จักรพรรดิเซียนหวนคืน - บทที่ 427 น้ำตาพังพอน
บทที่ 427 น้ำตาพังพอน
ฉู่ชวิ๋นกลายเป็นพ่อครัวหัวป่า เขาจุดกองไฟขึ้นมา เปลวไฟสว่างไสว
“ใครก็ได้มาช่วยข้าถอนขนนกยูงสาวตัวนี้หน่อย”
“ข้าน้อยช่วยเอง”
“ข้าน้อยก็จะช่วยด้วย”
ขาดคำของฉู่ชวิ๋น พังพอนปีศาจหลายตัวก็รีบกรูเข้ามาช่วยงานเขา
เผ่าพันธุ์มนุษย์นกยูงดูถูกดูแคลนเผ่าพันธุ์มนุษย์พังพอนอยู่เสมอ
แต่บรรดาพังพอนปีศาจชื่นชอบมนุษย์นกยูงมาก โดยเฉพาะมนุษย์นกยูงที่เป็นผู้หญิง
พังพอนปีศาจกลุ่มนี้ภักดีต่อ “เหล่าสือ” ของพวกมันเป็นอย่างยิ่ง เพราะการติดตามเหล่าสือทำให้พวกมันมีวาสนาได้กินเนื้อนกยูงแล้ว
“เบามือหน่อยนะ อย่าทำให้ร่างของเธอเละซะล่ะ” ฉู่ชวิ๋นตะโกน
“เหล่าสือนอกจากห่วงใยพวกเราแล้ว ยังพิถีพิถันเรื่องอาหารจังเลยนะครับ”
พังพอนปีศาจตัวหนึ่งพูดขึ้น ในขณะที่เอื้อมมือออกไปลูบไล้เรือนร่างของนกยูงสาว
ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะเปลี่ยนร่างมาเป็นนกยูงยักษ์แล้วก็จริง
แต่ในสายตาของพังพอนปีศาจเหล่านี้ นกยูงสาวตัวนี้ช่างสวยงามยิ่งนัก
เพราะฉะนั้น นอกจากพวกมันจะลงมือถอนขนอย่างทะนุถนอมตามคำสั่งของ “เหล่าสือ” แล้ว บรรดาพังพอนปีศาจยังถือโอกาสลวนลามเรือนร่างของนกยูงสาวไปในตัวอีกด้วย
เมื่อมีตัวแรกทำ ตัวอื่น ๆ ก็เริ่มทำตาม
ฉู่ชวิ๋นทำเป็นมองไม่เห็น แต่มุมปากของเขายกตัวเป็นรอยยิ้มเล็กน้อย
“สาม”
“สอง”
“หนึ่ง”
ฉู่ชวิ๋นนับถอยหลังอยู่ในใจ
เมื่อนับได้ถึงหนึ่ง นกยูงสาวที่น่าจะตายแล้ว กลับลุกพรวดขึ้นมา
อาจจะเป็นเพราะว่าเธอไม่สามารถทนการถูกลวนลามได้อีกต่อไปแล้ว
แว๊ก!
เสียงกรีดร้องของนกยูงสาวดังแหลมเสียดรูหู ก่อนที่ปีกซึ่งมีความยาวนับ 10 เมตรจะกางออกกว้าง โบกสะบัดเกิดแรงลมรุนแรงโหมกระพือ
บรรดาพังพอนปีศาจมีพลังเพียงแค่ขั้นจักรพรรดิระดับต่ำ อย่าว่าแต่พวกมันโดนโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว หรือต่อให้ตั้งตัวแล้ว พวกมันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฝ่ายตรงข้ามที่มีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 7 อยู่ดี
เมื่อนกยูงปีศาจสาวกระพือปีก แรงลมก็พัดเหล่าพังพอนปีศาจกระเด็นกระดอนไปคนละทิศละทาง แม้แต่ก้อนหินที่ตั้งเรียงรายอยู่โดยรอบ ก็พังถล่มลงมา
นกยูงปีศาจสาวโผบินขึ้นสู่ท้องฟ้า สองปีกกางออกกว้าง ดวงตาที่แสนเย็นชาหันมาจับจ้องฉู่ชวิ๋นที่ยืนอยู่ด้านล่าง
ฉู่ชวิ๋นกระโดดขึ้นไปบนหินก้อนหนึ่ง แล้วจึงกระโดดเข้าหานกยูงสาวที่บินอยู่กลางอากาศ
นกยูงสาวไม่คิดเลยว่าฉู่ชวิ๋นจะสามารถกระโดดได้ไกลถึงเพียงนี้ เธอจึงเปล่งเสียงร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย!”
เสียงของนกยูงสาวดังกังวานไปทั่วหุบเขา
ฉู่ชวิ๋นไม่สามารถเข้าถึงตัวเธอได้ สุดท้ายก็ต้องกระโดดกลับลงมาบนพื้นดินอีกครั้ง
ในขณะนี้ หน่วยลาดตระเวนของมนุษย์หมาป่าก็ปรากฏตัวขึ้นพอดี พวกมันได้ยินเสียงนกยูงสาวร้องขอความช่วยเหลือ จึงรีบรุดมายังที่เกิดเหตุด้วยความเร็วปานสายฟ้าฟาด
“แม่นางนกยูง เกิดอะไรขึ้น?” หัวหน้ากลุ่มลาดตระเวนของมนุษย์หมาป่า มีดวงตาเป็นสีเหลืองแปลกประหลาด และมีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 7 เช่นกัน
แต่ก่อนที่นกยูงสาวจะได้ตอบ กลุ่มมนุษย์หมาป่าก็วิ่งเข้าไปถึงบริเวณลานหิน สิ่งที่พวกมันพบเห็นอยู่ตรงหน้าทำให้ต้องยืนนิ่งด้วยความตกตะลึง
“ไอ้พวกพังพอนปีศาจ กล้าดียังไงถึงได้ฆ่ามนุษย์นกยูงเพื่อนของพวกเรา พวกแกเห็นกฎของคุณหวูเป็นเรื่องตลกหรือยังไง?” หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนของมนุษย์หมาป่าส่งเสียงคำราม
บรรดาพังพอนปีศาจเกิดความตื่นกลัวขึ้นมาแล้ว พวกมันไม่คิดเลยว่าความลับจะแตกรวดเร็วเช่นนี้
“เหล่าสือ เราจะทำยังไงกันดี?”
“ฆ่าพวกมันให้หมด!”
ฉู่ชวิ๋นหรี่ตาลงในขณะที่กระโจนเข้าหากลุ่มมนุษย์หมาป่า พร้อมกับยกกำปั้นขึ้นต่อยหมัดออกไป
“ไอ้พวกพังพอนโสโครก พวกแกจะก่อกบฏใช่ไหม?”
หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนของมนุษย์หมาป่าคํารามด้วยความฉุนเฉียวและตรงเข้ามารับมือฉู่ชวิ๋น แต่มันเองมีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 7 ส่วนเหล่าสือของกลุ่มพังพอนปีศาจมีพลังอยู่ระดับ 8 เมื่อมนุษย์หมาป่าปล่อยหมัดออกมา เหล่าสือก็หมุนตัวตีลังกาหลบหลีกอย่างคล่องแคล่ว ทำให้ก้อนหินที่อยู่ด้านหลังแตกกระจาย
ฉู่ชวิ๋นอาศัยจังหวะนั้นดีดตัวไปข้างกายมนุษย์หมาป่าอีกตัวหนึ่ง แล้วต่อยศีรษะของมันระเบิดไปด้วยหมัดเดียว
“พวกแกมัวยืนทำอะไรกันอยู่? ถ้าไม่อยากตาย ก็รีบฆ่าพวกมันเร็วเข้า” ฉู่ชวิ๋นคำรามใส่บรรดาพังพอนปีศาจ
แต่บริวารของเหล่าสือยังไม่หายตกใจกันสักเท่าไหร่ พวกมันโถมตัวเข้าใส่กลุ่มมนุษย์หมาป่าอย่างไม่รู้ตัว นี้เป็นการปฏิบัติตามคำสั่งจากจิตใต้สำนึก
“ไอ้พังพอนโสโครก แกกล้าฆ่าพวกเดียวกันเองอย่างนี้ คิดจะก่อกบฏใช่หรือไม่?” เหล่ามนุษย์หมาป่าพร้อมใจกันคำรามด้วยความเดือดดาล
ฉู่ชวิ๋นไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เขาต่อยหมัดระเบิดหัวมนุษย์หมาป่าที่ขวางหน้าตัวแล้วตัวเล่า
มนุษย์หมาป่ากลุ่มนี้มีพลังระดับจักรพรรดิขั้นแรกเริ่ม เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับฉู่ชวิ๋น แถมยังมีกองกำลังพังพอนปีศาจคอยเกื้อหนุน เพียงไม่กี่อึดใจ หน่วยลาดตระเวนของมนุษย์หมาป่าก็ถูกฆ่าตายไปหมดสิ้น
นกยูงสาวรีบบินหนีไปด้วยความหวาดกลัว
“เหล่าสือ จะเอาไงต่อดีครับ?”
บรรดาพังพอนปีศาจเริ่มหวาดหวั่นขึ้นมาอีกครั้ง
“ไม่เป็นไร เราต้องแต่งเรื่องขึ้นมาบอกว่ามนุษย์นกยูงถูกพวกมนุษย์หมาป่าฆ่าตาย ส่วนพวกเราแค่ตามมาช่วยเหลือทีหลัง”
“แต่ถ้านางนกยูงตัวนั้นบินกลับไปรายงานพรรคพวกของมัน ความก็แตกกันพอดีสิครับ”
“ไม่หรอก เราก็จะบอกว่าเธอหวาดกลัวจนสติแตก เกิดความสับสนคิดว่าคนที่มาช่วยกลายเป็นศัตรู”
“จะมีคนเชื่อเหรอครับ?”
“ไม่รู้สิ เราก็แค่ต้องลองดูก่อนเท่านั้น หรือว่าแกอยากตายล่ะ? ทางที่ดีพวกแกพูดให้น้อยที่สุดและเชื่อฟังฉันให้มากที่สุดจะดีกว่า”
กลุ่มพังพอนปีศาจพร้อมใจกันผงกศีรษะอย่างแข็งขัน
“ไปได้แล้ว พวกเรากลับกันเถอะ อย่าลืมว่าระหว่างทางกลับ จงตะโกนไปตลอดทางด้วยว่าพวกมนุษย์หมาป่าก่อการร้ายและฆ่าพันธมิตรของพวกเรา”
ฉู่ชวิ๋นเดินตามหลังกลุ่มพังพอนปีศาจไปพลางคิดหาหนทางหลบหนีไปพลาง
“สหายทุกเผ่าพันธุ์โปรดระวังตัว พวกมนุษย์หมาป่าก่อกบฏและฆ่าคนของสำนักนกยูงปีศาจตายแล้ว”
“เตือนภัย มนุษย์หมาป่าฆ่าคนของกลุ่มพันธมิตร ทุกคนโปรดระวังตัว”
บรรดาพังพอนปีศาจวิ่งไปก็ตะโกนไปด้วย
เสียงของพวกมันดังกังวานได้ยินไปถึงบริเวณที่อยู่ห่างไกล บรรดามนุษย์กลายพันธุ์ทั้งหลายตื่นตกใจไม่น้อย ได้แต่สงสัยว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์หมาป่าจะกล้าก่อกบฏจริงหรือ?
นกยูงสาวสามารถบินกลับมายังที่พักของเผ่าพันธุ์มนุษย์นกยูงได้ด้วยความตื่นกลัวและเธอก็ได้พบกับค่งเถิงเฟย ตัวแทนผู้มีฝีมือแข็งแกร่งที่สุดของสำนักนกยูงปีศาจ
ค่งเถิงเฟยเมื่อได้ยินว่าบริวารของตนเองถูกพวกพังพอนปีศาจฆ่าตายและจับกินอย่างโหดร้ายอำมหิต มันก็ถึงกับคำรามออกมาด้วยความโกรธแค้น เสียงคำรามของมันดังกึกก้องไปทั่วหุบเขา
สมาชิกของมนุษย์กลายพันธุ์เผ่าพันธุ์ต่าง ๆ อยู่นิ่งเฉยไม่ได้ ต้องออกมารวมตัวกันแล้ว
เมื่อนั้นเอง ค่งเถิงเฟยก็ได้พบหน้าตัวแทนจากสำนักพรพิฆาต ซึ่งเป็นชายร่างเตี้ย ผิวเหลือง หน้าตาอัปลักษณ์
โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ค่งเถิงเฟยคำรามออกมาด้วยความแค้น ก่อนกระโจนเข้าไปสะบัดฝ่ามือยิงพลังลมปราณใส่ฝ่ายตรงข้ามทันที
“ค่งเถิงเฟย แกทำบ้าอะไรของแก?” หวงเซิงพูดด้วยความไม่พอใจ โคจรม่านพลังขึ้นมาห้อมล้อมรอบกาย แล้วจึงยิงพลังโต้ตอบกลับไป
เปรี้ยง!
พลังลมปราณปะทะกัน ทั้งสองฝ่ายต่างเซถอยหลังไปคนละหลายก้าว
“ค่งเถิงเฟย แกบ้าไปแล้วหรือไง?” หน้าตาที่แสนจะอัปลักษณ์ของหวงเซิง เพิ่มความอัปลักษณ์มากขึ้นจากความเดือดดาล
“หวงเซิง เหล่าสือของสำนักแกฆ่าหน่วยลาดตระเวนของพวกฉัน แถมยังเอาเนื้อไปต้มกินหน้าตาเฉย ถ้าวันนี้แกไม่มีคำอธิบายที่น่าพอใจ รับรองได้เลยว่าสำนักนกยูงปีศาจจะทำทุกวิถีทาง เพื่อกวาดล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์พังพอนของพวกแกให้ได้” ค่งเถิงเฟยพูดพร้อมกับมีพลังลมปราณพวยพุ่งออกมาจากร่างกายอย่างรุนแรง
ตัวแทนจากเผ่าพันธุ์อื่น ๆ ถึงกับยืนงงทำอะไรไม่ถูก
กลุ่มพังพอนปีศาจจะใจกล้าบ้าบิ่น ถึงขนาดลงมือสังหารหน่วยลาดตระเวนของมนุษย์นกยูงได้เชียวหรือ
หวงเซิงมีสีหน้าแปรเปลี่ยนไปทันที มันตัดสินใจแล้วว่า ไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นความจริงหรือไม่ มันก็ต้องปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็นอย่างเดียวเท่านั้น
“ค่งเถิงเฟย แกพูดถึงเรื่องอะไรอยู่? ทำไมคนของฉันต้องไปฆ่าหน่วยลาดตระเวนของแกด้วย?”
ค่งเถิงเฟยมีสีหน้าเย็นชา หันกลับไปมองมนุษย์นกยูงสาวที่หนีรอดกลับมาได้
“ค่งหยิง ฉันสัญญาจะมอบความยุติธรรมให้เธอ บอกความจริงออกมาได้เลย เรื่องนี้ต้องรู้ถึงหูคุณหวูแน่นอน”
ค่งหยิงเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ทุกคนฟัง
เมื่อได้รับฟังจบแล้ว บรรดาตัวแทนจากสำนักต่าง ๆ ก็หันไปมองหน้าหวงเซิงเป็นตาเดียว
“หวงเซิง มีอะไรจะพูดอีกไหม?” ค่งเถิงเฟยถามด้วยความโกรธแค้น
ดวงตาเท่าเม็ดถั่วเขียวของหวงเซิงเป็นประกายวิบวาว มันหันไปมองหน้าค่งหยิงและพูดว่า “เธอบอกว่าเหล่าสือลูกน้องฉันเป็นคนที่ลงมือฆ่าเธอ แต่เขามีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 8 ส่วนเธอมีพลังอยู่ขั้นที่ 7 เท่านั้น แล้วเธอสามารถหนีรอดมาได้ยังไง?”
ใบหน้าที่สวยงามในร่างมนุษย์ของค่งหยิงนิ่งค้างไปทันที เธออยากจะบอกว่าตนเองแกล้งตายจึงหนีรอดมาได้ แต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่บรรดาพังพอนปีศาจอาศัยจังหวะนั้นลวนลามเธอ นกยูงสาวก็อยากจะอาเจียนออกมายิ่งนัก เธอไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเหล่านั้นเลย
“หวงเซิง พูดแบบนี้หมายความว่าไง?” ค่งเถิงเฟยขัดขึ้นด้วยความไม่พอใจ “ถ้าค่งหยิงตายไปสักคน ก็ไม่มีใครสามารถรู้ได้อีกแล้วว่าพังพอนโสโครกของพวกแกทำอะไรไว้บ้าง?”
“ฉันคิดมาตั้งแต่แรกแล้วว่าพวกพังพอนมันไว้ใจไม่ได้ สุดท้ายพวกมันก็ก่อเรื่องขึ้นจริง ๆ” ตัวแทนจากเผ่าพันธุ์มนุษย์หมาป่าพูด
“ฉันบอกแล้วว่าไมอยากรับพวกมันเข้ากลุ่มด้วยเลย ดูสิ ทีนี้พวกมันก็ก่อเรื่องให้พวกเราปวดหัวจนได้” ไห่เถิงจากสำนักมังกรดำหัวเราะเยาะ
หวงเซิงมีแววตาขุ่นมัว รับรู้ได้อย่างชัดเจนว่ามนุษย์กลายพันธุ์เผ่าพันธุ์อื่น ๆ ไม่เห็นมนุษย์พังพอนอยู่ในสายตาเลยสักนิด
“แล้วจะทำไมล่ะ? เราต้องรอให้คนของฉันกลับมารายงานก่อนสิ จะฟังความจากแม่นางคนนี้ข้างเดียวได้ยังไง”
“หลังจากก่อเรื่องร้ายแรงเช่นนี้แล้ว เหล่าสือของแกยังจะมีหน้ากลับมาอีกหรือ?”
ค่งเถิงเฟยออกคำสั่งเสียงดังให้คนไปปิดทางเข้าออกหุบเขาอเวจีทันที
“ทุกคนตามฉันมา เราต้องตามจับตัวมันให้ได้”
“หวงเซิง ฉันจะไปรายงานคุณหวู พวกเราต้องการความยุติธรรม” ค่งเถิงเฟยหันมาหัวเราะเยาะใส่หน้าหวงเซิง ก่อนที่จะเดินออกไปจากห้อง
“คอยดูก็แล้วกัน ต่อให้พังพอนอย่างพวกแกมุดดินหนี ก็อย่าหวังเลยว่าจะรอดไปได้” ไห่เถิงพูดด้วยน้ำเสียงข่มขวัญ
แต่หลังจากนั้น กลุ่มคนเดินออกมาได้ไม่ไกล พวกเขาก็ได้ยินเสียร้องตะโกนว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์หมาป่าก่อกบฏ
สีหน้าของตัวแทนจากเผ่าพันธุ์มนุษย์หมาป่าเย็นชาขึ้นทันที
เมื่อพบเห็นพวกของค่งเถิงเฟยและคนอื่น ๆ ฉู่ชวิ๋นก็ชะงักไปเล็กน้อย และส่งสัญญาณให้พังพอนปีศาจที่เป็นลูกน้องวิ่งเข้าไปรายงานเรื่องราวโดยเร็ว
กลุ่มพังพอนปีศาจวิ่งเข้าไปหาหวงเซิง
“*เหล่าปา พวกมนุษย์หมาป่าก่อกบฏ พวกมันฆ่ามนุษย์นกยูงสหายของพวกเรา แถมยังเฉือนเนื้อเถือหนังเอาไปต้มกินอีกด้วย”
*เหล่าปา คือ ผู้อาวุโสลำดับที่ 8
ผู้อาวุโสลำดับที่ 8?
ฉู่ชวิ๋นแอบดีใจที่ตนเองไม่พูดอะไรออกมาก่อนหน้านี้
“เหล่าสือ ตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” หวงเซิงหันมามองหน้าฉู่ชวิ๋น
“ระหว่างที่เรากำลังเดินลาดตระเวน ก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือครับ” ฉู่ชวิ๋นหันหน้ากลับไปจ้องมองค่งหยิงและคำรามว่า “แม่นางนกยูงท่านนี้นี่แหละที่เป็นคนร้องขอความช่วยเหลือ เมื่อเราเข้าไปถึงที่เกิดเหตุ ก็พบพวกมนุษย์หมาป่ากำลังกัดแทะซากศพของมนุษย์นกยูง นี่เท่ากับเป็นการก่อกบฏ ถ้าไม่เห็นแก่กฎเกณฑ์ของคุณหวู พวกเราคงได้ลงมือสังหารพวกมันไปแล้ว แต่ตอนที่เราจะบุกเข้าไปจับกุม พวกมนุษย์หมาป่าก็วิ่งหนีหายเข้าไปหลังลานหิน นับเป็นความประมาทของข้าน้อยเอง พวกมันถึงหนีไปได้อย่างนี้”
ทุกคนมีสีหน้าประหลาดใจ ก่อนที่จะหันกลับไปมองตัวแทนจากสำนักมนุษย์หมาป่า
เมื่อสักครู่นี้ยังมีหลักฐานชัดเจนอยู่เลยว่ามนุษย์พังพอนเป็นฝ่ายฆ่ามนุษย์นกยูง แล้วเหตุไฉนถึงกลายมาเป็นฝีมือของมนุษย์หมาป่าไปได้เล่า?
“เหลวไหล” ค่งหยิงยกมือชี้หน้าฉู่ชวิ๋น เมื่อนึกถึงภาพชายคนนี้พยายามสังหารเธอ รวมถึงลูกน้องของเขาที่ลวนลามเรือนร่างของเธอด้วยความหื่นกาม เสียงที่พูดออกมาก็สั่นเครือด้วยความโกรธแค้นสุดขีด “ พวกแกนั่นแหละเป็นคนฆ่าพวกเรา”
ฉู่ชวิ๋นมองหน้าค่งหยิงด้วยความมึนงงและผิดหวังเล็กน้อย
“แม่นาง เราเป็นคนช่วยชีวิตเจ้าไว้นะ จะมาใส่ความแบบนี้ได้ยังไง ทำไมแม่นางถึงพูดแบบนี้? มีคนบังคับให้แม่นางพูดใช่ไหม?”
ก่อนที่ค่งหยิงจะได้พูดอะไรอีก ฉู่ชวิ๋นก็หันกลับไปมองหน้าตัวแทนจากเผ่าพันธุ์มนุษย์หมาป่า แล้วพูดว่า “ดูสิ มีคนข่มขู่แม่นางท่านนี้ ทุกคนเห็นแล้วใช่ไหมว่าเธอตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวขนาดไหน ต้องมีคนบังคับให้เธอพูดเช่นนี้ เพื่อใส่ร้ายป้ายสีเผ่าพันธุ์มนุษย์พังพอนของพวกเราแน่นอน”
ทุกสายตาหันไปจับจ้องค่งหยิง และพบว่าเธอยืนตัวสั่นเทาตั้งแต่หัวจรดเท้าจริง ๆ จึงอดสงสัยไม่ได้ว่า ค่งหยิงถูกผู้คนข่มขู่จริง ๆ หรือไม่? ไม่เช่นนั้น เธอจะหวาดกลัวอะไรได้อีก?
“ฉันรู้ว่าเผ่าพันธุ์พังพอนปีศาจของเรามีภาพลักษณ์ไม่ดี แต่จะมารังแกพวกเราแบบนี้ก็ไม่ถูก การฆ่ามนุษย์นกยูงมีแต่จะทำให้สำนักพรพิฆาตพบเจอแต่ปัญหา ฉันขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า มันเป็นเรื่องที่พวกเราไม่มีวันทำเด็ดขาด“ ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยความอัดอั้นตันใจ
“ใช่ พวกเราไม่มีวันลงมือเด็ดขาด”
“เหล่าสือพูดได้ถูกต้อง พวกเราไปช่วยคน แต่กลับโดนกล่าวหาว่าเป็นฆาตกร ไปตามหาหน่วยลาดตระเวนของมนุษย์หมาป่าให้เจอสิ แล้วทุกคนจะได้รู้ความจริง”
“ผู้อื่นเป็นคนฆ่ามนุษย์นกยูงแท้ ๆ แต่กลับใส่ร้ายป้ายสีพวกเราพังพอนปีศาจ แบบนี้จะให้เราทนได้อย่างไร”
บรรดาพังพอนปีศาจร้องตะโกนด้วยความโกรธแค้น มีพวกมันสองตัวถึงกับบีบน้ำตาออกมานองใบหน้าแล้ว
น้ำตาพังพอน!…
ฉู่ชวิ๋นอดประหลาดใจกับทักษะการแสดงของพังพอนปีศาจเหล่านี้ไม่ได้
พวกมันแสดงละครตบตาเก่งกาจขนาดนี้ เขาแทบไม่ต้องลงมือทำอะไรเพิ่มเติมอีกเลยด้วยซ้ำ ช่างรู้งานดีจริง ๆ