จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 151-155
บทที่ 151 : อ่อนโยนโดยพลัน (2)
ยิ่งไปกว่านั้นพี่ชายของนางต่อให้ข้ามภูเขาพันลูก แม่น้ำพันสาย บุกดินแดนอันตราย เพียงเพื่อเสาะหาสมุนไพรที่นางต้องการแล้ว เขาก็พร้อมยอมทำ
”องค์หญิงน้อยข้ารู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังพรอดรักกัน…” หนึ่งในองค์รักษ์ผู้พิทักษ์องค์หญิง กล่าวขึ้นด้วยเสียงสั่น ๆ
ฉู่อีอี้จ้ององครักษ์เขม็งพลางกล่าวว่า“เจ้าเคยเห็นคนพรอดรักกันด้วยการตัดมือตัดเท้ากระนั้นรึ ? แล้วก็อย่าลืมสิว่าพวกเจ้าทุกคนล้วนเป็นคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เช่นนั้นหากพวกเจ้าจะสนับสนุนใครสักคน คนผู้นั้นก็จะต้องเป็นพี่ชายของข้า ข้าไม่สนใจพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ารีบไปเตรียมกระดาษ และหมึกมาให้ข้า ข้าจะเขียนจดหมายถึงพี่ใหญ่”
แม้ว่าไป๋หยานจะไม่ให้นางเล่าเรื่องนี้ให้ฉู่อี้เฟิงรับรู้แม้แต่ผู้อาวุโสทั้งสามก็ไม่ควรรู้ หาไม่แล้ว คนที่มาเยือนอาณาจักรแห่งนี้จะมิใช่มีเพียงนางเท่านั้น
”เอ่อ? ทว่าตอนนี้ประมุขน้อยกำลังเข้าสันโดษ… ” องครักษ์โง่เง่าคนหนึ่งเอ่ยเตือนหญิงสาวอย่างระมัดระวัง
ฉู่อีอี้ตบหัวองครักษ์ด้วยความโมโห”เจอบิดาของเฉินเอ๋อแล้ว อนาคตพี่สะใภ้ของข้ากำลังจะถูกฉกไป ! เขายังจะมัวฝึกอะไรอยู่อีกล่ะ ? !”
องครักษ์ไม่กล้ากล่าวคำใดอีกเพราะรู้ดีว่าหากองค์หญิงน้อยตัดสินใจแล้ว ย่อมไม่มีผู้ใดขัดนางได้
หากแต่เขาไม่ได้บอกนางว่าตอนนี้ประมุขน้อยเข้าสันโดษ แม้ว่านางจะส่งจดหมายถึงประมุขน้อย เขาก็ไม่ได้อ่านอยู่ดี
ทว่าเมื่อพิจารณาถึงระดับสติปัญญาของฉู่อีอี้แล้วนางคงคิดไม่ถึงเรื่องนี้ เช่นนั้นนางจึงเร่งรีบเขียนจดหมายส่งหาพี่ชายอย่างตั้งอกตั้งใจ อย่างไรก็ตาม กว่าฉู่อี้เฟิงจะได้อ่าน ทุกอย่างก็สายเกินไป
ในสนามหลังบ้านบริเวณศาลาหิน
สายลมพัดพริ้วชายผ้าสีแดงปลิวสะบัด ไป๋หยานทำสีหน้าถมึงทึงใส่บุรุษที่อยู่เบื้องหน้า นางแยกเขี้ยวขณะกล่าวว่า “ข้าก็ยอมให้เฉินเอ๋อรับท่านเป็นบิดาแล้ว หากท่านอยากพบเฉินเอ๋อ ท่านก็ไปหาเฉินเอ๋อได้ ไยท่านถึงได้ตามตอแยข้าตลอดเวลาเช่นนี้ ?”
ตี้คังหัวเราะเยาะ”เจ้าข่มขืนข้า ข้ายังมิได้คิดบัญชีกับเจ้า เช่นนั้นเราก็ต้องพัวพันกันอย่างนี้ตลอดชั่วชีวิต !”
ไป๋หยานเริ่มโกรธก็ผู้ใดใช้ให้นางไปข่มขืนเขาเล่า ?
”ไป๋หยานเฉินเอ๋อมีเพียงข้าเท่านั้นที่เป็นบิดาเขาได้ ส่วนเจ้าก็มีเพียงข้าเท่านั้นที่เป็นสามีของเจ้าได้ !” ตี้คังก้าวออกมาข้างหน้าสองก้าว เขาบังคับเชยคางไป๋หยานขึ้น “ข้าสัญญากับเจ้าว่าข้าจะไม่พรากเฉินเอ๋อไปจากเจ้า ทว่าเจ้าก็ต้องเป็นภรรยาของข้า”
”เจ้าต้องมีคู่ชีวิตและข้าจะเป็นคน ๆ นั้นสำหรับเจ้า !”
เจ้าต้องมีคู่ชีวิตและข้าจะเป็นคน ๆ นั้นสำหรับเจ้า !
นิ้วมือของไป๋หยานสั่นระริกทว่าสีหน้าของนางเรียบเฉย ดูราวกับว่านางไม่ได้หวั่นไหวไปกับถ้อยคำเหล่านั้นแม้แต่น้อย
ครั้นเห็นเช่นนั้นตี้คังก็คลายมือออก “ไม่เป็นไร หากตอนนี้เจ้ายังไม่ยอมรับข้า ข้าก็รอได้ อย่างไรก็ตาม ที่ข้ามาที่นี่เวลานี้ก็เพื่อคิดบัญชีกับเจ้า…”
ไป๋หยานเงยหน้าขึ้นนางอ้าปากเหมือนกับจะกล่าวบางอย่าง ทว่าริมฝีปากของชายหนุ่มก็กดลงมาเรียบร้อยแล้ว มือใหญ่ ๆ ของเขาโอบกอดรอบแผ่นหลังของนางแน่นกระชับ กระทั่งหน้าอกของนางแนบสนิทกับแผ่นอกของเขา
จุมพิตที่ลึกล้ำและยาวนานกระทั่งไป๋หยานกัดลิ้นเขา เขาจึงปล่อยนางออกจากอ้อมแขน เขาหัวเราะเสียงต่ำ ๆ “หยานหยาน ริมฝีปากของเจ้าช่างวิเศษจริง มันทำให้ข้าหลงใหลมากขึ้นเรื่อย ๆ … ”
”ออกไปนะ!”
ไป๋หยานโกรธจนตวาดออกมา
ชายผู้นี้มาที่นี่เพื่อจูบข้าแค่นั้นหรือ?
ครั้งนี้ตี้คังไม่ได้จู้จี้วุ่นวายเช่นเดียวกับครั้งก่อน ๆ เขาเพียงใช้นิ้วมือเสยเรือนผมสีดำยาวของนาง ก่อนจะก้มลงจูบหน้าผากเบา ๆ
”เจ้ายังติดหนี้ข้าอีกหกจูบไว้ข้าจะมาหาเจ้าใหม่”
ไป๋หยานตกตะลึงนางคุ้นเคยกับการใช้กำลังคุกคามของอ๋องคัง ทว่านี่เป็นครั้งแรก ที่เห็นด้านอ่อนโยนของเขา…
หากแต่เมื่อไป๋หยานต้องการจะกล่าวบางสิ่งร่างของตี้คังก็หายไปแล้ว เหลือเพียงสายลมเย็นพัดดอกท้อร่วงหล่นเป็นสาย
บทที่ 152 : อ่อนโยนโดยพลัน (3)
บนหน้าผากของนางยังมีไออุ่นจากริมฝีปากของเขาอยู่
ครั้นไป๋หยานกลับไปที่ลานหน้าบ้านนางก็พบร่างที่คุ้นเคยเพิ่มมาอีกสองร่าง
ไป๋เสี่ยวเฉินเงยใบหน้าเล็กๆ ขึ้นมองไป๋หยานผู้ซึ่งกำลังเดินเข้ามาอย่างแช่มช้า พลันนัยน์ตากลมโตก็เปล่งประกายวิบวับ
เขาอยากจะพูดบางอย่างทว่าไป๋หยานห้ามไว้ก่อนไป๋หยานหันไปมองใบหน้าสวย ๆ ของสตรีทั้งสองที่อยู่เบื้องหน้า
”อีอี้เจ้าไม่รู้หรอกว่า ไป๋จื่อนั่นน่ะกระทำตัวน่าเกลียดเพียงใด ! นางไม่เพียงแต่กลั่นแกล้งรังแกพี่ไป๋หยาน นางยังกล้าแอบอ้างเป็นชายาอ๋องคัง ! โชคดีที่อ๋องคังไม่ชอบนาง เลยสั่งขังนางเสียเลย”
หลานเสี่ยวหยุนกล่าวด้วยความรู้สึกโกรธพูดถึงไป๋จื่อเมื่อใด นางก็อดไม่ได้ที่จะเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
ส่วนฉู่อีอี้ครั้นนึกถึงใบหน้าของตี้คังนางก็อดมิได้ที่จะแยกเขี้ยว “ข้าเคยพบอ๋องคังที่เจ้าพูดถึง แม้ว่าข้าจะไม่ชอบขี้หน้าเขานัก ทว่าข้าก็ต้องยอมรับว่าเขาปราดเปรื่องมาก ไป๋จื่อนี่ก็ช่างกล้า นางใฝ่สูงถึงบิดาของเฉินเอ๋อได้เยี่ยงไร ?”
”เหตุใดเจ้าถึงไม่ชอบอ๋องคังล่ะ?”
หลานเสี่ยวหยุนกระพริบตามีหญิงสาวเพียงไม่กี่คนที่จะไม่หลงใหลในตัวอ๋องคัง นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้ยินผู้หญิงบอกว่าไม่ชอบอ๋องคัง
ครั้นได้ยินเช่นนั้นฉู่อีอี้ก็เบ้ปาก “ชายผู้นั้นนิสัยแย่มาก เขาต้องการจะตัดมือของไป๋หยาน”
”ทว่า…ในโลกนี้มีเพียงอ๋องคังเท่านั้นที่คู่ควรกับพี่ไป๋หยาน”
”ผู้ใดบอกล่ะ? แม้ว่าพี่ชายของข้าจะหล่อไม่เท่าอ๋องคัง ทว่านิสัยของพี่ชายข้าก็ดีกว่าหลายเท่านัก บุคลิกก็ดีกว่า ทั้งยังแข็งแกร่งมากด้วย นี่เฉินเอ๋อก็เคยสัญญากับข้าว่าจะช่วยพี่ชายของข้าจีบไป๋หยาน”
ฉู่อีอี้หันไปมองไป๋เสี่ยวเฉินนางกระโดดขึ้นอย่างรวดเร็ว นัยน์ตาที่ร้ายกาจของนางหลุกหลิกเล็กน้อย นางยิ้มพร้อมกับดึงตัวไป๋เสี่ยวเฉินเข้าหาตน “เฉินเอ๋อ เจ้ายังจะช่วยข้าใช่หรือไม่ ?”
ไป๋เสี่ยวเฉินมองฉู่อีอี้ก่อนจะหันไปมองสตรีที่ยืนอยู่ด้านหลังนาง จากนั้นเขาก็กระพริบตา “หม่ามี้ของข้าอยู่ที่นั่น ท่านถามนางเองจะดีกว่านะ”
ใบหน้าของฉู่อีอี้แข็งค้างนางค่อย ๆ หันศีรษะกลับไปมอง “ข้า… ข้าเพียงล้อเฉินเอ๋อเล่น…ฮี่ ๆๆ”
ริมฝีปากของไป๋หยานเชิดขึ้นนางยิ้มไม่เหมือนยิ้ม “นี่เจ้ายังคิดหาทางสนับสนุนพี่ชายของเจ้าอีกกระนั้นหรือ ?”
ฉู่อีอี้รู้สึกละอายใจเล็กน้อยนางอยากประกาศจุดยืนของตน หากแต่นางก็กลัวว่าไป๋หยานจะไม่รักนาง
”พี่ไป๋หยานจ๋า…
นัยน์ตาของนางส่องประกายวิบวับนางใช้สองแขนโอบเอวไป๋หยาน พร้อมกับใช้สายตาออดอ้อน
“ข้ารู้ว่าข้าผิดไปแล้วอย่าผลักไสข้าเลยนะ ข้าสัญญาว่า ข้าจะไม่พยายามเกลี้ยกล่อมเจ้าให้แต่งงานกับพี่ชายของข้าแล้ว”
ครั้นเห็นไป๋หยานยังคงเฉยเมยแววตาของฉู่อีอี้ก็ยิ่งแลดูรันทดขึ้น
”พี่ไป๋หยานพี่เปรียบเสมือนพี่สาวของข้า อย่าใจร้ายกับข้านักเลย ข้ายังไม่อยากกลับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาที่นั่นรู้จักแต่จะจำกัดเสรีภาพของข้า”
ก็แล้วเหตุใดพวกเขาถึงต้องจำกัดเสรีภาพของเจ้าล่ะ ?
มิใช่เป็นเพราะเจ้าชอบทำให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ยุ่งเหยิงวุ่นวายหรอกรึ?
ไป๋หยานยังตีหน้าเฉยเมยเฉกเช่นเคย
”เจ้ารู้ตัวว่าผิดหรือไม่?”
ฉู่อีอี้รีบพยักหน้าหงึกๆ เพื่อแสดงความมุ่งมั่น
”ไม่มีโอกาสเป็นครั้งที่สองนะ”สีหน้าของไป๋หยานคลายลง ทว่ายังคงนิ่งเฉย
ฉู่อีอี้ยิ้มออกมาทันทีนางรู้ดีว่าไป๋หยานนั้นแข็งนอกอ่อนใน
อีกด้านหนึ่งหลานเสี่ยวหยุนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกไปด้วย เพราะนางกับฉู่อีอี้เพิ่งจะพบเจอกัน นางย่อมไม่อยากให้เพื่อนใหม่จากไปเร็วนัก
“หยุนเอ๋อเจ้าเพิ่งบอกว่าพี่ใหญ่ของเจ้ากำลังจะเข้าวังหลวง เพื่อทำการลงโทษใช่หรือไม่ ?” ฉู่อีอี้หันไปทางเพื่อนใหม่ของนางพลางหัวเราะ “ข้าอยากเห็นวังหลวงจังเลย พาข้าไปดูด้วยนะ”
บทที่ 153 : การแก้แค้นของตี้คัง (1)
“ไม่เด็ดขาด!” ครั้นไป๋หยานได้ยินคำของฉู่อีอี้ นางก็หน้าเข้มขึ้นทันที “เจ้าอยู่ที่นี่ ห้ามไปที่ใดทั้งสิ้น”
หลานเสี่ยวหยุนหันมา”พี่ไป๋หยาน พี่ใหญ่ก็จะเข้าวังพร้อมพวกเราด้วย นอกจากนี้ สถานที่ที่พวกเราจะไปก็คือกรมราชทัณฑ์ เราคงไม่ปล่อยให้อีอี้ได้รับอันตรายใด ๆ หรอก”
”ข้าไม่กลัวหรอกว่านางจะพบเจอเรื่องอันตรายข้ากลัวคนอื่นต่างหากที่จะตกอยู่ในอันตราย”
อย่างฉู่อีอี้น่ะนะไม่มีวันตกอยู่ในอันตรายหรอกจะมีก็แต่คนอื่นเท่านั้นล่ะที่จะได้รับอันตรายหากพบเจอนาง !
“พี่ไป๋หยาน…”ฉู่อีอี้มองไป๋หยานด้วยสายตาวิงวอน “ข้าสัญญาว่า ข้าจะไม่สร้างปัญหา นะ ๆ ?”
ไป๋หยานมองฉู่อีอี้ด้วยสายตาหวาดระแวง”เจ้าจะเผาวังทั้งวังมั้ย ?”
เผาวังทั้งวังเลยหรือ?
มุมปากของหลานเสี่ยวหยุนกระตุกนี่พี่สาวของนางไม่ได้กล่าวเกินจริงไปหน่อยหรือ ผู้หญิงตัวคนเดียวอย่างฉู่อีอี้เนี่ยนะจะเผาวังทั้งวังได้ ?
สำหรับไป๋หยานนางยังไม่ลืมเหตุการณ์ครั้งล่าสุดที่ฉู่อีอี้ยุให้ไป๋เสี่ยวเฉินบุตรชายของนางเผาขุมสมบัติของท่านอาจารย์ทั้งสาม เช่นนั้นไป๋หยานจึงห้ามมิให้ไป๋เสี่ยวเฉินร่วมมือทำเรื่องเช่นนั้นกับนางอีก
”ข้าขอสาบานต่อสวรรค์ว่าข้าจะไม่เผาวังหลวง” ฉู่อีอี้รีบยกนิ้วสามนิ้วปฏิญาณต่อสวรรค์
ไป๋หยานแลดูผ่อนคลายลง”หยุนเอ๋อ เจ้าพานางไปแล้ว ก็ต้องจับตาดูนางให้ดี ๆ ล่ะ !”
หลานเสี่ยวหยุนยิ้มพร้อมกับกล่าวอย่างมั่นใจ”ไม่ต้องห่วง พี่ไป๋หยาน ข้าจะนำอีอี้กลับมาอย่างปลอดภัย”
ครั้นหลานเสี่ยวหยุนรับคำอย่างเชื่อมั่นแล้วไป๋หยานก็ไม่กล่าวคำใดอีก นางยืดแขนขึ้นฟ้าเพื่อคลายเส้น ก่อนจะเดินไปที่ลานด้านหลังอย่างเกียจคร้าน
ขณะเดียวกันณ ลานบ้านสกุลไป๋ ยามได้แบกร่างของไป๋เฉิงเซียงที่เต็มไปด้วยริ้วรอยบาดแผลเข้ามา
หยูหรงรีบเดินออกมารับทันทีที่นางเห็นไป๋เฉิงเซียงผู้ซึ่งยามนี้มีใบหน้าบวมเป่งราวกับหัวหมู นางก็กรีดร้องพร้อมกับกระโดดเข้าหาเขาอย่างรวดเร็ว
“ท่านพี่ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้นกับท่าน ? ผู้ใดทุบตีท่านเช่นนี้ ?”
”ไป๋… หยาน … ”
ไป๋เฉิงเซียงไม่อาจพูดได้ชัดถ้อยชัดคำนักทว่าทันทีที่คำสองคำนี้ดังเข้าหูหยูหรง นางก็เบิกตากว้าง ด้วยความโมโห
ไป๋หยานอีกแล้ว!
เหตุใดนางแพศยานั่นจึงสร้างปัญหาให้ตระกูลไป๋ไม่จบไม่สิ้น?
”รีบไปหาหมอปรุงยามาดูอาการท่านเจ้าบ้าน!” หยูหรงออกคำสั่งพวกยามที่อยู่ด้านหลัง จากนั้นนางก็ให้สาวใช้ประคองสามีของนางไปพักผ่อนที่ห้องนอน
พวกยามรีบรับคำสั่งก่อนจะก้าวถอยออกไปไม่นานหลังจากนั้น ผู้อาวุโสคนหนึ่งก็เข้ามาในห้องนอนของไป๋เฉิงเซียง
ครั้นหมอเฒ่าเห็นอาการซึ่งถูกทุบตีมาอย่างน่าสังเวชของไป๋เฉิงเซียงเขาก็นิ่งอึ้งพร้อมกับย่นคิ้ว “เจ้าบ้านไป๋ได้รับบาดเจ็บมาไม่น้อย ยาเม็ดจิตวิญญาณขั้นหนึ่งหรือขั้นสองไม่อาจช่วยอะไรได้”
“ท่านหมอโปรดรักษาสามีของข้าด้วยเถิด”
หยูหรงกัดริมฝีปากขณะกล่าว
หมอปรุงยามักเย่อหยิ่งโอหังแม้นางจะเป็นนายหญิงแห่งบ้านสกุลไป๋ หากแต่ก็ไร้ซึ่งความหมายในสายตาของเขา เช่นนั้นในตอนนี้ นางจำเป็นต้องวางศักดิ์ศรีทั้งหมดของตนลงต่อหน้าเขา
ชายชราลูบหนวดเครายาวๆ ของตนพลางกล่าวด้วยสีหน้าเฉยเมยว่า “การรักษาอาจต้องใช้เวลา ที่สำคัญก็คือเราต้องการยาเม็ดจิตวิญญาณขั้นสามเพื่อใช้รักษาอาการบาดเจ็บของเขา”
“กระไรนะ? ยาเม็ดจิตวิญญาณขั้นสาม !”
หยูหรงร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ
อย่างที่เคยกล่าวก่อนหน้านี้ไป๋เฉิงเซียงมีวันนี้ได้ก็เพราะหลานเยี่ย โดยส่วนตัวแล้ว ไป๋เฉิงเซียงมิใช่คนมีหัวทางด้านการค้า เช่นนั้นตลอดหลายปีที่ผ่านมาสินสอดทองหมั้นของหลานเยี่ยก็เกือบจะหมดลง หาไม่แล้ว หยูหรงคงมิคิดขายไป๋หยานเพื่อแลกกับยาเม็ดจิตวิญญาณขั้นสามหรอก
”ท่านอาจารย์หยูยาเม็ดจิตวิญญาณขั้นสามนั่นราคาเท่าไหร่หรือ ? … ”
หยูหรงกัดริมฝีปากขณะเอ่ยถาม
ชายชรายิ้มอย่างใจเย็น“สิบล้าน…เหรียญทอง”
”นี่มัน…!” หยูหรงนิ่งงันชั่วขณะ นางอยากต่อรองราคา อย่างไรก็ตาม ด้วยฐานะและชื่อเสียงอันดับต้น ๆ ของบ้านสกุลไป๋ หากมีผู้ใดรู้ว่าบ้านสกุลไป๋ไม่มีปัญญาซื้อยาเม็ดจิตวิญญาณขั้นสามแล้วล่ะก็ แน่นอนว่าบ้านสกุลไป๋คงตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน ผู้คนคงจะได้หัวเราะเยาะไปทั่ว
บทที่ 154 : การแก้แค้นของตี้คัง (2)
แท้จริงแล้วโลกนี้นับถือเรื่องของศิลปะการต่อสู้เป็นปัจจัยสำคัญ ความแข็งแกร่งจะเป็นตัวกำหนดค่าของแต่ละบุคคล
เช่นนั้นเมื่อเจ้าบ้านสกุลหลานป่วยหนักไป๋เฉิงเซียงจึงกลายเป็นผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในเมือง และนั่นก็ทำให้บ้านสกุลไป๋ได้ก้าวขึ้นสู่ตระกูลชั้นนำอันดับต้น ๆ
หากแต่ในความเป็นจริงบ้านสกุลไป๋นั้นมีเพียงเปลือกทว่าภายในกลับกลวงโบ๋
“ให้ตามที่เขาว่า”
ขณะนั้นเองไป๋เฉิงเซียงซึ่งกำลังนอนอยู่บนเตียงก็เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรง“เราสามารถมอบสิบล้านเหรียญทองให้ได้ ทว่าต้องใช้เวลาในการจัดเตรียม”
”ดีมากหากพวกเจ้าเตรียมทองคำได้เรียบร้อย ก็ให้ส่งไปที่บ้านของข้า จากนั้นข้าจะมอบยาเม็ดขั้นสามให้” หมอปรุงยาเฒ่ายิ้ม “อย่าลืมว่า นอกจากยาเม็ดขั้นสามแล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดสามารถฟื้นอาการของท่านเจ้าบ้านไป๋ได้”
ไป๋เฉิงเซียงกำผ้าปูเตียงแน่นเขาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะสงบสติอารมณ์ลงได้ “พวกเจ้า ส่งท่านอาจารย์หยูหน่อย”
“เจ้าค่ะนายท่าน”
สาวใช้นำทางหมอปรุงยาเฒ่าออกไป
ครั้นเหลือกันเพียงลำพังสองคนไป๋เฉิงเซียงก็สั่งให้หยูหรงปิดประตู เขาลดเสียงลงพลางกล่าวว่า “ในอดีตข้าไม่เคยบีบบังคับผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของข้า ด้วยเห็นแก่หน้าบ้านสกุลไป๋ ทว่าตอนนี้ไม่มีทางอื่นใดแล้ว เจ้าจงแจ้งพวกเขาให้รวบรวมเงินมาให้ข้าสิบล้านเหรียญทอง !”
ในโลกนี้เหตุที่ว่าไยผู้ที่แข็งแกร่งจึงสามารถอยู่ในตำแหน่งสูง ๆ ได้ นั่นเป็นเพราะพวกเขาสามารถปล้นทรัพย์ผู้ที่อ่อนแอกว่าได้นั่นเอง
นอกจากนี้ไป๋เฉิงเซียงเองก็รู้ตัวดีว่าเขามิใช่ผู้ที่เก่งกาจด้านการต่อรอง เช่นนั้นเขาจึงเลือกใช้วิธีที่ง่ายที่สุดเพื่อจัดการเรื่องนี้
“ได้ข้าจะให้คนไปจัดการเรื่องนี้” หยูหรงมองหน้าสามีที่ทั้งบวมทั้งฟกช้ำ “ท่านพี่ ท่านยังไม่ได้บอกข้าเลยว่าเกิดอะไรขึ้น”
ทันทีที่พูดถึงเรื่องนี้อีกครั้งใบหน้าของไป๋เฉิงเซียงก็เย็นชาลง”ทุกอย่างเกิดจากไป๋หยานบุตรสาวทรยศของข้า แท้จริงแล้วนางเป็นคนของฮัวหลัว … ”
หลังจากนั้นเขาก็อธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคฤหาสน์โบราณด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
หยูหรงกระพริบตาปริบๆ “คนอย่างฮัวหลัวจะใช้ไป๋หยานทำอะไรได้ ? ในความคิดของข้า บางทีไป๋หยานอาจจะขายตัวให้กับหอบุปผาตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน แม้แต่สัตว์อสูรที่นางมอบให้กับบ้านสกุลหลานก็น่าที่จะได้มาจากการนี้เช่นกัน”
ยิ่งพูดนางก็ยิ่งรู้สึกว่าเรื่องราวที่นางคิดนั้นยิ่งเต็มไปด้วยเหตุผลหากไป๋หยานมิได้เป็นเป็นนางคณิกาของหอบุปผา เหตุใดนางจึงเปลี่ยนไปได้มากมายถึงเพียงนี้ ?
”มิใช่เช่นนั้น”ไป๋เฉิงเซียงส่ายศีรษะ “มีหญิงสาวอีกคนอยู่ข้างกายไป๋หยาน นางมีองครักษ์ที่แข็งแกร่งเป็นจำนวนมาก ความแข็งแกร่งของพวกเขาเหล่านั้นมิได้ด้อยไปกว่าขั้นที่สามเทียนเจี่ย ยิ่งไปกว่านั้นไป๋หยานยังสามารถเข้านอกออกในคฤหาสน์โบราณได้อย่างอิสระ พิสูจน์ชัดว่าฐานะของนางย่อมไม่ธรรมดา ”
องครักษ์ขั้นที่สามเทียนเจี่ย?
นอกจากนี้ประโยคถัดมาของไป๋เฉิงเซียงยิ่งพิสูจน์ข้อสันนิษฐานของนาง
“นอกจากนี้ข้ายังได้ยินองครักษ์พวกนั้นเรียกนางว่า องค์หญิงน้อยอีกด้วย”
หยูหรงลดสายตาลงเล็กน้อยประกายดุดันปรากฏในแววตาของนาง “ท่านพี่ ครั้งที่ข้าพยายามสร้างสัมพันธ์กับมาม่าฉู่แห่งหอบุปผา มาม่าฉู่บอกข้าว่าดาวเด่นของหอบุปผามีฐานะเปรียบดั่งราชินีบุปผา หากจะเรียกว่าองค์หญิงก็มิใช่เรื่องแปลก บางทีพวกนางอาจกำลังเข้าไปพบฮัวหลัว และองค์หญิงอะไรนั่นก็อาจเป็นผู้ที่ฮัวหลัวสั่งให้ดูแลไป๋หยานก็เป็นได้”
“ทว่าอย่างไรเสียนางก็เป็นนางคณิกาขายเรือนร่างก็คือขายเรือนร่าง ไม่อาจเปลี่ยนความจริงที่ว่านางเป็นหญิงแพศยาได้หรอก ! หยูหรงกัดฟันด้วยความเกลียดชัง
นางเข้าใจดีแล้วว่าเหตุใดมาม่าฉู่ถึงได้แปรพักตร์นี่เป็นเพราะไป๋หยานเป็นถุงเงินถุงทองของหอบุปผานี่เอง !
ทั้งแม่ทั้งลูกต่างก็ขายตัวให้หอบุปผาไปแล้วเหตุใดพวกเขาจึงต้องซื้อแม่ลูกคู่นั้นอีกล่ะ ?
ไป๋เฉิงเซียงชกเตียงนัยน์ตาของเขาเบิกโพลงด้วยความโกรธเกรี้ยว “เหตุใดสตรีที่ดีพร้อม สุภาพอ่อนโยนอย่างเยี่ยเอ๋อ ถึงได้ให้กำเนิดบุตรสาวไร้ยางอายเช่นนั้นได้ ? ไหนจะเสียตัวให้กับชายอื่น แล้วนี่ยังจะขายตัวเพื่อแลกกับเงินอีก ?”
+
บทที่ 155 : การแก้แค้นของตี้คัง (3)
ใช่แล้วแม้ว่าไป๋เฉิงเซียงจะมีหยูหรง และแม้ว่าเขาจะเกลียดไป๋หยาน อีกทั้งไม่ชอบไป๋เซียว หากแต่เขาก็ยังคิดว่าภรรยาคนแรกของเขานั้นดีที่สุดเสมอ
สตรีที่อ่อนโยนงดงาม ทว่าโง่เง่าหูหนวกตาบอดเช่นนางจะไม่ดีที่สุดได้อย่างไร ?
”ท่านพี่หากอาการบาดเจ็บของท่านหายดีแล้ว เราก็ควรไปหาไป๋หยานอีกครั้ง ตอนนี้เราได้กุมความลับของนางไว้แล้ว เราควรใช้ความลับนี้ข่มขู่นาง จากนี้ไปเราก็ไม่ต้องกลัวว่านางจะปฏิเสธเราอีก”
ก็แค่นางโลมในหอบุปผามีคุณสมบัติใดที่จะเป็นพระชายา เมื่อถึงเวลาข้าก็แค่ใช้ความลับนี้ข่มขู่นาง ข้าไม่กลัวแล้วว่าไป๋หยานจะไม่ยอมยกอ๋องคังให้จื่อเอ๋อ
”นี่…”
ไป๋เฉิงเซียงยังรู้สึกถึงลูกถีบอันดุเดือดของไป๋หยานพลันเขาก็รู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่กลางอก เขาไม่คล้อยตามหยูหรง ได้แต่กล่าวอย่างระมัดระวังพอเป็นพิธีว่า “ไว้รอให้ข้าหายก่อนค่อยว่ากัน”
หยูหรงไม่ทันสังเกตเห็นความลังเลใจของไป๋เฉิงเซียงเลยแม้แต่น้อยเพียงได้ยินเขารับคำ นางก็ยิ้ม
”ท่านพี่ข้าจะไปหาเงินให้ท่านก่อน ท่านจะต้องหายดีในไม่ช้า”
กล่าวจบหยูหรงก็สั่งให้สาวใช้เข้ามาดูแลสามีของนางจากนั้นนางก็เดินออกไปจากห้อง
ครั้นออกมาถึงลานด้านนอกสีหน้าของหยูหรงก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันที นางมองไปที่ประตูห้องไป๋เฉิงเซียงด้วยสายตาเย็นชา “หากเจ้ามิใช่เสาหลักของบ้านสกุลไป๋แล้วล่ะก็ ข้าจะไม่มีวันเสียเงินสิบล้านเหรียญทอง เพื่อซื้อยาเม็ดขั้นสามนั่นให้เจ้าเป็นแน่ ข้าหวังว่า ทันทีที่ข้าให้กำเนิดบุตรชาย ทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่จะตกเป็นของข้า !”
นางค่อยๆ ลดศีรษะลงอย่างช้า ๆ พลันรอยยิ้มเยาะก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากนาง
มารดาของนางคำนวณไว้แล้วว่าวันนี้นางสามารถตั้งครรภ์ได้ ทั้งคืนนี้มารดาของนางยังเตรียมจัดหาชายหนุ่มไว้ให้นางอีกด้วย !
หลังจากนางตั้งครรภ์ไป๋เซียวย่อมหมดความหมาย
ช่วงเวลานั้นหยูหรงไม่รู้ตัวเลยว่า ทุกสิ่งที่นางพูดตกอยู่ในสายตาของคนผู้หนึ่ง
ณตำหนักอ๋องคัง ทหารองครักษ์ผู้หนึ่งกำลังคุกเข่าพลางกล่าวรายงานอย่างนอบน้อม เนื่องจากแรงกดดันที่แผ่ออกโดยรอบ ทำให้เขาไม่กล้าแม้แต่จะเงยศีรษะขึ้น หรือแม้แต่จะหายใจแรง ๆ
เพียงครู่เสียงทุ้ม ๆ ของชายหนุ่มก็ดังขึ้น
”ดูเหมือนว่าไป๋เฉิงเซียงจะว่างมากเกินไปแล้วแทนที่จะหาทางช่วยบุตรสาวคนเล็ก เขากลับไปสร้างปัญหาให้หยานหยาน เช่นนั้นข้าคงต้องหาอะไรสักอย่างให้เขาทำ”
ใบหน้าหล่อเหลาของตี้คังเผยรอยยิ้มเยาะน้ำเสียงของเขาเย็นยะเยือก “นำคำสั่งของข้าไปแจ้งว่า หากไป๋เฉิงเซียงต้องการจะช่วยไป๋จื่อ เขาต้องนำสินสอดทองหมั้นของหลานเยี่ยมาเป็นประกัน”
ถึงเวลาที่สินสอดทองหมั้นควรจะกลับคืนสู่มือเจ้าของที่แท้จริงได้แล้ว
”พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง ข้าจะไปที่บ้านสกุลไป๋ ทันที … ”
ก่อนที่องครักษ์จะทันกล่าวได้จบประโยคเขาก็ถูกขัดด้วยน้ำเสียงดุดัน “ผู้ใดบอกว่าข้าต้องการให้เจ้าไปที่บ้านสกุลไป๋”
”เช่นนั้น… ”
”ติดประกาศไว้ที่กำแพงเมือง”
การติดประกาศไว้ที่กำแพงเมืองหมายถึงทุกผู้คนย่อมต้องรู้เห็นกับสิ่งนี้
สีหน้าขององครักษ์แลดูตกตะลึงนี่นับเป็นความอัปยศครั้งใหญ่ของบ้านสกุลไป๋
อย่างไรก็ตามเขารู้นิสัยของอ๋องคังดี ว่าไม่มีทางปล่อยไป๋จื่อไปง่าย ๆ เป็นแน่
พลันเสียงอันเย็นชาและไร้ความรู้สึกก็ดังขึ้นอีกครั้ง
ส่วนไป๋จื่อแม่คนใจร้อนหุนหันพลันแล่นนั่นไม่รู้จักสมบัติผู้ดี ส่งนางไปให้หอบุปผาฝึกอบรม ไว้ให้บ้านสกุลไป๋คืนสินสอดทองหมั้นก่อน ค่อยส่งตัวนางกลับ”
มุมปากขององครักษ์กระตุกเขารู้สึกว่า นับแต่ท่านอ๋องได้พบว่าที่พระชายา ท่านอ๋องก็ดูเหมือนจะใช้วิธีการไร้ยางอายมากขึ้นทุกที…
เพียงนางไม่รู้จักสมบัติผู้ดีไม่มีมารยาทถึงกับส่งนางไปให้หอบุปผาสั่งสอน ? สถานที่แบบนั้นจะสอนมารยาทอะไร ? ที่นั่นเป็นสถานที่สำหรับบุรุษแสวงหาความสำราญมากกว่า !