จำนนรักชายาตัวร้าย - ตอนที่ 93-1
จำนนรักชายาตัวร้าย – ตอนที่ 93-1 คนรักที่ชิดใกล้ เขาที่แสนทึ่ม
คำตรัสของฮ่องเต้ ทำให้เซี่ยงจิ้นที่ยืนอยู่ข้างๆ ตื่นเต้นจนกัดลิ้นตนเอง
ฝ่าบาท ในฐานะที่พระองค์ทรงเป็นบิดา เอาแต่เน้นย้ำเรื่องนี้มันมิเกินไปหน่อยหรือพ่ะย่ะค่ะ
นั่นเป็นความสามารถพื้นฐานของบุรุษอยู่แล้วนะพ่ะย่ะค่ะ
จำเป็นต้องชี้แนะที่ไหนกัน!
ทว่าหลังจากที่แอบเหลือบมองใบหน้าที่สูงส่งของซย่าโหวฉิงเทียนที่แสดงอากัปกิริยาไม่คุ้นชินออกมาแล้ว จู่ๆ เซี่ยงจิ้นก็รู้สึกเลื่อมใสในสายพระเนตรของฝ่าบาทยิ่งนัก
ฝ่าบาท ทรงพระปรีชาสามารถยิ่งนัก! บ่าวนับถือด้วยใจจริง!
ถึงแม้ว่าซย่าโหวฉิงเทียนจะแสดงอาการสงบราบเรียบ แต่ความเงียบของเขาก็ตอบได้เป็นอย่างดี
“แค่กๆ!”
คราวนี้ถึงคราวของฮ่องเต้ทรงเจ็บปวดพระทัยบ้าง
ยังจำได้เมื่อครั้งที่ซย่าโหวฉิงเทียนกลับถึงเมืองหลวง ฮ่องเต้องค์ก่อนทรงประทานนางกำนัลสองสามคนให้แก่เขาเพื่อเป็นการแนะแนวทาง ทว่าจุดจบของพวกนางนั่นก็คือถูกซย่าโหวฉิงเทียนจับหักคอจนหมด
นิสัยโหดเ**้ยมดุดันเขาก็ถูกเปิดเผยออกมาในตอนนั้น
ในวันนี้มีลูกสะใภ้แล้ว พื้นเพความรักก็มีแล้ว แผนการทำลูกก็น่าจะขยับมาล่วงหน้าด้วยสิ!
แต่เจ้าลูกชายกลับทำสีหน้าสับสน ไม่รู้อะไรเลย!
นั่นทำให้ฝ่าบาททรงทั้งสงสารและเจ็บปวดพระทัย
“เจ้ารอที่นี่ก่อน ข้ามีบางสิ่งจะให้!”
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความสุขทั้งชีวิตของซย่าโหวฉิงเทียน ซย่าโหวจวินอวี่ไม่ร้อนใจเห็นจะไม่ได้
ฮ่องเต้ทรงก้าวยาวๆ ไปที่คลังสมบัติส่วนพระองค์ ค้นหาซ้ายทีขวาทีโดยมีเซี่ยงจิ้นคอยช่วยเหลือ จนในที่สุดก็หากองหนังสือ ’ชุนกงถู’ จนเจอ ซึ่งลักษณะหนังสือนั่นแปลกประหลาดยิ่งนัก
หากเป็นฉบับดั้งเดิมละก็ จะวาดอยู่บนกระดาษ
แต่หนังสือนี้มีการเผยแพร่เนื้อหาทั้งในรูปแบบการปักลงบนผ้าแพร มีทั้งวาดลงบนเครื่องลายคราม บนเครื่องปั้นดินเผา เสมือนจริงราวกับมีชีวิต
ซย่าโหวจวินอวี่พลิกอ่านหนังสือนั้นโดยละเอียด จึงพบว่าภาพวาดด้านในดูน่าเกลียดไม่สวยงาม ด้วยนิสัยเลือกมากของซย่าโหวฉิงเทียนแล้ว ภาพที่น่าเกลียดเช่นนี้ เขาต้องไม่ชอบเป็นแน่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเขาจะศึกษาหนังสือนี่โดยละเอียดและเอาไปปฏิบัติตาม
ซย่าโหวจวินอวี่จึงตัดสินใจให้เชิญอาจารย์ศิลปะ เหอหม่านเฉิงเข้าวัง แล้วให้วัดสัดส่วนของซย่าโหวฉิงเทียนเพื่อวาดให้กับเขาโดยเฉพาะ
เงื่อนไขของฝ่าบาทก็ไม่มาก
อันดับแรก ภาพคนที่วาดออกมาต้องสวยงามให้ความรู้สึกเสมือนจริง เมื่อคนได้อ่านแล้วจะต้องเกิดความรู้สึกต้องการจากส่วนลึกในใจ!
ข้อสองจะต้องมีขั้นตอนเรื่องราวของความรักหวานชื่น สิ่งที่ซย่าโหวฉิงเทียนขาดก็คือความหวานชื่น! เรื่องนี้มันแตกต่างกับการเด็ดหัวศัตรูในสนามรบที่พุ่งโจมตีโดยตรงได้เลยนะ!
ข้อสาม ต้องมีรายละเอียดครบถ้วน ในทุกขั้นตอนจะต้องอธิบายโดยละเอียด
ซย่าโหวจวินอวี่รู้จักบุตรชายของตนเองดี มองภายนอกคล้ายกับคนผ่านเรื่องราวมากมายมาอย่างโชกโชน แต่แท้ที่จริงแล้วสะอาดสะอ้านราวกระดาษเปล่าใบหนึ่งก็ไม่ปาน
และเขาก็แน่ใจเต็มร้อยว่า ซย่าโหวฉิงเทียนอายุปูนนี้ ยังเป็นชายบริสุทธิ์ไม่เคยมองหญิงใด!
หากเรื่องแพร่ออกไป ผู้คนจะต้องหัวเราะเยาะจนฟันหลุดเป็นแน่!
ดังนั้นซย่าโหวจวินอวี่ถึงได้ร้อนใจอย่างไรเล่า!
ความสัมพันธ์ครั้งแรกของสามีภรรยาสำคัญยิ่งนัก หากทำให้ทั้งลูกชายและลูกสะใภ้เกิดความขยาดกลัวละก็ จะทำลูกกันอย่างไรเล่า! ยิ่งมิต้องพูดถึงมีลูกสะใภ้เป็นจอมเทวาเลย นางเก่งกาจถึงเพียงนั้น หากรู้สึกเจ็บขึ้นมา ฟาดทีเดียวซย่าโหวฉิงเทียนกระเด็นออกไปไกลจะทำอย่างไรกัน!
เมื่อได้ฟังเงื่อนไขของฝ่าบาทเกี่ยวกับ ’ชุนกงถู’ ที่ทรงตรัสมา เหอหม่นเฉิงแทบอยากตายขึ้นมาทันที
เขาอายุปูนนี้แล้ว หนวดเคราขาวยาวจนถึงอก ถูกรีบร้อนเรียกตัวเข้าเฝ้า เพียงเพราะเรื่องการวาดหนังสือ ‘ชุนกงถู’ นี่!
เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า!
ฝ่าบาท พระองค์มีความต้องการมากเพียงใดกันพ่ะย่ะค่ะ!
ในวังหลวงก็มีอยู่หลายฉบับที่เก็บซ่อนเอาไว้ ยังมิเพียงพอสนองความต้องการของพระองค์อีกหรือ
“ฝ่าบาท หม่อมฉันเชี่ยวชาญการวาดภาพขุนเขาสายน้ำ!”
ใบหน้าเหอหม่านเฉิงแดงก่ำราวลูกตำลึงสุก
“ภาพขุนเขาสายน้ำ…”
ซย่าโหวจวินอวี่ลูบนวดหนวดเคราเบาๆ ใบหน้าครุ่นคิดตาม
“จริงด้วยสิ! เหตุใดข้าถึงไม่คิดถึงจุดนี้กันนะ พรรณนาเรื่องความรักท่ามกลางขุนเขาสายน้ำ หยินหยางประสาน นับเป็นเรื่องสวยงามที่สุดเรื่องหนึ่ง ขุนนางที่รัก เจ้านี่ช่างรังสรรค์ยิ่งนัก ข้าจะตกรางวัลเจ้า!”
สุดท้าย เหอหม่านเฉิงก็อุ้มเงินรางวัลเต็มอ้อมแขนร้องไห้กลับไป
อายุปูนนี้แล้วยังไม่ลดละเรื่องเช่นนี้อีก!
วาดภาพขุนเขาสายน้ำมาทั้งชีวิต ในตอนที่ใกล้จะเกษียณกลับต้องถูกบังคับให้วาดภาพ ‘ชุนกงถูท่ามกลางขุนเขาสายน้ำ’ หน้าตาของสกุลเหอสูญสิ้นก็คราวนี้…
เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ซย่าโหวจวินอวี่ก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กลับไปหาบุตรชายที่ห้องทรงอักษร
ระหว่างทาง ซย่าโหวจวินอวี่อารมณ์ดีเป็นที่สุด เดินไปฮัมเพลงไปอย่างอารมณ์ดี
ซย่าโหวจวินอวี่ฮัมเพลงไปเรื่อยโดยไม่ได้ใส่ใจ แต่เซี่ยงจิ้นที่เดินอยู่ใกล้ๆ กลับได้ยินชัดถนัดถนี่
เนื้อเพลงก็ง่ายแสนง่าย นั่นก็คือ ทำลูกเอยทำลูก! เจ้าตัวน้อยแสนจ่ำม้ำ! ซาลาเปาน้อย ซาลาเปาน้อย!
ซาลาเปา
เซี่ยงจิ้นใส่ใจด้วยการจดคำนั้นเอาไว้
กลับไปจะต้องไปกำชับห้องเครื่องสักหน่อย ว่าสองสามวันนี้ฝ่าบาททรงอยากเสวยซาลาเปา และจะต้องเป็นซาลาเปาเครื่องแน่นแป้งบางด้วย!
เซี่ยงจิ้นปาดเหงื่อแล้วเดินตามซย่าโหวจวินอวี่ต่อไป มือทั้งสองข้างของเขาอุ้มภาพวาดแผ่นหนึ่งด้วยความระมัดระวัง นี่เป็นภาพวาดที่ฝ่าบาทตั้งใจเลือกอย่างเต็มที่ เป็นภาพวาดที่คิดว่าสวยที่สุด
เหอหม่านเฉิงต้องการเวลาในการวาดภาพ ซย่าโหวจวินอวี่ร้อนใจ ดังนั้นจึงตั้งใจเลือกภาพวาดมาภาพหนึ่งส่งไปให้กับซย่าโหวฉิงเทียนเพื่อให้ใช้เป็นแนวทางไปก่อน
“นี่ภาพอะไรกัน”
ซย่าโหวฉิงเทียนรับภาพนั้นเอาไว้แล้วเตรียมจะเปิดดู แต่ซย่าโหวจวินอวี่กลับรีบห้ามเขาเอาไว้
“กลับไปค่อยดู กลับไปให้เจ้าเปิดดูอย่างละเอียด ศึกษาให้แจ่มแจ้ง!”
สอดมือเข้ามายุ่มย่ามเรื่องความสุขของเจ้า ซย่าโหวจวินอวี่รู้สึกเคอะเขินไม่น้อย
หากว่าซย่าโหวฉิงเทียนเปิดดูต่อหน้าเขาละก็ ซย่าโหวจวินอวี่เกรงว่าเขาจะอึดอัด
ก็ใช่นะสิ ชายหนุ่มที่อายุขนาดนี้แล้ว แม้แต่เรื่องในบ้านของตัวเองยังต้องให้เขาผู้เป็นพ่อเป็นธุระให้ เจ็บปวดจริงๆ เลย!
ซึ่งซย่าโหวฉิงเทียนก็ว่าง่ายเก็บภาพวาดนั้นลงไป
“เสด็จพี่ ท่านหาข้า มีเรื่องอะไรหรือ”
จนกระทั่งถึงตอนนี้ซย่าโหวฉิงเทียนถึงได้คิดถึงเรื่องงานขึ้นมาได้
ก่อนหน้านี้เขาดีใจมากเกินไปหน่อย แล้วจะมาคิดถึงเรื่องเหล่านี้ได้อย่างไรกัน หากมิใช่ซย่าโหวฉิงเทียนถามขึ้น ซย่าโหวจวินอวี่คงลืมจุดประสงค์ในการเรียกเขาเข้ามาแล้ว
“ปรมาจารย์ปรากฏขึ้นแล้วบนแผ่นดินใหญ่ เจ้ารู้แล้วสินะ!”
“รู้แล้ว!”
ซย่าโหวฉิงเทียนพยักหน้า เขาไม่แค่รู้นะ ยังเห็นปรมาจารย์สำเร็จขั้นต่อหน้าอีกด้วย
“ไม่รู้ว่าปรมาจารย์เป็นคนแคว้นไหนกัน! ข้าให้คนออกตามหา ถึงตอนนี้ยังไม่พบเบาะแสอะไรเลย ข้าเกรงว่า ปรมาจารย์จะเป็นคนของฉินจื้อหรือไม่…”
“ไม่ใช่”
ซย่าโหวฉิงเทียนตอบอย่างมั่นใจ
“ข้าก็หวังให้เป็นเช่นนั้น แต่หากว่า…”
“ไม่มีหากว่า แมวน้อยคือปรมาจารย์!”
ได้ยินดังนั้น ซย่าโหวฉิงเทียนก็เซถลาไปด้านหลัง จนเซี่ยงจิ้นต้องรีบประคองเขาจากทางด้านหลัง
“ฝ่าบาท ทรงเป็นอะไรไปพ่ะย่ะค่ะ”
“เชิญหมอหลวงหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ๆ ไม่เป็นไร…”
ซย่าโหวจวินอวี่พร่ำบอกเบาๆ ชี้ไม้ชี้มือไปที่ซย่าโหวฉิงเทียน
“เมื่อครู่เจ้าว่าอะไรนะ”
“พูดอีกครั้งซิ!”
“แมวน้อยคือปรมาจารย์ เสด็จพี่มิต้องกังวล”
เป็นที่แน่นอนแล้วว่าเขาไม่ได้ฟังผิด ซย่าโหวจวินอวี่ตาเหลือก หงายหลังเท้าชี้ฟ้าเป็นลมไปทันที
กระทั่งหมอหลวงหวังยังถูกซย่าโหวฉิงเทียนหิ้วเข้ามาที่ห้องทรงอักษร ขณะนั้นหมอหลวงหวังเหงื่อแตกพลั่กทั่วทั้งร่าง ราวกับถูกตกขึ้นมาจากน้ำอย่างไรอย่างนั้น
“ท่านอ๋อง ทรงปล่อยข้าน้อยลงเถอะ!”
จนซย่าโหวฉิงเทียนวางเขาลง หมอหลวงหวังยังคงรู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่น
ขณะที่หมอหลวงหวังกำลังศึกษาตำราแพทย์อยู่นั้น จู่ๆ ซย่าโหวฉิงเทียนก็ปรากฏตัวขึ้น หิ้วคอเสื้อเขาขึ้นมาแล้วเหาะทะยานมาที่นี่
เพื่อเป็นการประหยัดเวลา ท่านอ๋องจึงเลือกใช้เส้นทางที่ใกล้ที่สุด ทะยานขึ้นฟ้าเหาะเหินเดินหลังคามาอย่างรวดเร็ว! ทำเอาหมอหลวงหวังตื่นตระหนกจนกอดกระเป๋ายาเอาไว้แน่น ร้องตะโกนดังลั่นวังหลวงว่า
“หม่อมฉันกลัวความสูงพ่ะย่ะค่ะ!”
เป็นหมอมาหลายปี นี่เป็นครั้งแรกใช้วิธีการเดินทางน่าระทึกที่สุด!
“ท่านอ๋อง คราวหน้าท่านอ๋องเลือกวิธีที่อ่อนโยนหน่อยได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
หมอหลวงหวังปาดเหงื่อ ขาอันสั่นเทาทั้งสองข้างของเขาค่อยๆ พาร่างเข้าไปหาซย่าโหวจวินอวี่
“เป็นอย่างไรบ้าง”
ซย่าโหวฉิงเทียนกล่าวถามขึ้น
“ไม่เป็นไรมากพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทเพียงแค่ตกพระทัยมากไปหน่อยเท่านั้น!”
จนกระทั่งหมอหลวงหวังฝังเข็มให้กับซย่าโหวจวินอวี่แล้ว เขาจึงค่อยๆ ฟื้นคืนสติขึ้น
เมื่อเห็นซย่าโหวฉิงเทียนอยู่ตรงหน้า ฝ่าบาทก็ทรงเงยหน้ามองฟ้าพร้อมกับหัวเราะออกมา
“ฮ่าๆ เชียนลั่วเฉิงไอ้คนเฮงซวย คราวนี้เจ้าตายแน่!”
หลังจากหมอหลวงหวังยืนยันหนักแน่นอีกครั้งว่า เพราะซย่าโหวจวินอวี่ดีใจเกินขนาด จึงเป็นลมล้มพับไปเท่านั้นไม่มีอันตรายใดๆ แล้ว ซย่าโหวฉิงเทียนจึงปล่อยหมอหลวงหวังกลับไป
“ฉิงเทียน ทำได้ดี! ทำได้ดีมาก!”
ซย่าโหวจวินอวี่ดีใจอย่างยิ่ง
ก่อนหน้านี้เขายังเป็นกังวลอยู่เลยว่าปรมาจารย์คนแรกในประวัติศาสตร์นี้หากว่าเป็นฝ่ายศัตรูขึ้นมา เกรงว่าจะนำหายนะมาสู่ต้าโจว
คิดไม่ถึงเลยว่า ปรมาจารย์จะเป็นลูกสะใภ้ของเขาเอง!
สวรรค์มีตาโดยแท้ เรื่องมงคลมากมายเช่นนี้ ทั่วทั้งแผ่นดินควรจะเฉลิมฉลอง!
ยิ่งคิด ซย่าโหวจวินอวี่ก็ยิ่งดีใจ
ลูกชายเขาช่างเก่งกาจยิ่งนัก! ลูกสะใภ้ที่หามาแต่ละคนล้วนเก่งกาจทั้งสิ้น! จอมเทวาสองคน ปรมาจารย์หนึ่งคน สวรรค์ เทพยดา ลูกหลานสกุลซย่าโหวจะโด่งดังแล้วคราวนี้!
ซย่าโหวจวินอวี่คิดๆ ไปก็เวียนหัว เห็นดังนั้นเซี่ยงจิ้นก็รีบไปรินน้ำมาให้กับซย่าโหวจวินอวี่ทันที
“ฝ่าบาท ทรงดื่มน้ำหน่อยเถอะพ่ะย่ะค่ะ!”
“ไม่ดื่ม…”
ซย่าโหวจวินอวี่ได้เริ่มเข้าสู่ภาวะดีใจอย่างเต็มตัว แล้วไหนเลยน้ำแก้วเดียวจะดับมันลงได้!
ซย่าโหวจวินอวี่กวักมือเรียกซย่าโหวฉิงเทียนเข้ามานั่งข้างๆ ตน
“เร็ว รีบมาเล่าให้ข้าฟังที แมวน้อยของเจ้า อายุอานามเท่าไหร่กัน หน้าตาเป็นอย่างไร ลูกเต้าเหล่าใคร พวกเจ้าวางแผนจะแต่งงานกันเมื่อไหร่”
คำถามมากมายรัวขึ้นราวกับกระสุนปืนก็ไม่ปานยิงรัวมาที่ซย่าโหวฉิงเทียน
“ก่อนหน้านี้ท่านยังเจอนางอยู่เลย”
“ข้าเคยพบนางหรือ”