จักรพรรดิเซียนหวนคืน - บทที่ 412 ทนไม่ไหวแล้ว
บทที่ 412 ทนไม่ไหวแล้ว
เมื่อพูดจบ บรรดาผู้อาวุโสของตระกูลหยานทุกคนก็มีสีหน้าเข้าใจแจ่มแจ้งว่าผู้เป็นหัวหน้าตระกูลเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวง แต่ดูเหมือนว่าหยานกุยล๋ายก็ยังคงไม่รู้ตัวอยู่ดี
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเห็นแก่หน้าหยานหวูซวง ฉู่ชวิ๋นได้ตบหยานกุยล๋ายคว่ำไปแล้วจริง ๆ
“แกไม่ได้สนใจเหยาไป๋เยวี่ยจริง ๆ งั้นเหรอ?” หยานกุยล๋ายยังคงไม่เชื่ออยู่ดี “แล้วจะมาช่วยหอกระจกนิรันดร์ทำไม? แกรู้ได้ยังไงว่าพวกเธอกำลังมีปัญหา?”
ฉู่ชวิ๋นปากกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้ ตอบว่า “ก็บอกแล้วไงว่าผมผ่านมา ผมเห็นว่าเมืองชิงเฉิงมันอยู่ใกล้กับบ้านตระกูลหยาน ก็เลยจะแวะมาเยี่ยมสักหน่อย ที่ผมทำทั้งหมดนี้ก็เพราะเห็นแก่หยานหวูซวงคนเดียวเท่านั้น”
“พูดจริงนะ?” หยานกุยล๋ายยังคงไม่คลายข้อสงสัย
ฉู่ชวิ๋นกําหมัดแน่นแล้ว พยายามสงบจิตสงบใจ “ฉันทนได้ ฉันทนได้ ฉันทนได้…ทนไม่ไหวแล้วโว้ย”
ผลั่ก!
ทันใดนั้น ฉู่ชวิ๋นปล่อยหมัดใส่ใบหน้าหยานกุยล๋ายสองหมัดติด ๆ กัน
“เจ้าหนู กล้าดีอย่างไรทำร้ายผู้อาวุโสแบบนี้?” หยานกุยล๋ายยกแขนขึ้นป้องกันใบหน้าตนเอง ดวงตาฉายแววโกรธแค้น
แต่พายุหมัดก็ถูกรัวใส่เขาอย่างไม่พูดไม่จา
ผลั่ก!
หยานกุยล๋ายส่งเสียงร้องโหยหวนในขณะที่ตัวคนลอยกระเด็นไป ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ รอบดวงตากลายเป็นสีดำเหมือนกับหมีแพนด้า ดูแล้วน่าอับอายยิ่งนัก
“ไอ้เด็กนี่ คิดว่าฉันทำอะไรแกไม่ได้ใช่ไหม” หยานกุยล๋ายกัดฟันด้วยความเจ็บปวด
“คุณสู้ผมไม่ได้อยู่แล้ว” ฉู่ชวิ๋นเหยียดหยาม
“อ้อ ไอ้เด็กนี่มันอวดดีเหลือเกิน คราวนี้ฉันจะไม่ออมมือให้แล้วนะ” หยานกุยล๋ายถูมือเตรียมตัวโจมตี
วูบ!
ฉู่ชวิ๋นขยับเท้าก้าวเดียว ตัวก็ลอยวูบมาอยู่เบื้องหน้าหยานกุยล๋ายแล้ว หมัดของเขาถูกต่อยออกมารัว ๆ
ผลั่ก…!
เมื่อหมัดปะทะเข้ากับร่างกายคน หยานกุยล๋ายก็ส่งเสียงร้องออกมาอย่างน่าเวทนา เขาไม่สามารถรับมือกับฉู่ชวิ๋นได้เลยสักนิด
ไม่ว่าจะเป็นผู้อาวุโสตระกูลหยานหรือบรรดาลูกศิษย์ ต่างก็พากันยืนนิ่งไม่ทำอะไร เนื่องจากไม่รู้ว่าตนเองจะช่วยอะไรได้?
ถ้าเข้าไปช่วย ก็คงต้องโดนทุบตีเช่นเดียวกับท่านหัวหน้าตระกูล ถ้าไม่เข้าไปช่วย เต็มที่ก็คือกลับไปโดนดุด่าจนหูชา
เมื่อลองคิดดูให้ดี ยอมถูกดุด่าย่อมดีกว่าถูกทุบตี พวกเขาจึงเลือกสิ่งที่ดีที่สุดกับตัวเอง
“ไอ้หนุ่มปล่อยฉันไปเถอะ” หยานกุยล๋ายถูกฉู่ชวิ๋นอัดไม่ยั้ง
ผลั่ก! ผลั่ก!
ส่งผลให้อีกสองกำปั้นเหล็กต่อยฮุกเข้ามาที่ลำตัวของเขา
“อายุตั้งหลายร้อยปี ทำไมทำอะไรไม่รู้จักคิดบ้าง?” ฉู่ชวิ๋นเดือดดาลจริง ๆ แล้ว พูดไปก็สาวหมัดใส่ฝ่ายตรงข้ามไปด้วย
“ฉันผิดหรือไงที่อยากหาเมียให้ลูกชายตัวเอง?” หยานกุยล๋ายคำรามสวนกลับมา
ผลั่ก! ผลั่ก!
อีกสองกำปั้นถูกต่อยเข้ามา หยานกุยล๋ายได้แต่ส่งเสียงร้องโหยหวน
“จะหาเมียให้ลูกชายก็ทำไปสิ ทำไมต้องลากผมเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย? ผมควรได้เป็นแขกของหอกระจกนิรันดร์ ไม่ใช่ต้องมาเดินเร่ร่อนกับพวกคุณแบบนี้”
ฉู่ชวิ๋นคำรามด้วยความฉุนเฉียว บิดาของหยานหวูซวงเป็นพวกพูดไม่รู้จักคิด เห็นแล้วก็รู้สึกเหนื่อยหน่ายใจเป็นที่สุด
“จอมมารฉู่ชวิ๋น ฉันเป็นพ่อของหยานเอ๋อร์ แกทำร้ายผู้อาวุโสแบบนี้ สักวันจะต้องโดนฟ้าผ่าตาย” หยานกุยล๋ายพูดด้วยความเจ็บแค้นใจ ด้วยว่าตนเองมีชีวิตมาหลายร้อยปีแล้ว แต่ยังไม่เคยถูกเด็กรุ่นใหม่ทุบตีจนหมดสภาพแบบนี้มาก่อน ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่เสียหน้าเป็นอย่างยิ่ง
“ก่อนที่ผมจะโดนฟ้าผ่าตาย ผมขออัดคุณก่อนก็แล้วกัน” ฉู่ชวิ๋นสาวกำปั้นเข้าใส่อีกครั้ง
“ถ้านายมีความสามารถก็ปล่อยฉันไปก่อน เรามาสู้กันอย่างยุติธรรมดีกว่า” หยานกุยล๋ายร้องตะโกนโหวกเหวก
ฉู่ชวิ๋นได้ยินดังนั้นก็ปล่อยตัวหยานกุยล๋ายทันที
วูบ!
พลังลมหมุนก่อตัวอย่างรุนแรง หยานกุยล๋ายเป็นผู้ที่อยู่จุดศูนย์กลางของพลังลมหมุนนั้น แรงปะทะของมันน่ากลัวไม่ใช่เล่น
ตู้ม!
แต่น่าเสียดายที่เมื่อเผชิญหน้ากับพลังลมปราณจากฝ่ามือของฉู่ชวิ๋น ร่างของชายชราก็ลอยกระเด็นไปไกลลิบ
หลังจากต่อสู้กันไปได้อีกครึ่งยก หยานกุยล๋ายก็มีสภาพใบหน้าบวมช้ำมากกว่าเดิม รอยช้ำรอบดวงตาเด่นชัดมากขึ้น ทำให้เขาเหมือนหมีแพนด้ามากกว่าเก่า
“ไอ้หนู คืนมาให้ฉันเดี๋ยวนี้นะ” หยานกุยล๋ายถลึงตาจ้องมองฉู่ชวิ๋นเขม็ง
“คืนอะไร?” ฉู่ชวิ๋นไม่เข้าใจ
หยานกุยล๋ายคำรามด้วยความโกรธแค้นจนหนวดเคราสะบัดไหว “ไม่ต้องมาทำแกล้งโง่ แหวนมิติของฉัน”
ชายชราอยากจะนำสมุนไพรออกมาเยียวยาอาการบาดเจ็บ แต่กลับพบว่าแหวนมิติของตนเองที่สวมไว้กับนิ้วมือ หายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ?
ฉู่ชวิ๋นได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้ว พูดว่า “คุณลุง ตอนแรกก็หาว่าผมแอบชอบเหยาไป๋เยวี่ย ผมยังพอทนได้ ตอนนี้มาหาว่าผมขโมยแหวนมิติไปอีก จะให้ผมทนไหวได้ยังไง”
หยานกุยล๋ายโกรธแค้นจนหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ที่เขาต้องบาดเจ็บแบบนี้มันก็เพราะใครกันล่ะ? อีกอย่างแหวนมิติสวมไว้กับนิ้วมือแบบนั้น มันมีแขนขาหรือมีปีกบินหนีไปไหนเองได้หรือไง?
“จอมมารฉู่ชวิ๋น อย่าคิดว่าฉันจะไม่เข้าใจลวดลายลูกไม้ของแก เอาแหวนของฉันคืนมาเดี๋ยวนี้” หยานกุยล๋ายพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ผมว่าคุณลุงชักจะวอนหาเรื่องอีกแล้วนะ ตาบวมแค่นี้ยังไม่หนักพอใช่ไหม?” ฉู่ชวิ๋นถูไม้ถูมือเตรียมพร้อมทุบตีผู้คนอีกครั้ง
“ถ้านายไม่ได้เอาไป แล้วแหวนมันบินหนีไปได้เองหรือไง?” หยานกุยล๋ายเชื่อไม่ลงจริง ๆ ว่าจอมมารฉู่ชวิ๋นไม่ได้ขโมยแหวนไปจากเขา ฉู่ชวิ๋นเข้าประชิดตัวเขาตอนที่ต่อสู้กันเมื่อสักครู่นี้ คงอาศัยจังหวะที่เขาเจ็บปวด แอบขโมยไปอย่างแน่นอน
“ผมจะรู้ได้ไงเล่า? ผมไม่ใช่แม่นมของลุงสักหน่อย” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
เมื่อมองเห็นสีหน้าจริงจังของฉู่ชวิ๋น ซึ่งเป็นสีหน้าของคนที่ยอมหักไม่ยอมงอ หยานกุยล๋ายก็อดไม่ได้รำพึงออกมาว่า “หรือว่าฉันจะเข้าใจผิดจริง ๆ?”
“คุณทำตกตอนที่สู้กันเมื่อกี้หรือเปล่า?” ฉู่ชวิ๋นถาม
หยานกุยล๋ายหันขวับไปมองหน้าฉู่ชวิ๋น เขาเป็นผู้มีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 9 ของตกไปจากตัวจะไม่รู้เชียวหรือ? แต่เมื่อลองคิดดูให้ดี ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ จึงรีบออกคำสั่งให้คนตระกูลหยานช่วยกันค้นหารอบบริเวณทันที
ฉู่ชวิ๋นหยิบขวดหยกสีขาวออกมาโยนให้แก่หยานกุยล๋าย แล้วพูดว่า “นี่เป็นยาจากจักรพรรดิยา ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บและรอยฟกช้ำได้ดีมาก”
หยานกุยล๋ายรับขวดหยกไปด้วยความฉุนเฉียว ก่อนที่จะเรียกบริวารมาช่วยพอกยาให้แก่ตนเอง
“อย่าใช้เยอะนักสิ!” ฉู่ชวิ๋นพึมพำ
หยานกุยล๋ายแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน
บริวารของตระกูลหยานค้นหาทั่วบริเวณที่พวกเขาต่อสู้กันเมื่อสักครู่นี้แล้ว แต่ก็ยังไม่เจอแหวนมิติของหยานกุยล๋ายอยู่ดี
หยานกุยล๋ายมองไปที่ฉู่ชวิ๋น ดวงตาเต็มไปด้วยแววตาสงสัย เขารู้สึกสังหรณ์ใจว่าแหวนมิติจะต้องอยู่กับฉู่ชวิ๋นอย่างแน่นอน ก่อนหน้านี้ ฉู่ชวิ๋นก็เคยหลอกเอาไผ่อัคคีไปจากเขาได้ถึงสองต้น เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น จะไม่ให้สงสัยได้อย่างไร
ฉู่ชวิ๋นจ้องตอบกลับมาด้วยความโกรธ “ไม่ต้องมองผมแบบนี้เลยนะ ถ้าไม่ติดว่าคุณเป็นพ่อของหยานหวูซวง ผมจะตบให้ลืมแก่เลย”
หยานกุยล๋ายได้ยินดังนั้นก็เชิดหน้าขึ้น เขาเป็นถึงหัวหน้าตระกูลหยาน มีใครเคยกล้าพูดกับเขาแบบนี้บ้าง? เมื่อเผชิญหน้ากับฉู่ชวิ๋น เขาต้องเสียอารมณ์ทุกทีเลยสิน่า
“ลองคิดดูให้ดีเถอะ คุณลืมเอาไว้ที่บ้านหรือเปล่า” ฉู่ชวิ๋นพยายามให้คำแนะนำ
หยานกุยล๋ายรับฟังก็รู้สึกเดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง เขาไม่ใช่พวกสมองเลอะเลือนสักหน่อย จะลืมของสำคัญเช่นนี้ได้อย่างไร? แต่ชายชราก็ทำเป็นไม่สนใจ กล่าวว่า “ไม่ใช่หรอก แต่ฉันกลัวว่าคงลืมของวิเศษไว้ที่บ้านตระกูลหยานนั่นแหละ ที่ฉันพกติดตัวมาด้วยมันเป็นแค่แหวนเปล่าเท่านั้น”
สองตาของหยานกุยล๋ายมองสีหน้าของฉู่ชวิ๋นพยายามจับพิรุธ
“อ้าว!” ฉู่ชวิ๋นมีสีหน้าโล่งอกไม่น้อย “ถ้างั้นคุณจะเดือดร้อนไปทำไม? แหวนเปล่าแบบนั้น หายไปก็ไม่เห็นน่าเสียดายเลย”
“…” หยานกุยล๋ายรู้สึกปั่นป่วนมวนในท้อง เขาแค่อยากจะทดสอบปฏิกิริยาของฉู่ชวิ๋น เมื่อพูดว่าแหวนที่หายไปเป็นเพียงแค่แหวนว่างเปล่า ฉู่ชวิ๋นจะต้องอดแสดงสีหน้าผิดหวังออกมาไม่ได้ แต่นี่ฉู่ชวิ๋นกลับแสดงความโล่งอกออกมาอย่างใหญ่หลวง เหมือนกับว่ารู้สึกดีใจแทนเขาด้วยซ้ำ
หรือว่าจอมมารฉู่ชวิ๋นจะไม่ได้เอาไปจริง ๆ? หยานกุยล๋ายได้แต่ถามตัวเองเบา ๆ
“พวกแกลองค้นหาดูอีกทีซิ” หยานกุยล๋ายตะโกนสั่งงานบริวารตระกูลหยาน
“แหวนเปล่าแบบนั้น คุณจะอยากได้ไปทำไม?” ฉู่ชวิ๋นมองชายชราด้วยความเวทนา “หัวหน้าตระกูลหยานสั่งให้ลูกน้องหาแหวนเปล่าอย่างเอาเป็นเอาตาย เรื่องนี้รู้ถึงไหนคงอายไปถึงนั่น ไม่ต้องหาหรอกครับ เดี๋ยวเอาแหวนเปล่าจากผมไปก็ได้”
หยานกุยล๋ายปวดหัวตึบ ไม่รู้จะทำอย่างไรดี มันเป็นแหวนเปล่าเสียที่ไหนกันเล่า? ข้างในนั้นมีแต่ของสำคัญล้วน ๆ เป็นสิ่งของชั้นดีที่เอาไว้ใช้สำหรับการฝึกตนโดยเฉพาะ
“ลืมไปเถอะ ไม่ต้องค้นหาแล้ว ก็แค่แหวนเปล่าวงนึงเท่านั้นเอง” หยานกุยล๋ายกัดฟันกรอด ข้าวของที่อยู่ในแหวนวงนั้นของเขา น่าจะเปรียบได้กับสมบัติทั้งหมดของสำนักจอมยุทธ์ระดับกลางที่ใช้เวลารวบรวมมาหลายร้อยปีเลยทีเดียว
“พวกเราไปกันเถอะ!” ยารักษารอยฟกช้ำของจักรพรรดิยาใช้ได้ผลดีมาก เพียงไม่นานหยานกุยล๋ายก็กลับมาอยู่ในสภาพปกติ และลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง
“จะไปไหนกัน?” ฉู่ชวิ๋นถาม
“กลับบ้านตระกูลหยาน หรือว่าอยากจะนั่งดื่มสุราตากลมตากยุงอยู่ที่นี่?” หยานกุยล๋ายสวนกลับมาด้วยความแค้น
ฉู่ชวิ๋นชี้มือไปที่ประตูหน้าของหอกระจกนิรันดร์ที่พังถล่ม แล้วว่า “ตอนนี้พวกเธอไม่มีประตูแล้วนะ ไอ้พวกตระกูลจังกลับมาเมื่อไหร่ก็ง่ายเลย ถึงตอนนั้น เหยาไป๋เยวี่ยคิดหนีก็คงหนีไม่รอด ลูกชายคุณอาจจะไม่ให้อภัยคุณไปตลอดชีวิตก็ได้นะ?”
“กล้าดียังไงพูดแบบนี้?” หยานกุยล๋ายพูดเสียงเข้ม มองตาขวาง แต่ก็ต้องยอมรับว่าฉู่ชวิ๋นพูดจามีเหตุผล จึงหันไปตะโกนสั่งบริวารว่า “มัวยืนทำอะไรกันอยู่? ยังไม่ไปซื้อเต็นท์มาเตรียมกางที่นี่อีก”
บริวารตระกูลหยานมีสีหน้าเศร้าหมอง แต่ก็ไม่มีใครกล้าอุทธรณ์คำใด มีแต่รีบวิ่งไปปฏิบัติตามคำสั่งแต่โดยดี
“หลงอี้ หลงเอ้อร์ พวกเราไปกันดีกว่า” ฉู่ชวิ๋นออกคำสั่งบ้าง
“จะไปไหน?” หยานกุยล๋ายถาม
“ผมก็จะกลับไปรอคุณที่บ้านตระกูลหยานไง เหยาไป๋เยวี่ยเป็นลูกสะใภ้คุณ ไม่ใช่ของผม เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับผมอีกแล้ว” ฉู่ชวิ๋นว่าหน้าตาเฉย
“ไม่ได้นะ!” หยานกุยล๋ายรีบเดินมาขวางหน้าฉู่ชวิ๋นเอาไว้ นี่ล้อกันเล่นหรือไง? ให้จอมมารเข้าไปอยู่ในบ้านตระกูลหยาน เกรงว่าเมื่อเขากลับไปถึงที่นั่น แม้แต่ก้อนอิฐสักก้อนก็คงไม่มีเหลือ
“แบบนี้มันหมายความว่ายังไงครับคุณลุง?” ฉู่ชวิ๋นพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอึดอัดใจ “คุณลุงก็รู้เรื่องประเพณีดีใช่ไหม? ผมเป็นแขก ผมจะเข้าพักในฐานะแขกของบ้านคุณ แต่คุณปฏิเสธแบบนี้ มันหมายความว่าไง?”
“เอ่อ…” หยานกุยล๋ายถึงกับพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว แต่เขาไม่มีทางปล่อยให้จอมมารฉู่ชวิ๋นกลับไปอยู่ในบ้านตระกูลหยานตามลำพังเด็ดขาด จึงพยายามฝืนยิ้ม พูดว่า “น้องฉู่ชวิ๋น ลองมองทัศนียภาพรอบตัวดูให้ดีสิ ที่นี่มีทั้งภูเขามีทั้งแม่น้ำ เรามานั่งจิบชากลางธรรมชาติกันสักหน่อยไม่ดีหรือไร?”
ทุกคนมีสีหน้าแปลกพิกล พื้นที่บริเวณนี้มีแต่ที่ราบ อย่าว่าแต่จะมีแม่น้ำ ภูเขาที่ใกล้ที่สุดก็อยู่ห่างไกลหลายกิโลเมตร
“คุณชอบธรรมชาติ แต่ผมไม่ได้ชอบ ในเมื่อคุณอยากอยู่ที่นี่ ก็ขอให้สนุกแล้วกัน” ฉู่ชวิ๋นปฏิเสธด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“น้องฉู่ชวิ๋น แล้วจะทำยังไงถ้าพวกตระกูลจังกับสำนักวัชระมันกลับมา?”
“แล้วมันเกี่ยวกับผมตรงไหนล่ะครับ? ที่ผมช่วยพวกเธอก่อนหน้านี้ ก็เพราะว่าพวกคุณยังมาไม่ถึง แต่ตอนนี้คุณมาถึงแล้ว ยังอยากจะใช้แรงงานผมอยู่อีกเหรอ เห็นผมเป็นคนงานที่จะเรียกใช้ได้ฟรี ๆ หรือไง?”
“ถ้าอย่างนั้น ถ้าคุณยอมอยู่ที่นี่ต่อ ฉันยินดีจ่ายเป็นหญ้าจิตวิญญาณสิบกำมือ แบบนี้ดีไหม?” หยานกุยล๋ายพูดไปหัวเราะไป
“ดีตรงไหน? สิบกำจะเอามาทำไม แค่กินยังไม่พอกินด้วยซ้ำ” ฉู่ชวิ๋นพูดอย่างไม่พอใจ ตาแก่นี่ขี้เหนียวมากเกินไปแล้ว
“แล้วคุณต้องการเท่าไหร่?”
“สมุนไพรจิตวิญญาณ 1,000 ชนิด ยาเหล่งเช่าระดับกลาง ห้ามขาด”
“ทำไมไม่มาขโมยเอาไปเองเสียเลยล่ะ?” หยานกุยล๋ายโดดผลุงด้วยความเดือดดาล
“ก็ทำแบบนี้มันง่ายกว่าตั้งเยอะ” ฉู่ชวิ๋นตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“แก…” หยานกุยล๋ายหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ สาบานว่าสักวันหนึ่งจะต้องหาทางสั่งสอนฉู่ชวิ๋นให้จงได้
“ช่างมันเถอะ หลงอี้ หลงเอ้อร์ พวกเราไปกันดีกว่า” ฉู่ชวิ๋นหมุนตัวเดินจากไป
“เดี๋ยวก่อนสิ…” หยานกุยล๋ายยังพูดไม่ทันจบ เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น ชายชรากดรับสายและเดินไปคุยที่ข้างทาง
หลังจากนั้น เมื่อหยานกุยล๋ายวางสายเรียบร้อยแล้ว และเห็นว่าฉู่ชวิ๋นเดินไปได้ไกลหลายสิบเมตรอย่างไม่ได้รีบร้อนอะไรนัก หยานกุยล๋ายก็หันไปส่งเสียงตะโกนสั่งงานกับบริวารพร้อมรอยยิ้มชั่วร้าย “กางเต็นท์เพิ่มอีกสองหลัง หยานเอ๋อร์กำลังเดินทางมา เห็นว่าพาคุณผู้หญิงที่ชื่อจิงหงมาด้วย!”