ๋นมีพลังแข็งแกร่งมากแค่ไหน เพียงแค่เอ่ยชื่อของจอมมารฉู่ชวิ๋นออกมาเท่านั้น ทุกคนก็รู้สึกคล้ายกับถูกภูเขากดทับทำให้หายใจไม่ค่อยสะดวกแล้ว
“ขอบคุณมากครับ นายท่านฉู่ชวิ๋น!” ชายวัยกลางคนยกมือป้องปากตะโกนไปยังทิศทางที่พวกของฉู่ชวิ๋นเดินหายไป
“ด้วยความยินดี ท่านผู้กล้าหาญ” เสียงของฉู่ชวิ๋นดังมาจากที่ห่างไกล
ใบหน้าของชายวัยกลางคนแดงระเรื่อด้วยความตื่นเต้น มือไม้สั่นเทา
ฉู่ชวิ๋นถึงกับเรียกขานตนเองว่าเป็นผู้กล้า นับเป็นเกียรติในชีวิตอย่างยิ่ง
คนอื่น ๆ พร้อมใจกันมองไปที่ชายวัยกลางคนด้วยความอิจฉา จะมีใครบ้างที่ได้รับเกียรติถูกฉู่ชวิ๋นเรียกขานว่าเป็นผู้กล้าหาญ เกรงว่าโลกใบนี้คงมีผู้มีวาสนาแค่เพียงไม่กี่คนเท่านั้นเอง
……
……
นกยูงปีศาจตัวใหญ่ยักษ์โบยบินด้วยความรวดเร็ว มันกระพือปีกพาทุกคนมุ่งหน้าลงไปยังทิศใต้
ฉู่ชวิ๋นจัดการสร้างม่านพลังป้องกันคลื่นลมและคลื่นเสียงครอบคลุมพวกของตนเองเอาไว้
หลงอี้มองหน้าฉู่ชวิ๋นด้วยความลังเลอยู่หลายครั้ง คล้ายกับว่าอยากจะพูดอะไรบางอย่าง
“มีอะไรจะพูดก็ว่ามาเถอะ” ฉู่ชวิ๋นอดหันไปมองหน้ามันไม่ได้
“ทุกคนดูจะหวาดกลัวนายท่านมากเลยนะครับ” หลงอี้พูดหลังจากนิ่งคิดไปอึดใจใหญ่
“ก็เพราะว่าฉันคือจอมมารฉู่ชวิ๋นไงล่ะ” ฉู่ชวิ๋นหัวเราะในลำคอ พูดต่อว่า “จอมมารฉู่ชวิ๋น ผู้โหดเหี้ยม ฮ่าฮ่าฮ่า”
“เป็นชื่อที่น่ากลัวจังเลยนะครับ” หลงอี้พูด
ฉู่ชวิ๋นตอบว่า “มันไม่ได้เป็นชื่อที่น่ากลัวอะไรหรอก แต่มันเป็นชื่อที่ได้มาจากการฆ่าคนก็เท่านั้นเอง”
“นายท่านฆ่าคนมามากมายแล้วใช่ไหมครับ?” หลงอี้ไต่ถาม
ฉู่ชวิ๋นพยักหน้า ตอนอยู่ในหมู่บ้านมังกรเงิน พวกเสี่ยวฉีก็ถามคำถามนี้เช่นกัน
“แต่ว่า…การฆ่าคนมากมายมันเป็นเรื่องดีเหรอครับ?” หลงอี้ถามด้วยความสับสน
ฉู่ชวิ๋นหัวเราะในลำคอ “นายกลัวการฆ่าคนหรือไง?”
“ไม่ใช่นะครับ!” หลงอี้มองหน้าฉู่ชวิ๋นและกล่าวต่อทันที “ในภายภาคหน้า ผู้น้อยเพียงแค่หวังว่านายท่านจะอนุญาตให้ผู้น้อยฆ่าใครก็ได้ที่ต้องการ”
ฉู่ชวิ๋นยิ้มกว้างแล้วพยักหน้า “เอาไว้นายปรับตัวได้เรียบร้อยเมื่อไหร่ นายจะได้ฆ่าจนพอใจเลยละ”
นกยูงปีศาจมีความเร็วที่ยอดเยี่ยมมาก ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเสียเวลาอยู่ในเมืองผิงซุนไปไม่ใช่น้อย แต่สุดท้ายก็มาถึงเมืองชิงเฉิงได้ก่อนรุ่งสาง
ตอนที่นกยูงปีศาจร่อนลงจอดในเมืองชิงเฉิง น้ำลายก็ฟูมปากมันแล้ว แต่ถึงแม้มันจะเหน็ดเหนื่อยแค่ไหน มันก็ต้องฝืนใจทำงานหนักต่อไป ด้วยรู้ดีว่านี่อาจจะทำให้มันรอดชีวิตก็เป็นได้
หลังจากพบเจอผู้คนที่พอบอกทางได้แล้ว ฉู่ชวิ๋นก็สามารถกำหนดตำแหน่งของภูเขาแห่งความเงียบได้อย่างคร่าว ๆ แล้วพวกเขาก็ปีนขึ้นไปบนแผ่นหลังของนกยูงยักษ์อีกครั้ง
เส้นขอบฟ้าเริ่มมีลำแสงเรืองรองขึ้นมาแล้ว อีกไม่นานก็จะเช้าแล้ว
เมื่อมองลงไปจากบนท้องฟ้า ก็จะสามารถมองเห็นภูเขาแห่งความเงียบได้ทั้งหมด ตัวภูเขาทอดยาวคดเคี้ยวไปตามผืนป่าคล้ายกับเป็นงูใหญ่ขนาดยักษ์ก็ไม่ปาน
ภูเขาแห่งความเงียบมีความยาวจากเหนือจรดใต้ ด้านหนึ่งเป็นภูเขาและป่าทึบ ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นป่าลึกที่เหมือนไม่มีจุดสิ้นสุด
ในป่าทึบเต็มไปด้วยเสียงนกร้อง แต่ในฝั่งของป่าลึกมีแต่ความเงียบสงบ ไม่มีเสียงสิ่งมีชีวิตใดเคลื่อนไหวเลย ซึ่งถือเป็นเรื่องที่แปลกมาก
ประตูวิญญาณสลายตั้งอยู่บนยอดเขาแห่งความเงียบ
“บินสูงขึ้นไปอีกหน่อยได้ไหม?” ฉู่ชวิ๋นถาม
นกยูงปีศาจบินตัดข้ามส่วนที่เป็นป่าลึกสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า แล้วในวินาทีนั้นเอง ปีกของมันก็เริ่มบินอย่างผิดปกติ
บริเวณป่าลึกด้านล่าง บังเกิดแรงดูดอย่างมหาศาลเหมือนกับมีปากของสัตว์ร้ายขนาดใหญ่กำลังอ้าออกหมายจะดูดกินพวกเขาลงไป
นายน้อยนกยูงปีศาจเกือบจะถูกดูดลงไปแล้ว แต่โชคดีที่ฉู่ชวิ๋นยิงพลังลมปราณลงไปได้ทันเวลา นกยูงปีศาจจึงสามารถตั้งหลักได้อีกครั้ง
“บินไปอีกทางดีกว่า” ฉู่ชวิ๋นบอก
นกยูงปีศาจไม่กล้าแสดงความคิดเห็น มันบรรทุกพวกของฉู่ชวิ๋นบินตรงไปยังอีกฝั่งหนึ่งของภูเขาแห่งความเงียบ แล้วสิ่งที่มันต้องพบเจอก็คือต้นไม้โบราณจำนวนมากยืนต้นเสียดแทงยอดอยู่ในกลุ่มก้อนเมฆอย่างหนาแน่น ตัวมันมีขนาดใหญ่มากเกินไป ไม่สามารถบินฝ่าเข้าไปได้