จำนนรักชายาตัวร้าย - ตอนที่ 96-4
จำนนรักชายาตัวร้าย – ตอนที่ 96-4 ฉิงเทียนแสดงอำนาจ สังหารคนชั่ว
ตี้อู่หงเยี่ยตวัดสายตาจ้องมองซย่าโหวฉิงเทียนด้วยความแค้นเคือง นางยกมือขึ้นเป็นกรงเล็บมุ่งไปทางซย่าโหวฉิงเทียน
ขอเพียงแต่ขูดโดนเขาแม้เพียงน้อยนิด เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน
แต่ทว่าตี้อู่หงเยี่ยยังมิทันเข้าใกล้ซย่าโหวฉิงเทียนเลยด้วยซ้ำ ซย่าโหวฉิงเทียนก็ใช้เท้าตวัดเก้าอี้ตัวหนึ่งเข้ามาใกล้แล้ว ตวัดเก้าอี้ตัวนั้นไปกระแทกทับมือทั้งสองข้างของตี้อู่หงเยี่ยอย่างจัง
“ปึก…”
กระดูกมือทั้งสองข้างของนางแตกละเอียดในทันที อีกทั้งเศษเก้าอี้ไม้ที่กระแทกกับมืออย่างแรงจนแตกกระเด็นฝังเข้าในมือนาง นำมาซึ่งความเจ็บปวดอย่างหนักจนตี้อู่หงเยี่ยแทบเป็นลมสิ้นสติ
“อย่าฆ่าข้าเลย! ท่านต้องการรู้อะไร ข้าจะบอกท่านทุกอย่าง!”
ถึงแม้ว่าในใจจะโกรธแค้นซย่าโหวฉิงเทียนมากมายเพียงใด แต่ตี้อู่หงเยี่ยก็มิกล้าเป็นปรปักษ์กับเขาในตอนนี้ นางกลัวตายที่สุด
เจ้าปีศาจนี้โหดเ**้ยมยิ่งนัก!
คิดจะรอดพ้นจากเงื้อมมือเขาในครั้งนี้ มีเพียงแต่ทำตัวให้ต่ำต้อยให้เล็กเข้าไว้เท่านั้น!
การตายของอู่เม่ยเมื่อครู่ป็นวิธีที่ตี้อู่หงเยี่ยไม่เคยพบมาก่อน ซึ่งนางก็ไม่อยากเป็นเช่นอู่เม่ยอีกด้วย!
“สายไปแล้ว!”
ซย่าโหวฉิงเทียนขี้เกียจพูดมากอีกต่อไป เขาวางมือลงบนหัวของตี้อู่หงเยี่ยอย่างไม่ลังเล
ในขณะที่ตี้อู่หงเยี่ยกำลังดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอดปากก็กรีดร้องขอชีวิตนั้น ซย่าโหวฉิงเทียนก็ดูดความทรงจำของนางออกมา หลังจากนั้นจุดจบนางก็เป็นดั่งเช่นอู่เม่ยไม่มีผิดเพี้ยน วิญญาณแตกสลายถูกแผดเผากลายเป็นควันสีเขียว
เมื่อทำภารกิจเสร็จสิ้น ซย่าโหวฉิงเทียนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ตี้อู่หงเยี่ยและอวี้เฟยเยียนยังต้องประลองวิชาแพทย์กันอีกนี่นา!
การประลองนี้ป่าวประกาศไปทั่วยุทธภพแล้วเสียด้วย ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไหร่ที่รอคอยการประลองระหว่างจักรพรรดิโอสถและราชันจักรพรรดิโอสถนี้อยู่ ในตอนนี้เขาสังหารตี้อู่หงเยี่ยจนตายแล้ว นับเป็นการช่วยลดภาระอวี้เฟยเยียนไปอีกเรื่อง
ตี้อู่หงเยี่ยขาดการประลอง เท่ากับอวี้เฟยเยียนกำชัยชนะโดยมิต้องรบ!
นับว่าเขาได้สร้างผลงานหนึ่งเรื่อง!
ซย่าโหวฉิงเทียนคิดไว้อย่างสวยงาม
เมื่อกลับถึงเรือน ในขณะที่ซย่าโหวฉิงเทียนเตรียมที่จะรายงานผลงานของตนเองให้อวี้เฟยเยียนได้ฟังนั้น ตี้อู่เฮ่ออีก็เดินเข้ามาพอดี
“กลิ่นอะไร”
เขาเดินเข้าใกล้กับซย่าโหวฉิงเทียน แล้วทำจมูกฟุตๆ ฟิตๆ จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
“ท่านสังหารตี้อู่หงเยี่ย”
“ใช่!”
เรื่องที่ว่าตี้อู่เฮ่ออีคาดเดาได้ถูกต้องได้อย่างไรนั้น แล้วเขารู้ได้อย่างไรว่าเยี่ยหงคือตี้อู่หงเยี่ย ทั้งสองจุดนี้กลายเป็นความเคลือบแคลงสงสัยที่บังเกิดขึ้นในใจของซย่าโหวฉิงเทียน
แต่ไม่ต้องรอให้ซย่าโหวฉิงเทียนกล่าวถาม ตี้อู่เฮ่ออีก็ดึงทึ้งผมของตนเองปากก็พร่ำว่า
“ไอ้หยา ก่อนที่ท่านสังหารนางน่าจะซักถามข้าสักคำ! คราวนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่แน่…”
ตี้อู่เฮ่ออีถึงกับหมดคำพูดในการกระทำโดยพลการของซย่าโหวฉิงเทียน
แต่หลังจากที่ได้ฟังคำอธิบายจากเขา ซย่าโหวฉิงเทียนถึงได้เข้าใจมูลเหตุทั้งหมด
ตี้อู่หงเยี่ยเป็นชาวชนเผ่าตาน หญิงชนเผ่าตานจะมีกลิ่นหอมประหลาดติดตัว
ตี้อู่หงเยี่ยมีกลิ่นหอมดอกขจรติดกาย ขณะที่ซย่าโหวฉิงเทียนสังหารนางนั้นกลิ่นดอกขจรก็จะแพร่และซึมเข้าสู่ร่างของเขา ขอเพียงแต่เป็นคนที่สนิทสนมคุ้นเคยกับตี้อู่หงเยี่ย ได้กลิ่นนี้เข้า ก็จะรู้ได้ทันทีว่าซย่าโหวฉิงเทียนคือฆาตกรที่สังหารตี้อู่หงเยี่ยนั่นเอง
ในอดีต วิธีการเช่นนี้มีชื่อเรียกที่แสนไพเราะสวยงามว่า ‘คำสาปแช่งแห่งดอกไม้’
นี่เป็นการร้องป่าวประกาศเพื่อแก้แค้นของหญิงสาวชาวเผ่าตาน
ชาวเผ่าตานขึ้นชื่อเรื่องรักพวกพ้อง หากหญิงเผ่าตานต้องพบกับเหตุการณ์ร้ายเข้านางก็จะสาดกลิ่นหอมของตนเองบนร่างศัตรู เพราะพวกนางเชื่อว่าคนในเผ่าจะต้องช่วยนางแก้แค้นเป็นแน่
ตอนนี้ บนร่างซย่าโหวฉิงเทียนมีกลิ่นของดอกขจรอยู่
ซึ่งถึงแม้ว่าคนธรรมดาทั่วไปจะไม่ได้กลิ่น แต่หากเป็นคนเผ่าตานละก็ โดยเฉพาะคนเผ่าตานฝ่ายขวาที่สนิทสนมคุ้นเคยกับตี้อู่หงเยี่ยจะต้องได้กลิ่นอย่างแน่นอน
“หากท่านบอกกล่าวข้าล่วงหน้าสักคำ ข้าจะปรุงยาให้ท่านซึ่งมันสามารถหลบเลี่ยงกลิ่นหอมของดอกไม้นั่นได้แน่นอน ตอนนี้จะพูดอะไรไปก็สายไปเสียแล้ว จะทำอย่างไรดีละทีนี้!”
ตี้อู่เฮ่ออีเดินวนไปวนมาเป็นหนูติดจั่นด้วยความเป็นกังวล แต่ซย่าโหวฉิงเทียนกลับตอบรับเพียงประโยคเดียวว่าา
“ข้าไม่กลัว” ทำเอาตี้อู่เฮ่ออีโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
“พี่ซย่าโหว ท่านคงไม่รู้อะไร!”
“คนเผ่าตานฝ่ายขวาถนัดที่สุดก็คือเรื่องชั่วร้าย อีกทั้งยังเชี่ยวชาญในการใช้พิษ พวกเขาจะไม่ต่อสู้ห้ำหั่นกับท่านซึ่งหน้า แต่ชอบที่จะเล่นสกปรกกับท่านมากกว่า ทำให้คนจะป้องกันก็ป้องกันมิได้!”
“หากท่านไม่ไปเมืองอู๋โยว ไม่แน่ว่าท่านอาจจะหลบหลีกพวกเขาได้”
ความร้อนอกร้อนใจของตี้อู่เฮ่ออีไม่มีผลใดๆ ต่อซย่าโหวฉิงเทียนแม้แต่น้อย
ต่อให้เขาเดินทางไปเมืองอู่โยวแล้วอย่างไรเล่า
สนใจทำไมกันว่าเขามันจะเป็นตานฝ่ายซ้ายหรือขวา เผ่าตานฝ่ายขวาหากไม่ดูตาม้าตาเรือมาหาเรื่องเขาละก็ เขาก็จะพร้อมสนองมาหนึ่งคนเขาก็ฆ่าหนึ่งคน มาสองคนเขาก็ฆ่าทั้งสองคน!
เขาไม่เชื่อหรอกว่ายาพิษของพวกมันเร็วกว่าดาบเขาได้!
สิ่งเดียวที่ซย่าโหวฉิงเทียนกังวลใจนั่นก็คือบนร่างเขามีกลิ่นหญิงอื่น จะทำให้แมวน้อยโมโหจนพาลงอนเขาหรือไม่
“สกปรกจริงๆ!”
เห็นว่าซย่าโหวฉิงเทียนต้องการไปอาบน้ำ ตี้อู่เฮ่ออีก็สำทับอีกประโยคว่า
“ไม่มีประโยชน์มันล้างไม่ออกหรอก!”
คราวนี้กวนอารมณ์ของซย่าโหวฉิงเทียนขึ้นมาจนได้
เขาเคลื่อนร่างมาที่เบื้องหน้าของตี้อู่เฮ่ออีอย่างรวดเร็วดั่งสายลม แล้วจับคอเสื้อของตี้อู่เฮ่ออียกขึ้น
“ทำอย่างไรจึงจะกำจัดกลิ่นที่น่าขยะแขยงนี่ออกไปได้”
ถึงแม้ว่าตี้อู่เฮ่ออีจะมีส่วนสูงหนึ่งเจ็ดสิบเก้า แต่เทียบกับซย่าโหวฉิงเทียนแล้ว เขายังเตี้ยกว่าหลายขุม
“ท่านพี่ซย่าโหว ข้าไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงๆ!”
ตี้อู่เฮ่ออีส่ายหัวพร้อมกับทอดถอนใจออกมา
เสียงที่ดังออกมาจากด้านนอก เรียกความสนใจจากอวี้เฟยเยียนได้ดี
เมื่อเปิดประตูออกมา ภาพที่อวี้เฟยเยียนพบเห็นนั่นก็คือก็พบซย่าโหวฉิงเทียนกำลังหิ้วคอเสื้อตี้อู่เฮ่ออีอยู่เขาทำราวกับกำลังหิ้วนกน้อยอยู่อย่างไรอย่างนั้น เขาหยิบตี้อู่เฮ่ออีขึ้นมา
“เรื่องอะไรกัน…”
ไม่รอให้อวี้เฟยเยียนเดินเข้ามาถึงตัว ซย่าโหวฉิงเทียนก็ปล่อยมือจากคอเสื้อตี้อู่เฮ่ออี ร่างตี้อู่เฮ่ออีร่วงลงกันพื้นก้นเขากระแทกกับพื้นอย่างจัง ซย่าโหวฉิงเทียนกลับทำท่าทางราวกับหนูเห็นแมวอย่างไรอย่างนั้นเผ่นแน่บหายไปไปทันที
ซย่าโหวฉิงเทียนเป็นอะไรกันแน่
ส่วนอวี้เฟยเยียนกำลังเบื่อหน่ายเป็นอย่างมาก
รอจนตี้อู่เฮ่ออีลูบก้นที่เจ็บปวดจากแรงกระแทกเมื่อครู่ คลานขึ้นมาจากพื้นแล้วอธิบายสาเหตุให้กับอวี้เฟยเยียนได้ฟัง
“เขาสังหารเยี่ยหง ยังมีอีก หญิงผู้นั้นชื่อจริงว่าตี้อู่หงเยี่ย เป็นคนของเผ่าตาน!”
เดิมทีอวี้เฟยเยียนคิดที่จะกำจัดหญิงชั้นต่ำผู้นี้ด้วยมือนางเอง นึกไม่ถึงว่าซย่าโหวฉิงเทียนจะลงมือเอง ไม่เพียงเท่านั้นยังแถมความวุ่นวายมาให้อีกด้วย
เผ่าตาน…
คำคำนี้สำหรับอวี้เฟยเยียนแล้วนางรู้สึกคุ้นเคยไปเสียแล้ว
นึกไม่ถึงเลยว่า ตี้อู่หงเยี่ยจะเกี่ยวข้องกับเผ่าตาน
คนเผ่าตานมายังฉินจื้อทำไมกันนะ เกี่ยวข้องอะไรกับท่านป้ารองหรือเปล่า
ในเวลานั้นคำถามมากมายเกิดขึ้นในใจของอวี้เฟยเยียน
“เฮ่ออี ท่านบอกว่ากลิ่นหอมนั่นกำจัดไม่ออกจริงหรือ”
เมื่อได้ฟังตี้อู่เฮ่ออีอธิบายเรื่องกลิ่นหอมของหญิงชาวเผ่าตานแล้ว อวี้เฟยเยียนจึงยิ่งเข้าใจเกี่ยวกับชนเผ่าตานมากยิ่งขึ้น
มิน่าเล่าก่อนหน้านี้ที่ซย่าโหวฉิงเทียนเล่าเรื่องเกี่ยวกับเผ่าตานให้นางฟังนั้น ก็เคยกล่าวถึงว่าชนเผ่าตานขึ้นชื่อเรื่องรักพวกพ้อง
วิธีการแก้แค้นของหญิงชาวเผ่าตานนี้ พิเศษไม่เหมือนใครจริงๆ!
“ถึงตอนนี้ข้ายังไม่มีวิธีกำจัดกลิ่นหอมนั้นก็ตาม แต่ว่า ข้าบังเอิญค้นพบสูตรยาที่เมื่อดื่มเข้าไปแล้วจะเกิดเป็นชั้นผิวบางๆ ห่อหุ้มร่างกายเอาไว้ เพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งยากที่จะตามมานี้ได้!”
เมื่อกล่าวถึงสูตรยาของตนเอง สีหน้าตี้อู่เฮ่ออีก็กระหยิ่มยิ้มย่อง
เขาถึงกับควักยาเม็ดนั้นออกมาให้อวี้เฟยเยียนได้ดูแล้วกินมันลงไปให้ดูอีกด้วย
“แม่นางอวี้ เจ้ารีบมาดูนี่สิ!”
จริงดังนี้เขากล่าวเอาไว้ ทั่วร่างของตี้อู่เฮ่ออีเกิดเป็นชั้นผิวบางๆ สีดำเคลือบผิวของเขาเอาไว้
“เมื่อมีชั้นบางๆ นี่ปกป้องเอาไว้ ต่อให้สังหารหญิงชาวเผ่าตาน แล้วถูกกลิ่นหอมบนร่างของนางเข้า เพียงแค่ไปอาบน้ำ ขัดเอาชั้นบางๆ นี่ออกไปก็หมดเรื่องแล้ว!”
อวี้เฟยเยียนถึงกับเอ่ยออกมาว่า ‘น่าสนใจเป็นพิเศษ’ สำหรับการค้นพบของตี้อู่เฮ่ออี
แพทย์ที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูเช่นเขา มีวิธีการศึกษาค้นคว้าที่พิสดารร้อยแปดจริงๆ!
นี่เป็นวิธีการสำหรับรับมือหญิงชาวเผ่าตานโดยเฉพาะใช่หรือไม่
หรือ ตระกูลเขามีความแค้นกับเผ่าตาน
ทว่าดูท่าทางเรียบร้อยเช่นนี้ของตี้อูเฮ่ออี วรยุทธ์ก็ไม่สูงเท่าไหร่นักไม่เกินราชันโอสถด้วยซ้ำ หากพบกับคนเผ่าตานขึ้นมาจริงๆ จะสู้พวกเขาได้หรือ
มันยังเป็นปัญหาใหญ่อยู่จริงๆ!
“เฮ่ออี ฟังจากน้ำเสียงเจ้า ดูเจ้าจะรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเผ่าตานไม่น้อยทีเดียว เจ้าจะเล่าเรื่องเผ่าตานให้ข้าฟังบ้างได้หรือไม่”
อวี้เฟยเยียนกล่าวถาม
เพราะเรื่องตี้อู่เยียนเอ๋อร์ ทำให้นางสนใจใคร่รู้ในเรื่องเผ่าตานมากยิ่งขึ้น
แต่ก็มิพบเผ่าตานสักคน นางจึงไม่รู้เรื่องเผ่าตานสักที
ตอนนี้ได้ฟังตี้อู่เฮ่ออีกล่าวเช่นนี้ ความสนใจใคร่รู้ของอวี้เฟยเยียนก็ถูกกระตุกขึ้นมาทันที
“เรื่องนี้…”
เดิมทีแล้วตี้อู่เฮ่ออีต้องการปกปิดฐานะของตนไว้เป็นความลับ
เพราะอย่างไรเสียตอนที่เขาจากมาก็ทิ้งจดหมายเอาไว้เพียงฉบับเดียวแล้ว แอบออกจากเผ่ามาทันที หากว่าฐานะเขาถูกผู้คนล่วงรู้เข้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเผ่าตานฝ่ายขวาแล้วละก็ เขาต้องพบกับปัญหาใหญ่แน่!
แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด เขากลับรู้สึกว่ามีกลิ่นอายที่คุ้นเคยจากอวี้เฟยเยียน มันทำให้เขารู้สึกสนิทสนมกับนางเป็นพิเศษอย่างบอกไม่ถูก