จักรพรรดิเซียนหวนคืน - บทที่ 430 ค่ำคืนแห่งความตายของมนุษย์หมาป่า
บทที่ 430 ค่ำคืนแห่งความตายของมนุษย์หมาป่า
ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเป็นประกายเย็นชา แต่ความตกตะลึงทำให้เขาลืมหายใจไปชั่วขณะ
การขึ้นมาสำรวจหุบเขาอเวจีนับเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดแล้ว
“คุณหวูอะไรนั่นมันเป็นใคร?”
ฉู่ชวิ๋นรู้สึกสงสัยมาตลอด คนที่ทำให้พวกมนุษย์กลายพันธุ์รวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้ ย่อมไม่สามารถประมาทฝีมือได้เด็ดขาด
“คุณหวูก็คือ…”
ทันใดนั้น หวงเซิงกำเศษดินที่อยู่บนพื้นแล้วปาเข้าใส่หน้าฉู่ชวิ๋น ก่อนที่มันจะหันกลับไปใช้กรงเล็บตะกุยพื้นดิน
มันกำลังจะใช้วิชามุดดินเพื่อหลบหนี
ฉู่ชวิ๋นยกมือขึ้นปัดเศษดินที่ถูกปาเข้ามาใส่ใบหน้า หลังจากนั้นก็จ้องมองหวงเซิงมุดหายลงไปใต้ดิน เขารู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อยที่มีวิชาแบบนี้
แต่ไม่นานหลังจากนั้น ริมฝีปากของเขาก็บิดตัวเป็นรอยยิ้ม หวงเซิงไม่รู้ตัวเลยว่านี่ไม่ใช่หนทางหลบหนีของมัน แต่กลับเป็นการทำให้ตนเองพบเจอความตายเร็วขึ้นกว่าเดิม
เพียงพริบตาเดียว หวงเซิงก็ลงไปอยู่ใต้ดินลึก 10 เมตรแล้ว
“รนหาที่เองชัดๆ” ฉู่ชวิ๋นพูดน้ำเสียงราบเรียบ
เขายกเท้าขึ้นแล้วกระทืบลงไปบนพื้นดินเต็มแรง พลัน พลังลมปราณก็ถูกถ่ายทอดจากปลายเท้าทะลุพื้นดินลงไป ทำให้ชั้นดินที่อยู่ด้านล่างถล่มตัวพังทลาย
หวงเซิงตั้งหน้าตั้งตามุดดินหลบหนี ทันใดนั้น ก็รู้สึกว่าชั้นดินรอบตัวบีบอัดมันเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง
ครืน!
ฉู่ชวิ๋นกระทืบเท้าลงไปบนพื้นดินอีกครั้ง ชั้นดินยุบตัวถล่มทลายเป็นครั้งที่สอง
หวงเซิงร้องโหยหวนอยู่ใต้ดิน มันถูกมวลชั้นดินบีบอัดจนกระอักเลือดออกมาแล้ว
ฉู่ชวิ๋นยกเท้าขึ้นและกระทืบเท้าลงไปอีกครั้ง
ครืน!
หลังจากกระทืบเท้าลงไปเป็นครั้งที่สาม หวงเซิงก็ถูกชั้นดินบีบอัดจนขาดใจตายไปเรียบร้อยแล้ว
“กระจอกจริง ๆ” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
หลังจากนั้น เขาก็ปลอมตัวกลับมาเป็นเหล่าสือดังเดิม ก่อนเดินออกไปจากห้อง
“เหล่าสือ อาการบาดเจ็บเป็นอย่างไรบ้างครับ?” พังพอนปีศาจสองสามตัวรีบเข้ามาสอบถามเมื่อเห็นฉู่ชวิ๋นเดินออกมา
“ฉันไม่เป็นไรแล้ว” ฉู่ชวิ๋นส่ายหน้า “ไปเรียกทุกคนมารวมตัวกันซะ”
“ได้เลยครับ”
ไม่นานหลังจากนั้น บรรดาพังพอนปีศาจก็มารวมตัวกัน นับดูแล้วมีจำนวน 30 กว่าตัว
ฉู่ชวิ๋นกวาดสายตามองรอบตัว แล้วกล่าวว่า “ทุกคนคงรู้ดีแล้วว่าพวกเราถูกเผ่าพันธุ์อื่นมองด้วยสายตาเหยียดหยามมาตลอด แต่คืนนี้ เราได้ฆ่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์หมาป่า ซึ่งได้ชื่อว่ามีความเก่งกาจด้านการต่อสู้เป็นที่สุด”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ บรรดาพังพอนปีศาจก็มีดวงตาเป็นประกายแวววาว คืนนี้สำนักของพวกมันแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งเหนือใคร อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“แต่อย่างไรเสีย ตอนที่ประชุมกันในห้องโถงใหญ่ พวกมนุษย์หมาป่ายังกล้าพูดจาวางท่าใหญ่โตกับพวกเรา มันบอกว่าถ้าเจ้าสำนักของมันตื่นจากการจำศีลเมื่อไหร่ พวกเราคงถูกฆ่าตายแน่นอน” ฉู่ชวิ๋นพูดต่อไป
“มนุษย์หมาป่ามันไร้น้ำยาจะตาย ขนาดตัวที่แข็งแกร่งที่สุดของมัน ยังต้องมาตายด้วยน้ำมือพวกเราเลย”
“ถูกต้อง ต่อให้เจ้าสำนักของมันมาหาเราจริงๆ เราก็จะฆ่ามันซะ”
“เหล่าสือ มีอะไรโปรดสั่งการมาได้เลย พวกเราพร้อมทำตามเต็มที่”
การสังหารมนุษย์หมาป่าที่แข็งแกร่งที่สุดได้สำเร็จ ทำให้พังพอนปีศาจกลุ่มนี้หัวใจพองโตยิ่งนัก
“พวกนายจะเชื่อฟังฉันจริงๆ ใช่ไหม?” ฉู่ชวิ๋นถาม
“แน่นอนครับ เหล่าสือเป็นผู้มีวิสัยทัศน์ ไม่เช่นนั้นคืนนี้พวกเราคงพบเจอปัญหาใหญ่แล้ว หากไม่เชื่อฟังคุณ เราจะไปเชื่อฟังใคร?” หนึ่งในพังพอนปีศาจที่ลงมือล่ามนุษย์นกยูงพร้อมกับฉู่ชวิ๋นร้องตะโกนด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ใช่แล้วครับ พวกเราจะเชื่อฟังเหล่าสือ”
“ดีมาก” ฉู่ชวิ๋นโบกมือหนึ่งครั้งเป็นสัญญาณให้พวกมันเงียบเสียง “ฉันเพิ่งปรึกษากับเหล่าปามาเมื่อสักครู่นี้ พวกมนุษย์หมาป่าวางแผนจะแก้แค้นเราอย่างหนักหน่วง ดังนั้นในเมื่อตอนนี้พวกมันไม่มีหัวหน้าคอยดูแล พวกเราต้องรีบตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม ด้วยการฆ่าพวกมันให้หมดฝูง”
กลุ่มพังพอนปีศาจถึงกับยืนอึ้งไปทันที
การสังหารมนุษย์หมาป่าให้หมดไปจากหุบเขาอเวจีไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
“ทำไม กลัวหรือไง?” ฉู่ชวิ๋นหัวเราะเยาะ “งั้นก็รอให้พวกมันมาแก้แค้นก็แล้วกัน”
กลุ่มพังพอนปีศาจแอบชำเลืองมองหน้ากันทันที
“ข้าน้อยจะติดตามเหล่าสือไปสังหารพวกมันเองครับ” พังพอนปีศาจตัวหนึ่งตะโกนขึ้นมา แววตาของมันเป็นประกายดุร้าย
“เหล่าสือช่วยชีวิตของพวกเราไว้ในคืนนี้ แถมยังทำให้เราได้มีโอกาสชิมเนื้อมนุษย์นกยูง ข้าน้อยยินดีสู้ตายเพื่อเผ่าพันธุ์พังพอนปีศาจของพวกเรา”
“ข้าน้อยก็ยินดีสู้ตายเช่นกัน”
เมื่อมีตัวหนึ่งนำ ตัวอื่นๆ ก็ทำตาม ดวงตาของพังพอนปีศาจเป็นประกายวาววับในขณะที่ประสานเสียงกันว่าจะต้องฆ่าพวกมนุษย์หมาป่าให้หมดไปให้ได้
ฉู่ชวิ๋นยิ้มกว้าง ดวงตาของเขาเป็นประกายประหลาดขึ้นมาแล้ว
“ฟังให้ดี เจอพวกมนุษย์หมาป่าที่ไหนให้ฆ่ามันที่นั่น เราจะปล่อยให้มันรอดออกไปพูดมากไม่ได้เด็ดขาด” ฉู่ชวิ๋นออกคำสั่ง
กลุ่มพังพอนปีศาจพยักหน้า หลังจากนั้น พวกมันก็เตรียมตัวเตรียมใจออกไปทำภารกิจ
ความมืดมิดยามราตรีเป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวกชั้นดี
ฉู่ชวิ๋นเดินนำหน้ากลุ่มพังพอนปีศาจเข้าไปยังเขตที่พักของมนุษย์หมาป่า
ฉู่ชวิ๋นกระโดดเข้าไปสังหารมนุษย์หมาป่าสองตัวที่เป็นเวรยามเฝ้าประตู
“พวกเราฆ่ามันให้หมด”
กลุ่มพังพอนปีศาจ 30 กว่าตัวประสานเสียงกันดังลั่น เมื่อพังประตูเข้าไปสู่ด้านใน
บรรดามนุษย์หมาป่ารีบวิ่งออกมาดูเมื่อได้ยินเสียงผู้บุกรุก
“ไอ้พวกพังพอนปีศาจ พวกแกจะทำอะไร?” มนุษย์หมาป่าขั้นจักรพรรดิระดับ 8 คำรามลั่น
“ฆ่าพวกมันซะ!”
ฉู่ชวิ๋นนำบริวารลงมือด้วยความดุร้าย เขาต่อยหมัดใส่มนุษย์หมาป่าขั้นจักรพรรดิระดับ 8 ไม่ยั้งมือ
ผลั่ก!
พลังลมปราณพวยพุ่ง มนุษย์หมาป่าขั้นจักรพรรดิระดับ 8 ได้รับบาดเจ็บ และเมื่อฉู่ชวิ๋นตรงเข้าไปต่อยหมัดซ้ำอีกครั้ง โครงกระดูกในร่างอันใหญ่ยักษ์ของมนุษย์หมาป่าก็แตกละเอียดไม่เหลือชิ้นดี
“พวกเราฆ่ามนุษย์หมาป่าให้หมด”
พังพอนปีศาจ 30 กว่าตัวแยกย้ายกันลงมือ ฝ่ายมนุษย์หมาป่ามีกันแค่ 20 กว่าตัวเท่านั้น กำลังพลของพวกมันน้อยกว่ากลุ่มพังพอนปีศาจ
นอกจากนั้น ตัวแทนที่แข็งแกร่งที่สุดของมนุษย์หมาป่าก็ถูกฆ่าตายไปก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนตัวที่มีขั้นจักรพรรดิระดับ 8 ก็บาดเจ็บสาหัสจากหมัดของฉู่ชวิ๋น เผ่าพันธุ์มนุษย์หมาป่าจึงตกเป็นรองทุกประตู
นี่คือสถานการณ์ที่ไล่ฆ่าอยู่แต่เพียงฝ่ายเดียว
เลือดสาดกระจาย หัวของมนุษย์หมาป่าลอยกระเด็น ศพของพวกมันล้มลงเกลื่อนกลาด
…
ณ ที่พักของเผ่าพันธุ์มนุษย์นกยูง ค่งเถิงเฟยกับเฮยเถิงนั่งคุยกันหน้าเครียดอยู่ที่โต๊ะน้ำชา
“น้องกง วันนี้นายมีความเห็นว่าไงบ้าง?” เฮยเถิงถาม
ค่งเถิงเฟยมีแววตาเย็นชาขณะตอบ “ฉันแน่ใจว่าพังพอนปีศาจนั่นแหละเป็นฆาตกรฆ่าคนของฉัน”
“ถ้าอย่างนั้น มนุษย์หมาป่าก็ต้องได้รับความยุติธรรม” เฮยเถิงว่า
“ไม่มีทาง ตอนนี้ผู้แข็งแกร่งที่สุดของพวกมนุษย์หมาป่าตายไปแล้ว คุณหวูจำเป็นต้องใช้งานคนมีฝีมือ เขาไม่มีทางเอาเรื่องพวกพังพอนปีศาจแน่ๆ” ค่งเถิงเฟยพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“แล้วน้องกงตั้งใจจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปหรือไม่?”
ค่งเถิงเฟยมีดวงตาเป็นประกายดุร้าย ก่อนตอบว่า “ไม่มีทางเด็ดขาด ถ้าฉันปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป ไอ้พวกมนุษย์พังพอนมันจะยิ่งได้ใจไปกันใหญ่”
“พังพอนโสโครกพวกนั้น ฉันไม่ชอบขี้หน้ามันเลยจริงๆ” เฮยเถิงพูด
ค่งเถิงเฟยหันไปมองและแอบหัวเราะเหยียดหยามอยู่ในใจ ถ้าเกลียดชังพวกพังพอนปีศาจมากนัก ทำไมก่อนหน้านี้เฮยเถิงไม่ออกหน้าช่วยเหลือพวกมนุษย์หมาป่าบ้างเล่า?
“ว่าแต่พี่เฮยเถิงมาหาฉันดึกดื่นอย่างนี้ มีธุระอันใดหรือ?”
เฮยเถิงตอบว่า “น้องกงพอจะรู้ไหมว่าเจ้าสำนักของมนุษย์หมาป่าจะตื่นจากการจำศีลเมื่อไหร่?”
“ตอนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ พวกมนุษย์หมาป่าบอกว่าตอนนี้เจ้าสำนักยังจำศีลอยู่นี่นะ? ฉันว่าคงไม่ใช่เร็วๆ นี้หรอก”
“ถ้าอย่างนั้น นายคิดว่าพวกมนุษย์หมาป่าจะยอมเลิกแล้วต่อกันกับพวกพังพอนปีศาจไหม?”
“เป็นไปไม่ได้ มนุษย์หมาป่าเป็นพวกแค้นฝังหุ่นจะตาย คราวนี้พวกพังพอนปีศาจฆ่าตัวแทนของพวกเขา ยังไงก็ต้องมีการแก้แค้นแน่นอน”
เฮยเถิงหัวเราะเยาะและพูดว่า “ถ้าเป็นแบบนั้น ทำไมตอนนี้น้องกงไม่ฮุบเผ่าพันธุ์มนุษย์หมาป่าเป็นของตัวเองเสียเลยล่ะ? พอเจ้าสำนักของพวกมันฟื้นขึ้นมา จะได้รวมกำลังกันไปเล่นงานพวกพังพอนปีศาจด้วยกันไง?”
ดวงตาของค่งเถิงเฟยเป็นประกายสว่างไสว เฮยเถิงกล่าวได้ถูกต้อง ตอนนี้พวกมนุษย์หมาป่าขาดผู้นำ และตัวมันเองก็อยู่ตรงนี้แล้ว ถ้ามนุษย์นกยูงยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ ฝ่ายมนุษย์หมาป่าก็มีแต่จะสำนึกขอบคุณเท่านั้น
แต่เฮยเถิงไม่ใช่ตัวดี ทำไมไม่ฮุบเผ่าพันธุ์มนุษย์หมาป่าไว้เองนะ?
“ถ้าฉันเข้าใจไม่ผิด พี่เฮยเถิงกับพวกพังพอนปีศาจไม่เคยบาดหมางกันมาก่อน แล้วทำไมพี่ถึงอยากจะเล่นงานมันล่ะ?”
เฮยเถิงหัวเราะในลำคอ พูดว่า “เหตุผลแรก ฉันเกลียดขี้หน้าพวกมัน เหตุผลที่สอง ถึงฉันจะเกลียดขี้หน้าพวกมัน แต่ก็สนใจวิชาพลังจิตของพวกมันอยู่ไม่น้อย”
ค่งเถิงเฟยรู้สึกตกตะลึงแล้วที่ได้พบว่า เฮยเถิงสนใจเคล็ดวิชาฝึกพลังจิตของเผ่าพันธุ์พังพอนปีศาจนั่นเอง
“วิชาพลังจิตของพวกพังพอนปีศาจน่าสนใจจริงด้วย ได้ยินพี่เฮยเถิงพูดออกมาเช่นนี้ ฉันก็ชักสนใจขึ้นมาบ้างแล้ว”
ค่งเถิงเฟยมองหน้าเฮยเถิงแล้วส่งยิ้มให้
“พวกมนุษย์หมาป่าได้รับบาดเจ็บทางจิตใจ ตอนนี้อาจกำลังเลียบาดแผลเยียวยาตัวเอง ฉันเอาสมุนไพรไปให้พวกเขาสักหน่อยดีกว่า” ค่งเถิงเฟยลุกขึ้นยืน
“พวกเราไปด้วยกันก็ได้” เฮยเถิงลุกขึ้นยืนเช่นกัน
ดวงตาของทั้งสองฝ่ายเป็นประกายระยิบระยับ ต่างคนต่างก็มีจุดมุ่งหมายของตัวเอง
การยื่นมือเข้าช่วยเหลือเผ่าพันธุ์มนุษย์หมาป่าในครั้งนี้ ต้องได้รับการตอบแทนคืนมาในอนาคตอย่างแน่นอน
ค่งเถิงเฟยกับเฮยเถิงพากันเดินไปยังที่พักของเผ่าพันธุ์มนุษย์หมาป่า
ในเขตที่พักได้เกิดเหตุนองเลือดขึ้นแล้ว ศพของมนุษย์หมาป่า 20 กว่าตัวนอนระเกะระกะอยู่บนพื้นดิน
“ไอ้พวกพังพอนปีศาจ แกมันบ้าไปแล้ว หากเจ้าสำนักของฉันพ้นจากการจำศีลเมื่อไหร่ พวกแกต้องสูญพันธุ์แน่นอน” มนุษย์หมาป่าขั้นจักรพรรดิระดับ 8 ซึ่งบาดเจ็บสาหัส ส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธแค้น
ฉู่ชวิ๋นเดินเข้าไปจ้องมองหน้ามันด้วยสายตาเย็นชา
“รอให้เจ้าสำนักของแกฟื้นขึ้นมาจากการจำศีล ถึงตอนนั้นก็ไม่มีเผ่าพันธุ์มนุษย์หมาป่าอยู่ในโลกนี้อีกแล้ว”
หลังจากพูดจบ ฉู่ชวิ๋นก็ยกมือขึ้นซัดพลังลมปราณใส่หัวของมนุษย์หมาป่า ทำให้หัวของมันหลุดกระเด็นลอยไปไกลหลายเมตร
จังหวะนั้น สีหน้าของฉู่ชวิ๋นเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย รอยยิ้มปรากฏตัวที่มุมปากของเขา
“มาได้ถูกเวลาจริงๆ”
ฉู่ชวิ๋นหัวเราะในลำคอ ก่อนที่ร่างของเขาจะหายวับไป
ในขณะนี้ ค่งเถิงเฟยกับเฮยเถิงเดินเข้ามาในเขตที่พักของมนุษย์หมาป่า และพบเจอฉากฆาตกรรมนองเลือดอยู่ตรงหน้า
พวกมันหันมองหน้ากัน ไม่อยากเชื่อว่าพวกพังพอนปีศาจจะเก่งกาจขนาดนี้
ตอนนี้ มีมนุษย์หมาป่าเหลือรอดแค่เพียงสองตัวเท่านั้น แต่อาการของพวกมันก็ร่อแร่เต็มทน
ค่งเถิงเฟยรู้สึกดีใจไม่น้อยที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้มีปัญหากับพวกพังพอนปีศาจ เพราะทำตามกฎระเบียบของหวูเค่อจิน
คืนนี้หวูเค่อจินประกาศไว้ชัดเจนแล้วว่า สิ่งสำคัญที่สุดในชั่วโมงนี้คือการจัดการจอมมารฉู่ชวิ๋น
แต่ไม่รู้พวกพังพอนปีศาจไปกินดีหมีหัวใจเสือมาจากไหน ถึงได้ไม่สนใจคำสั่งของหวูเค่อจิน ซ้ำยังหักหน้าหวูเค่อจินแบบนี้อีกด้วย
นอกจากนั้น พวกพังพอนปีศาจเป็นฆาตกรฆ่าหน่วยลาดตระเวนของมนุษย์นกยูง ค่งเถิงเฟยจึงมีความปรารถนาอยากจะฆ่าพังพอนปีศาจกลุ่มนี้อยู่แล้ว
นี่ตรงกับสุภาษิตโบราณที่ว่ายืมดาบฆ่าคน
ขณะนี้ การฆ่ามนุษย์พังพอนกลุ่มนี้มีแต่จะทำให้หวูเค่อจินชอบใจ นอกจากไม่ลงโทษแล้ว อาจจะมอบรางวัลให้ด้วยซ้ำ
เห็นได้ชัดว่าเฮยเถิงก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน
ในตอนนี้ การฆ่ามนุษย์พังพอนกลุ่มนี้ นอกจากจะทำให้หวูเค่อจินเห็นดีเห็นงามแล้ว ยังถือเป็นการสร้างบุญคุณต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์หมาป่าอีกด้วย
“หยุดเดี๋ยวนี้”
ค่งเถิงเฟยกับเฮยเถิงประสานเสียงตะโกนลั่น
พวกมันมีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 9 ทั้งคู่ เสียงตะโกนครั้งนี้ดังกึกก้องไปทั่วหุบเขา
กลุ่มพังพอนปีศาจส่วนใหญ่มีพลังระดับจักรพรรดิขั้นแรกเริ่ม พวกมันจะทนทานคลื่นเสียงของสัตว์ร้ายระดับสูงได้อย่างไร ถึงตอนนี้ หลายตัวก็มีอาการเวียนหัวคล้ายจะเป็นลมขึ้นมาอย่างกะทันหันแล้ว
“สหายมนุษย์หมาป่า ไม่ต้องหวาดกลัว พวกเรามาช่วยแล้ว” ค่งเถิงเฟยคำรามพร้อมกับยิงพลังลมปราณใส่พังพอนปีศาจสองตัวในเวลาเดียวกัน
หนึ่งมนุษย์นกยูง หนึ่งมนุษย์มังกรดำระเบิดพลังลมปราณ โบกสะบัดฝ่ามือใส่คู่ต่อสู้เหมือนตบแมลงวันตัวหนึ่ง
ฟู่…!
พังพอนปีศาจห้าถึงหกตัวตกตายไปในพริบตาเดียว
“พังพอนโสโครก ไม่คิดเลยนะว่าแกจะกล้าละเมิดกฎฆ่าผู้คนอีกแล้ว” เฮยเถิงคำรามเสียงดัง
แล้วการสังหารหมู่ก็เกิดขึ้น
ค่งเถิงเฟยกับเฮยเถิงซัดพลังลมปราณออกมาอีกครั้ง ลำแสงสว่างเป็นประกายสวยงาม ไม่มีพังพอนปีศาจตัวไหนสามารถรับมือพวกมันได้เลย
ค่งเถิงเฟยเปลี่ยนร่างเป็นนกยูงยักษ์ ตวัดกรงเล็บด้วยความดุร้าย พังพอนปีศาจสามถึงสี่ตัวร่างกระจายไปอย่างรวดเร็ว
ด้านหลังของเฮยเถิงปรากฏเงาของมังกรดำขนาดใหญ่ กำลังชูคอขึ้นมาข่มขวัญผู้คน
เงาดำพุ่งปราดออกมา ม้วนตัวเข้าใส่ฝูงพังพอนปีศาจครั้งเดียวเจ็ดถึงแปดตัว
พริบตาเดียว ค่งเถิงเฟยกับเฮยเถิงก็จัดการสังหารบรรดาพังพอนปีศาจหมดสิ้น
พังพอนปีศาจกลุ่มนี้ตายไปโดยไม่รู้เลยว่า “เหล่าสือ” ของพวกมันได้หายตัวไปนานแล้ว