จักรพรรดิเซียนหวนคืน - บทที่ 411 ปะทะคารม
บทที่ 411 ปะทะคารม
หัวใจของปี๋เค่อหยุนเต้นไม่เป็นจังหวะ นางรู้สึกได้ว่าหยานกุยล๋ายไม่ได้หมายความแบบนั้นเลย
เมื่อเห็นเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ เหยาไป๋เยวี่ยก็รีบยกจอกสุราขึ้น “พี่ฉู่ คุณลุงหยาน ผู้น้อยขอดื่มขอบคุณที่ท่านทั้งสองมาช่วยพวกเราในครั้งนี้”
“ฉันก็แค่อยากปกป้องลูกสะใภ้ให้ปลอดภัย ไม่ต้องมากพิธีการก็ได้” หยานกุยล๋ายพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง ในหัวใจยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง ลูกรักของพ่อ พ่อจะช่วยเจ้าปกป้องหญิงคนรักของเจ้าเอง
ฉู่ชวิ๋นเกือบจะสำลักสุราตายแล้ว
เหยาไป๋เยวี่ยนั่งตัวแข็งทื่อ
ปี๋เค่อหยุน เจ้าหอกระจกนิรันดร์ขมวดคิ้ว มองหน้าหยานกุยล๋ายด้วยความไม่พอใจ
“นายท่านหยาน ข้าเคารพท่านในฐานะหัวหน้าครอบครัว วันนี้ขอขอบคุณที่ท่านยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือหอกระจกนิรันดร์ พวกเราจงทำต่อกันอย่างมิตรสหาย ได้โปรดระมัดระวังคำพูดด้วย” ปี๋เค่อหยุนมีแววตาเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง
ฉู่ชวิ๋นได้แต่หวังว่าหยานกุยล๋ายจะรู้ตัวว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่
ชายหนุ่มรีบกล่าวออกมาว่า “เจ้าสำนักปี๋อย่าเพิ่งเข้าใจผิด นายท่านหยานเพียงแค่ชื่นชมเหยาไป๋เยวี่ย เปรียบเสมือนว่าถ้าในอนาคตมีลูกสะใภ้ ก็อยากได้คนที่ดีงามแบบเหยาไป๋เยวี่ย มันเป็นแค่การเปรียบเปรยเฉย ๆ ครับ เป็นแค่การเปรียบเปรยเท่านั้น”
หยานกุยล๋ายรู้ตัวว่าตนเองไม่ได้พูดเปรียบเปรย และมองออกว่าฉู่ชวิ๋นมีเจตนาบิดเบือนคำพูดของเขา จอมมารร้ายคนนี้คงอยากจะแย่งคนรักของลูกชายเขาไปเป็นที่แน่นอนแล้ว ชายชราจึงหันไปมองหน้าตาขวาง “ฉู่ชวิ๋น ครั้งก่อนที่คุณมาที่นี่ก็เพื่อมาตามหาผู้หญิงไม่ใช่เหรอ แล้วตอนนี้
หยานเอ๋อร์ของฉันเป็นเพื่อนรักกับคุณนะ บอกมาเดี๋ยวนี้ คุณคิดจะตีท้ายครัวเพื่อนของตัวเองใช่ไหม แอบหลงรักเหยาไป๋เยวี่ยมานานแล้วสินะ?”
ฉู่ชวิ๋นถึงกับพูดอะไรไม่ออก ก่อนหน้านี้เขารู้สึกได้ว่าหยานกุยล๋ายจะต้องเข้าใจอะไรผิดอยู่อย่างแน่นอน แต่ไม่นึกเลยว่ามันจะเลยเถิดถึงขนาดนี้ และทำให้ปี๋เค่อหยุนถึงกับเกรี้ยวกราดอย่างหนัก
“นายท่านหยาน ท่านคิดเรื่องผีสางอะไรอยู่ถึงได้พูดถ้อยคำเช่นนี้ออกมา?” ปี๋เค่อหยุนตบโต๊ะปัง จานอาหารและตะเกียบลอยขึ้นกลางอากาศ หลังจากนั้น นางก็กล่าวต่อว่า “หยานกุยล๋าย ข้าเข้าใจแล้วว่าท่านมาช่วยเหลือหอกระจกนิรันดร์ทำไม? ที่แท้พวกเราก็หนีเสือปะจระเข้ ท่านไม่ได้มีเจตนาดีมาตั้งแต่แรก หอกระจกนิรันดร์ของข้ากำลังพบเจอกับปัญหาใหญ่ ท่านคิดฉวยโอกาสจากวิกฤตการณ์ครั้งนี้ รังแกพวกเราใช่หรือไม่?”
“ใครคิดฉวยโอกาสไม่ทราบ? หยานเอ๋อร์กับเยวี่ยเอ๋อร์รักกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร วันนี้แหละฉันจะขอประกาศให้ชัดเจน ไม่สงสัยบ้างหรือไงว่าทำไมจอมมารฉู่ชวิ๋นถึงได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือหอกระจกนิรันดร์? บางคนคงคิดว่าเขาเห็นแก่หน้าหยานเอ๋อร์ แต่ลืมไปหมดแล้วหรือไงว่าจอมมารเป็นคนชั่วช้าขนาดไหน? ในความเห็นของฉัน รีบให้หยานเอ๋อร์กับเยวี่ยเอ๋อร์แต่งงานกันดีกว่า เราทั้งสองฝ่ายจะได้กลายเป็นครอบครัวเดียวกัน…”
“หยานกุยล๋าย สติเลอะเลือนไปแล้วหรืออย่างไร อวดดีมากเกินไปแล้ว” ปี๋เค่อหยุนโกรธเคืองจนใบหน้าแดงก่ำ
“เจ้าสำนักปี๋ พูดอะไรอยู่รู้ตัวหรือเปล่า? เด็กมันรักกันก็ให้แต่งงานกันสิ หรือว่าหยานเอ๋อร์ของผมไม่คู่ควรกับลูกศิษย์ของคุณ?”
ปี๋เค่อหยุนอ้าปากค้าง หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง พูดด้วยความเดือดดาลว่า “หยานกุยล๋าย ข้ายังคงขอบคุณท่านที่อุตส่าห์มาช่วยเหลือ แต่ที่แท้พวกท่านก็ไม่ได้ต่างจากพวกตระกูลจัง ที่แท้ก็เป็นพวกหมาป่าเจ้าเล่ห์ไม่มีผิด”
หยานกุยล๋ายตอบกลับไปด้วยความเดือดดาลเช่นกันว่า “เจ้าสำนักปี๋ กฎเกณฑ์โบราณคร่ำครึของหอกระจกนิรันดร์สมควรเปลี่ยนแปลงได้แล้ว นี่มันยุคไหนสมัยไหนแล้ว? ยังจะยึดติดขนบธรรมเนียมโบราณบ้าบออยู่อีกหรือ คนเราเกิดมามีแค่เพียงชีวิตเดียว แต่คุณกลับห้ามลูกศิษย์ไม่ให้ทำตามใจตัวเอง แบบนี้มันโรคจิตชัด ๆ”
เปรี้ยง!
ปี๋เค่อหยุนใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาเหมือนกับมีเปลวไฟลุกโชนอยู่ในนั้น นางยกเท้าเตะโต๊ะกระจาย จานอาหารและตะเกียบปลิวว่อนในอากาศ
“ศิษย์ของหอกระจกนิรันดร์ฟังข้าให้ดี ตระกูลหยานมีเจตนาสกปรก พวกมันตั้งใจมาข่มขู่ทำร้ายคนของหอกระจกนิรันดร์ รีบขับไล่พวกมันออกไปเดี๋ยวนี้”
“เจ้าสำนักปี๋ ใจเย็นก่อนครับ ใจเย็นก่อน นายท่านหยานไม่ได้หมายความแบบนั้น” ฉู่ชวิ๋นรีบแก้ไขสถานการณ์
“หุบปาก!” ปี๋เค่อหยุนตกอยู่ในสภาพโกรธจนควันออกหู แม้แต่ญาติพี่น้องของตัวเองก็ไม่น่าจะจำได้ด้วยซ้ำ
ฉู่ชวิ๋นจึงต้องจำใจหันมาพูดกับหยานกุยล๋ายแทนว่า “นายท่านหยาน คุณกลับบ้านไปก่อนเถอะ”
“แกนั้นละ หุบปาก!” หยานกุยล๋ายจ้องมองฉู่ชวิ๋นด้วยความไม่พอใจ
“แม้แต่แฟนของเพื่อนก็คิดจะแย่งได้ลงคอ แกนี่มันไร้ยางอายจริง ๆ”
ฉู่ชวิ๋นยืนนิ่งตกตะลึงอยู่กับที่ คิดแย่งแฟนเพื่อน? นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?
“เยวี่ยเอ๋อร์ บอกเจ้าสำนักของเจ้าไปสิว่าเจ้ารักหยานเอ๋อร์ใช่หรือเปล่า? เพียงแค่เจ้าพูดออกมา เดี๋ยวลุงจะรับผิดชอบทุกอย่างเอง” หยานกุยล๋ายหันขวับไปมองหน้าเหยาไป๋เยวี่ย
เหยาไป๋เยวี่ยเกือบจะร้องไห้ออกมาแล้วตอนได้ยินคำพูดของหยานกุยล๋าย
“เยวี่ยเอ๋อร์ บอกข้ามามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ที่หยานกุยล๋ายพูดออกมาเป็นความจริงหรือไม่? ไม่ว่าคำตอบคืออะไร ข้ายินดีรับฟังเสมอ” ปี๋เค่อหยุนหันไปมองหน้าเหยาไป๋เยวี่ยอย่างกดดัน
“ผู้น้อย…ผู้น้อย…” เหยาไป๋เยวี่ยดวงตาแดงก่ำ ฝ่ายหนึ่งก็เป็นบิดาของชายหนุ่มที่เธอรัก แต่อีกฝ่ายหนึ่งก็เป็นอาจารย์ที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็ก สถานการณ์แบบนี้ เธอตัดสินใจไม่ได้เลยจริงๆ
“เหยาไป๋เยวี่ย พูดออกมาเถอะ หยานกุยล๋ายใช้โอกาสที่พวกมันช่วยชีวิตพวกเราเอาไว้กดดันเจ้าใช่ไหม แบบนี้มันไม่ยุติธรรมเลยนะ” ผู้อาวุโสของหอกระจกนิรันดร์ก็พูดออกมาด้วยเช่นกัน
“ฉวยโอกาสบ้าบออะไร? พวกเธอลองไปถามใครดูก็ได้ มีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าเหยาไป๋เยวี่ยกับนายน้อยตระกูลหยานเป็นแฟนกัน มีแต่พวกไดโนเสาร์เต่าโบราณเท่านั้นแหละที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วย ซ้ำยังคิดจะขัดขวางความรักของเด็กรุ่นใหม่เสียอีก” ผู้อาวุโสจากตระกูลหยานส่งเสียงตะโกนออกมา
“พูดอะไรได้โปรดระวังปากสักหน่อย” ปี๋เค่อหยุนคำรามด้วยความโกรธแค้น นางจ้องมองเหยาไป๋เยวี่ย แล้วถามว่า “เยวี่ยเอ๋อร์ บอกข้ามาเดี๋ยวนี้ ที่พวกเขาพูดมาเป็นความจริงหรือไม่?”
เหยาไป๋เยวี่ยน้ำตาคลอเต็มสองเบ้า “อาจารย์เจ้าคะ ผู้น้อย…”
เธอไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี จึงทำได้เพียงหันไปกล่าวกับหยานกุยล๋ายด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนว่า “คุณลุงหยานเจ้าคะ ได้โปรดอย่าพูดอะไรอีกเลย”
สีหน้าของปี๋เค่อหยุนขาวซีดไปทันที เช่นเดียวกับสีหน้าของผู้อาวุโสในหอกระจกนิรันดร์ที่อยู่โดยรอบ
เรื่องนี้ชัดเจนแล้ว เมื่อดูจากปฏิกิริยาของเหยาไป๋เยวี่ย ทุกคนก็ตระหนักแล้วว่าสิ่งที่พวกของหยานกุยล๋ายพูดออกมาเป็นความจริงทุกประการ มีแต่เพียงพวกนางเท่านั้นที่ไม่เคยรู้ความจริง
ตุบ ปี๋เค่อหยุนทรุดร่างลงนั่งพับเพียบกับพื้น ดวงตาฉายแววหมองเศร้า สำหรับนาง นี่ไม่ต่างจากการถูกฟ้าผ่าเลยแม้แต่นิดเดียว
ปี๋เค่อหยุนอุทิศชีวิตของนางเพื่อพัฒนาหอกระจกนิรันดร์มาเสมอ นางทุ่มเทในการฝึกตน ฝึกวิชา บำเพ็ญตบะอยู่ในกฎระเบียบอันเข้มงวด แม้แต่คำหยาบสักคำนางก็ไม่เคยกล้าพูด ด้วยกลัวว่ามันจะเป็นความผิดพลาดที่นำมาสู่หายนะครั้งใหญ่
“อาจารย์เจ้าคะ” เหยาไป๋เยวี่ยขยับเข้าไปจะช่วยประคองปี๋เค่อหยุน แต่กลับถูกอีกฝ่ายผลักกระเด็นออกมา
“สารเลว ไม่ต้องมายุ่งกับข้า หอกระจกนิรันดร์คงภาพลักษณ์อันดีงามมาหลายร้อยปี แต่ตอนนี้ทุกอย่างพังทลายหมดแล้ว หากข้าตายไป เจ้าจะให้ข้าไปสู้หน้ากับบรรดาบรรพบุรุษเจ้าสำนักรุ่นก่อน ๆ ได้อย่างไร?”
“ท่านอาจารย์!” เหยาไป๋เยวี่ยร้องไห้น้ำตาไหลแล้ว
“เยวี่ยเอ๋อร์ เขาไม่รักหนูก็ช่างเขาเถอะ บ้านตระกูลหยานยินดีต้อนรับเจ้าเสมอ เจ้ามาอยู่กับลูกชายลุงตลอดชีวิตเลยดีกว่านะ”
“คุณลุงหยาน ได้โปรดอย่าพูดอย่างนั้น” เหยาไป๋เยวี่ยร้องไห้อ้อนวอน
เช้ง!
เสียงชักดาบออกจากฝักดังขึ้น บรรดาผู้อาวุโสของหอกระจกนิรันดร์ควงดาบตรงเข้าใส่กลุ่มคนของตระกูลหยาน
“หยานกุยล๋าย วันนี้แกต้องตายอยู่ที่นี่ โทษฐานที่ทำลายภาพลักษณ์อันดีงามหลายร้อยปีของพวกเรา”
“นี่พวกเธอเสียสติกันไปหมดแล้วหรือไง? นี่มันยุคไหนสมัยไหนแล้ว คนเราจะรักใครก็ได้ จะแต่งงานกับใครก็ได้ มัวยึดติดอยู่แต่ในกฎเกณฑ์คร่ำครึ อีกไม่นานเดี๋ยวหอกระจกนิรันดร์ คงได้กลายเป็นสำนักนางชีกันพอดี”
“ทุกคนครับ นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันเท่านั้นเอง ใจเย็นกันก่อนนะครับ ค่อยพูดค่อยจากันก็ได้” ฉู่ชวิ๋นยังคงพยายามสงบศึกของทั้งสองฝ่าย
ผู้อาวุโสจากหอกระจกนิรันดร์หันมามองหน้าฉู่ชวิ๋น แล้วพูดว่า “จอมมารฉู่ชวิ๋น ข้ารู้ว่าท่านโด่งดัง มีฝีมือทัดเทียมฟ้าดิน ไม่มีใครกล้าตอแยด้วย แต่ข้าก็รู้เช่นกันว่าท่านเป็นสหายรักกับหยานหวูซวง ที่ท่านมาช่วยพวกเราในวันนี้ หอกระจกนิรันดร์ขอขอบคุณ แต่ได้โปรดอย่าทำลายสำนักของพวกเราไปมากกว่านี้อีกเลย”
“…” ฉู่ชวิ๋นอ้าปากเหวอ พูดอะไรไม่ออกอยู่ชั่วครู่ใหญ่ ได้แต่ผงะถอยหลังไปสองก้าว ชัดเจนแล้วว่าเขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย เขาไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้อีกแล้ว
“ขอย้ำอีกครั้งว่านี่เป็นแค่การเข้าใจผิดกันเท่านั้น ใจเย็นกันก่อนเถอะครับ อย่าลืมสิว่าพวกเรามีศัตรูร่วมกันคือตระกูลจังกับสำนักวัชระ”
“ตระกูลหยานกับตระกูลจังแตกต่างกันตรงไหน? ไม่ว่างูตัวใดอยู่ใกล้รังหนู สุดท้ายก็อันตรายเหมือนกันทั้งคู่นั่นแหละ” ผู้อาวุโสของหอกระจกนิรันดร์พูดด้วยความฉุนโกรธ
“พูดแบบนี้หมายความว่าไงฮะ? เงียบไปเลยนะ พวกเราอุตส่าห์มาช่วย แต่พวกเธอกลับทำกับเราแบบนี้ ใครเป็นงู ใครเป็นหนูกันแน่?” ผู้อาวุโสจากตระกูลหยานพูดด้วยความเดือดดาลไม่แพ้กัน
“หุบปากเดี๋ยวนี้” ปี๋เค่อหยุนได้สติกลับมาแล้ว นางโคจรพลังลมปราณไปทั่วร่างกาย
“ลูกศิษย์ของหอกระจกนิรันดร์จงฟังให้ดี ถ้าสามชั่วดีดนิ้วมือผ่านไป คนของตระกูลหยานยังคงไม่ออกไปจากที่นี่ จงฆ่าทิ้งให้หมดทุกคน!”
ปี๋เค่อหยุนพูดเสียงดังกังวานปานฟ้าผ่า สั่นสะเทือนตัวอาคารไปทั้งหลัง
“ทำไมทำตัวเป็นผู้หญิงไม่มีเหตุผลเช่นนี้ คิดว่าจะฆ่าพวกเราได้ฝ่ายเดียวหรืออย่างไร?” ผู้อาวุโสจากตระกูลหยานพูดออกมาด้วยความโกรธแค้น
“นายท่านหยาน จะกลับกันได้หรือยัง?” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงหมดหวัง
“ถ้าคุณยังอยู่ที่นี่ต่อ หยานหวูซวงกับเหยาไป๋เยวี่ยชีวิตนี้คงไม่มีทางได้อยู่ด้วยกันแน่ ๆ”
หยานกุยล๋ายมีสีหน้าเครียดคล้ำ นิ่งคิดอยู่เล็กน้อย ก็ออกคำสั่งด้วยความเจ็บใจว่า “พวกเรากลับ”
“ทุกคน กลับ!”
ฉู่ชวิ๋นถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เมื่อเห็นว่ากลุ่มคนจากตระกูลหยานได้เดินออกไปจนหมดแล้ว
ลูกศิษย์ของหอกระจกนิรันดร์ถือดาบออกมาขับไล่ กลุ่มคนตระกูลหยานพ้นไปจากประตูสำนักได้หลายร้อยเมตร พวกเธอถึงได้เดินกลับไป
ฉู่ชวิ๋นได้แต่มองหน้าหยานกุยล๋าย ตาแก่คนนี้ไม่เคยรู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยจริง ๆ
“มองฉันทำไมฮะ? ที่ทุกอย่างเป็นแบบนี้ ก็เพราะแกคนเดียว” หยานกุยล๋ายหันกลับมาถลึงตาใส่เขา
ฉู่ชวิ๋นเลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความประหลาดใจ แม้แต่ผู้อาวุโสและลูกศิษย์ของตระกูลหยานก็ประหลาดใจเช่นกัน เรื่องนี้กลายเป็นความผิดของจอมมารฉู่ชวิ๋นได้อย่างไร?
“มันเกี่ยวกับผมได้ไงครับเนี่ย? ถ้าคุณระวังปากตัวเองให้มากกว่านี้สักหน่อย เราจะโดนพวกเธอไล่ออกมาแบบนี้ไหม?” ฉู่ชวิ๋นถามด้วยความไม่เข้าใจ
หยานกุยล๋ายรอคอยจังหวะนี้อยู่นานแล้ว “ไม่ต้องมาแกล้งโง่ อย่าคิดว่าคนอื่นจะอ่านใจแกไม่ออก”
ฉู่ชวิ๋นยิ่งงงงันหนักมากขึ้นกว่าเดิมเป็นหลายเท่า
“ยัง ยังไม่เลิกแกล้งโง่อีก?” หยานกุยล๋ายมองหน้าฉู่ชวิ๋น “แกปิดบังคนอื่นได้ แต่คิดว่าจะปิดบังสายตาของฉันได้หรือไง? อย่าคิดนะว่าฉันไม่รู้ แกเองก็สนใจในตัวเหยาไป๋เยวี่ยเช่นกันใช่ไหม”
“…” ฉู่ชวิ๋นพูดอะไรไม่ออก พลังลมปราณในร่างกายของเขาพวยพุ่งขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว นี่หยานกุยล๋ายคิดว่าเขาชอบเหยาไป๋เยวี่ยจริง ๆ อย่างนั้นหรือ? เป็นไปได้อย่างไรกัน?
“ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้น” หยานกุยล๋ายพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม รู้สึกว่าฉู่ชวิ๋นยังคงแกล้งโง่ไม่เลิกรา จึงกล่าวต่อ “คิดว่าฉันไม่รู้หรือไงที่แกขัดขวางฉันไม่ให้พูดทวงบุญคุณกับพวกเธอ ก็เพราะแกจะเก็บมุกนี้เอาไว้ใช้เองไงล่ะ แกมีฝีมือทัดเทียมฟ้าดิน ซ้ำยังมาช่วยเหลือหอกระจกนิรันดร์ได้อย่างถูกที่ถูกเวลา เมื่อเห็นว่าปี๋เค่อหยุนซาบซึ้งในบุญคุณครั้งนี้ ก็เลยคิดจะฉวยโอกาสขอแต่งงานกับเหยาไป๋เยวี่ย โดยที่ปี๋เค่อหยุนไม่มีหนทางปฏิเสธได้เลย จริงไหม?”
ฉู่ชวิ๋นนิ่งอึ้งตะลึงงัน เกือบอดใจไม่ไหว แทบจะต่อยหน้าอีกฝ่ายหนึ่งแล้ว
“คุณพูดอะไรของคุณเนี่ย? เหยาไป๋เยวี่ยเป็นคนที่หยานหวูซวงรัก แล้วเหยาไป๋เยวี่ยก็มีใจให้หยานหวูซวงเหมือนกัน ตราบใดที่ไม่ได้ตาบอด ยังไงก็ต้องมองออก ที่ผมห้ามไม่ให้คุณพูดตอนนั้นก็เพราะมันผิดที่ผิดเวลา คุณคิดหรือว่าพวกเธอจะยินดีเปลี่ยนกฎเกณฑ์ที่ปฏิบัติตามกันมาหลายร้อยปีง่าย ๆ? ถ้าสามารถเปลี่ยนได้จริง หยานหวูซวงกับเหยาไป๋เยวี่ยคงไม่ต้องแอบคบกันมาเป็น 10 ปีแบบนี้หรอก แล้วทำไมเหยาไป๋เยวี่ยต้องปิดบังเรื่องนี้จากปี๋เค่อหยุนด้วย? คุณนี่มันสมองหมูหรือไง มีตาก็เหมือนไม่มี มืดบอดไปหมดทั้งสายตาและสติปัญญา แก่กะโหลกกะลาเหลือเกิน” ฉู่ชวิ๋น กัดฟันกรอด รู้สึกคันไม้คันมือขึ้นมายิบ ๆ ถ้าไม่ติดว่าอีกฝ่ายหนึ่งเป็นบิดาของหยานหวูซวง มีหวังเขาได้ตบคว่ำไปแล้ว