จำนนรักชายาตัวร้าย - ตอนที่ 129-4 อวี้เฟยเยียนที่มุทะลุ
จำนนรักชายาตัวร้าย – ตอนที่ 129-4 อวี้เฟยเยียนที่มุทะลุ
คนที่ก่อกรรมทำเข็ญมาตลอดชีวิตจู่ๆก็กลายมาเป็นคนดี พูดไปใครเขาจะเชื่อ นางต้องไปพบนานกงจื่อหลิงด้วยตัวเอง เพื่อจะพิสูจน์คำพูดของซย่าจื่ออวี้ว่าเป็นความจริงหรือไม่
“เอ้อ เรื่องนี้ ——”
ได้ยินอวี้เฟยเยียนยืนยันที่จะไปตรวจอาการของหนานกงจื่อหลิงให้ได้ ซย่าจื่ออวี้ก็ร้อนใจจนแทบทนไม่ไหว
‘ทั้งๆนางก็บอกอยู่แล้วว่านี่เป็นกับดัก เหตุใดเด็กสาวผู้นี้ถึงไม่เชื่อคำพูดของนางกันนะ?’
เพื่อที่จะเหนี่ยวรั้งอวี้เฟยเยียนเอาไว้ ซย่าจื่ออวี้จึงรีบเอามือกุมท้องแสร้งว่าปวดท้องอย่างรุนแรงขึ้นทันทีทันใด
“ปวดเหลือเกิน! ท่านหมอ ท่านต้องช่วยข้านะ!”
เห็นซย่าจื่ออวี้พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะยับยั้งไม่ให้นางไปดูหนานกงจื่อหลิง ทำให้ในใจของอวี้เฟยเยียนยิ่งรู้สึกสงสัยมากขึ้นไปอีก
เมื่อเห็นว่าหนานกงอ๋าวยืนอยู่ข้างๆ อวี้เฟยเยียนจึงหยิบยาเม็ดหนึ่งออกมาส่งให้กับซย่าจื่ออวี้ ทั้งยังหยิบขี้ผึ้งออกมาทาบริเวณริมปากที่แห้งแตกของนางอีกด้วย
“ฮูหยิน ยาที่ท่านต้องการ!” อวี้เฟยเยียนขยับปากบอกกล่าวซย่าจื่ออวี้แฝงความนัย
“รักษาตัวให้มากๆเถอะนะ!”
‘ยา?’
พลันซย่าจื่ออวี้เข้าใจอะไรขึ้นมา อวี้เฟยเยียนยิมยอมช่วยเหลือนาง!
อาศัยจังหวะที่ซย่าจื่ออวี้กำลังตกตะลึง อวี้เฟยเยียนจึงรีบเดินออกไปจากห้อง ส่วนหนานกงอ๋าวเหลือบมองที่ซย่าจื่ออวี้เล็กน้อย แล้วจึงเดินนำอวี้เฟยเยียนไปยังเรือนของหนานกงจื่อหลิง
เมื่อเข้าไปภายในห้อง อวี้เฟยเยียนก็พยายามมองสำรวจไปรอบๆ
ห้องนี้ตกแต่งด้วยสีชมพูอมม่วงอ่อนทั้งห้องซึ่งเป็นสีที่หนานกงจื่อหลิงชอบที่สุด ผ้าม่านผืนหนาของเตียงรูดปิดลงจึงทำให้มองไม่เห็นคนข้างใน มีเพียงที่แขนเรียวเล็กข้างหนึ่งเท่านั้นที่ยื่นออกมา
“ผู้เฒ่าหยวนบอกว่า โรคที่หลิงเอ๋อร์เป็นคือโรคระบาด จำเป็นต้องแยกตัวออกจากผู้คน…” หนานกงอ๋าวอธิบายอยู่ข้างๆ
อวี้เฟยเยียนได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา นางนั่งลงแล้วพลิกมือที่ยื่นออกมาเพื่อตรวจดูลายนิ้วมือ
เมื่อครั้งที่อยู่ที่หลัวอวี่นั้น อวี้เฟยเยียนและหนานกงจื่อหลิงเคยเล่นเกมส์อย่างหนึ่งด้วยกัน นั่นก็คือนับว่าบนนิ้วมือที่มีลายเส้นรูปก้นหอยมีกี่นิ้ว แล้วนิ้วที่มีสายเส้นเป็นลายมัดหวายมีกี่นิ้ว
คนอาจจะปลอมกันได้ แต่รอยนิ้วมือปลอมแปลงไม่ได้อย่างแน่นอน
ซึ่งก็จริงอย่างที่คาดการณ์เอาไว้ เมื่อเห็นลายมัดหวายที่นิ้วโป้งและนิ้วก้อยตรงหน้านั้นแล้ว อวี้เฟยเยียนก็รู้ได้ในทันทีว่า คนที่อยู่บนเตียงนี้ไม่ใช่หนานกงจื่อหลิงอย่างแน่นอน
“แม่นางเสี่ยวอวี้ เป็นอย่างไรบ้าง?”
หนานกงอ๋าวเห็นว่าอวี้เฟยเยียนดูเพียงแค่นิ้วมือโดยไม่ได้จับชีพจรแต่อย่างใด จึงเกิดความสงสัยขึ้นในใจ
‘นี่มันวิชาแพทย์สำนักไหนกัน? แปลกประหลาดไม่เหมือนใครอย่างนี้?’
“ประมุขหนานกง”
อวี้เฟยเยียนชันลุกยืนขึ้น แล้วหยักยิ้มบางๆ
“คนที่อยู่บนเตียงนี้ไม่ได้ล้มป่วยสักหน่อย เพียงแต่ท้องเสียเท่านั้น”
“แม้ข้าจะไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดประมุขหนานกงถึงต้องโกหกคนทั้งแผ่นดินว่าคุณหนูใหญ่ล้มป่วยด้วยโรคที่ไม่อาจรักษาได้ แต่มีอย่างหนึ่งที่ข้าแน่ใจนั่นก็คือ บุคคลที่อยู่บนเตียงนี้เพียงแต่ท้องเสียเท่านั้นเอง!”
โดนอวี้เฟยเยียนเปิดเผยความจริง ทำเอาหนานกงอ๋าวหน้าดำหน้าแดง
“แม่นางน้อยอวี้ จริงๆแล้วข้ามีความจำเป็น! เพียงแต่บอกเจ้าไม่ได้ ต้องขออภัยด้วย!”
“ขออภัย? ประมุขหนานกงกล้าทำถึงเพียงนี้ แล้วเหตุใดจึงไม่กล้ายอมรับว่าคนบนเตียงนี่แท้ที่จริงแล้วไม่ใช่หนานกงจื่อหลิง!”
อวี้เฟยเยียนยิ้มเยือกเย็น แล้วกระตุกผ้าม่านลงอย่างแรง โยวเอ๋อร์ที่นอนอยู่บนเตียง สะดุ้งเฮือกลุกขึ้นนั่ง หน้าตาตื่นตระหนก
“เจ้านี่เอง!”
อวี้เฟยเยียนจำหน้าโยวเอ๋อร์ได้ในทันที ในตอนนั้นที่หลัวอวี่คนที่ไปหาหนานกงจื่อหลิงก็คือนาง
ใช้ชิ้นส่วนนิ้วของซย่าจื่ออวี้หลอกให้หลิงเอ๋อร์กลับมา ตอนนี้ยังมาปลอมตัวเป็นหลิงเอ๋อร์ซ่อนตัวอยู่บนเตียงของนางอีก หรือว่าทุกอย่างจะเป็นอย่างที่ซย่าจื่ออวี้บอก หลิงเอ๋อร์ประสบเหตุร้ายเสียแล้ว?
“หนานกงจื่อหลิงอยู่ที่ไหน? บอกมา! พวกเจ้าทำอะไรกับนาง?”
อวี้เฟยเยียนบีบคอโยวเอ๋อร์ ในเมื่อหนานกงอ๋าวไม่ยอมพูด เช่นนั้นนางก็จะเค้นความจริงจากสาวใช้คนนี้นี่แหละ
“แคกๆ——” โยวเอ๋อร์พยายามดิ้นรนขัดขืน หารู้ไม่ว่าแรงบีบที่คอกลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนนางรู้สึกราวกับว่ายมบาลมารอรับนางอยู่ตรงหน้านี้แล้ว
“คุณหนูใหญ่ตายแล้ว! ตายแล้ว!” โยวเอ๋อร์กลัวตาย จึงรีบร้องตะโกนขึ้น
เมื่อครู่หัวใจของอวี้เฟยเยียนยังมีความหวังและคาดหวังอยู่อย่างเลือนลาง แต่ตอนนี้นางกำลังแค้นเคืองอย่างที่สุด
‘หลิงเอ๋อร์ตายแล้ว?’
‘ตายแล้ว?’
เด็กสาวที่น่ารักน่าเอ็นดูถึงเพียงนั้น ตายแล้ว ใครกันแน่ที่ทำร้ายนาง
หนานกงอ๋าวยังไม่ทันได้รู้สึกตัวกับเหตุการณ์ตรงหน้า อวี้เฟยเยียนก็หักคอของโยวเอ๋อร์ทิ้งเสียแล้ว ร่างของนางจึงค่อยๆทิ้งตัวลงบนเตียง
“แม่นางเสี่ยวอวี้ นี่เจ้าจะทำอะไร?”
ให้โยวเอ๋อร์ปลอมตัวเป็นหนานกงจื่อหลิงถูกเปิดเผย ทั้งอีกฝ่ายยังสังหารโยวเอ๋อร์ ต่อให้หนานกงอ๋าวโง่เขลาเพียงไหน ก็ย่อมรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ
“หลิงเอ๋อร์ตายแล้ว! ข้าจะต้องแก้แค้นให้นาง!”
อวี้เฟยเยียนสีหน้าดุร้าย ผมเผ้าสางสยาย ชายกระโปรงของนางปลิวสะบัด พุ่งเข้าโจมตีหนานกงอ๋าวอย่างรวดเร็วราวกับสายลม
ปึ่ง!
หนานกงอ๋าวยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกอวี้เฟยเยียนกระแทกฝ่ามือใส่จนกระเด็นออกไปกระแทกกับผาหินจำลองภายในห้องจนผาหินจำลองแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
“หนานกงอ๋าว ไอ้คนสารเลว!”
เสือร้ายไม่กินลูก!
แต่อวี้เฟยเยียนคิดไม่ถึงเลยว่าหนานกงจื่อหลิงจะต้องมาตายในบ้านของตัวเอง
สาวน้อยที่อ่อนหวานน่ารักผู้ที่มีจิตใจบริสุทธิ์เช่นนาง ต้องจบชีวิตลงเช่นนี้?
ใครกัน?
ใครทำกันแน่?
ไม่ว่าฆาตกรจะเป็นใคร ก็คือคนของตระกูลหนานกง! แต่หนานกงอ๋าว ลูกสาวตายไปทั้งคน กลับยังมาเสแสร้งแกล้งทำอยู่อย่างนี้ได้อีก เขายังมีหน้ามาใช้หนานกงจื่อหลิงเป็นกำดักเพื่อล่อให้ซย่าโหวฉิงเทียนออกมา จึงยิ่งไม่สมควรไว้ชีวิต!
อวี้เฟยเยียนไม่เปิดโอกาสให้หนานกงอ๋าวได้หอบหายใจด้วยซ้ำ นางตรงเข้าโจมตีเขาอย่างรุนแรงในทันที และในตอนนั้นเอง หนานกงอ๋าวจึงเพิ่งจะค้นพบว่าอีกฝ่ายเป็นถึงจอมปราชญ์อาวุโสขั้นปลาย!
ฟังจากเสียงของอวี้เฟยเยียน นางยังอายุไม่มากเท่าไร
อายุยังน้อยก็สำเร็จถึงจอมปราชญ์อาวุโสแล้ว? นางเป็นใครกันนะ?
“แม่นางน้อยเสี่ยวอวี้ ระหว่างเราต้องมีการเข้าใจผิดอะไรกันเป็นแน่?” เนื่องด้วยยังกังวลทางด้านเสิ่นถูเลี่ย หนานกงอ๋าวจึงเพียงแต่หลบหลีก ไม่ได้แสดงฝีมือที่แท้จริงของตนเองออกมา
“เข้าใจผิด?” อวี้เฟยเยียนยิ้มเยาะ
“หากว่าเป็นการเข้าใจผิด เจ้าก็ไปอธิบายกับยมบาลเถอะ!”
อวี้เฟยเยียนและหานจื่อ หนึ่งคนหนึ่งหมาพุ่งตัวเข้าใส่หนานกงอ๋าวทันที
ปึ่ง!
ปึ่ง!
สาวน้อยในชุดสีชมพูและสุนัขสีดำตัวใหญ่ประสานกันได้อย่างไร้ที่ติ
วินาทีที่อวี้เฟยเยียนต่อสู้อย่างเต็มกำลังนั้น พลังในการต่อสู้จะพุ่งขึนไปถึงจักรพรรดิอาวุโวทีเดียว และในตอนนี้มีหานจื่อเป็นกำลังสนับสนุน ทำให้พลังของอวี้เฟยเยียนเพิ่มขึ้นเท่าตัว ดังนั้นพลังที่แสดงออกในตอนนี้นั่นก็คือราชาอาวุโส
หนานกงอ๋าวในตอนนี้อยู่ในช่วงราชาอาวุโสขั้นปลาย ดังนั้นสำหรับอวี้เฟเยียนแล้วอาจจะยากลำบากไปเสียหน่อยที่จะจัดการกับเขา
‘อีกฝ่ายต้องการฆ่าตนเอง!’
ฉับพลันหนานกงอ๋าวก็หวนคิดไปถึงเมื่อตอนที่หนานกงจื่อหลิงคายความลับออกมา บอกว่าเจ้าปีศาจน้อยแต่งงานเมื่อครั้งอยู่ที่หลัวอวี่ หรือว่าหญิงผู้นี้คือ…
หนานกงอ๋าวแทบไม่กล้าที่จะเชื่อความจริงตรงหน้านี้เลย
‘คนชั้นต่ำบนแผ่นดินหลัวอวี่จะมีพลังที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?’
‘เป็นไปไม่ได้!’
แต่ทว่า ไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร ในเมื่ออีกฝ่ายหมายจะเอาชีวิตของเขา เขาก็จะไม่ยอมให้นางมาเหิมเกริมในบ้านสกุลหนานกงได้?
“ฟ้า ดิน กว้าง ไกล ออกมา!”
หนานกงอ๋าวตัดสินใจแล้วไม่ว่าอย่างไรอวี้เฟยเยียนก็ต้องตาย ต่อให้ต้องล่วงเกินเสิ่นถูเลี่ย นางก็ต้องตายสถานเดียว! บุคคลอันตรายเช่นนี้ หากปล่อยไป วันหน้านางจะต้องย้อนกลับมา กลายเป็นภัยมหันกับสกุลหนานกง!
ทันใดนั้น จักรพรรดิอาวุโสทั้งสี่คนก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกันพร้อมกับเข้าล้อมกรอบอวี้เฟยเยียนเอาไว้