จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 121-125
บทที่ 121 : ชื่อเสียงพังพินาศ (2)
หยูหรงกำลังมึนงงไปหมดครั้นได้ยินถ้อยคำขู่กรรโชกรีดไถจากคนบ้านสกุลเฉียน นางก็โกรธจัด กระทั่งโพล่งออกไปโดยไม่ทันยั้งคิด
”อย่ามาขู่กรรโชกข้าเสียให้ยากเลยข้าคืนยาเม็ดจิตวิญญาณนั่นให้พวกเจ้าไปหมดแล้ว เหตุใดเจ้าจึงยังมาถามหามันอีก”
ขณะที่หยูหรงอ้าปากหัวใจของหยูฮูหยินผู้เฒ่าก็เต้นไม่เป็นจังหวะ นางอยากรีบเข้าไปปิดปากลูกสาว ทว่าโชคไม่ดีที่นางช้าเกินไป หยูหรงหลุดปากทุกอย่างออกมาสิ้นแล้ว
อื้ออึง!
เสียงฮือฮาของฝูงชนดังก้องขึ้นอีกครั้งสมองของจีนมุงเหล่านั้นแทบระเบิด เมื่อได้ยินเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นไม่หยุดไม่หย่อน …
ตอนนี้พวกเขามั่นใจแล้วว่าไป๋หยานไม่ได้หนีตามผู้ชาย หากแต่เป็นเพราะบ้านสกุลไป๋ต้องการขายนางให้ไปเป็นอนุของตาเฒ่าบ้านสกุลเฉียน เช่นนั้นนางจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหนี !
”หยูหรง!” ไป๋เซียวหลับตาลงครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ ลืมขึ้นอีกครั้ง นัยน์ตาทั้งคู่ของเขาเปล่งประกายเย็นชากระหายเลือด “เมื่อหกปีก่อนเจ้าข่มเหงพี่สาวของข้า บีบคั้นกระทั่งนางต้องดิ้นรนหลบหนี ทว่านั่นยังไม่สาแก่ใจเจ้าใช่หรือไม่ ? เจ้าถึงให้ร้ายทำลายชื่อเสียงของนางอีก ! ”
”ทั้งๆ ที่ เงินทองที่เจ้าใช้กินใช้อยู่ล้วนได้มาจากมารดาของข้า ! สุดท้าย เจ้าปฏิบัติต่อพี่สาวของข้าเช่นนี้หรือ ?”
ที่ตลกร้ายก็คือไป๋เซียวเองก็เคยเกลียดพี่สาวของตนเช่นกัน เขาอยากรู้ว่า เหตุใดนางถึงจากไปโดยไม่กล่าวคำร่ำลาแม้สักคำ เหตุใดนางจึงทิ้งเขาไว้เพียงลำพังในสถานที่อันแสนโหดร้ายแห่งนี้ ?
ทว่าตอนนี้เขาเข้าใจแล้วเหตุที่พี่สาวต้องทิ้งเขาไป หาใช่เพราะนางเห็นแก่ตัวไม่ หากแต่เป็นเพราะนางอัปยศอดสู …
”ข้า… ” ริมฝีปากของหยูหรงเริ่มสั่นระริก สีหน้าของนางซีดขาว ร่างของนางอ่อนระทวย กระทั่งไม่สามารถกล่าวคำใดออกมาได้แม้ครึ่งคำ
จบสิ้นแล้ว!
ทุกอย่างจบสิ้นแล้ว!
หยูหรงรู้สึกหมดท่าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนไม่ต่างจากไก่ชนที่โดนไก่ฝ่ายตรงข้ามเหยียบหัวไว้จนไม่อาจเงยหน้าขึ้นมาได้
”ท่านน้าเฉินเอ๋อ…อยากกลับบ้าน”
ไป๋เสี่ยวเฉินกระชับอ้อมแขนที่โอบรอบลำคอของไป๋เซียวนัยน์ตาของเด็กน้อยแวววาวเป็นประกาย
“ได้สิเราจะกลับบ้านกัน นับแต่นี้ไปเจ้าก็ไม่ต้องมาเหยียบสถานที่โสมมแห่งนี้อีก”
ไป๋เซียวกอดซาลาเปาน้อยในอ้อมแขนแน่นเขาสาบานกับตนเองว่า จากนี้ไปไม่ว่าเขาจะต้องเหนื่อยยากสักเพียงใด เขาจะไม่ยอมให้พี่สาว ไม่ยอมให้หลานชายต้องพบเจออันตรายใด ๆ อีก
*****
ครั้นไป๋เซียวพร้อมด้วยไป๋เสี่ยวเฉินกลับมาถึงคฤหาสน์โบราณเขาก็พบมาม่าฉู่อยู่ที่นั่นด้วย เขารู้สึกประหลาดใจ อีกทั้งงงงวย
”หม่ามี้! ป้าฮัว !”
ไป๋เสี่ยวเฉินทิ้งตัวจากอ้อมแขนของไป๋เซียวเขารีบวิ่งเข้าไปหาไป๋หยาน และจุ๊บแก้มนางทันที
”หม่ามี้วันนี้เฉินเอ๋อแก้ปัญหาให้หม่ามี้แล้วนะ วันหน้าเราจะจัดการกับบ้าน
สกุลไป๋อย่างไรก็ได้ จะไม่มีผู้ใดว่าอะไรเราได้แล้ว !”
ไป๋หยานมองใบหน้าเปื้อนๆ ของบุตรชาย นางยกมือขึ้นบีบจมูกเล็ก ๆ ของเด็กน้อย “เจ้าปล่อยให้ใบหน้าของเจ้าสกปรกเลอะเทอะมากถึงเพียงนี้ได้อย่างไร ? รีบไปล้างหน้าล้างตาของเจ้าเดี่ยวนี้เลย”
”ทั้งหมดเป็นความผิดของเสี่ยวมี่”ไป๋เสี่ยวเฉินบุ้ยปาก “ลูกบอกแล้วว่า แค่ทำเสื้อขาดก็พอ แต่เสี่ยวมี่สิ เสี่ยวมี่ยังทำหน้าลูกสกปรกอีกด้วย”
“ก็รู้อยู่ว่าหม่ามี้ไม่ชอบเด็กสกปรกเสี่ยวมี่ต้องอิจฉาลูกแน่ ๆ ที่หม่ามี้รักลูกมาก ดังนั้นเสี่ยวมี่ก็เลยทำให้หน้าของลูกสกปรก”
“ช่างกล้าพูดผู้ใดกันที่เอาไฟรนขนข้าก่อน ?” เสี่ยวมี่กลอกตามองเด็กน้อยอย่างหมั่นไส้
ไป๋เสี่ยวเฉินเท้าสะเอวกล่าวว่า”หากข้าไม่ทำเช่นนั้น มันจะดูเหมือนว่าเราหนีออกมาจากกองไฟได้อย่างไรล่ะ ?”
ครั้นได้ยินบทสนทนาระหว่างเด็กน้อยกับเจ้าสัตว์ตัวเล็กๆ นั่นแล้ว ไป๋เซียวก็นิ่งงันทันที
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
”ท่านน้า”ไป๋เสี่ยวเฉินหันมาเผชิญหน้ากับชายหนุ่มซึ่งกำลังงงงันอยู่ด้านหลังตนเอง “เฉินเอ๋อไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ท่านน้าตกใจกลัวนะ แต่ว่าเฉินเอ๋อก็ไม่ต้องการให้ใครพูดจาว่าร้ายหม่ามี้ผิด ๆ อีกเฉินเอ๋อก็เลยทำเรื่องเสี่ยง ๆ เช่นนี้ เฉินเอ๋อมั่นใจว่าจากนี้ไปจะไม่มีใครกล้าดูหมิ่นหม่ามี้อีกแล้ว”
ไป๋เซียวกลับมามีสติภายในใจของเขาเกิดความรู้สึกซับซ้อน เขามีความสุขที่หลานชายของตนเป็นเด็กเฉลียวฉลาด ทว่าขณะเดียวกันก็เศร้าใจ เมื่อหวนคิดได้ว่าแม่ลูกคู่นี้ต้องผ่านเรื่องราวใดมาบ้าง ถึงหล่อหลอมให้เด็กน้อยเป็นดั่งเช่นทุกวันนี้
***จบบทชื่อเสียงพังพินาศ (2)***
บทที่ 122 : ข้าคงติดหนี้พี่มาแต่ชาติปางก่อน !
ความเฉลียวฉลาดของไป๋เสี่ยวเฉินดูอย่างไรก็ไม่เหมือนเด็ก5 ขวบ !
“หม่ามี้”ไป๋เสี่ยวเฉินกระพริบตาที่แลดูไร้เดียงสาของเขา “เมื่อครู่ป้าฉู่ไปที่นั่นทันเวลาพอดี หม่ามี้สั่งให้ป้าฉู่ไปใช่มั้ย ?”
ไป๋เซียวตกตะลึงเขาหันมามองมาม่าฉู่อีกครั้ง
มาม่าฉู่เป็นคนของหอบุปผา เหตุใดเฉินเอ๋อจึงใช้คำว่า “สั่ง ?”
”เสี่ยวมี่รีบกลับมาแจ้งจุดประสงค์ทั้งหมดของเจ้าเช่นนั้นแม่เลยให้ป้าฉู่ไปที่นั่นเพื่อเป็นพยาน” ไป๋หยานย่นหน้าผากลงเล็กน้อย “แม้ว่างานนี้เจ้าจะจบมันได้อย่างสวยงาม ทว่าต่อไปในภายหน้าแม่ไม่อนุญาตให้เจ้าเสี่ยงชีวิตเช่นนี้อีก เจ้าเข้าใจที่แม่พูดหรือไม่ ?”
ไป๋เสี่ยวเฉินเบ้ปาก“เฉินเอ๋อไม่อยากให้โลกเข้าใจหม่ามี้ผิด”
เฉินเอ๋อไม่อยากให้โลกเข้าใจหม่ามี้ผิด
ไป๋หยานรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ไหลเอ่อเข้าสู่หัวใจนางอุ้มซาลาเปาน้อยขึ้นจากพื้นมานั่งบนตัก
“แต่…”ไป๋เสี่ยวเฉินเอียงศีรษะเล็ก ๆ ของตน “แต่ว่าหม่ามี้ส่งคนตระกูลเฉียนไปที่นั่นด้วยเหรอ ?”
คนตระกูลเฉียน
ไป๋หยานหรี่ตาลงนางหวนคิดถึงเรื่องราวในค่ำคืนนั้น คืนที่นางต้องหนีจากที่นี่อีกครั้ง พลันนัยน์ตาของนางก็เปล่งประกายเย็นชา
”เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ตระกูลเฉียนไปปรากฏตัวในช่วงเวลาสำคัญนั้นได้อย่างไร?
หรือว่า…
ทันใดนั้นเองใบหน้าหล่อเหลาและทรงพลังก็ปรากฏขึ้นในใจของนาง นั่นทำให้นางตกอยู่ในภวังค์ชั่วขณะ
นี่เป็นฝีมือของเขางั้นหรือ?
นอกจากเขาแล้วไม่มีผู้ใดสามารถบังคับบ้านสกุลเฉียนให้ทำเช่นนั้นได้ เพราะตระกูลเฉียนก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลหลักของที่นี่
“พี่ใหญ่”
นัยน์ตาของไป๋เซียวเต็มไปด้วยความสับสน“พี่รู้จักกับหอบุปผาได้อย่างไร ?”
ยิ่งไปกว่านั้นหอบุปผายังเชื่อฟังคำสั่งของนางอีกด้วย ?
ไป๋หยานรู้ว่าน้องชายของนางจะต้องถามคำถามนี้อย่างแน่นอนนางเองก็ไม่อยากปิดบังเขา เช่นนั้นนางจึงยกยิ้มพร้อมกล่าวว่า “หอบุปผาเป็นของข้ามาหลายปีแล้ว ! สตรีที่อยู่ข้าง ๆ ข้าผู้นี้เป็นหัวหน้าของหอบุปผามีนามว่า ฮัวหลัว ”
ราวกับเกิดแผ่นดินไหวสนั่นไป๋เซียวนิ่งงันไปในบัดดล
แม้ว่าชื่อเสียงของหอบุปผาจะมิได้ดีนักหากแต่อิทธิพลของหอบุปผาก็อยู่ในระดับเดียวกับราชสำนัก หอบุปผาที่ทรงพลังเช่นนี้กลับกลายเป็นของพี่สาวของเขางั้นหรือ ?
ที่สำคัญหยูหรงต้องการขายหลานชายของเขาให้กับหอบุปผาอีกด้วย !
นี่มัน…
”ดังนั้น”ไป๋หยานค่อย ๆ ลุกขึ้นจากที่นั่งของนาง จากนั้นก็เดินเข้าไปหาไป๋เซียวผู้เป็นน้องชาย “อย่างที่ข้าเคยพูดก่อนหน้านี้ อย่าว่าแต่บ้านสกุลไป๋เลย ต่อให้เป็นอาณาจักรนี้ หากเจ้าอยากบดขยี้ข้าก็สามารถจัดการให้เจ้าได้”
คำสัญญาของนางไม่อาจละเลยได้!
ไป๋เซียวไม่ตอบเขาก้มศีรษะลง ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเต็มไปด้วยความ
หม่นหมอง
หลังจากนั้นครู่ใหญ่กว่าเขาจะตัดสินใจได้ เขาค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง “ของ ๆ พี่ก็คือของ ๆ พี่ ในฐานะผู้ชาย ข้าจะให้พี่คอยสนับสนุนข้าตลอดเวลาได้อย่างไร ?”
”ยิ่งไปกว่านั้น… ” เขาหยุด ก่อนจะค่อย ๆ กล่าวอย่างมาดมั่น “เป็นเพราะท่านแม่ของเรา บ้านสกุลไป๋ถึงแข็งแกร่งได้เช่นทุกวันนี้ ! ข้าต้องการบ้านสกุลไป๋ ข้าไม่ต้องการให้สิ่งที่ท่านแม่ต้องเสียสละถูกทำลายจนย่อยยับ !”
ยิ่งพี่สาวของเขาแข็งแกร่งมากเพียงไรเขาก็ต้องยิ่งเข้มแข็งมากขึ้นเพียงนั้น เพื่อที่ว่าในภายหน้าเขาจะสามารถปกป้องนางได้
“พี่ใหญ่”ไป๋เซียวก้าวมาข้างหน้า จากนั้นก็โอบกอดพี่สาวของเขาเบา ๆ นัยน์ตาของเขาเหมือนมีรอยยิ้ม “อย่าเป็นห่วงเลย ข้าไม่มีอันตรายใด ๆ หรอก อย่างไรเสียข้าก็ยังเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของบ้านสกุลไป๋ ไป๋เฉิงเซียงไม่กล้าทำอะไรรุนแรงกับข้าเป็นแน่”
ครั้นเห็นน้องชายยืนยันเจตนารมย์อย่างแน่วแน่ไป๋หยานก็ไม่รบเร้าเขาอีก นางเพียงแค่ส่งคนคอยปกป้องเขาอย่างลับ ๆ เพื่อที่ว่าตนเองจะได้ไม่ต้องเป็นกังวลใด ๆ เกี่ยวกับความปลอดภัยของเขา
”หากเจ้าต้องการสิ่งใดอย่าลืมมาหาข้านะ”ไป๋หยานตบไหล่ของไป๋เซียว “เซียวเอ๋อ จำไว้นะ…ในโลกนี้ข้ามีเจ้าเป็นน้องชายแต่เพียงผู้เดียว”
ไป๋เซียวพยักหน้ารับคำพี่สาวพร้อมรอยยิ้ม“พี่ใหญ่ ข้ารู้สึกราวกับว่า ข้าคงติดหนี้บุญคุณพี่มาแต่ชาติปางก่อน ชีวิตนี้ข้าจึงต้องมาชดใช้ความเมตตาของพี่ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในภายหน้า ข้าก็จะยืนอยู่ข้างเดียวกับพี่เสมอ !”
พี่ใหญ่…ข้าเสียใจที่ครานั้นข้าไม่เชื่อมั่นในตัวพี่ ทั้งยังกล่าวโทษพี่ที่จากไปแต่เพียงลำพัง…ข้าไม่รู้เลยว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาพี่ต้องทนทุกข์ทรมานมากมายเพียงใด !
นับแต่นี้ต่อไปข้าจะไม่มีวันให้เกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นอีก
***จบบทข้าคงติดหนี้พี่มาแต่ชาติปางก่อน !***
บทที่ 123 : ตระกูลไป๋ไร้ยางอาย (1)
”เซียวเอ๋อวันนี้เกิดเรื่องราวตั้งมากมาย ข้าคิดว่าไป๋เฉิงเซียงจะต้องตำหนิเจ้าอย่างแน่นอน ข้าว่า เจ้าควรพักที่นี่สักสองสามวัน” ไป๋หยานยิ้มเล็กน้อย “ข้าจะให้ฮัวหลัวไปเตรียมห้องให้เจ้า”
ครานี้ไป๋เซียวไม่ปฏิเสธอีกเขาพยักหน้ารับคำ “ตกลง”
เขาพรากจากพี่สาวมาหกปีแล้วเช่นนั้นย่อมเป็นธรรมดาที่เขาจะต้องการเวลาอยู่กับพี่สาวบ้าง
*****
ไป๋เฉิงเซียงวิ่งวุ่นหาทางช่วยเหลือไป๋จื่อบุตรสาวของตนมาตลอดทั้งวันทว่าเป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับเขา เนื่องจากนี่เป็นคำสั่งของอ๋องคัง เช่นนั้นจึงไม่มีผู้ใดกล้าปล่อยตัวไป๋จื่อ
ส่วนหนานกงอี้บุตรเขยของเขาก็ไม่มีกะจิตกะใจจะจัดการเกี่ยวกับเรื่องนี้
ทว่าทันใดนั้นเองยามจากบ้านสกุลไป๋ก็เข้ามารายงานเขาเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่บ้านสกุลไป๋ในวันนี้
เมื่อได้รับทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไป๋เฉิงเซียงก็โกรธเกรี้ยว เขารีบตรงดิ่งกลับบ้านของตน กระทั่งลืมเรื่องของบุตรสาวคนเล็กที่ยังคงติดอยู่ในคุกจนหมดสิ้น
ทันทีที่ก้าวเข้าบ้านสกุลไป๋ไป๋เฉิงเซียงก็ตะคอกสั่งบ่าวรับใช้ด้วยใบหน้าบึ้งตึงทันที “ไปเชิญฮูหยินของข้าออกมา !”
”ขอรับนายท่าน” บ่าวรับใช้รีบถอยออกไปทำตามคำสั่ง
เพียงครู่…
หยูหรงในชุดเสื้อคลุมสีหม่นๆ ย่างก้าวเข้ามาอย่างเชื่องช้า ใบหน้าที่เคยดูสูงส่ง บัดนี้กลับแลดูซีดเซียวไร้สีเลือด นัยน์ตาของนางแลดูว่างเปล่า หลังจากเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวของไป๋เฉิงเซียง นางก็ตัวสั่นเทา
”หยูหรง!” ไป๋เฉิงเซียงคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว
”คราก่อนเจ้าขายไป๋หยานให้ไปเป็นอนุผู้เฒ่าบ้านสกุลเฉียนจริงหรือไม่ ?”
“ฝุ่บ…!”
หยูหรงรู้สึกกลัวกระทั่งเข่าทรุดลงบนพื้น”ท่านพี่ อย่าเชื่อคำพูดคนไร้สาระเหล่านั้น ข้ามิได้…”
”ไม่ได้ทำ…? แล้วที่คนตระกูลเฉียนมาเรียกร้องยาเม็ดจิตวิญญาณคืนล่ะ เจ้ายังกล้าปฏิเสธอีกหรือ ?” ไป๋เฉิงเซียงตบหน้าหยูหรงด้วยความโมโห “ข้าปฏิบัติต่อเจ้ายังไม่ดีพออีกงั้นรึ ? ข้ารับมารดาของเจ้าเข้าบ้าน อีกทั้งยังปฏิบัติต่อนางด้วยความเคารพอย่างสูง ไม่ต่างจากมารดาแท้ ๆ ของข้า ! นอกจากนี้ตลอด 20 ปีที่ผ่านมาข้ายังปฏิบัติต่อเจ้าอย่างดีไม่เคยแปรเปลี่ยน ทว่าเจ้ากลับขายบุตรสาวของข้า เพียงเพื่อแลกกับยาเม็ดจิตวิญญาณไปให้พี่ชายของเจ้างั้นรึ ? ! ”
หยูหรงกุมแก้มแดงก่ำของตนนางไม่กล้าที่จะเผชิญสายตาที่ไม่อยากเชื่อของไป๋เฉิงเซียงอีก
นางกับไป๋เฉิงเซียงรักใคร่ปรองดองกันดีตลอดหลายปีที่ผ่านมานี่เป็นครั้งแรกที่เขาตบหน้านาง เช่นนี้จะไม่ให้นางปวดร้าวได้อย่างไร ?
”ท่านพี่พี่ชายของข้าก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของท่านเช่นกัน !” หยูหรงกัดริมฝีปากตนเองเบา ๆ พร้อมกันนั้นน้ำตาก็ไหลอาบแก้มของนาง “ยิ่งไปกว่านั้น ไป๋หยานก็สูญเสียพรหมจรรย์ไปแล้ว ทั้งยังตั้งครรภ์อีกด้วย เพื่อไม่ให้นางนำความอัปยศมาสู่วงศ์ตระกูลของเรา ข้าก็เพียงจัดการให้นางได้ออกเรือน ให้นางได้มีฐานะอะไรสักอย่างก่อนที่เด็กจะเกิด ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่ทำเพื่อท่าน ! ”
”ก็แล้วเหตุใดในวันนี้เจ้าถึงยังต้องขายบุตรชายของไป๋หยานอีก”
ไป๋เฉิงเซียงกำหมัดแน่นนัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ
”หอบุปผาชมชอบเด็กหน้าตาสวยๆ ข้าเพียงอยากเชื่อมสายสัมพันธ์ระหว่างหอบุปผากับท่าน” หยูหรงลุกขึ้นช้า ๆ น้ำตายังคงรินไหลเป็นทาง ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเศร้าโศก “ท่านพี่ เราก็แต่งงานกันมาหลายปีแล้ว ข้าทำทุกอย่างก็เพื่อผลประโยชน์ที่สูงที่สุดของท่านเสมอ ท่านเองก็รู้ดีแก่ใจ”
เห็นได้ชัดว่าการที่นางพยายามขายไป๋หยานก็เนื่องมาจากความเห็นแก่ตัวของนางที่ต้องการช่วยพี่ชายตนเอง
ทว่านางกลับพูดบิดเบือนด้วยถ้อยคำหวานๆ ว่า ที่นางทำทุกอย่างก็เพียงเพื่อผลประโยชน์ของไป๋เฉิงเซียง
”หยูหรงโอ้…หยูหรง เจ้าทำสิ่งที่โง่เขลาที่สุดในโลก” ไป๋เฉิงเซียงหลับตาลงช้า ๆ ท่าทีของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง
เขาผิดหวังที่หลายปีที่ผ่านมาความเมตตาอารีของหยูหรงนั้นเป็นเพียงเรื่องหลอกลวง น่าละอายยิ่งนักที่เขาเอาแต่ตำหนิไป๋หยานตลอดหลายปีที่ผ่านมา …
หลังจากนั้นนานพอควรไป๋เฉิงเซียงก็ลืมตาขึ้น นัยน์ตาของเขาเศร้าหมอง “เจ้ารู้หรือไม่ว่าในวันนี้อ๋องคังประกาศว่า ชายที่มีความสัมพันธ์กับไป๋หยานก็คือเขา ? หากเจ้ามิใช่ผู้ที่ขายไป๋หยาน เราก็อาจจะสานสัมพันธ์กับอ๋องคังได้ ! ”
***จบบทตระกูลไป๋ไร้ยางอาย (1)***
บทที่ 124 : ตระกูลไป๋ไร้ยางอาย (2)
ยังมีอีกเรื่องที่ไป๋เฉิงเซียงยังไม่ได้พูด
จากการประชุมขุนนางเช้าวันนี้ย่อมประจักษ์ชัดว่า เพื่ออ๋องคังแล้ว ฮ่องเต้ถึงกับปลดฮองเฮา นั่นแสดงว่าสถานะของอ๋องคังไม่ธรรมดาเลย
และหากมิใช่เพราะความโง่เขลาของหยูหรงเขาก็เพียงพูดจา หว่านล้อมไป๋หยานดี ๆ สักสองสามประโยค ให้นางผละจากตาเฒ่าสกุลหลานนั่น จากนั้นสถานะของบ้านสกุลไป๋ก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
”ท่านพี่…”นัยน์ตาของหยูหรงฉายประกาย “ข้ารับรองได้เลยว่าชายผู้ที่ไป๋หยานพบในตอนนั้นไม่ใช่อ๋องคัง ! ข้าเพียงไม่รู้ว่านางใช้วิธีใดหลอกอ๋องคังให้หลงคิดว่านางเป็นผู้หญิงคนนั้นของเขา ! ”
อ๋องคังจะยินยอมให้ผู้หญิงที่เปื้อนมลทินอีกทั้งไม่ซื่อสัตย์เช่นนั้นมาอยู่เคียงข้างเขาได้อย่างไร ?
เช่นนั้นหยูหรงจึงมั่นใจว่าไป๋หยานต้องใช้กลอุบายบางอย่างเพื่อหลอกอ๋องคังให้คิดว่าคนที่เขาพบเป็นนาง
”ไยเจ้าถึงแน่ใจเช่นนั้น?” ไป๋เฉิงเซียงเหลือบมองนาง พร้อมกับเอ่ยถามเสียงเย็น น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย
หยูหรงกัดฟันเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว อย่างไรเสียนางก็ต้องปั้นเรื่องต่อ “เมื่อหกปีก่อน ไป๋หยานมีความสัมพันธ์กับใครบางคนจริง ๆ ! ข้ารู้ เพราะข้ามักจะเห็นนางแอบย่องออกจากบ้าน ในวันที่ท่านไม่อยู่บ้าน แล้วต่อมานางก็ถูกชายคนนั้นทอดทิ้ง !”
หากเป็นอดีตที่ผ่านมาไป๋เฉิงเซียงจะต้องเชื่อทุกถ้อยคำของหยูหรงอย่างไร้ข้อกังขา ทว่าหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ เขากลับตั้งข้อสงสัยในคำบอกเล่าของนาง
”นอกจากนี้… ” นัยน์ตาของหยูหรงหม่นมัวลง “ไป๋หยานก็ตัดขาดกับตระกูลไป๋ของเราไปแล้ว คงไม่ดีเป็นแน่ หากนางจะเป็นชายาของอ๋องคัง ข้าคิดว่าคงจะดีกว่าหากเราหาทางส่งไป๋จื่อบุตรสาวคนเล็กของเราไปแทน”
ครั้นไป๋เฉิงเซียงได้ยินคำแนะนำที่งี่เง่าเช่นนี้เขาก็ยิ่งโกรธ “นี่เจ้าไม่เห็นท่าทีที่อ๋องคังมีต่อไป๋จื่อเลยกระนั้นรึ ? เจ้ายังหวังว่าไป๋จื่อจะได้เป็นชายาของเขาอีกงั้นรึ ? อ๋องคังไม่มีวันยอมรับนางเป็นแน่ !”
”ท่านพี่”หยูหรงเยื้องกรายเข้าหาไป๋เฉิงเซียง “อย่างไรเสียท่านก็เป็นบิดาของไป๋หยาน โบราณว่าไว้ พ่อแม่เป็นคนจัดการ แม่สื่อเป็นคนดำเนินการ หากนางมิได้รับอนุญาตจากท่าน นางก็มิอาจแต่งให้อ๋องคัง หากท่านกดดันนาง ให้นางมอบตำแหน่งให้จื่อเอ๋อ โดยมอบผลประโยชน์บางอย่างให้แก่นาง ไหนเลยนางจะไม่ยินยอม”
ครั้นได้ยินเช่นนั้นไป๋เฉิงเซียงก็นิ่งเงียบ
หยูหรงพูดถูกหากต้องส่งไป๋หยานไปเป็นชายาอ๋องคัง สู้ส่งไป๋จื่อไปเสียยังจะดีกว่า
อย่างน้อยที่สุดบุตรสาวคนสุดท้องของเขาก็เฉลียวฉลาดทั้งยังอยู่ในโอวาท ในขณะที่ไป๋หยานนั้นกระด้างกระเดื่อง และยากแก่การควบคุม
”ยิ่งไปกว่านั้น…” หยูหรงก้มหน้ายกมือปิดแก้มที่แดงช้ำซ้ำยังบวมเป่งของนาง พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “จื่อเอ๋อก็ยังเป็นน้อง แล้วเหตุใดนางจะเสียสละเพื่อน้องตัวเองไม่ได้ ?”
”แล้วอ๋องคังล่ะ… ” ไป๋เฉิงเซียงขมวดคิ้วนิ่วหน้า ประกายแห่งความกังวลยังฉายชัดในแววตาของเขา
”เรื่องนั้นง่ายจะตาย”หยูหรงกล่าวพร้อมรอยยิ้มมั่นใจ “เป็นเพราะเขาเข้าใจผิดคิดว่าไป๋หยานเป็นสตรีที่เขาพบเมื่อหกปีก่อน เขาจึงปฏิบัติกับนางต่างจากคน
อื่นใช่หรือไม่ ? เช่นนั้นท่านก็แค่ให้ไป๋หยานบอกอ๋องคังว่า ผู้ที่อ๋องคังพบก็คือจื่อเอ๋อของเรา ข้าแน่ใจว่า ด้วยนิสัยของอ๋องคังแล้ว เขาจะต้องรับผิดชอบจื่อเอ๋อเป็นแน่”
อ๋องคังประกาศว่าเขาเป็นผู้ทำให้ไป๋หยานต้องอับอายขายหน้าเพราะโดนวางยาเมื่อหกปีก่อน แต่แท้จริงแล้ว รั่วเอ๋อบุตรสาวของนางเป็นผู้วางยาไป๋หยาน จากนั้นก็หาคนมาทำเรื่องอับอายขายหน้าให้ไป๋หยานต่างหากเล่า แล้วชายผู้นั้นก็มิใช่อ๋องคังด้วย
ไป๋เฉิงเซียงนิ่งเงียบหมดคำพูดแววตาของเขาแลดูสับสน หากมิใช่เป็นเพราะไม่ต้องการให้ไป๋หยานได้เป็นชายาของอ๋องคัง บางที…ภายหลังจากที่ได้รู้ความจริงแล้ว เขาอาจจะพยายามหาทางชดใช้ให้กับบุตรสาวคนโตในสิ่งที่เคยทำผิดพลาดไป
ทว่าตอนนี้ไป๋หยานไม่เชื่อฟังเขาเหมือนครั้งยังเยาว์ทั้งไม่มีทางที่นางจะช่วยให้ตระกูลไป๋ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในอาณาจักรเช่นที่เขาวาดหวังไว้เป็นแน่
ดังนั้น…
เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากส่งจื่อเอ๋อบุตรสาวคนเล็กของเขาเข้าแทนที่
***จบบทตระกูลไป๋ไร้ยางอาย (2)***
บทที่ 125 : ไป๋รั่วหญิงชั่วช้า (1)
“ท่านพี่”ครั้นเห็นไป๋เฉิงเซียงเงียบไป หยูหรงก็รีบพูดต่อ “ท่านอย่าได้ลืมเรื่องของไป๋หยานกับตระกูลหลานเสียล่ะ”
ความหมายที่ซ่อนในคำพูดนั่นก็คือหากไป๋หยานได้ขึ้นสู่ตำแหน่งพระชายา แน่นอนว่าตระกูลที่นางต้องให้ความช่วยเหลือเป็นอันดับแรกย่อมเป็นบ้านสกุลหลาน ! ส่วนบ้านสกุลไป๋นั้นคงต้องต่อท้ายแถวโน่น !
”เจ้าไม่ต้องพูดมาก”ไป๋เฉิงเซียงขมวดคิ้ว “ข้าเข้าใจในสิ่งที่เจ้าพูด ! รอให้จื่อเอ๋อกลับมาอย่างปลอดภัยเสียก่อน ข้าจะไปพบไป๋หยานเพื่อเจรจาเรื่องนี้”
แท้จริงทันทีที่รู้ว่าไป๋จื่อถูกจองจำ เขาก็รีบไปบ้านสกุลหลานเพื่อขอพบไป๋หยาน เขาหวังว่านางจะช่วยเกลี้ยกล่อมอ๋องคังให้ปล่อยตัวไป๋จื่อ หากแต่คนบ้านสกุลหลานก็ขัดขวางเขา ทำให้เขาไม่ได้พบบุตรสาวคนโตทั้งที่อยากพบนางใจแทบขาด…
เพียงคิดถึงบุตรสาวคนเล็กไป๋เฉิงเซียงก็เกิดอาการปวดหัว น้ำเสียงของเขาฟังดูอ่อนล้า “เจ้ากลับไปพักผ่อนก่อนเถิด พรุ่งนี้ข้ายังต้องไปช่วยจื่อเอ๋ออีก ข้าติดค้างไป๋หยานมากมาย หากครั้งนี้นางเต็มใจเชื่อฟังข้า ข้าหวังว่าในภายหน้าเจ้าจะปฏิบัติต่อนางไม่ต่างกับบุตรสาวของตน และหวังว่าจะไม่เป็นเช่นที่ผ่านมา”
หยูหรงลอบยิ้มไป๋เฉิงเซียงเองก็เห็นบุตรสาวของตนเองสำคัญน้อยกว่าผลประโยชน์
ก็เพราะนางรู้ในจุดนี้นี่เล่านางถึงกุมอำนาจในบ้านสกุลไป๋ได้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
“ข้าเข้าใจแล้ว”นางหลุบตาพร้อมกล่าวอย่างอ่อนโยน “นี่ก็ดึกมากแล้ว เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน ท่านพี่ก็พักผ่อนเถิด”
หลังจากกล่าวจบหยูหรงก็ย่อกายลงเล็กน้อย จากนั้นนางก็ค่อย ๆ หันหลังกลับเดินออกจากห้องรับรอง ครั้นพ้นจากสายตาผู้คน ใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มเบาบางของนางพลันแปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันที
ไป๋เสี่ยวเฉิน!
นางเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันทันทีที่คิดถึงชื่อนี้
อีกไม่นานจื่อเอ๋อก็จะได้เป็นชายาของอ๋องคังและคนแรกที่นางจะต้องชำระแค้นก็คือเด็กผีคนนี้
หยูหรงหายใจเข้าลึกทว่าความเกลียดชังในใจของนางก็ไม่ลดลงเลย ทั้งยิ่งโหมกระพือมากขึ้นด้วยซ้ำ แล้วนางก็หายตัวไปอย่างเงียบเชียบท่ามกลางความมืดยามราตรี
*****
ณตำหนักเย็น หนิงไต้ไม่ได้ดูเลอเลิศสวยสง่าดั่งเช่นเคยอีกต่อไป นางนั่งบนเก้าอี้ไม้ ทอดสายตามองนอกหน้าต่างท่ามกลางแสงจันทร์ยามราตรี
“ฮองเฮา”
ยายเฒ่าชราผู้หนึ่งเดินมายืนข้างๆ หนิงไต้ น้ำเสียงของนางเป็นทุกข์ “พระองค์ไม่ได้เสวยอะไรมาทั้งวันแล้ว เสวยอะไรบ้างเถิดเพคะ”
หนิงไต้มองโจ๊กเปล่าๆ ที่วางไว้ตรงหน้า นางเพียงยิ้มอย่างขมขื่น
“ข้าไม่อยากกิน”
นางเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? คนที่เคยได้รับการปรนนิบัติเป็นอย่างดีมาตลอดชีวิต กลับต้องมากินโจ๊กน้ำใส ๆ ห่วย ๆ เช่นนี้ได้อย่างไร ?
”แต่… ”
”แม่นม…”หนิงไต้เอ่ยพร้อมกับกัดริมฝีปาก “ฝ่าบาทคงไม่ทิ้งข้าไว้ที่ตำหนักเย็นนี่ตลอดไปใช่หรือไม่ ? ข้าแน่ใจว่า พระองค์แค่เพียงยังกริ้วอยู่ หายกริ้วเมื่อไหร่ พระองค์ก็จะมีรับสั่งเรียกหาข้า”
แม่นมเฒ่ากล่าวตอบอย่างอ่อนโยน”ฮองเฮา…ยามนี้เราก้าวพลาดไปแล้ว ชายาขององค์รัชทายาทหลอกใช้ประโยชน์จากเรา”
หนิงไต้ตัวแข็งใบหน้าที่สง่างามของนางพลันซีดลงเล็กน้อย ในขณะที่มือของนางกำแน่น
“แม่นมหมายถึงอะไร?”
“หม่อมฉันออกไปสืบถามข่าวคราวมาจากภายนอกจึงได้ความว่า ก่อนหน้านี้เจ้าบ้านสกุลไป๋ได้เข้าพบองค์รัชทายาท เพื่อขอให้องค์รัชทายาทเป็นผู้ใหญ่ช่วยจัดการให้ไป๋จื่อได้เข้าตำหนักอ๋องคัง ทว่าองค์รัชทายาทปฏิเสธ” แม่นมเฒ่ากล่าวด้วยสีหน้าโกรธแค้น “นั่นทำให้ไป๋รั่วหันมาหลอกใช้พระองค์แทน”
เดิมทีหนานกงอี้ก็มีความคิดที่จะช่วยไป๋จื่อเข้าตำหนักอ๋องคังแต่นับจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนอกโรงเตี๊ยมที่หญิงสาวทำลายภาพลักษณ์ของตนเองโดยการรังแกเด็กน้อยต่อหน้าสาธารณชน นั่นทำให้เขาขายหน้า หนานกงอี้จึงล้มเลิกความคิดนั้นทันที
หากแต่หนานกงอี้ก็ไม่คาดคิดว่ามารดาของตนจะมีรับสั่งให้อ๋องคังอภิเษกกับไป๋จื่อเสียเอง
***จบบทไป๋รั่วหญิงชั่วช้า (1)***