จักรพรรดิเซียนหวนคืน - บทที่ 433 มีความคิดเห็นว่าอย่างไร?
บทที่ 433 มีความคิดเห็นว่าอย่างไร?
บรรดาจอมยุทธ์ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันที่แผ่มาพร้อมกับพลังลมปราณ
ทุกคนตะลึงลาน สายตาที่จ้องมองชายหนุ่มผู้อยู่เบื้องหน้าคนนี้เปลี่ยนแปลงไป
“ฉันจะไม่เสียเวลาพูดคุยกับพวกแกอีกแล้ว” หวูเค่อจินยังคงมีสีหน้าหยิ่งผยองอยู่เช่นเดิม
แม้เหล่าจอมยุทธ์จะรู้สึกไม่ชอบใจ แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาอีก
ชายหนุ่มคนนี้แข็งแกร่งเกินกว่าจะตอแยด้วยได้
ค่งหยิงสีหน้าเต็มไปด้วยความหยิ่งผยอง สมแล้วที่เธอเป็นคนของเผ่าพันธุ์มนุษย์นกยูง ค่งหยิงรายงานต่อหวูเค่อจิน
“คุณหวูเจ้าคะ เราเริ่มการถ่ายทอดสดแล้วเจ้าค่ะ”
หวูเค่อจินพยักหน้าเล็กน้อย บอกว่าตนเองรับทราบแล้ว
“ทุกคนโปรดทราบ การต่อสู้ครั้งนี้จะถูกถ่ายทอดสดไปทั่วโลก” หวูเค่อจินพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
บรรดาผู้ที่ให้ความสนใจการต่อสู้ในหุบเขาอเวจีครั้งนี้ ต่างก็เริ่มรับชมการถ่ายทอดสดเป็นจำนวนมหาศาล
กล้องถ่ายทอดสดจับภาพไปยังหวูเค่อจินเกือบจะตลอดเวลา
คนดูทางบ้านได้แต่สงสัยว่าหมอนี่เป็นใครกันนะ?
“สหายผู้รับชมการถ่ายทอดสดทางบ้านทุกท่าน ขอต้อนรับสู่งานชุมนุมล่าปีศาจ อีกไม่ช้า จอมมารฉู่ชวิ๋นจะต้องตายด้วยน้ำมือของผม ขอเชิญติดตามรับชม ห้ามกระพริบตาเด็ดขาด”
หวูเค่อจินหันมองกล้องด้วยแววตาแข็งกระด้าง สีหน้าระบุชัดว่าเหยียดหยามฉู่ชวิ๋นเต็มที่
ห้ามกระพริบตาเด็ดขาด หมายความว่าจอมมารฉู่ชวิ๋นจะถูกฆ่าตายในพริบตาเดียวอย่างนั้นหรือ?
“แกมีดีอะไรกันถึงกล้าพูดเช่นนี้?”
“หรือว่าไอ้หมอนี่มันเป็นพวกอยากดัง หวังเกาะจอมมารฉู่ชวิ๋นสร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง?”
“ไหนว่าชุมนุมพวกสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์มามากมายไงล่ะ? เจ้าพวกนั้นหายไปไหนกันหมด ทำไมถึงได้ปล่อยไอ้หมอนี่ให้ออกมาพล่ามคนเดียวอยู่ได้?”
กลุ่มคนในอินเทอร์เน็ตพร้อมใจกันแสดงความคิดเห็นอย่างล้นหลาม
หวูเค่อจินเห็นข้อความเหล่านั้นแต่ก็ไม่ได้สนใจ ถึงแม้ว่าค่งหยิงจะรายงานเรื่องข้อความหยาบคายเหล่านั้น เขาก็เพียงแต่ยิ้มด้วยสีหน้าเรียบเฉยและให้ตอบกลับไปเพียงไม่กี่คำเท่านั้นว่า
“หลังจากวันนี้ผ่านพ้นไป โลกนี้จะต้องจดจำฉันไปตลอดกาล”
การตอบกลับเพียงประโยคเดียว สามารถสั่นสะเทือนโลกอินเทอร์เน็ตได้อย่างไม่น่าเชื่อ
“ไอ้หมอนี่มันโง่ หรือมันอยากดังจนบ้าไปแล้วนะ?”
“คอยดูเถอะ จอมมารฉู่ชวิ๋นปรากฏตัวเมื่อไหร่ ไอ้หมอนี่โดนตบคว่ำแน่นอน”
หนึ่งในจอมยุทธ์ร้องตะโกนด้วยความเย้ยหยัน
แต่หวูเค่อจินเกียจคร้านเกินกว่าจะตอบคำใด
เข็มนาฬิกากระดิกตัวไปข้างหน้า กาลเวลาเข้าสู่ช่วงบ่ายในพริบตาเดียว
“ตกลงว่าจอมมารฉู่ชวิ๋นจะมาหรือไม่?”
คนของสำนักนกยูงปีศาจเป็นตัวแทนของหวูเค่อจิน ก้าวเท้าออกมาข้างหน้า
ฉู่ชวิ๋นซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มคน เฝ้ามองเหตุการณ์ด้วยสายตาเยือกเย็น
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครตอบรับคำใด คนของสำนักนกยูงปีศาจก็หัวเราะเยาะ “หรือว่าจอมมารของพวกแกจะหวาดกลัวจนหางจุกตูดไปแล้ว?”
“จอมมารฉู่ชวิ๋นของพวกเราไม่เคยกลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น”
“พวกแกควรดีใจนะที่จอมมารมาสาย เพราะยิ่งเขามาสายเท่าไหร่ พวกแกก็จะได้มีชีวิตอยู่นานขึ้นเท่านั้น”
“ทำไมพวกแกถึงได้อยากรนหาที่ตายมากขนาดนี้?”
ตัวแทนจากสมาคมเทพเจ้าฉู่ชวิ๋นตะโกนตอบโต้กลับไป
คนของสำนักนกยูงปีศาจเดินกลับไปพร้อมด้วยหน้าตาที่บูดบึ้ง
อีก 1 ชั่วโมงผ่านไป
ค่งหยิงลุกขึ้นยืนและตะโกนถามว่า ตกลงจอมมารฉู่ชวิ๋นจะมาหรือไม่?
ยังคงไม่มีใครตอบรับคำใด
“พวกอันธพาลข้างถนน ที่แท้ก็หวาดกลัวจนไม่กล้ามาแล้วสินะ?”
ค่งหยิงหัวเราะเยาะ
“แม่นางนกยูงน้อย ฉันขอแนะนำให้เธอระมัดระวังคำพูดเสียหน่อย เอาไว้จอมมารฉู่ชวิ๋นปรากฏตัวขึ้นมาจริงๆ เมื่อไหร่ เธออย่าตกใจกลัวจนฉี่ราดก็แล้วกัน”
“ตอนที่สู้กับจอมมารฉู่ชวิ๋น พวกมนุษย์ปักษาถึงกับต้องละทิ้งอาวุธเผ่นหนีสุดชีวิต ส่วนพวกเผ่าพันธุ์ผีดิบก็ตกอยู่ในสภาพพิกลพิการ แม่นางนกยูงน้อย ถ้าพวกเธอเผชิญหน้ากับจอมมารฉู่ชวิ๋นขึ้นมาจริงๆ สำนักนกยูงปีศาจจะตกอยู่ในสภาพเช่นใดกันหนอ?”
“ทุกคนต่างก็มั่นใจในฝ่ายของตัวเองทั้งนั้นแหละ เผ่าพันธุ์มนุษย์นกยูงได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ฉันว่าน่าจะได้รับการยกย่องจากคนอื่น ๆ เพราะโชคช่วยมากกว่ามั้ง”
เหล่าจอมยุทธ์ระเบิดเสียงหัวเราะชอบอกชอบใจ
หวูเค่อจินมีฝีมือน่ากลัวก็จริง แต่ฉู่ชวิ๋นก็ไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่ากัน
ก่อนที่ฉู่ชวิ๋นจะปรากฏตัว สมาคมเทพเจ้าฉู่ชวิ๋นไม่มีทางปล่อยให้ชื่อเสียงของเขาต้องถูกย่ำยีเด็ดขาด
ค่งหยิงโกรธแค้นจนใบหน้าซีดขาว
“ฉันอุตส่าห์อนุญาตให้พวกนายขึ้นภูเขามารับชมการต่อสู้ ช่วยรักษามารยาทกันหน่อยได้หรือไม่?”
ค่งหยิงยกตัวเองเป็นตัวแทนของหวูเค่อจิน คอยทำหน้าที่เจรจากับกลุ่มจอมยุทธ์ โดยเฉพาะยามที่เธอถูกหักหน้าหลายครั้ง ค่งหยิงย่อมยืนดูอยู่เฉยๆ ไม่ได้อีกแล้ว
“ไม่อย่างนั้นจะทำไม? เธอจะฆ่าเราหรือไง? ฉันรู้ดีอยู่แล้วว่าพวกนกยูงปีศาจไม่มีทางรักษาสัญญาแน่นอน” จอมยุทธ์คนหนึ่งตะโกนสวนไป
ในขณะที่จอมยุทธ์ผู้ยืนอยู่ข้างๆ กัน จ้องมองหวูเค่อจินด้วยสายตาเคร่งเครียดและถามว่า “การต่อสู้ครั้งนี้น่าสนใจก็จริง แต่พื้นที่บนยอดเขามีจำกัด ถ้าเรากลับลงจากภูเขาไปตอนนี้ จะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่?”
“ทุกท่านไม่ต้องเป็นกังวล ไม่ว่าใครก็สามารถเดินทางกลับไปได้อย่างปลอดภัย รวมถึงหลังจากที่จอมมารฉู่ชวิ๋นถูกตัดหัวทิ้งไปแล้ว พวกเราไม่มีทางแตะต้องคนดูเด็ดขาด” ตัวแทนจากเผ่าพันธุ์มนุษย์ปักษาพูด
“แต่ถ้าจอมมารของพวกนายไม่มาล่ะ?” ค่งหยิงยิ้มหยัน
“เหลวไหล จอมมารฉู่ชวิ๋นเป็นใคร? ไม่มาที่นี่แล้วเขาจะไปที่ไหนได้อีก?”
“งั้นพวกแกก็รีบภาวนาให้จอมมารฉู่ชวิ๋นมาถึงที่นี่เร็วๆ ก่อนที่พวกฉันจะหมดความอดทนเถอะ” เผ่าพันธุ์ผีดิบว่า
“จอมมารจะต้องมาแน่นอน พวกแกเตรียมตัวตายกันได้เลย”
หลังจากนั้น ทั้งสองฝ่ายต่างก็เงียบงันไป
ทุกคนล้วนทราบดีว่าในขณะนี้ถึงพูดอะไรไปก็ไร้ประโยชน์แล้ว
อีก 1 ชั่วโมงผ่านไป แสงตะวันเริ่มเจือจางลงแล้ว
“ดูเหมือนว่าจอมมารของพวกนายจะผิดนัดแล้วสิ” ค่งหยิงคำรามออกมาด้วยความโกรธแค้นระคนเหยียดหยาม
เกือบถึงยามเย็นแล้ว หลายคนเริ่มจิตใจหวั่นไหวอดถามตัวเองไม่ได้ หรือจอมมารฉู่ชวิ๋นจะไม่มาจริงๆ?
“คอยดูเถอะ ตอนนี้จอมมารฉู่ชวิ๋นอาจจะเดินทางอยู่ก็ได้”
“อาจจะ?” ค่งหยิงหาโอกาสขัดจังหวะอยู่แล้ว เธอกวาดตามองกลุ่มจอมยุทธ์ด้วยความดูถูกดูแคลน
“แม่นางนกยูงน้อยช่างทำตัวน่ารำคาญนัก” จอมยุทธ์คนหนึ่งพึมพำ
แต่อีก 2 ชั่วโมงก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ดวงตะวันเริ่มคล้อยต่ำไปทางทิศตะวันตก ฉู่ชวิ๋นยังคงไม่มาปรากฏตัว
บรรดาสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์เชิดหน้าจ้องมองกลุ่มมนุษย์ด้วยความจองหองเป็นอย่างยิ่ง
ผู้คนที่ตั้งตัวเป็นสมาคมเทพเจ้าฉู่ชวิ๋นเริ่มวิตกกังวลขึ้นมาบ้างแล้ว
“อีกไม่นานก็จะมืดค่ำแล้ว จอมมารฉู่ชวิ๋นของพวกนายอยู่ที่ไหน?” ค่งหยิงหัวเราะเยาะ “หรือว่าหวาดกลัวจนไม่กล้ามา?”
“แม่นางนกยูงน้อย ปากดีเหลือเกินนะ ในเมื่อจอมมารฉู่ชวิ๋นบอกว่าเขาจะมา เขาก็ต้องมาแน่นอน”
“งั้นมารอดูกันเถอะว่าเขาจะมาจริงๆ หรือเปล่า?” ค่งหยิงหันหลังกลับไปด้วยความกระหยิ่มใจ
หวูเค่อจินยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยไม่เปลี่ยนแปลง หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมงแต่ฉู่ชวิ๋นก็ยังไม่มาปรากฏตัว กลุ่มจอมยุทธ์เริ่มร้อนใจขึ้นมาไม่น้อย
“นายว่าเพราะอะไรจอมมารฉู่ชวิ๋นถึงมาช้าขนาดนี้?”
“เขาคงติดขัดอะไรอยู่สักอย่างแน่นอน จอมมารฉู่ชวิ๋นรักษาคำพูดของเขาเสมอ”
จอมยุทธ์หนุ่มที่ฉู่ชวิ๋นช่วยชีวิตเอาไว้ก่อนหน้านี้ หันหน้ามาถามว่า “พี่ชาย คุณว่าจอมมารฉู่ชวิ๋นกำลังเดินทางมาอยู่ใช่หรือเปล่า”
“ไม่ใช่หรอก” ฉู่ชวิ๋นตอบ
“ทำไมล่ะ?” จอมยุทธ์หนุ่มสงสัยในท่าทางมั่นอกมั่นใจของฉู่ชวิ๋น
หลายคนที่ยืนอยู่แถวนั้น หันมาจับจ้องมองฉู่ชวิ๋นเป็นตาเดียว ไอ้หมอนี่ไปรู้อะไรดีๆ มาหรือไงนะ?
“เพราะว่าเขามาถึงที่นี่แล้วต่างหาก” ฉู่ชวิ๋นหัวเราะในลำคอ
มาถึงแล้ว?
ทุกคนล้วนตกตะลึง รีบกวาดตามองรอบกาย แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของจอมมารฉู่ชวิ๋น
“พี่ชาย นี่คุณพูดเล่นหรือไง? จอมมารฉู่ชวิ๋นอยู่ที่ไหน?” จอมยุทธ์อีกคนหนึ่งถาม
“อยู่ตรงหน้าพวกนายนี่ไง” ฉู่ชวิ๋นยิ้มกว้าง
เมื่อพูดจบ กล้ามเนื้อบนใบหน้าของฉู่ชวิ๋นก็เต้นระริก โครงกระดูกปรับตัวอย่างรวดเร็ว
ทุกคนเบิกตาโตด้วยความตะลึงลาน
เพียงอึดใจเดียว ฉู่ชวิ๋นก็กลับมาอยู่ในโฉมหน้าที่แท้จริงของตัวเองแล้ว
“จอมมารฉู่ชวิ๋น”
จอมยุทธ์หนุ่มที่ยืนอยู่ข้างกายเขาอุทานออกมาด้วยความเหลือเชื่อ
วูบ!
พวกเขาพร้อมใจกันถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว
ชื่อเสียงของจอมมารฉู่ชวิ๋นเป็นที่เลื่องลือระบือไกล ปฏิกิริยาตอบรับของคนกลุ่มนี้เป็นไปเองโดยสัญชาตญาณ
โดยเฉพาะชายหนุ่มที่ฉู่ชวิ๋นช่วยชีวิตเอาไว้ มันเองก็อยากจะถอยหนีไปเช่นกัน ใจของมันถอยไปแล้ว แต่ขาไม่ยอมขยับตามไปด้วย
“ขอบคุณที่อยู่เป็นกำลังใจให้ฉันนะ” ฉู่ชวิ๋นหัวเราะในลำคอ ยกมือตบไหล่จอมยุทธ์หนุ่ม
จอมยุทธ์ผู้นั้นช็อคสุดขีด สองขาหมดแรง ถึงกับเป็นลมล้มพับลงไปบนพื้นเลยทีเดียว
ฉู่ชวิ๋นยกมือกลับมาขยี้จมูกตัวเองด้วยความพิศวง นี่เขาน่ากลัวถึงขนาดนี้เลยหรือ?
ขณะนี้ อากัปกิริยาแตกตื่นและวงแตกของกลุ่มจอมยุทธ์ ทำให้เหล่าสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์อดหันหน้ามาชำเลืองมองไม่ได้
ฉู่ชวิ๋นขยับเท้าก้าวเดินออกมาข้างหน้า มีความโดดเด่นเหนือใคร
“จอมมารฉู่ชวิ๋น” ใบหน้าที่สวยงามของค่งหยิงแปรเปลี่ยนไปแล้ว นกยูงสาวผงะถอยหลังไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัว
บรรดาสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์จากสำนักอื่นๆ ก็ถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน โดยเฉพาะเผ่าพันธุ์มนุษย์ปักษากับมนุษย์ผีดิบ ที่หวาดกลัวฉู่ชวิ๋นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
มีเพียงแต่หวูเค่อจินคนเดียวเท่านั้นที่จ้องมองฉู่ชวิ๋นด้วยความสนอกสนใจ
คนทั้งโลกกำลังรอการปรากฏตัวของฉู่ชวิ๋น และเขาก็อยู่ที่นี่แล้ว
“แกคือจอมมารฉู่ชวิ๋น?” หวูเค่อจินถามด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย
ฉู่ชวิ๋นมองหน้าคนถามและตอบว่า “ฉันรอเจอแกมานานแล้ว”
“นายมาถึงนานแล้วสิ?” หวูเค่อจินถาม
“แกนี่มันซื่อบื้อจริงๆ” ฉู่ชวิ๋นแค่นหัวเราะตอบกลับไป
ดวงตาของหวูเค่อจินพลันเป็นประกายดุร้าย
“หมายความว่าไง?”
“ถ้าฉันปรากฏตัวเร็วกว่านี้ ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าแกมีกำลังคนอยู่เท่าไหร่?”
“จอมมารฉู่ชวิ๋น เจ้าเล่ห์ร้ายกาจสมคำเล่าลือจริงๆ” หวูเค่อจินมีสีหน้าเคร่งขรึมมากขึ้น “แต่ฉันไม่ชอบคนที่มาดูถูกฉันที่สุด”
ฉู่ชวิ๋นยักไหล่อย่างไม่แยแส “เมื่อกี้ฉันก็เพิ่งดูถูกแกไป แล้วแกมีปัญญาทำอะไรฉันได้ไหมล่ะ?”
บรรดาจอมยุทธ์ร่ำร้องด้วยความสะใจยิ่งนัก นี่สิคือความร้ายกาจที่แท้จริงของจอมมารฉู่ชวิ๋น แม้แต่คำพูดธรรมดาก็เสียดแทงหัวใจฝ่ายตรงข้ามแทบตายแล้ว
“ถ้าอย่างนั้น เท่ากับว่าแกเร่งเวลาตายให้เร็วมากขึ้นกว่าเดิมเองนะ”
ฉู่ชวิ๋นหัวเราะเยาะ หรี่ตาจ้องมองหวูเค่อจินด้วยความสนอกสนใจเช่นกัน
“แต่ฉันมีข้อสงสัยอยู่อย่าง ฉันกับแกไม่เคยเจอกันมาก่อน ทำไมแกถึงอยากฆ่าฉัน?”
หวูเค่อจินกลับมามีสีหน้าเรียบเฉยดังเดิม ตอบด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า
“เพราะคำพูดของแก”
“คำพูดอะไร?” ฉู่ชวิ๋นดวงตาเป็นประกาย หวูเค่อจินเป็นคนไม่มีที่มาที่ไป นับเป็นศัตรูที่ยากรับมือที่สุด
อย่างน้อยในบรรดาคนที่เขาเคยพบเจอ ฉู่ชวิ๋นคิดว่าชายหนุ่มคนนี้ น่าจะมีฝีมือไม่ได้ต่ำต้อยกว่าจิงหงเลยสักนิด
“แกเคยพูดเอาไว้ใช่ไหม ว่าโลกนี้เป็นของมนุษย์แต่เพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น?”
ฉู่ชวิ๋นรับคำด้วยความมึนงงว่า “ใช่ โลกนี้เป็นของมนุษย์ แกมีความคิดเห็นว่าอย่างไรล่ะ?”
“ฉันมีความคิดเห็นว่ามนุษย์เป็นเพียงแค่ทาสรับใช้ชั้นต่ำ แล้วแกล่ะมีความคิดเห็นว่าอย่างไร?” หวูเค่อจินตอบกลับมาอย่างยอกย้อน
“แกอยากจะฆ่าฉันเพราะประโยคนี้เนี่ยนะ?” ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเป็นประกายเย็นชาขึ้นมาแล้ว
“ถูกต้อง โลกนี้เป็นของแดนสวรรค์ต่างหาก มนุษย์เป็นเพียงแค่ทาสรับใช้ชั้นต่ำเท่านั้น” หวูเค่อจินประกาศกร้าว
ฉู่ชวิ๋นมีดวงตาเป็นประกายแวววาว “แกเป็นคนของแดนสวรรค์ใช่ไหม?”
หวูเค่อจินพยักหน้า ตอบด้วยความภาคภูมิใจว่า “ฉันเป็นทายาทของเทพเซียนบนสวรรค์”
ทายาทของพวกเทพเซียน? ฉู่ชวิ๋นนิ่งคิดเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะเยาะออกไป “ที่แท้ก็เป็นพวกลูกคุณหนูที่ถูกตามใจจนเคยตัวนี่เอง”
หวูเค่อจินพลันมีสีหน้าอำมหิตขึ้นมาแล้ว “แกอยากตายนักใช่ไหม?”
“ใจเย็นก่อนสิ ขอถามหน่อยเถอะว่าตอนนี้มีพวกแกเหลืออยู่กี่คน ยังมีคนของแดนสวรรค์เหลืออยู่ในโลกมนุษย์ด้วยเหรอ?”
“ทำไมล่ะ?” หวูเค่อจินดวงตาเป็นประกายวาววับ “กลัวใช่ไหม?”
“ไม่ได้กลัว ฉันแค่อยากรู้ว่าพวกแกมีกันอยู่กี่คนจะได้ฆ่าไม่ให้เหลือ” ฉู่ชวิ๋นตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“จอมมารฉู่ชวิ๋น เราเลิกคุยกันดีกว่า” หวูเค่อจินโคจรพลังลมปราณทั่วร่างกายอีกครั้ง “ทาสรับใช้ชั้นต่ำที่กล้าตั้งคำถามกับแดนสวรรค์อย่างแกไม่สมควรมีชีวิตอยู่อีกต่อไป”
วูบ!
ฉู่ชวิ๋นดีดตัวพุ่งทะยานไปข้างหน้า เมื่อเข้าถึงระยะประชิดตัวหวูเค่อจิน เขาก็กำมือเป็นหมัดและต่อยออกไปด้วยความรุนแรง
หวูเค่อจินยิ้มมุมปากและหัวเราะเยาะด้วยความเย้ยหยัน ยกมือขึ้นซัดลมปราณสวนกลับไป พลังลมปราณสีขาวสว่างจ้าพุ่งเข้าหาฉู่ชวิ๋น
เปรี้ยง!
แผ่นดินสั่นสะเทือน คลื่นแรงระเบิดแผ่กระจายในวงกว้าง ส่งผลให้บรรดาจอมยุทธ์และสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์ที่ยืนรับชมการต่อสู้อยู่รอบบริเวณ ได้รับแรงกดดันที่มาพร้อมกับคลื่นแรงระเบิดกระแทกเข้าใส่ถึงกับกระอักเลือดออกมาไม่หยุด
บุรุษหนุ่มทั้งสองคนต่างถอยหลังมาคนละก้าว
หวูเค่อจินจ้องมองฉู่ชวิ๋นด้วยความตกตะลึง
และฉู่ชวิ๋นก็กำลังจ้องมองหวูเค่อจินด้วยความประหลาดใจเช่นกัน บุรุษหนุ่มคนนี้นับเป็นคู่ต่อสู้ที่หาได้ยากยิ่ง
“จอมมารฉู่ชวิ๋น แกทำให้ฉันประหลาดใจจริงๆ” หวูเค่อจินกล่าว
ริมฝีปากของฉู่ชวิ๋นยกตัวเป็นรอยยิ้ม เขาขี้เกียจจะพูดอะไรอีกแล้ว สิบประโยคที่ไร้แก่นสาร ยังไม่เทียบเท่ากับหนึ่งหมัดที่แก้ปัญหาได้
วูบ!
ฉู่ชวิ๋นกำมือเป็นหมัด รวบรวมพลังลมปราณจากในร่างกาย ก่อนที่จะกระโจนเข้าใส่หวูเค่อจินอีกครั้ง
หวูเค่อจินหมุนตัวหลบเลี่ยง พร้อมกับซัดพลังลมปราณออกมา หมายสังหารฉู่ชวิ๋นด้วยความรุนแรงอันน่าหวาดกลัว