จักรพรรดิเซียนหวนคืน - บทที่ 417 ฝ่ายรุกและฝ่ายรับ
บทที่ 417 ฝ่ายรุกและฝ่ายรับ
ที่ปรากฏออกมาคือวิญญาณเถาอู้*ที่อ้าปากส่งเสียงคำรามด้วยความดุร้าย
(*เถาอู้ เป็นวิญญาณที่ถูกปิดผนึกอยู่ในดาบเกล็ดทองคำ
*เถาอู้ เป็น 1 ในจตุรมารของจีน มีลักษณะเป็นเสือหน้าคน ผสมหมูป่า มีเขี้ยวยาว และหางยาว)
ตุบ!
ห่างออกไป เส้นเลือดทั่วร่างกายของจินเว่ยกับจินเฉิงเต้นตุบๆ พวกมันเหมือนถูกแรงกดดันที่มองไม่เห็นกดทับจนต้องคุกเข่าลงไปบนพื้นดิน ร่างกายของคิงคองยักษ์ทั้งสองตัวสั่นเทา คล้ายกับว่าเลือดไม่ไหลเวียนไปเลี้ยงร่างกายอีกแล้ว
เถาอู้เป็นสัตว์ร้ายในตำนาน แม้ว่าตอนนี้มันจะมีเพียงร่างวิญญาณเท่านั้น แต่ก็เป็นสิ่งที่เผ่าพันธุ์คิงคองไม่สามารถต้านทานได้
บรรพบุรุษตระกูลจังตะลึงลนลาน คลื่นเสียงพิฆาตแผ่ออกมาจากระฆังทองคำ ตัวมันเองมีม่านพลังทองคำคอยคุ้มกันอยู่ จังหวะนั้น ค้อนตีระฆังด้ามหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือ แล้วชายชราก็เหวี่ยงค้อนเคาะระฆังเต็มแรง
เหง่งหง่าง!
ลำแสงสีทองคำพวยพุ่งออกมาจากระฆัง ตรงเข้าไปหาวิญญาณของเถาอู้โบราณ
โฮก!
เถาอู้คำราม เสียงคำรามของมันทำให้ลำแสงสีทองที่พุ่งเข้ามาสลายตัวไปทันที
เถาอู้โบราณหมุนตัวด้วยความรวดเร็ว กรงเล็บขนาดใหญ่ตะปบลงไป โดยมีเป้าหมายอยู่ที่บรรพบุรุษตระกูลจัง
เปรี้ยง!
ม่านพลังทองคำที่ปกป้องบรรพบุรุษตระกูลจังอยู่เป็นเกราะป้องกันที่ยอดเยี่ยม ลำแสงสีทองเป็นประกายเรืองรอง แต่ถึงกระนั้น แรงกระแทกก็ทำให้ชายชราเซถอยหลังไปหลายก้าว
โฮก!
เถาอู้โบราณส่งเสียงคำรามด้วยความดุร้ายเกี้ยวกราด พลังลมปราณแผ่ออกมาจากร่างวิญญาณ มันพยายามปล่อยพลังโจมตีใส่ระฆังทองคำที่ลอยอยู่เหนือหัวของบรรพบุรุษสกุลจัง
เคล้ง!
ระฆังทองคำสั่นสะเทือน ลำแสงสีทองคำสาดประกายออกมาสว่างไสว เช่นเดียวกับคลื่นเสียงที่ดังกังวาน ทำให้ทุกคนที่อยู่โดยรอบรู้สึกปวดศีรษะขึ้นมาอย่างหนักหน่วงและต้องร้องครวญครางออกมาด้วยความเจ็บปวดไม่รู้ตัว
ดูเหมือนว่าเถาอู้โบราณก็จะตกตะลึงไปไม่น้อยเช่นกัน ร่างวิญญาณของมันโปร่งแสงมากขึ้น ตัวมันไม่มีเนื้อหนัง เป็นแค่เพียงกายละเอียดไร้สสาร ชัดเจนแล้วว่ามันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของระฆังทองคำใบนี้
“กลับมา!” ฉู่ชวิ๋นตะโกนเสียงดัง
เถาอู้โบราณส่งเสียงตอบรับอย่างไม่เต็มใจ จากนั้นก็ม้วนตัวหายวับกลับเข้าไปอยู่ในตัวดาบเกล็ดทองคำดังเดิม
ถ้าพูดถึงเรื่องของอาวุธ อย่างไรเสีย ดาบก็ยังเป็นจ้าวแห่งศาสตราวุธอยู่ดี
ฉู่ชวิ๋นควงดาบมือเดียว พลังลมปราณสีม่วงแผ่ออกมาจากดาบเกล็ดทองคำ
วูบ!
ฉู่ชวิ๋นดีดตัวขึ้นกลางอากาศและตวัดดาบฟาดฟันเข้าใส่ระฆังทองคำ
เคล้ง!
ประกายไฟสาดกระจาย มวลอากาศปั่นป่วน แรงสั่นสะเทือนที่แผ่ไกลทำให้ก้อนหินโดยรอบแหลกสลายเป็นผุยผง แม้แต่พื้นดินก็ยุบตัวลงไป
เปรี๊ยะ…!
รอยร้าวปรากฏขึ้นบนม่านพลังที่คุ้มกันบรรพบุรุษตระกูลจัง และมีทีท่าว่าม่านพลังพร้อมที่จะสลายตัวได้ตลอดเวลา
นี่คือครั้งแรกที่บรรพบุรุษตระกูลจังแสดงสีหน้าพรั่นพรึงออกมาอย่างชัดเจน มันยกมือขึ้นกุมหน้าอกตัวเอง ก่อนที่จะกระอักเลือดออกมาจากปากพุ่งใส่ระฆังทองคำด้านบน หลังจากนั้น ชายชราก็ยกมือกุมหน้าอกอีกครั้ง แล้วมันก็กระอักเลือดออกมาราดรดค้อนตีระฆังในมือของตนเอง
เหง่งหง่าง!
แต่บรรดาเลือดที่กระอักออกมาจากปากของมันนั้น กลับถูกระฆังทองคำดูดซับเข้าไปจนหมดสิ้น เมื่อได้ดูดซับเลือดเข้าไปแล้ว ระฆังทองคำก็เปล่งประกายสดใสมากกว่าเดิม ซ้ำยังส่งคลื่นเสียงดังกังวานมากขึ้นอีกด้วย
ค้อนตีระฆังในมือของชายชราสั่นไหว ลำแสงสีทองเป็นประกายเจิดจ้า เปิดเผยให้เห็นถึงพลังแท้จริงที่ซุกซ่อนอยู่
บรรพบุรุษตระกูลจังจ้องมองฉู่ชวิ๋นด้วยแววตาดุร้าย พลัน ค้อนตีระฆังในมือก็ถูกขว้างปาออกไป
ฉู่ชวิ๋นสีหน้าเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ร่างของเขาหายวับไป ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งก็อยู่ห่างไกลออกไปหลายร้อยเมตรแล้ว
ตู้ม!
ค้อนตีระฆังแหวกผ่านอากาศฟาดเข้าใส่ตำแหน่งที่ฉู่ชวิ๋นเคยยืนอยู่เมื่อสักครู่นี้ และแล้วพื้นดินก็ระเบิดตัว เกิดเป็นรอยแตกร้าวขนาดใหญ่
“นี่มันอะไรกัน…”
เสียงกรีดร้องด้วยความขนหัวลุกดังขึ้นจากกลุ่มคนทั้งตระกูลจังและตระกูลหยาน ก่อนที่ร่างของพวกมันจะโดนพลังลมปราณที่ไหลทะลักออกมาจากค้อนตีระฆัง กระแทกเข้าใส่จนกลายเป็นม่านหมอกเลือดไปในพริบตา
ฉู่ชวิ๋นตวัดดาบเกล็ดทองคำพร้อมกับพึมพำอะไรบางอย่าง ทันใดนั้น ประกายดาบที่มีความยาวหลายสิบเมตร ก็พุ่งออกไปฟาดฟันเข้าใส่ค้อนตีระฆังที่อยู่บนพื้นดิน
บรรพบุรุษตระกูลจังยื่นมือออกมาข้างหน้า แล้วค้อนตีระฆังก็ลอยกลับไปอยู่ในมือของมันอีกครั้ง
เปรี้ยง!
ประกายดาบที่ยาวหลายสิบเมตรพุ่งตัดลงไปบนพื้นที่ว่างเปล่า เกิดเป็นรอยแยกเส้นเรียวยาวหลายร้อยเมตร
ฉู่ชวิ๋นดวงตาเป็นประกาย ระฆังทองคำใบนี้ช่างร้ายกาจเหลือเกิน สามารถเป็นได้ทั้งฝ่ายรุกและฝ่ายรับในเวลาเดียวกัน
บรรพบุรุษตระกูลจังยิ้มกริ่มด้วยความชอบใจ ก่อนที่จะขว้างปาค้อนตีระฆังออกมาอีกครั้ง
ฉู่ชวิ๋นควงดาบเกล็ดทองคำ สาดประกายดาบออกไปอีกรอบ
เปรี้ยง!
ค้อนตีระฆังฟาดลงมาบนพื้นดิน ทำให้เกิดเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่ มีเส้นรอบวงกว้างกว่า 100 เมตร
บรรพบุรุษตระกูลจังโบกมืออีกครั้ง แล้วค้อนตีระฆังก็ลอยกลับไปอยู่ในมือของมันเช่นเดิม
ฉู่ชวิ๋นกระโดดขึ้นกลางอากาศ พุ่งเข้าใส่บรรพบุรุษตระกูลจังด้วยความเร็วปานสายฟ้าฟาด พร้อมกันนั้นเขาก็ตวัดดาบเกล็ดทองคำในมือฟันออกไป
เป็นอีกครั้งที่บรรพบุรุษสกุลจังขว้างปาค้อนตีระฆังออกไปรับมือกับฉู่ชวิ๋น
เคล้ง!
ประกายไฟสาดกระจาย เสียงการปะทะกันของโลหะดังสนั่นหู แล้วค้อนตีระฆังก็ลอยกลับไปอยู่ในมือของบรรพบุรุษสกุลจังอีกครั้ง
ฉู่ชวิ๋นตกตะลึงจนต้องกระโดดตีลังกากลับไปตั้งหลักห่างออกไปหลายร้อยเมตร ดาบเกล็ดทองคำในมือของเขาสั่นไหว สีหน้าของชายหนุ่มแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย แขนข้างที่ถือดาบสั่นระริก
ระฆังทองคำและค้อนตีระฆังได้ดื่มเลือดของบรรพบุรุษตระกูลจังเข้าไป พวกมันก็มีพลังเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ
บรรพบุรุษตระกูลจังอยู่ในการป้องกันของม่านพลังจากระฆังทองคำ ร่างกายของมันกลายเป็นสีทองคำไปทั้งตัว ชายชราสะบัดมือขว้างปาค้อนตีระฆังออกมาโจมตีใส่ฉู่ชวิ๋นอย่างต่อเนื่อง
ฉู่ชวิ๋นเริ่มเดือดดาลไม่น้อย เขาตวัดดาบฟันเข้าใส่ค้อนตีระฆังที่ลอยเข้ามา
แต่ทันใดนั้นเอง ค้อนตีระฆังก็ขยายตัวใหญ่ขึ้นมากกว่าเดิมหลายสิบเท่า จนกลายเป็นภูเขาขนาดย่อมไปแล้ว
ฉู่ชวิ๋นตวัดดาบฟันใส่ค้อนตีระฆัง แรงปะทะทำให้แขนของเขารู้สึกชาดิก แถมยังทำให้ตัวของชายหนุ่มลอยกระเด็นออกไปไกลหลายร้อยเมตร ก่อนที่จะกระแทกก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่งเข้าอย่างจัง แล้วเขาก็นอนจมอยู่ในกองเศษหินตรงนั้นเอง
หยานกุยล๋ายและคนอื่นๆ มีสีหน้าตะลึงลาน
“นายท่าน!”
หลงอี้กับหลงเอ้อร์ละทิ้งโอกาสที่จะได้สังหารจินเว่ยกับจินเฉิง กระโดดปราดเข้าไปดูอาการของฉู่ชวิ๋น
“ฉันไม่เป็นไร รีบกลับไปช่วยหยานกุยล๋ายฆ่าไอ้คิงคองสองตัวนั้นซะ”
ฉู่ชวิ๋นสื่อสารกับสองนักรบมังกรเงินผ่านทางพลังจิต เสียงของเขาก้องกังวานดังแจ่มใส หลงอี้กับหลงเอ้อร์ที่วิ่งมาเกือบจะถึงตัวเขาแล้ว แทบจะสะดุดล้มหัวทิ่มด้วยความตกใจ
นักรบมังกรเงินทั้งสองคนหันมองหน้ากัน ก่อนที่จะหมุนตัวกลับไปต่อสู้กับจินเว่ยและจินเฉิงต่ออีกครั้ง
คนที่เหลือมีสีหน้าแปลกใจไม่น้อย ชายหนุ่มทั้งสองคนนี้เป็นอะไรไป? วิ่งไปหาเจ้านายได้ครึ่งทางแล้วจะวิ่งกลับมาทำไม?
เปรี้ยง!
ฉู่ชวิ๋นกระโดดขึ้นมาจากเศษกองหินบนพื้นดินแล้ว
“ไม่เลวเลยนี่!” ฉู่ชวิ๋นมีดวงตาเป็นประกายวาววับในขณะที่จ้องมองค้อนตีระฆัง
บรรพบุรุษตระกูลจังใบหน้ากระตุกเล็กน้อยเมื่อพบว่าตนเองไม่สามารถทำให้ฉู่ชวิ๋นบาดเจ็บได้เลยแม้แต่นิดเดียว ซึ่งทำให้มันอดตกตะลึงไม่ได้
“ผมขอถามหน่อยสิ ปีนี้คุณอายุเท่าไหร่แล้ว?” ฉู่ชวิ๋นสอบถาม
บรรพบุรุษตระกูลจังมึนงงเล็กน้อย แต่ก็ยังตอบว่า “ปีนี้ข้าอายุ 600 ปี”
ได้รับฟังดังนั้น ฉู่ชวิ๋นก็ตวาดออกมาโดยไม่รู้ตัว “มีเวลาฝึกวิชาตั้ง 600 ปี แต่ยังขึ้นไม่ถึงขั้นเซียนอีกเหรอ มัวแต่นอนหลับอยู่หรือไง?”
บรรพบุรุษตระกูลจังมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา ก่อนตอบ “เจ้ามันเป็นแค่เด็กอมมือ จะไปรู้อะไร”
ฉู่ชวิ๋นยักไหล่ไม่แยแส ยิ้มมุมปาก เก็บดาบเกล็ดทองคำกลับเข้าที่ แล้วอัญเชิญไม้เท้าหางมังกรออกมาใช้งานแทน
“เข้ามาเลย!” ฉู่ชวิ๋นกระดิกนิ้วเรียก พูดอย่างท้าทาย “ผมจะทำให้คุณรู้เองว่า เวลาหลายร้อยปีที่ผ่านไป คุณใช้มันอย่างไร้ประโยชน์แค่ไหน”
“ไอ้เจ้าเด็กบ้า!” บรรพบุรุษตระกูลจังโกรธแค้น เหวี่ยงค้อนตีระฆังเข้าใส่
ฉู่ชวิ๋นอีกคำรบโดยไม่พูดอะไรอีก
ฉู่ชวิ๋นควงไม้เท้าทองคำในมือ รอจังหวะฟาดค้อนตีระฆังที่กำลังลอยเข้ามาเหมือนนักเบสบอล
บรรพบุรุษตระกูลจังโคจรพลังอีกครั้ง แล้วค้อนตีระฆังที่กำลังลอยเข้าใส่ฉู่ชวิ๋น ก็ขยายขนาดใหญ่ขึ้น
ฉู่ชวิ๋นเลิกคิ้วขึ้นสูงเล็กน้อย ควงไม้เท้าทองคำในมือซัดพลังลมปราณสีม่วงพุ่งเข้าใส่ค้อนตีระฆังที่ลอยเข้ามา
เปรี้ยง!
เสียงระเบิดดังกัมปนาท ทำให้บรรดาคนที่กำลังต่อสู้กันอยู่ต้องหยุดชะงักเพราะว่าตัวเซไปเซมาตามแรงสั่นสะเทือน นอกจากนั้น คลื่นแรงสั่นสะเทือนยังทำให้พวกมันรู้สึกเหมือนคนเมาเรือ วิงเวียนศีรษะคล้ายจะเป็นลมขึ้นมาในฉับพลัน
ค้อนตีระฆังขนาดใหญ่ยักษ์ปะทะเข้ากับไม้เท้าทองคำในมือของฉู่ชวิ๋น บนพื้นดินเกิดรอยแตกร้าวขนาดใหญ่ ลำแสงสีทองจากตัวค้อนเริ่มหมองแสงลงมากขึ้นเรื่อยๆ
บรรพบุรุษตระกูลจังสีหน้าแปรเปลี่ยนไปทันที มันสะบัดมือ แล้วค้อนตีระฆังก็ลอยตัวขึ้นไปกลางอากาศ
ฉู่ชวิ๋นพลันหมุนตัวตีลังกา กระโดดไปดักขว้างหน้าทิศทางที่ค้อนตีระฆังจะลอยกลับไปเข้ามือผู้เป็นเจ้านาย หลังจากนั้น เขาก็ฟาดไม้เท้าทองคำออกไปเต็มแรง
เปรี้ยง!
หลังจากเกิดแรงระเบิดที่สั่นสะเทือนแก้วหูผู้คนแล้ว ค้อนตีระฆังก็ลอยกระเด็นขึ้นไปกลางอากาศสูงมากขึ้นกว่าเดิม
บรรพบุรุษตระกูลจังหน้าตาเคร่งเครียด พยายามเรียกค้อนตีระฆังกลับไปหาตัวอีกครั้ง แล้ววินาทีต่อมา ค้อนทองคำก็เปล่งแสงเป็นประกายเรืองรอง ลอยคว้างกลับมาหาผู้เป็นเจ้านายตามคำสั่ง
แต่ผลที่ได้ก็คือ ฉู่ชวิ๋นมาปรากฏกายดักอยู่กลางทางอีกครั้ง เสียงเปรี้ยงดังขึ้น ค้อนตีระฆังถูกไม้เท้าทองคำฟาดกระเด็นไกลออกไป
“เจ้าเด็กนรก” บรรพบุรุษตระกูลจังคำรามด้วยความโกรธแค้น ระฆังทองคำที่ลอยอยู่เหนือศีรษะของมัน หันไปยิงลำแสงทองคำใส่ฉู่ชวิ๋น
ฉู่ชวิ๋นหมุนตัวหลบได้อย่างง่ายดาย จากนั้นชายหนุ่มก็ลอยตัวขึ้น เงื้อไม้เท้าขึ้นสูงก่อนที่จะฟาดลงมาเต็มแรง
เปรี้ยง!
ระฆังทองคำที่ลอยตัวอยู่เหนือศีรษะของบรรพบุรุษตระกูลจังส่งเสียงดังกังวานเหง่งหง่าง ม่านพลังที่คุ้มครองร่างกายชายชราอยู่สั่นไหวเกือบจะแตกสลาย บรรพบุรุษตระกูลจังถอยหลังไปหลายก้าว พื้นดินเกิดรอยแตกร้าวขนาดใหญ่
ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายตั้งตัวได้ทัน ฉู่ชวิ๋นโถมเข้ามาพร้อมกับไม้เท้าทองคำ แล้วเขาก็ฟาดไม้เท้าลงมาด้วยความรุนแรงเกรี้ยวกราด
เปรี้ยง!
แต่คราวนี้ เป้าหมายของชายหนุ่มไม่ได้อยู่ที่ระฆังทองคำ แต่อยู่ที่บรรพบุรุษตระกูลจังโดยตรง
บรรพบุรุษตระกูลจังถูกแรงกระแทกจากม่านพลังดีดสะท้อนเข้าใส่ลอยกระเด็นไปไกล ฉู่ชวิ๋นไม่ได้ไล่ตามไปแต่ใช้โอกาสนี้หันมาจัดการค้อนตีระฆัง เขายกไม้เท้าหางมังกรขึ้นฟาดใส่มันครั้งแล้วครั้งเล่า
เปรี้ยง เปรี้ยง…!
ฉู่ชวิ๋นฟาดไม้เท้าออกไปหลายสิบกระบวนท่าไม่หยุดยั้ง จนค้อนตีระฆังทองคำร่วงลงไปอยู่บนพื้นดิน
ในขณะนี้ ค้อนตีระฆังซึ่งเคยมีประกายเป็นสีทองเรืองรอง กลับหมองแสงลงกลายเป็นเพียงสีเหลืองอ่อน ค่อยๆ จางเป็นสีสนิม สุดท้ายก็นอนแน่นิ่งเป็นค้อนตีระฆังธรรมดาอยู่บนพื้นดิน
ฉู่ชวิ๋นใช้ไม้เท้าลองเขี่ยมันอยู่หลายรอบ เมื่อเห็นว่าค้อนตีระฆังไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆ เขาก็ก้มหยิบขึ้นมาถือด้วยความพึงพอใจ
บรรพบุรุษตระกูลจังลอยกระเด็นไปกระแทกก้อนหินใหญ่ รอจนเมื่อมันลุกขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าฉู่ชวิ๋นกำลังถือค้อนตีระฆังหน้าตาเฉย ชายชรารู้สึกเดือดดาลเป็นอย่างมาก พยายามเรียกค้อนกลับคืนมา แต่ค้อนตีระฆังก็ไม่เกิดปฏิกิริยาตอบรับใดๆ เลย
“เจ้าเด็กหน้าไม่อาย คืนค้อนของข้ามาเดี๋ยวนี้” บรรพบุรุษตระกูลจังคำรามด้วยใบหน้าเคร่งเครียดสุดชีวิต
ระฆังทองคำเป็นเครื่องมือป้องกัน ส่วนค้อนตีระฆังเป็นเครื่องมือโจมตี อาวุธสองชิ้นนี้ต้องทำงานสอดประสานร่วมกัน จึงจะเป็นอาวุธที่ทรงพลังอย่างแท้จริง ถ้าขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไป แล้วจะต่อสู้กับฉู่ชวิ๋นได้อย่างไร?
ฉู่ชวิ๋นยิ้มเย้ยหยัน เก็บไม้เท้าหางมังกรกลับเข้าที่ ก่อนเงื้อค้อนตีระฆังขึ้นสูงเหนือศีรษะ
“อยากได้คืนใช่ไหม เอาไปเลย!”
ฉู่ชวิ๋นโคจรพลังลมปราณใส่ค้อนตีระฆัง ฉับพลันนั้น ตัวค้อนก็เกิดประกายสีทองเรืองรองขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อโคจรพลังเข้าใส่เต็มอัตราแล้ว ชายหนุ่มก็หมุนตัวเหวี่ยงค้อนออกไปพุ่งเข้าใส่บรรพบุรุษตระกูลจัง
บรรพบุรุษตระกูลจังยังคงพยายามใช้พลังจิตควบคุมค้อนตีระฆัง แต่มันก็พบว่าตนเองควบคุมอะไรไม่ได้เลย ชายชราทำได้เพียงจ้องมองค้อนทองคำที่ลอยเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ สีหน้าพลันแปรเปลี่ยนไปทันที มันไม่มีทางเลือกนอกจากหลบหนี
ฉู่ชวิ๋นยื่นมือออกมาข้างหน้า ค้อนตีระฆังยังไม่ทันได้ทุบตีผู้คน ก็ลอยกลับเข้าไปอยู่ในมือของเขาอย่างว่าง่าย
“ขอดูหน่อยเถอะว่าจะหนีไปไหน?”
ฉู่ชวิ๋นมีความเร็วแสนร้ายกาจ ระดับความเร็วของเขามากกว่าความเร็วเสียงเกือบสี่เท่า เรียกได้ว่าเมื่อเคลื่อนไหวก็มองไม่เห็นตัวคนแล้ว เพียงพริบตาเดียว ชายหนุ่มก็มาปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าบรรพบุรุษตระกูลจัง พร้อมกับค้อนในมือที่เงื้อขึ้นสูง
เมื่อเห็นดังนั้น บรรพบุรุษตระกูลจังก็ปากอ้าตาถลน แต่ในระยะประชิดขนาดนี้ ชายชราไม่สามารถหลบหนีได้อีกแล้ว ค้อนตีระฆังซัดเข้ามาเต็มแรง บรรพบุรุษตระกูลจังถึงจะหลบอย่างไรก็หลบไม่พ้น ถูกกระแทกเข้าอย่างจังจนกระเด็นไปอีกครั้ง
แต่โชคดีที่ตัวมันมีม่านพลังทองคำคอยป้องกันอยู่ชั้นหนึ่ง เมื่อลุกขึ้นมาจึงพบว่าไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากมาย แต่พอเหลียวหน้ากลับไป ก็เห็นฉู่ชวิ๋นตามติดมาอีกแล้ว
“จะหนีไปไหนไม่ทราบ? ส่งระฆังทองคำมาเดี๋ยวนี้” ฉู่ชวิ๋นตะโกนมาจากข้างหลัง
บรรพบุรุษตระกูลจังหายใจไม่ทันแล้ว เจ้าเด็กคนนี้มันไร้ยางอายมากเกินไป ถึงกับอยากได้อาวุธทั้งสองชิ้นเลยหรือนี่?
ความเร็วของขั้นจักรพรรดิระดับ 9 โดยปกติจะเร็วกว่าความเร็วเสียงประมาณสามเท่า ซึ่งก็นับว่ารวดเร็วมากแล้ว
แต่อย่างไรก็เทียบไม่ได้กับความเร็วของฉู่ชวิ๋น เพียงไม่กี่อึดใจ ชายหนุ่มก็ไล่ตามมาทัน
เปรี้ยง!
ฉู่ชวิ๋นใช้ค้อนตีระฆังฟาดม่านพลังที่กำบังร่างกายของบรรพบุรุษตระกูลจังด้วยความดุดัน เมื่อฟาดเสร็จแล้วก็ถอยฉากออกมา ม่านพลังทองคำเริ่มหมองแสงลงไปไม่น้อย
บรรพบุรุษตระกูลจังไม่มีเวลาให้คิดอะไรมากมาย เมื่อเห็นว่าฉู่ชวิ๋นทำท่าจะกระโดดเข้ามาอีกครั้ง มันก็หันหลังกลับและกระโดดหนีด้วยความเร็วมากที่สุดเท่าที่ทำได้
แต่เพียงพริบตาเดียว ฉู่ชวิ๋นก็ไล่ตามมาทัน พร้อมกับค้อนตีระฆังที่ถือมั่นอยู่ในมือ
เปรี้ยง!
พื้นดินระเบิดตู้ม ลำแสงสีทองสาดกระจายไปทั่วบริเวณ
บรรพบุรุษตระกูลจังถูกแรงกระแทกส่งตัวลอยกระเด็นออกไปไกล มันเกือบจะบ้าตายแล้ว ฉู่ชวิ๋นมีเจตนาอยากได้ระฆังทองคำของมันจริงๆ ใบหน้าของชายชราพลันบิดเบี้ยว เลือดสีแดงสดทะลักออกมาจากปากอย่างควบคุมไม่ได้