จักรพรรดิเซียนหวนคืน - บทที่ 410 คิดอะไรไม่เข้าท่า
บทที่ 410 คิดอะไรไม่เข้าท่า
ฉู่ชวิ๋นลงมือด้วยความรุนแรง ทำลายล้างทุกอย่างที่ขวางหน้า มีความโหดเหี้ยมยิ่งกว่าพวกเผ่าพันธุ์สัตว์ประหลาดเสียอีก
ผู้อาวุโสทั้งห้าคนจากสำนักวัชระถูกฉู่ชวิ๋นฆ่าตายในพริบตาเดียว หลงเหลือหนึ่งคนก็อยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัส
มีข่าวลือมาตลอดว่าจอมมารฉู่ชวิ๋นเป็นผู้ที่ฆ่าคนได้ตาไม่กระพริบ สังหารคนอย่างไร้อารมณ์ สังหารเพราะไม่ถูกใจ สังหารเพราะไม่ชอบขี้หน้า พวกมันไม่เคยเห็นกับตามาก่อนจึงเชื่อมาเสมอว่าคงเป็นเพียงแค่ข่าวลือเท่านั้น
แต่บัดนี้เมื่อได้เห็นด้วยตาของตัวเอง ทุกผู้คนในบริเวณนั้นก็ถึงกับต้องจ้องมองด้วยความตกตะลึงและสยดสยอง
นับตั้งแต่ที่สำนักวัชระก่อตั้งขึ้นมา พวกมันยังไม่เคยพ่ายแพ้ให้แก่ผู้ใด ซ้ำยังได้รับการยกย่องให้เป็นผู้ที่มีร่างกายแข็งแก่รงที่สุด พวกมันเหยียดหยามมนุษย์มาเสมอและยกตนเองเป็นผู้ที่มีร่างกายทรงพลังที่สุดในห่วงโซ่อาหาร
แต่เมื่อพวกมันได้มาเผชิญหน้ากับจอมมารฉู่ชวิ๋น ก็ถือเป็นโศกนาฏกรรมพวกมันไม่มีเวลาได้พูดอะไร ถ้าไม่ถูกฆ่าตายก็ตกอยู่ในสภาพพิกลพิการ
“จอมมารฉู่ชวิ๋น เจ้าบัดซบ” จินจ้งใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโกรธแค้น
ในขณะนี้ ไม่มีใครจะโกรธแค้นจนขาดสติเท่ากับจินจ้งอีกแล้ว เนื่องจากช่วงเวลานี้ ตัวมันเองควรปิดปากเงียบให้มากที่สุด เพราะยิ่งพูดอะไรออกไป ยิ่งเป็นการนำความตายมาสู่ตัวเร็วมากขึ้นเท่านั้น
เวลาที่มันเผชิญหน้ากับเผ่าพันธุ์อื่น ทุกคนจะต้องหวาดกลัวชื่อเสียงอันแข็งแกร่งของสำนักวัชระ แต่เมื่อมันเผชิญหน้ากับจอมมารฉู่ชวิ๋น จินจ้งมีแต่ต้องยอมรับความตายเท่านั้น
วูบ!
ฉู่ชวิ๋นกระโดดหนึ่งครั้ง ก็สามารถลอยไปได้ไกลหลายร้อยเมตร
กร๊อบ!
จินจ้งกรีดร้องเสียงแหลม กระดูกหน้าอกของมันยุบลงไปเพราะถูกฉู่ชวิ๋นกระทืบเต็มแรง กระดูกเสียดแทงทะลุผิวหนังขึ้นมา โลหิตไหลทะลักไม่หยุด
“ฉู่ชวิ๋น เอาเลยสิ รีบฆ่าฉันเลยดีกว่า สำนักวัชระของฉันเป็นผู้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร แกกับครอบครัวของแกไม่รอดแน่” จินจ้งร้องคำรามพร้อมกับกระอักเลือดออกมาจากปาก
“เจ้าโง่เอ๋ย ยังมีหน้ากล้าไปข่มขู่จอมมารแบบนั้นอีก ช่างเป็นสัตว์ร้ายที่ไร้สมองเสียจริง ถึงแม้จะมีรูปร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์ทุกประการ แต่ก็ปิดบังความโง่เขลาของสมองสัตว์เอาไว้ไม่ได้จริง ๆ” ทุกคนในเหตุการณ์ต่างพากันคิดเช่นนั้น
เปรี้ยง!
ใต้เท้าของฉู่ชวิ๋นระเบิดลำแสงเป็นประกาย พื้นดินส่งเสียงคำรามครืนครัน ก่อนที่จะเกิดรอยแตกร้าวในบริเวณกว้าง
ทุกคนตกตะลึงไปแล้ว ร่างกายเย็นเยียบไปหมด จินจ้งถูกฉู่ชวิ๋นกระทืบหน้าอกสองครั้งซ้อน ตกตายไปอย่างน่าอนาถสิ้นดี
ทุกสายตาจ้องมองฉู่ชวิ๋นด้วยความพรั่นพรึง เขาฆ่าคนได้อย่างไร้ความเมตตาปราณี ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย ถ้าเขาต้องการฆ่าใคร มันผู้นั้นก็ต้องตายสถานเดียว
“ฆ่าให้หมดอย่าให้เหลือ!” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ทุกคนตัวสั่นเทิ้ม ท้องไส้ปั่นป่วน หัวใจเต้นผิดจังหวะ ฉู่ชวิ๋นออกคำสั่งที่แสนร้ายกาจมาแล้ว
ฟ้าว…!
แสงสีขาวพุ่งเข้าใส่แขนคน และนั่นก็คือลูกธนูจากนักรบมังกรเงินนั่นเอง ลูกธนูถูกยิงใส่ร่างกายของคนตระกูลจังอย่างไร้ความเมตตาปราณี
“ไม่นะ…”
เสียงกรีดร้องด้วยความตื่นกลัวดังระงม คนของตระกูลจังตกตายไปทีละคน ทีละคน
“พวกเราถอนกำลัง”
ผู้อาวุโสตระกูลจังตกตะลึงจนมือเย็นเท้าเย็น ร้องตะโกนออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
บรรดาคนของตระกูลจังเป็นเหมือนสุนัขกลุ่มหนึ่ง ตอนขามาพวกมันฮึกเหิมก้าวร้าว แต่ยามนี้กลับวิ่งหนีหางจุกตูดไปคนละทิศละทางแล้ว
แต่ไม่ว่าพวกมันจะวิ่งเร็วขนาดไหน ก็ไม่อาจรอดพ้นไปจากลูกธนู
เลือดสาดกระจาย คนล้มลงบนพื้นดิน
“นายน้อยครับหนีไปก่อน ผมจะหยุดพวกมันเอาไว้เอง”
ผู้อาวุโสตระกูลจังที่มีสภาพเลือดท่วมตัว ตีลังกาหลบลูกธนูและโถมตัวเข้าไปหาหลงอี้
ฟ้าว!
หลงอี้น้าวคันธนู ลำแสงสีขาวสว่างไสว ก่อนจะพุ่งตรงเข้าใส่ร่างของผู้อาวุโสตระกูลจัง
เปรี้ยง!
เลือดสาดกระจายไปทุกหนทุกแห่ง วิญญาณของทุกผู้คนหลุดลอยออกจากร่าง แม้แต่ผู้ที่มีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 8 ก็ถูกลูกธนูเหล็กไหลของหลงอี้เสียบทะลุร่างระเบิดกระจาย
นี่มันพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 9
ทุกคนรู้สึกเย็นวาบในหัวใจ เช่นเดียวกับมือและเท้า หนึ่งในผู้ติดตามของจอมมารฉู่ชวิ๋นมีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 9 แล้วแบบนี้ใครจะไปสู้ด้วยได้?
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ที่มีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 9 ยังต้องเป็นลูกน้องเขา แล้วตัวจอมมารฉู่ชวิ๋นเล่าจะมีพลังสูงส่งระดับไหนกัน? เพียงแค่คิดก็รู้สึกขนลุกแล้ว
ลูกศรสีขาวเป็นเหมือนสัญญาณแห่งความตาย เมื่อลูกศรถูกยิงออกมา ก็จะต้องมีคนตาย
คนของตระกูลจังร้องครวญครางด้วยความสยดสยอง พวกมันล้มตายไปทีละคนสองคน ไม่สามารถหยุดยั้งลูกธนูที่ยิงเข้ามาได้เลย อย่าว่าแต่มีดดาบในมือของพวกมันจะแตกกระจาย แม้แต่ตัวคนเมื่อถูกลูกธนูปักเข้าใส่ ก็มีอันระเบิดกระจุยกระจายไปกับตา
“นายน้อย ระวัง!”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งรับหน้าที่คุ้มกันจังเฟิงหลิงหลบหนี มันเห็นลำแสงสีขาวพุ่งวาบเข้ามา จึงผลักจังเฟิงหลิงกระเด็นไปทางหนึ่ง ตัวมันเองยอมตกเป็นเป้าของลูกธนู ร่างกายแหลกสลายกลายเป็นม่านหมอกเลือดในวินาทีต่อมา
“ฉันจะสู้กับพวกแกเอง”
ผู้อาวุโสจากตระกูลจังอีกกลุ่มหนึ่งพร้อมใจกันเข้าไปรุมหลงอี้กับหลงเอ้อร์ แต่ก็ถูกสองนักรบหนุ่มปลิดชีพอย่างรวดเร็ว
หลงเอ้อร์ดูจะลงมือด้วยความรุนแรงมากยิ่งกว่าหลงอี้ ลูกธนูที่มันยิงออกมา แทงทะลุร่างคนของตระกูลจังถึงสามคนซ้อน พรากชีวิตของพวกมันไปในพริบตาเดียว
หลังจากนั้น เสียงร้องโหยหวนก็ค่อย ๆ เงียบลง
บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบ ได้ยินเพียงเสียงเลือดหยดกระทบพื้นดิน ทุกหนทุกแห่งเต็มไปด้วยศพคนตาย
ในเวลาเพียงแค่ไม่กี่นาที คนของตระกูลจังก็ตกตายหมดสิ้น หลงเหลืออยู่แต่เพียงจังเฟิงหลิงผู้เดียวเท่านั้น
“เสร็จฉันละ” หลงเอ้อร์น้าวธนู
“ช้าก่อน” ฉู่ชวิ๋นออกคำสั่ง
จังเฟิงหลิงหวาดกลัวสุดขีดจนใบหน้าไร้สีเลือด ร่างกายของมันสั่นสะท้าน ดวงตาเหม่อลอย คลับคล้ายกับคนเสียสติ
ลูกน้องของมันกว่า 150 คนถูกจอมมารฉู่ชวิ๋นฆ่าตายหมดในพริบตาเดียว มีใครบ้างที่จะไม่หวาดกลัว?
“ไสหัวไปซะ!” ฉู่ชวิ๋นถลึงตามองจังเฟิงหลิง พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
จังเฟิงหลิงมองหน้าฉู่ชวิ๋นไม่อยากจะเชื่อและสงสัยว่าตัวเองได้ยินผิดหรือไม่ จอมมารฉู่ชวิ๋นเนี่ยนะจะปล่อยมันไป?
ฉู่ชวิ๋นไม่สนใจมันอีกแล้ว
จังเฟิงหลิงลองขยับเท้าเป็นการหยั่งเชิง เมื่อเห็นว่าฉู่ชวิ๋นไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ มันก็หันหลังกลับวิ่งหนีสุดชีวิตถึงแม้สะดุดก้อนหินล้มลงตามทาง แต่คุณชายจังก็รีบลุกขึ้นวิ่งหนีต่อไปทันที
จนกระทั่งเงาร่างของจังเฟิงหลิงหายลับไปจากสายตาเรียบร้อยแล้ว ฉู่ชวิ๋นจึงได้หันมาถามกับเหยาไป๋เยวี่ยว่า “เธอคงไม่โทษฉันใช่ไหมที่ไม่ให้เธอลงมือเอง?”
เหยาไป๋เยวี่ยส่ายศีรษะ “ถ้าไม่มีความช่วยเหลือจากท่านพี่ฉู่ หอกระจกนิรันดร์ก็คงถูกทำลายล้างไปแล้ว ฉันจะกล้าโทษพี่ฉู่ได้ยังไง แต่ฉันเพียงแค่สงสัยเล็กน้อย ทำไมท่านพี่ถึงต้องปล่อยมันไปด้วย?”
“ฉันคิดว่าปล่อยเอาไว้ให้หยานหวูซวงเป็นคนมาฆ่ามันเองคงจะดีกว่า” ฉู่ชวิ๋นมองหน้าเหยาไป๋เยวี่ย ดวงตาเป็นประกายล้อเลียน
เหยาไป๋เยวี่ยหน้าแดงระเรื่อ รู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที ถึงแม้ว่าหลายคนจะรู้ดีว่าเธอกับหยานหวูซวงมีใจให้กัน แต่ก็ไม่เคยมีใครพูดล้อเลียนใส่หน้าแบบนี้มาก่อน ยกเว้นเพียงแค่ฉู่ชวิ๋นคนเดียวเท่านั้น
จังหวะนั้นเอง เกิดเสียงพื้นดินสั่นสะเทือนครืนครัน คนกลุ่มใหญ่เดินทางมาถึงอย่างรวดเร็ว คำนวณจากความเร็วของฝีเท้า คาดเดาได้ว่าผู้ที่มาเป็นจอมยุทธ์ทั้งสิ้น
หรือว่าพวกตระกูลจังจะพากำลังเสริมมาล้างแค้น?
แต่ทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุไม่มีใครตื่นตกใจอะไร เมื่อมีจอมมารฉู่ชวิ๋นอยู่ที่นี่ทั้งคน ยังจะต้องหวาดกลัวอะไรอีก?
หลงอี้กับหลงเอ้อร์ขยับออกมาข้างหน้าเหมือนเป็นเทพผู้พิทักษ์สองคนที่ยืนอยู่หน้าสุด พวกมันรอรับฟังคำสั่งจากฉู่ชวิ๋น ธนูในมือพร้อมพรากชีวิตของศัตรูได้ทุกเมื่อ
ฉู่ชวิ๋นยิ้มกว้าง บอกให้ทุกคนใจเย็น ที่สายตาของเขาเห็น กลุ่มคนที่มาถึงคือตระกูลหยาน
เมื่อหยานกุยล๋ายได้รับทราบว่าหอกระจกนิรันดร์มีปัญหา เขาก็รีบรุดมาไม่ได้หยุด และยิ่งเข้าใกล้เท่าไหร่ ก็ยิ่งได้กลิ่นคาวเลือดรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น
“หอกระจกนิรันดร์ ตระกูลหยานมาช่วยแล้ว”
กลุ่มคนจำนวนมากมาถึงอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นรอยเลือดที่อยู่บนพื้นดิน และศพคนตายที่ปรากฏอยู่ทุกหนทุกแห่ง คนของตระกูลหยานก็ถึงกับหยุดชะงักไปทันที ยิ่งไปกว่านั้น ศพคนตายทั้งหมดล้วนแต่เป็นผู้ชาย หอกระจกนิรันดร์แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
หยานกุยล๋ายหันหน้ามาก็พบเข้ากับหลงอี้และหลงเอ้อร์ ได้แต่คิดด้วยความสงสัยว่าสองหนุ่มนี้คือใครกัน? หอกระจกนิรันดร์มีลูกศิษย์ชายด้วยหรือ?
เมื่อผู้อาวุโสจากตระกูลหยานสังเกตเห็นฉู่ชวิ๋นยืนหลบมุมอยู่หลังคน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนแปลงไปแล้ว
“นายท่านครับ” ชายชรายกมือชี้ไปทางฉู่ชวิ๋น
หยานกุยล๋ายหันมองตามมือของบริวาร ตอนแรกตรงจุดนั้นมีลูกศิษย์ของหอกระจกนิรันดร์ยืนอยู่เยอะมาก เขาจึงไม่ทันได้สังเกต แถมยังถูกหลงอี้กับหลงเอ้อร์ดึงความสนใจไปหมด แต่เมื่อได้เห็นเงาร่างของคนผู้นั้นแล้ว หยานกุยล๋ายก็อดตกตะลึงไม่ได้
“น้องฉู่” หยานกุยล๋ายถึงกับตะโกนออกมา
จอมมารฉู่ชวิ๋น บรรดาคนของตระกูลหยานเห็นแล้วว่าผู้ที่กำลังเดินออกมาข้างหน้าคือฉู่ชวิ๋น เมื่อประกอบกับซากศพที่เกลื่อนกลาดอยู่บนพื้นดิน ก็เป็นเรื่องที่ไม่ต้องทำความเข้าใจอีกแล้ว
“นายท่านหยาน” ฉู่ชวิ๋นยิ้มแย้มทักทาย
“น้องฉู่ คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” หยานกุยล๋ายถามด้วยความแปลกใจ
“ผมผ่านทางมาเฉย ๆ ครับ กำลังจะไปบ้านตระกูลหยานนั่นแหละ แต่เกิดเหตุที่นี่ขึ้นเสียก่อน ผมเคยรู้จักเหยาไป๋เยวี่ย จะให้นั่งดูอยู่เฉย ๆ คงทำไม่ได้”
ตอนนี้เอง ปี๋เค่อหยุนก้าวเท้าออกมาข้างหน้าเพื่อทักทายหยานกุยล๋าย
ก่อนหน้านี้ หยานกุยล๋ายส่งจดหมายมาบอกว่ายินดีช่วยเหลือหอกระจกนิรันดร์ต่อสู้กับศัตรู แต่สำนักของนางไม่เคยติดต่อกับผู้ชายมาก่อน ดังนั้นนางจึงปฏิเสธ ไม่คิดเลยว่าในยามที่หอกระจกนิรันดร์ตกอยู่ในภาวะวิกฤตจริง ๆ หยานกุยล๋ายก็ยังคงยกกำลังพลมาช่วยเหลือทำให้ปี๋เค่อหยุนรู้สึกประหลาดใจมาก
“คุณลุงหยาน” เหยาไป๋เยวี่ยเดินออกมาประสานมือทำความเคารพ
หยานกุยล๋ายมองหน้าเหยาไป๋เยวี่ย ยิ้มให้ด้วยความห่วงใย “เจ้าบาดเจ็บหรือเปล่า?”
เหยาไป๋เยวี่ยส่ายหน้า “ขอบคุณคุณลุงหยานที่เป็นห่วง หยูเอ๋อร์ปลอดภัยดีเจ้าค่ะ”
ปี๋เค่อหยุนรู้สึกตกใจไม่น้อยที่จอมมารฉู่ชวิ๋นและหยานกุยล๋ายทักทายเหยาไป๋เยวี่ยด้วยความเป็นกันเองอย่างนั้น ดูเหมือนว่านางคงต้องหาเวลามานั่งจับเข่าคุยกับศิษย์เอกเสียแล้ว
“ขอบคุณนายท่านหยานที่มาช่วยเหลือ” ปี๋เค่อหยุนกล่าวอย่างเป็นทางการ
หยานกุยล๋ายโบกไม้โบกมือ พูดว่า “เจ้าสำนักปี๋มีมารยาทเกินไปแล้ว คุณคงรู้เช่นกันว่าตระกูลจังเป็นศัตรูกับตระกูลหยาน การช่วยเหลือหอกระจกนิรันดร์ในครั้งนี้ ก็เท่ากับตระกูลหยานกำลังช่วยตัวเองเช่นกัน”
ปี๋เค่อหยุนผงกศีรษะ
“มัวยืนบื้อกันอยู่ทำไม ยังไม่รีบช่วยคุณผู้หญิงเก็บกวาดซากศพเหล่านี้อีก” หยานกุยล๋ายออกคำสั่งกับบริวารตระกูลหยาน
นี่คือโอกาสดีที่สุดที่จะได้ใกล้ชิดกับหอกระจกนิรันดร์แล้ว
ปี๋เค่อหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อย หอกระจกนิรันดร์มีกฎตายตัว ลูกศิษย์ในสำนักห้ามติดต่อกับบุรุษจากโลกภายนอก สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ชวนให้รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาชอบกล แต่นางจะพูดอะไรได้? ชีวิตของพวกนางทุกคนล้วนแต่ได้รับการช่วยเหลือเอาไว้จากจอมมารฉู่ชวิ๋นทั้งสิ้น
“ท่านเจ้าสำนักเจ้าคะ ให้พี่ฉู่กับคุณลุงหยานเข้าไปพักผ่อนด้านในก่อนดีไหม?” เหยาไป๋เยวี่ยขยับมากระซิบข้างหูนาง
ปี๋เค่อหยุนรู้สึกกระดากใจไม่น้อย ให้บุรุษก้าวเท้าเข้าสู่หอกระจกนิรันดร์ มีแต่ผีสางเท่านั้นที่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง? แต่บุรุษเหล่านี้มาเพื่อช่วยเหลือพวกนาง คงดูไม่มีเหตุผลเกินไปหน่อยถ้าจะปฏิเสธ
“เดี๋ยวพวกผู้น้อยจะช่วยเด็ก ๆ ทำความสะอาดเองเจ้าค่ะ นายท่านพาคนของตระกูลหยานเข้าไปพักผ่อนก่อนดีหรือไม่?” หนึ่งในผู้อาวุโสให้คำแนะนำออกมา
ปี๋เค่อหยุนนิ่งคิดอยู่เล็กน้อยก็พยักหน้า
ในที่สุด ฉู่ชวิ๋น หยานกุยล๋าย และกลุ่มผู้อาวุโสจากตระกูลหยานก็ได้รับเชิญเข้ามาสู่ห้องโถงใหญ่ของหอกระจกนิรันดร์ ส่วนลูกศิษย์ของตระกูลหยานถูกแยกไปยังเรือนรับรองอีกที
จานอาหารอยู่บนโต๊ะแล้ว ทุกคนนั่งลง
ปี๋เค่อหยุนรินสุราใส่จอกยื่นส่งให้ฉู่ชวิ๋นกับหยานกุยล๋ายเป็นการขอบคุณอีกครั้งที่มาช่วยเหลือ
“เจ้าสำนักปี๋ออกจะสุภาพเกินไปหน่อยแล้ว ยังไงพวกเราอีกไม่นานก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่ต้องมากมารยาทเกินไปก็ได้” หยานกุยล๋ายยิ้มแย้ม
แต่คำพูดของเขากลับทำให้คนที่นั่งอยู่ในห้องมีสีหน้าเปลี่ยนไป
“นายท่านหยานหมายความว่าอย่างไร?” ปี๋เค่อหยุนไต่ถามด้วยความไม่เข้าใจ
เหยาไป๋เยวี่ยรีบหันมามองหน้าฉู่ชวิ๋น
ฉู่ชวิ๋นเข้าใจทันทีว่าปี๋เค่อหยุนไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเหยาไป๋เยวี่ยกับหยานหวูซวง ไม่เหมือนหยานกุยล๋ายที่รับรู้อย่างชัดแจ้ง ดังนั้น หัวหน้าตระกูลหยานจึงยินดีมาช่วยเหลืออย่างยิ่ง
แต่ถึงแม้ฉู่ชวิ๋นจะรู้ถึงเจตนาของหยานกุยล๋ายก็ตาม แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าหยานกุยล๋ายไม่รู้จักกฎของหอกระจกนิรันดร์หรืออย่างไร?
ทันใดนั้น ฉู่ชวิ๋นก็เข้าใจทุกอย่างแจ่มแจ้ง หยานกุยล๋ายกำลังพยายามใช้เขาเป็นเครื่องมือ ฉู่ชวิ๋นเพิ่งจะช่วยเหลือหอกระจกนิรันดร์เอาไว้ หยานกุยล๋ายอยากจะใช้บุญคุณในครั้งนี้บังคับให้ปี๋เค่อหยุนไม่สามารถปฏิเสธความรักของหยานหวูซวงกับเหยาไป๋เยวี่ยได้
แต่หยานกุยล๋ายช่างเลือกเวลาได้ย่ำแย่เสียจริง กฎที่มีอยู่อย่างยาวนานของหอกระจกนิรันดร์ จะมาเปลี่ยนไปเพราะเขาเพิ่งจะช่วยชีวิตพวกเธอเอาไว้เนี่ยนะ?
หยานกุยล๋ายกำลังจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่าง ฉู่ชวิ๋นก็ขัดจังหวะเสียก่อนว่า “หัวหน้าตระกูลหยานหมายความว่าในเมื่อมีตระกูลจังเป็นศัตรูร่วมกัน ก็คงเป็นเรื่องดีที่จะช่วยเหลือกันต่อสู้กับศัตรู และเชื่อใจกันประหนึ่งเป็นครอบครัวเดียวกันนั่นแหละครับ”
หยานกุยล๋ายขึงตามองหน้าฉู่ชวิ๋น เขาหมายความแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ชายชราจ้องมองฉู่ชวิ๋นด้วยความสงสัย อยากรู้ว่าทำไมฉู่ชวิ๋นถึงได้ขัดขวางเขาแบบนี้ หรือว่า…จอมมารร้ายก็ตกหลุมรักเหยาไป๋เยวี่ยเช่นกัน?
ให้ตายเถิด! หากเทียบกับคนอื่น บุตรชายของเขานับว่าสูงส่งไม่ธรรมดา แต่เมื่อนำมาเทียบกับจอมมารฉู่ชวิ๋น ชายชราก็ต้องยอมรับว่าหยานหวูซวงดูจะย่ำแย่กว่าไม่น้อยเลยทีเดียว
“ลูกรักเอ๋ย เจ้ามีคู่แข่งที่น่ากลัวเสียแล้วสิ” หยานกุยล๋ายรู้สึกเป็นกังวลแทนบุตรชายขึ้นมาจับใจ