จำนนรักชายาตัวร้าย - ตอนที่ 138-2 ทหารไล่ล่ามาอีกครั้ง ศึกนองเลือดริมแม่น้ำ
จำนนรักชายาตัวร้าย – ตอนที่ 138-2 ทหารไล่ล่ามาอีกครั้ง ศึกนองเลือดริมแม่น้ำ
เชียนเย่เสวี่ย เจ้าฟังข้าให้ดี เจ้าจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป! เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นแมว แมวมีเก้าชีวิต เจ้าต้องมีชีวิตอยู่ เพื่อรอให้ข้าไปหาเจ้า!”
อวี้เฟยเยียนหันไปหาแม่น้ำฮาซือถู แล้วตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“เสวี่ย เจ้าได้ยินหรือยัง?”
เสียงตะโกนอันสิ้นหวังของอวี้เฟยเยียนสะท้อนกลับไปทั่วทั้งสองฟากฝั่งของแม่น้ำฮาซือถู
“แมวน้อย แมวน้อย ใจเย็นๆ!”
ซย่าโหวฉิงเทียนโอบกอดอวี้เฟยเยียนจากทางด้านหลัง สุดท้ายนางก็ร้องไห้ออกมาอย่างน่าสงสารให้อ้อมอกของเขา
“ฉิงเทียน ข้าจะต้องแก้แค้นให้เสวี่ย!”
ความเคียดแค้นอย่างหนักหน่วงสะท้อนออกมาจากดวงตาที่พร่าพราวไปด้วยหยาดน้ำตาของอวี้เฟยเยียน
สกุลสุ่ยทำร้ายเชียนเย่เสวี่ย นางจะฆ่าล้างตระกูลสุ่ย!
“ข้าจะไปกับเจ้าด้วย!” ตี้อู่เฮ่ออี้ก้าวออกมา ตอนนี้เขาได้ถอดหน้ากหนังมนุษย์ออกทั้งหมดแล้ว จึงกลับคืนสู่โฉมหน้าเดิมของตน
ดวงตาทั้งสองข้างของตี้อู่เฮ่ออี้แดงก่ำ สีหน้าเศร้าสลด ไม่ว่าอย่างไรตี้อู่เฮ่ออี้ก็ไม่มีวันให้อภัยสกุลสุ่ย เขาจะไม่มีวันให้อภัยคนที่ทำร้ายเชียนเย่เสวี่ย! พวกมันสมควรตาย!
อวี้ซิงฉงมองดูน้องสาวของตัวเองและตี้อู่เฮ่ออี้ที่กำลังเศร้าโศกเสียใจ แล้วก็เหลือบมองไปที่สุ่เยว่เอ๋อร์ มือของเขาก็กำแน่น
“นับข้าด้วยอีกคนหนึ่ง!” อวี้ซิงฉงสับสนอย่างหนัก
สุ่ยเยว่เอ๋อร์คือสายเลือดของสกุลสุ่ย หากว่าซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนเข้าต่อสู้ห่ำหั่นกลับสกุลสุ่ยจริง ในฐานะที่เป็นบุตรสาว เยว่เอ๋อร์คือผู้ที่รู้สึกลำบากใจอย่างที่สุด แม้อวี้ซิงฉงมิอาจทนเห็นคนรักต้องเสียใจได้ แต่ทว่า เชียนเย่เสวี่ยต้องถูกทำร้ายโดยไม่รู้ว่าเป็นหรือตายเช่นนี้ก็เพราะช่วยเหลือพวกเขา
เกิดเป็นคนต้องรู้จักบุญคุณ และอย่าลืม ‘คุณธรรม’ คำนี้ไปเสีย!
ดังนั้น อวี้ซิงฉงจึงเลือกที่จะอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับสกุลสุ่ย
ณ เวลานี้ คนที่เสียใจมากที่สุดคือสุ่ยเยว่เอ๋อร์
“ข้า ท่านแม่ของข้า…”
สุ่ยเยว่เอ๋อร์กำลังอับจนหนทาง ฐานะของนางในตอนนี้อึดอัดยิ่งนัก ด้านหนึ่งก็คนรัก อีกด้านคือครอบครัว ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายกลายเป็นศัตรูที่ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง ซึ่งนางที่อยู่ตรงกลาง ไม่มีมีทางเลือกอื่น
สำหรับสุ่ยเจ๋อเซียงและสกุลสุ่ยนางไม่มีอะไรต้องอาลัยอาวรณ์ มีเพียงมารดาของนางเท่านั้นยังอยู่ที่สกุลสุ่ย!
ในตอนนั้นเอง เสียงชายแก่อันทรงพลังดังขึ้น
“เฮอะ แก้แค้น? วาจาอวดดีไม่เบา!” หลังจากนั้น นักรบทั้งสิบสองคนก็ปรากฏตัวขึ้น โดยมีลุงของสุ่ยเยว่เอ๋อร์ สุ่ยเจ๋อหนาน เป็นผู้นำ
เมื่อเหลือบไปเห็นซือไท่อยู่ในเงื้อมือของสุ่ยเจ๋อหนานแล้ว สุ่ยเยว่เอ๋อร์ก็ต้องร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ
“ท่านแม่! ท่านแม่มาได้อย่างไร!”
ซือไท่รูปนั้นถูกอุดปากเอาไว้จึงมิอาจพูดจาได้ ทำได้เพียงส่ายหน้าให้กับบุตรสาวเป็นพัลวัน
“สุ่ยเยว่เอ๋อร์ ข้ารับคำสั่งจากบรรพชนเฒ่า ให้มาจับตัวเจ้ากลับไป บรรพชนเฒ่าลั่นวาจาเอาไว้แล้วว่า ขอเพียงเจ้ายินยอมกลับไป เรื่องที่ผ่านมาท่านจะไม่เอาความ”
“แต่หากเจ้ายังหน้ามืดตามัว——”
สุ่ยเจ๋อหนานเค้นยิ้มเย็นชา
“ก็ฆ่าได้เลยไม่มีละเว้น!”
“เจ้าปล่อยท่านแม่ของข้าออกมาก่อน!” เมื่อเห็นว่าซือไท่เริ่มหายใจติดขัด สุ่ยเยว่เอ๋อร์ก็เริ่มอ้อนวอนขอร้อง
นางนึกไม่ถึงเลยว่า สุ่ยเจ๋อหนานจะถึงกับใช้มารดาของนางมาข่มขู่
“ได้สิ! จะได้ให้แม่ลูกได้พูดได้จากันโดยดี!”
สุ่ยเจ๋อนานดึงผ้าเช็ดหน้าที่อุดปากซือไท่ออก แล้วเขวี้ยงมันทิ้งลงพื้น
แต่สุ่ยเจ๋อหนานไหนเลยจะคาดคิดว่าประโยคแรกที่ซือไท่กล่าวออกมากลับเป็น
“เยว่เอ๋อร์รีบหนีไป! แล้วอย่ากลับมาที่นี่อีก!”
“ท่านแม่!” สุ่ยเยว่เอ๋อร์มองเห็นมารดาอยู่ในสภาพสะบักสะบอมอ่อนล้า ก็ถึงกับน้ำตานองหน้า
“ท่านแม่ ข้าจะต้องกลับมาช่วยท่านให้ได้!”
“ไม่นะ”
เมื่อได้ฟังสุ่ยเยว่เอ๋อร์กล่าวเช่นนั้น ซือไท่ก็พยายามตะเกียดตะกายลุกยืนขึ้น แต่เนื่องจากมือทั้งสองข้างถูกมัดเอาไว้แน่นหนา นางจึงทำได้เพียงแค่เงยหน้ามองดูบุตรสาวที่อยู่เหนือศีรษะตนเองขึ้นไปเท่านั้น
“สกุลสุ่ยคือดงหมาป่า ที่นั่นคือถ้ำเสือ!
“เยว่เอ๋อร์ เจ้าจงฟังคำของแม่! รีบหนีไป รีบหนีไปให้ไกล! แล้วไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก!”
คำพูดของซือไท่ทำให้สุ่ยเจ๋อหนานโกรธเกรี้ยว เขาหยิบเชือกขึ้นมาฟาดหนักๆไปที่ร่างของนาง
“เพี้ยๆ——” เชือกกระทบเนื้อเสียงดังฟังชัด แต่มารดาของสุ่ยเยว่เอ๋อร์ก็ยังกัดริมฝีปากเอาไว้แน่นข่มความเจ็บปวดเอาไว้ไม่ยอมเปล่งเสียงใดๆออกมาเพราะเป็นห่วงบุตรสาว
“ท่านแม่!” สุ่ยเยว่เอ๋อร์เริ่มร้อนใจ นางก้าวไปด้านหน้าทำท่าจะเข้าไปช่วยมารดา ทว่าสุ่ยเจ๋อหนานกลับตวัดมือ ขึ้นทันใดนั้นนับรบทั้งสิบเก้าคนที่มีอาวุธครบมือก็เข้าล้อมกรอบคนทั้งห้าทันที
นอกจากสุ่ยเจ๋อหนานที่เป็นราชาอาวุโส บริวารที่เหลือมีเก้าคนที่เป็นจักรพรรดิอาวุโส และอีกสิบคนคือปราชญ์อาวุโส
นับรบสิบเก้าคนล้อมกรอบคนห้าคน ซึ่งหนึ่งในห้าคนนั้นมีตี้อู่เฮ่ออี้ที่มีวรยุทธ์เพียงขั้นอู่หลิง ทำให้ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่สุ่ยเจ๋อหนานรู้สึกว่าตนเองจะต้องกำชัยชนะอย่างแน่นอน
หลังจากที่สุ่ยเจียงออกจากบ้านสกุลสุ่ยเพื่อไล่ล่าพวกของสุ่ยเยว่เอ๋อร์ อาการของสุ่ยจูเอ๋อร์ก็ย่ำแย่ลงเรื่อยๆ เมื่อสุ่ยเจ๋อหนานไปพบเข้า เขาจึงตรงไปรายงานบรรพชนเฒ่าแห่งสกุลสุ่ย สุ่ยฮั่วอี ที่เรือนบรรพชนทันที
เมื่อได้ยินว่ามีคนบังอาจมาทำเหิมเกริมในบ้านสกุลสุ่ย สุ่ยฮั่วอีก็โกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมากจึงสั่งการให้สุ่ยเจ๋อหนานตามจับตัวสุ่ยเยว่เอ๋อร์กลับมา นับรบทั้งสิบเก้าคนนี้คือยอดฝีมือชั้นเยี่ยมที่สุ่ยเจ๋อซีหนานเลือกสรรมาเป็นอย่างดี
เขาไม่ชอบหน้าสุ่ยเจ๋อซีมาตั้งแต่ไหนแต่ไร จึงคิดจะใช้การนี้ตอกหน้าเหยียบย่ำสุ่ยเจ๋อซีให้หนักต่อหน้าบรรพชนเฒ่า
“จับตัวคุณหนูรองกลับมา ส่วนคนอื่น…ฆ่า ไม่มีละเว้น!” สุ่ยเจ๋อหนานสั่งการเสียงเ**้ยม
“พี่ใหญ่ ท่านคอยคุ้มครองซ้อใหญ่กับพี่เฮ่ออี้! ส่วนพวกมัน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้ากับฉิงเทียน!”
อวี้เฟยเยียนยิ้มเยือกเย็นพร้อมกับกวาดตามองไปที่บริวารหน้าเ**้ยมของสุ่ยเจ๋อหนานที่ดาหน้าเข้ามา
นางกำลังอัดอั้นความโกรธเกรี้ยวเอาไว้ยังไม่รู้ว่าจะระบายที่ไหน อีกฝ่ายก็เข้ามาจ่อที่ปลายกระบอกปืนที่พร้อมระเบิดออกมาพอดี
เรียกว่ามาได้จังหวะ!
ซย่าโหวฉิงเทียนกระตุกยิ้มที่มุมปากแล้วก้าวเข้าไปหาศัตรู หน้าที่ๆอวี้เฟยเยียนมอบหมายให้กับเข้า เขาชื่นชอบมันมากทีเดียว
‘สวะพวกนี้คิดจะท้าทายอำนาจของข้า? นั่นก็คือรนหาที่ตาย!’
“เยียนเอ๋อร์ น้องเขย พวกเจ้าระวังตัวด้วย!”
อวี้ซิงฉงกล่าวยังไม่ทันจบประโยค ซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนก็พุ่งเข้าหาศัตรูอย่างรวดเร็วราวกับสายลม
“ปราชญ์อาวุโสตัวเล็กๆยังกล้ามาเหิมเกริมที่นี่!” สุ่ยเจ๋อหนานมองดูอวี้เฟยเยียนพร้อมกับลูบเคราอย่างครุ่นคิด
จนกระทั่งเขาเหลือบไปเห็นการกระทำของซย่าโหวฉิงเทียน มือที่กำลังลูกหนวดของตนเองก็ถึงกับชะงักค้างกลางอากาศ
‘สวรรค์!’
‘นี่เขาเห็นอะไรกัน!’
ซย่าโหวฉิงเทียนหิ้วจักรพรรดิอาวุโสคนหนึ่งขึ้นมาแล้วเหวี่ยงเขาไปกระแทกกับจักรพรรดิอาวุโสอีกคนหนึ่งอย่างรุนแรงด้วยท่าทีสบายๆ จักรพรรดิอาวุโสสองคนชนกระแทกกันเองอย่างจัง จนมันสมองแตกกระจาย ตายคาที่
‘คนผู้นี้คือใคร?’ สุ่ยเจ๋อหนานเริ่มฉุกคิด
ขณะที่สุ่ยเจ๋อหนานกำลังคุร่นคิดจนเหม่อลอยอยู่นั้น ซย่าโหวฉิงเทียนก็กระทืบคนของเขาตายอีกไปคน และหักคออีกคนจนตาย
‘สองคนนั้นคือจักรพรรดิอาวุโสเชียวนะ!’
ฉับพลันสุ่ยเจ๋อหนานก็รู้สึกสายตาพร่าเลือน ต่อให้เขาที่เป็นราชาอาวุโส หากต้องการที่จะฆ่าจักรพรรดิอาวุโสสักคนหนึ่งก็ยังไม่ใช่เรื่องง่าย
ชายหนุ่มผู้นี้น่ากลัวเหลือเกิน!
สุ่ยเจ๋อหนานนึกไม่ถึงเลยว่าเรื่องราวจะกลับตาลปัตรเช่นนี้
ในตอนนั้นเอง เสียงร้องโหยหวนดังขึ้น บริวารของสุ่ยเจ๋อหนานห้าคนที่รายล้อมอวี้เฟยเยียนอยู่ล้มลงบนพื้น ร่างกายของพวกเขาชักเกร็งอย่างหนัก เลือดไหลฟูมปากออกมาเป็นฟอง ขาดิ้นพร่านๆบนพื้นจนกลายเป็นหลุมลึก แล้วขาดใจตายทันที
ตึกๆ——
พลันสุ่ยเจ๋อหนานก็รู้สึกว่าสมองของเขาคิดอะไรไม่ออก
เห็นอยู่ชัดๆว่านางคือปราชญ์อาวุโส แต่เพราะอะไรเมื่อนางลงมือกลับมีพลังที่อานุภาพรุนแรงเช่นนี้ได้!
‘ยังมีอีก นางเป็นหมออย่างนั้นหรือ?’
‘พิษพวกนี้มาจากไหนกัน!’
“พี่ชาย รับเอาไว้!” หลังจากที่จัดการเด็ดหัวศัตรูทั้งห้าคนแล้ว อวี้เฟยเยียนก็โยนถุงกำยานใบน้อยให้กับตี้อู่เฮ่ออี้
ตี้อู่เฮ่ออี้รู้ดีว่าสิ่งนั้นคือยาพิษ จึงรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
เขาไม่อยากเป็นภาระ เป็นตัวถ่วงให้กับอวี้ซิงฉงและสุ่ยเยว่เอ๋อร์ เพียงแต่พิษของเขาได้ใช้อย่างสิ้นเปลืองไปกับสุ่ยเจียงเมื่อครู่จนหมดแล้ว และโชคดีที่อวี้เฟยเยียนมาได้ทันเวลา!
“พวกคนชั่ว เข้ามาสิ!”
เมื่อมียาพิษอยู่ในมือ ตี้อู่เฮ่ออี้ก็ฮึกเหิมมีพลังขึ้นมา
เขาเคยเห็นด้วยตาของตัวเองมาแล้วว่าอวี้เฟยเยียนปรุงยาพิษได้อย่างยอดเยี่ยมเพียงใด พิษของนางที่ซุกซ่อนเอาไว้ที่ปลายเล็บ ใช้จำนวนเล็กน้อยเพียงเท่านั้น ก็สามารถที่จะล้มวัวหนุ่มที่แข็งแรงบึกบึนได้ทั้งตัว นับประสาอะไรกับคนเหล่านี้ที่เป็นเพียงมนุษย์เท่านั้นเล่า!
ตี้อู่เฮ่ออี้สาดผงยาพิษที่อยู่ในมือออกไป พิษนั้นทำให้จอมปราชญ์สองในสามคนที่ปิดล้อมเขาอยู่ถึงแก่ความตายทันที
เหลืออีกหนึ่งคนที่เมื่อเห็นว่าสิ่งที่ตี้อู่เฮ่ออี้สาดออกมาคือยาพิษก็รีบหลบหลีกไปเสียไกลโพ้น
เขายังไม่อยากเลือดออกเจ็ดทวาร ตายอย่างน่าอนาถหรอกนะ