จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 171-175
บทที่ 171 : ข่มขู่ (2)
ไป๋หยานนิ่งอึ้งนางมองไป๋เฉิงเซียงด้วยความประหลาดใจ
ที่ผ่านมานางคิดเพียงว่าเขาไม่ต้องการคืนสินสอดทองหมั้น หากแต่ไม่เคยนึกว่าเขาจะมีความทะเยอทะยานมากมายถึงเพียงนี้…
โฮะโฮะ คิดว่าบุรุษที่น่ากลัว และเจ้าเล่ห์เยี่ยงตี้คังจะถูกหลอกได้ง่าย ๆ กระนั้นรึ ?
ครั้นเห็นไป๋หยานไม่กล่าวคำใดไป๋เฉิงเซียงก็คิดว่านางคงกลัว เขาจึงอมยิ้มอย่างภาคภูมิ พลางกล่าวว่า “ไป๋หยาน ตราบใดที่เจ้าเชื่อฟังข้า ข้าก็จะช่วยเจ้าเก็บความลับ”
ไป๋หยานมองสีหน้าราวกับผู้มีชัยของไป๋เฉิงเซียงนางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา “อยากจะพูดอะไรก็พูด แล้วแต่ท่านเถิด ทว่าสินสอดทองหมั้นกับยาเม็ดจิตวิญญาณต้องคืนมาให้ครบ ขาดไม่ได้แม้แต่เม็ดเดียว หาไม่แล้วข้าจะทำให้ความแข็งแกร่งของท่านกลับคืนสู่จุดเดิม !
หากไป๋เฉิงเซียงรนหาที่ตายไยนางต้องขวางด้วยเล่า ? นางอยากเห็นว่าเขาจะตายยังไงต่อหน้าอ๋องคังมากกว่า
ไป๋เฉิงเซียงยิ้มค้างเขามองไป๋หยานอย่างไม่เชื่อสายตา “เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะเปิดเผยความลับของเจ้ากระนั้นหรือ ?”
หญิงผู้นี้ยังคิดจะล่อลวงอ๋องคังนางไม่กลัวเกรงอันใด ทั้งยังนิ่งสงบอยู่ได้
”ท่านจะกลับออกไปเองหรือจะให้ข้าโยนท่านออกไป” ไป๋หยานเท้าคาง หรี่ตามองไป๋เฉิงเซียง รอยยิ้มของนางหยามเหยียด ราวกับไม่ใส่ใจถ้อยคำของเขาเลยแม้แต่น้อย
”ไป๋หยานเจ้า…”
”ภายในสามวันคืนยาเม็ดจิตวิญญาณที่มารดาของข้ามอบให้ท่านมาให้หมด หาไม่แล้วความแข็งแกร่งของท่านจะถูกลดทอนกระทั่งเหลือเท่าเดิม !” รอยยิ้มจางหายไปจากใบหน้าของนาง นางเอ่ยกล่าวพร้อมแววตาคมเฉียบว่า “ใครก็ได้มาส่งคน ๆ นี้ออกไปหน่อย ! อ้อ ! ทว่า ชุดที่เขาสวมใส่อยู่นี้น่าจะใช้เงินจากสินสอดของแม่ข้าซื้อหามา เช่นนั้นก็ถอดมันคืนให้ข้าด้วย”
ทันทีที่นางกล่าวจบชายหลายคนก็ปรากฏกายขึ้น
แม้นางจะใช้คำว่า‘ส่ง’ หากแต่คนพวกนั้นก็จับไป๋เฉิงเซียงโยนออกไปอยู่ดี ทั้งยังถอดเสื้อผ้าของเขาออกก่อนจะโยนเขาออกไปที่ท้องถนนด้วย
แน่นอนว่าไป๋เฉิงเซียงไม่อาจต่อต้านคนเหล่านั้นทว่าเขากลับต้องหวาดหวั่นด้วยซ้ำ เมื่อตระหนักได้ว่าความแข็งแกร่งของคนเหล่านั้นก็อยู่ในขั้นที่สาม เทียนเจี่ยเช่นเดียวกับเขา
เหตุใดนางคณิกาของหอบุปผาถึงมีผู้คุ้มกันระดับนี้ได้? ด้วยความแข็งแกร่งของคนเหล่านี้ แน่นอนว่าหากพวกเขาออกจากหอบุปผา พวกเขาย่อมต้องเป็นที่ยำเกรงของผู้คนทั่วทุกพื้นที่
หากแต่บัดนี้คนเหล่านั้นกลับคุ้มกันนางคณิกาของหอบุปผาเพียงคนเดียว?
ก่อนที่ไป๋เฉิงเซียงจะทันได้คิดอะไรมากไปกว่านี้บรรดาจีนมุงก็ได้เข้ามารวมตัวกันรอบ ๆ เขาแล้ว เขารีบใช้มือปิดบังใบหน้า จากนั้นก็รีบเดินจ้ำอ้าวจากไปอย่างว่องไว เพื่อไม่ให้ผู้คนจดจำหน้าเขาได้
ทว่าโชคไม่ดีเลยไป๋เฉิงเซียงเป็นคนมีชื่อเสียงมากในอาณาจักรหลิวฮั่ว ทันทีที่เขาปรากฏตัวอยู่นอกคฤหาสน์โบราณ ก็มีคนจดจำเขาได้ เช่นนั้นชื่อของเขาก็ยิ่งขจรขจาย ทว่าในทางที่ไม่ดีนะ
ภายในคฤหาสน์โบราณไป๋หยานยังคงมองตามทิศทางที่ไป๋เฉิงเซียงจากไป พลางจิบน้ำชาเบา ๆ
จู่ๆ ฮัวหลัวก็ปรากฏกายขึ้น นางมีท่าทีครุ่นคิดเพียงครู่ ก่อนจะเอ่ยถามว่า “นายหญิง เราจะปล่อยให้เขาทำเช่นนั้นหรือ ?”
ไป๋หยานยิ้มเล็กน้อย”ในเมื่อเขาต้องการขุดหลุมฝังตัวเอง ไยข้าต้องขวางด้วย”
”นายหญิงนับจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนั้น มาม่าฉู่ก็ไม่สามารถเข้าใกล้หยูหรงได้อีก เช่นนั้นข้าน้อยคิดว่า ท่านไม่จำเป็นต้องปิดบังตัวตนอีกต่อไปแล้ว”
เดิมทีที่ไป๋หยานไม่เปิดเผยฐานะของตนก็เป็นเพราะนางต้องการให้มาม่าฉู่ตีสนิทกับหยูหรง ทว่าตอนนี้เรื่องแตกแล้ว เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังสิ่งใดอีก
ไป๋หยานไม่ตอบในทันทีทว่านางถามกลับ “มาม่าฉู่รู้อะไรมาบ้าง ?”
”เราพบเบาะแสบางอย่างแต่ยังไม่อาจยืนยันได้” ฮัวหลัวมองไป๋หยานครู่หนึ่ง ความห่วงใยปรากฏบนใบหน้าของนาง “เราได้รับทราบมาจากหมอตำแยที่เคยทำคลอดแม่นางหลานเยี่ยว่า แม่นางหลานเยี่ยเคยคลอดเด็กที่ตายตั้งแต่อยู่ในครรภ์… ”
มือของไป๋หยานที่กำถ้วยชาเคลือบคลายอย่างฉับพลันถ้วยชาร่วงตกกระทบพื้นแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
บทที่ 172 : ขโมยยาเม็ดจิตวิญญาณ ? (1)
”ข่าวนี้เชื่อถือได้แค่ไหน?” ไป๋หยานมีสีหน้าเครียด ขณะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
หากลูกที่หลานเยี่ยคลอดนั้นตายตั้งแต่อยู่ในครรภ์เช่นนั้นนางล่ะ ?
”มาม่าฉู่บังเอิญได้พบกับหมอตำแยคนนั้นคำบอกเล่าต่าง ๆ ล้วนออกมาจากปากของหมอตำแย ภายหลังจากที่นางพยายามซักไซ้หมอตำแย ก็ได้ความเพิ่มเติมว่า แม่นางหลานเยี่ยให้กำเนิดฝาแฝด คนหนึ่งเสียชีวิต อีกคนมีชีวิต แม่นางหลานเยี่ยจึงแอบเอาเด็กที่เสียชีวิตไปฝังดินเพื่อมิคนอื่นรับรู้”
ฮัวหลัวมองท่าทีของไป๋หยานก่อนจะกล่าวต่อว่า “ทว่าข้าสงสัยว่าแม่นางหลานเยี่ยไม่น่าจะให้กำเนิดลูกแฝด เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ไป๋เฉิงเซียงจะไม่รู้เรื่องลูกที่ตาย…”
”เจ้าบอกว่าไป๋เฉิงเซียงไม่รู้ว่ามารดาของข้าคลอดเด็กที่ตายแล้วกระนั้นหรือ?” นัยน์ตาไป๋หยานฉายประกายวิบวับ นางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก
”ไม่มีผู้ใดรู้นอกจากหมอตำแย”
คนฉลาดเฉลียวเยี่ยงนายหญิงจะมีบิดากากๆ เช่นนั้นได้อย่างไร ? หากนางมิได้ถือกำเนิดจากบิดากาก ๆ เช่นนั้นสิ จึงจะนับว่าสมเหตุสมผล …
ไป๋หยานเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อว่า “อย่าให้ผู้ใดรู้เรื่องนี้ โดยเฉพาะเซียวเอ๋อ นอกจากนี้ ให้มาม่าฉู่สืบเรื่องนี้ต่อให้ข้าด้วย !”
”รับทราบนายหญิง” ฮัวหลัวตอบกลับด้วยอาการเคารพนบนอบ นางเผยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ก่อนเอ่ยถามต่อว่า
”นายหญิงแล้วเราจะทำอย่างไรต่อกับบ้านสกุลไป๋ ?” …
”อย่าเพิ่งยุ่งอะไรกับพวกเขาอย่าแหวกหญ้าให้งูตื่นจนกว่าทุกอย่างจะกระจ่างชัด อย่างไรเสียก็ต้องมีคนจัดการไป๋เฉิงเซียงอยู่แล้ว”
ภายในใจของไป๋หยานรู้สึกสับสนเล็กน้อยหากข้ามิใช่บุตรสาวของไป๋เฉิงเซียงกับหลานเยี่ยจริง ย่อมหมายความว่าข้ากับไป๋เซียวมิใช่สายเลือดเดียวกัน ข้าเกรงว่าหากเซียวเอ๋อรู้เรื่องนี้เข้า เขาจะรับได้หรือไม่นะ ? …
”รับทราบ”ใบหน้าของฮัวหลัวเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ในเมื่อบ้านสกุลไป๋หาเรื่องตายเอง พวกนางก็ไม่ควรยื่นมือเข้าแทรก
ไป๋หยานนิ่งงันชั่วครู่หนึ่งพลันนัยน์ตาของนางก็เปลี่ยนเป็นเย็นเยือก “อย่างไรก็ตาม ในเมื่อบ้านสกุลไป๋จำต้องคืนสินสอดให้เรา พวกเขาย่อมไม่พอใจอย่างแน่นอน พวกเขาจะต้องป่าวร้องโวยวายต่อสาธารณชน เช่นนั้นเราต้องชิงลงมือก่อน”
สีหน้าของฮัวหลัวเปลี่ยนเป็นจริงจัง”ข้าน้อยควรทำเช่นไร ?”
”ไปป่าวประกาศว่าหยูหรงใช้สินสอดของมารดาข้าหมดแล้ว จากนั้นก็บังคับทุกคนที่อยู่ใต้อำนาจของพวกเขา ไม่เว้นแม้แต่บ่าวไพร่ให้รวบรวมเงินกลับมาคืนเรา ยิ่งไปกว่านั้นบ่าวไพร่พวกนั้นยังมีแผนที่จะย้ายมาอยู่กับบ้านสกุลหลาน เราสามารถนำพวกเขามาเป็นพยานได้”
รอยยิ้มของไป๋หยานยามนี้น่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก
นางจะไม่มีวันปล่อยให้ตนเองตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากเช่นนั้นนางจึงต้องเปิดฉากโจมตีก่อน
แน่นอนว่าไป๋เฉิงเซียงย่อมไม่รู้ว่าที่คฤหาสน์โบราณมีแผนการใดอีก
เขาได้แต่เดินอย่างโกรธเกรี้ยวกลับไปบ้านสกุลไป๋ครั้นเขากลับถึงบ้าน หยูหรงก็รีบวิ่งออกมารับหน้าเขา ทั้งที่เขายังนั่งก้นไม่ทันร้อนเลยด้วยซ้ำ
ทันทีที่หยูหรงเห็นว่าสามีของนางกลับมามือเปล่า นางไม่เห็นสินสอดถูกนำกลับมาด้วย หัวใจของนางพลันเต้นรัว “ท่านพี่ เราไม่ได้ตกลงกันแล้วหรือว่า เราจะใช้ความลับของไป๋หยานข่มขู่นางให้คืนสินสอดให้แก่เรา เหตุใดท่านถึงได้กลับมามือเปล่า อย่าบอกข้านะว่า ท่านยังเห็นแก่สัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกอยู่”
หยูหรงไม่คิดจะคืนสินสอดทองหมั้นจริงๆ นางเพียงต้องการทำให้ตี้คังเห็นว่านางคืนให้แล้วเท่านั้นแหละ นางคิดว่าคำขู่นี้จะทำให้ไป๋หยานไม่กล้ารับสินสอด ทว่าผิดคาด ไป๋หยานกลับเอาไปหมด !
ใบหน้าของไป๋เฉิงเซียงยิ่งแลดูไม่ได้เลยขณะเอ่ยอธิบายว่า “ผู้ใดบอกเจ้าล่ะว่า ข้ายังนับนางเด็กอกตัญญูนั่นเป็นบุตรสาวข้าอยู่ ? สัมพันธ์พ่อลูกนั่นจะสำคัญกระไรนักหนา เด็กเหม็นโฉ่นั่น นอกจากไม่สนใจคำขู่ของข้าแล้ว นางยังโยนข้าออกมาจากบ้านอีกด้วย ! ”
เพียงคิดถึงเรื่องนี้ไป๋เฉิงเซียงก็กัดฟันด้วยความโมโห นัยน์ตาเขาเต็มไปด้วยความโกรธเคือง
หยูหรงตกตะลึง“นี่…นางไม่กลัวว่าเราจะเปิดเผยความลับที่นางเป็นหญิงขายตัวเลยกระนั้นหรือ ?”
บทที่ 173 : ขโมยยาเม็ดจิตวิญญาณ ? (2)
”ข้าคิดว่าไป๋หยานคงเชื่อว่า เราจะไม่มีวันพบอ๋องคังได้ เช่นนั้นนางจึงไม่กลัวคำขู่ของเรา ! แต่นางลืมเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือหากเราต้องการเปิดเผยตัวตนของนาง เราไม่จำเป็นที่จะต้องพบอ๋องคังด้วยตนเองก็ได้ “ไป๋เฉิงเซียงกล่าวพร้อมรอยยิ้มเย็นเยือก “เมื่อเวลานั้นมาถึง เราก็เพียงกระจายข่าวออกไป จากนั้นก็จะมีคนนำเรื่องทั้งหมดไปแจ้งอ๋องคังเอง”
ใบหน้าของหยูหรงเต็มไปด้วยอาการตื่นตกใจทั้งที่ในใจของนางนั้นพึงพอใจเสียเหลือเกิน นางแสร้งถามว่า “นี่ไม่มากไปหรอกหรือ ?”
”มากไปอะไรกัน? นางเด็กเหม็นโฉ่นั่นต่างหากที่ทำกับเรามากเกินไป ! ข้าจะไม่หยุดแค่เปิดเผยความลับของนาง ข้าจะทำให้โลกรู้ว่านางเด็กเหม็นโฉ่นั่นบังคับให้บิดาของนางคืนสินสอดของมารดานางด้วย !”
ประกายโหดร้ายฉายผ่านม่านตาของไป๋เฉิงเซียงอย่างรวดเร็ว
เมื่อเจ้าใจร้ายกับข้าก่อนก็อย่าโทษข้า ! ข้าจะไม่มีวันเลิกรา หากเจ้าไม่พบกับหายนะ !
”จริงสิ”นัยน์ตาของหยูหรงฉายประกายบางอย่าง “ท่านพี่ เพื่อแก้ไขวิกฤตตระกูลไป๋ของเรา พี่ชายคนโตของข้าพร้อมด้วยครอบครัวของเขายอมขายทรัพย์สินทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่บ้านที่อาศัย เช่นนั้นข้าจึงวางแผนให้พวกเขา เข้ามาอาศัยอยู่ร่วมบ้านสกุลไป๋กับเรา จะได้หรือไม่ ? ”
ไป๋เฉิงเซียงถอนหายใจเบาๆ “คนเราจะเห็นใจกันก็ต่อเมื่อยามยาก ! คนในครอบครัวย่อมรัก และเห็นใจกันมากกว่า ไม่เหมือนบ้านสกุลหลานกับไป๋หยานนั่น เห็นเราใกล้ตายก็ไม่ยอมช่วย นางเด็กเนรคุณ !”
ในใจของไป๋เฉิงเซียงนั้นมองว่าบ้านสกุลหยูช่วยเหลือเขายามยากลำบากถึงจะมีค่าควรแก่การรู้คุณ
หากแต่…
ดูเหมือนเขาจะลืมไปว่าที่เขามีฐานะเช่นทุกวันนี้ได้ บ้านสกุลหลานเองก็แทบจะสูญเสียเงินทั้งหมด ยาเม็ดจิตวิญญาณที่หลานเยี่ยมอบให้เขาก็ล้วนมาจากบ้านสกุลหลาน เขาไม่เพียงแต่ไม่สำนึกบุญคุณ ทั้งยังเกลียดชัง และตำหนิบ้านสกุลหลานตลอดมา
อย่างไรเสียเขาก็ยังเป็นลูกเขยของบ้านสกุลหลานเหตุที่บ้านสกุลหลานมองเขาราวกับหัวขโมย ก็เพราะเขาเอายาเม็ดจิตวิญญาณไปจากหลานเยี่ย กระทั่งมิเหลือแม้แต่เม็ดเดียว จะไม่ให้บ้านสกุลหลานจดจำการกระทำของเขาไปตลอดชีวิตได้อย่างไร ?
หากต้องการให้เขาเห็นว่าบ้านสกุลหลานเป็นครอบครัวเดียวกันดูทีว่าบ้านสกุลหลานควรจะต้องไม่ให้สินสอดเฉกเช่นเดียวกับบ้านสกุลหยูกระมัง ?
หยูหรงแสร้งหลบตาลอบอมยิ้ม”ท่านพี่ ยามนี้ ท่านควรทราบว่าผู้ใดกันมีความจริงใจกับบ้านสกุลไป๋ ข้ายังมีข่าวดีอีกเรื่องที่ต้องแจ้งท่าน ข้ากำลังตั้งครรภ์”
น้ำเสียงของนางราบเรียบทว่าไป๋เฉิงเซียงกลับตกตะลึง เขามองหยูหรงด้วยความดีใจ
“เจ้าพูดจริงหรือเจ้าตั้งครรภ์จริงหรือ ?”
หยูหรงพยักหน้าเอียงอาย“ท่านพี่ เราจะมีบุตรชายของเราเองแล้ว”
”ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ไป๋เฉิงเซียงหัวเราะร่าอย่างตื่นเต้นความเศร้าโศกที่เคยมีมาก่อนหน้านี้ลอยหายไป เขากล่าวว่า
“ภรรยาของข้าเจ้าเป็นวีรสตรีของตระกูลเราจริง ๆ ! ไป๋เซียวมีพี่สาวอย่างไป๋หยาน ย่อมไม่ใช่เด็กดีนัก หากว่าเจ้าสามารถให้กำเนิดบุตรชายแก่ข้าได้ ในวันหน้าข้าจะมอบบ้านสกุลไป๋นี่ให้เขา ! ”
”ท่านพี่หากพี่ชายของข้ามา ให้บ่าวรับใช้จัดลานบ้านฝั่งตะวันออกหรือฝั่งตะวันตกดี ?” หยูหรงช้อนตาขึ้นมองไป๋เฉิงเซียงอย่างเว้าวอน
เนื่องจากไป๋เฉิงเซียงกำลังตื่นเต้นดีใจเขาจึงไม่ทันคิดอะไรมาก ขณะกล่าวว่า “พี่ชายของเจ้าและครอบครัวช่วยเหลือพวกเรามากนัก แน่นอนว่าเราต้องให้เขาพักที่ฝั่งตะวันออก ! ”
”เช่นนั้นไป๋เซียวล่ะ…”
”ให้เขาย้ายไปฝั่งตะวันตก!” ทันทีที่ได้ยินชื่อนั้น ไป๋เฉิงเซียงก็ทำเสียงฮึดฮัดอย่างหนักหน่วง “เด็กไร้ค่า และอกตัญญูเช่นนั้น ไม่สมควรได้รับอะไรมากกว่าฝั่งตะวันตก หากเขามิใช่บุตรชายคนเดียวของข้า ข้าคงไม่ปล่อยให้เขาทำตามใจตัวเองมาได้จนถึงบัดนี้ ! ”
ยิ่งไปกว่านั้นตอนที่เขาต้องการความช่วยเหลือ เขาได้ขอร้องให้ไป๋เซียวมอบเงินมาให้เขาบ้าง หากไป๋เซียวไม่มีก็ให้ช่วยไปขอบ้านสกุลหลานให้เขาหน่อย
หากแต่เด็กนั่นตอบเขากลับว่าอย่างไร?
คาดไม่ถึงไป๋เซียวบอกว่า เขาควรคืนสินสอดทองหมั้นให้ไป๋หยาน และตัวของไป๋เซียวก็ไม่มีหน้าที่หาทรัพย์สินเหล่านั้นมาให้เขาด้วย
บทที่ 174 : ขโมยยาเม็ดจิตวิญญาณ ? (3)
ผู้ที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับตระกูลไป๋เป็นอันดับแรกก็ไม่สมควรที่จะเป็นบุตรชายของข้า
”คนตระกูลหลานก็มิใช่คนดีเช่นกันตอนที่ตี้คังบังคับให้เราคืนสินสอดทองหมั้นก็ไม่มีผู้ใดพูดอะไรสักคำเดียว ! หากมีใครสักคนช่วยออกหน้าแทนข้าบ้าง ตี้คังยังจะยืนยันให้ข้าคืนสินสอดพวกนั้นอยู่อีกกระนั้นหรือ ?” ไป๋เฉิงเซียงกัดฟัน แววตาของเขาดุดัน
หยูหรงอมยิ้มนางต้องการให้เรื่องเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว หากใจของสามียังคงอยู่ข้างเดียวกับนาง นางก็ไม่มีสิ่งใดต้องกลัวไป๋หยาน แม้ว่านางจะเป็นอริกับไป๋หยาน และต่อให้โลกทั้งโลกเข้าข้างไป๋หยานก็ตามที
”หรงเอ๋อเจ้าไปพักผ่อนเถอะ ข้าจะไปรับตัวบุตรสาวของเราก่อน พวกเจ้าสองแม่ลูกจะได้กลับมาอยู่ร่วมกันเฉกเช่นเดิม”
ครั้นไป๋เฉิงเซียงเอ่ยความหัวใจของเขาพลันเจ็บปวด ไป๋จื่อต้องทนทุกข์ทรมานมากมายในคุก เขาได้แต่หวังว่า ที่นั่นคงไม่โหดร้ายถึงขั้นทำให้นางต้องเสียโฉม !
หาไม่แล้วจะนับเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่เลยทีเดียว
หลังจากสั่งสาวใช้ให้คอยดูแลภรรยาเรียบร้อยแล้วไป๋เฉิงเซียงก็รีบรุดไปที่เรือนจำ ทว่าไม่มีผู้ใดออกมาเปิดประตูรับเขา เขาจึงทำได้เพียงยืนรออยู่นอกประตูเท่านั้น
กระทั่งรุ่งสางวันถัดมาจึงมีทหารยามเดินออกมาเปิดประตู ทหารยามมองมาทางไป๋เฉิงเซียงซึ่งยืนตาคล้ำเป็นหมีแพนด้าอย่างประหลาดใจ “ท่านไป๋ เหตุใดท่านจึงมายืนอยู่ตรงนี้ !”
มุมปากของไป๋เฉิงเซียงกระตุกเขาพยายามอย่างมากที่จะระงับความโกรธ ขณะเอ่ยปากถาม “อ๋องคังรับปากว่า ทันทีที่ข้าคืนสินสอด เขาจะปล่อยตัวบุตรสาวของข้าไป๋จื่อ สินสอดข้าก็คืนหมดแล้ว ก็ไหนล่ะบุตรสาวของข้า ?”
แววตาของทหารยามราวกับประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม”แต่ท่านเจ้าบ้านไป๋ แม่นางไป๋จื่อได้รับการปล่อยตัวออกไปแล้วนี้ ท่านไม่รู้หรือไร ?”
”ว่ากระไรนะ?”
ไป๋จื่อถูกปล่อยตัวแล้วเหตุใดข้าถึงไม่รู้ ? และไยคนที่บ้านสกุลไป๋ถึงไม่บอกข้า ? ”
นี่…ข้าเสียเวลารอเปล่าๆ ทั้งคืนเลยใช่หรือไม่ ?
สีหน้าของไป๋เฉิงเซียงแลดูไม่ได้เลยเขาไม่กล่าวคำใดอีก เขาหันหลัง และเดินกลับไปตามทางที่เขาจากมาทันที
แน่นอนว่าเขาไม่มีทางรู้เลยว่าแท้จริงแล้ว ไป๋จื่อเพิ่งได้รับการปล่อยตัวจากหอบุปผา ภายหลังจากถูกบังคับให้รับลูกค้ารายสุดท้ายเสร็จสิ้น
ทันทีที่เขากลับถึงบ้านเขาก็ชนเข้ากับไป๋จื่อที่กำลังเดินโซซัดโซเซหมดเรี่ยวแรงกลับมา
”ท่านพ่อ!”
ครั้นเห็นไป๋เฉิงเซียงน้ำตาแห่งความโศกเศร้าของไป๋จื่อก็ไหลรินร่วงหล่น แข้งขาของนางสั่นเทา นางก้าวเดินไปได้อีกสองสามก้าวก็ทรุดร่างลงกับพื้น
”จื่อเอ๋อ!” ไป๋เฉิงเซียงตกใจจนหน้าเสีย เขาร้องเรียกบุตรสาวอย่างตื่นตระหนก ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปพยุงนาง “เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า ? เจ้าเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร”
ไป๋จื่อยามนี้อยู่ในชุดเสื้อผ้าขาดวิ่นร่างกายเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำและบาดแผล ใบหน้าของนางซีดจาง นัยน์ตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดแดงก่ำ นางอ่อนแอเกินกว่าจะเอ่ยแม้คำ
”จื่อเอ๋อพ่อได้ยินผู้คนพูดกันว่า เจ้าถูกลักพาไปไว้ในหอบุปผา เรื่องนี้เป็นฝีมือของไป๋หยานใช่หรือไม่ ?”
ไป๋จื่อตัวสั่นนางกัดริมฝีปากแน่น พลางตอบว่า “ท่านพ่อ ตลอดเวลาข้าอยู่เพียงในคุก ไม่เคยไปที่หอบุปผาเลย”
นางจะให้คนอื่นรู้ประสบการณ์อันน่ากลัวของนางได้อย่างไร? แม้แต่บิดาของนางเอง นางก็ไม่อาจให้เขาล่วงรู้ !
หาไม่แล้วนางก็จะกลายเป็นหญิงไร้ค่าและชายผู้นี้ก็จะทิ้งนาง !
เพียงแค่นึกถึงประสบการณ์ที่ไม่ต่างจากฝันร้ายนั้นอีกครั้งไป๋จื่อก็ค่อย ๆ หลับตาลง
เปรียบเทียบกับหอบุปผาแล้วนางยินดีถูกลงโทษในคุกมากกว่า เพราะถึงแม้ว่าจะทรมานและเจ็บปวด ทว่าอย่างน้อยนางก็ไม่ต้องให้บริการบรรดาผู้ชายที่ไม่ปกติพวกนั้น
”ก็ยังดีที่เจ้าไม่ได้อยู่ที่หอบุปผา”ไป๋เฉิงเซียงถอนหายใจอย่างโล่งอก “มีแต่ผู้หญิงอย่างไป๋หยานเท่านั้นที่จะยอมขายเรือนร่างให้กับหอบุปผา หากเป็นผู้หญิงจากตระกูลดี ๆ คนอื่นถูกขายไปที่นั่น พวกนางคงยอมตายเสียดีกว่าอยู่”
บทที่ 175 : ขโมยยาเม็ดจิตวิญญาณ ? (4)
แม้ว่าไป๋เฉิงเซียงจะต้องการส่งไป๋จื่อไปอยู่เคียงข้างตี้คัง ทว่าเพื่อให้บรรลุเป้าหมายแล้ว เขาก็ไม่เคยคิดที่จะให้บุตรสาวของตนไปรับใช้ชายอื่น
ในมุมมองของเขาหากสตรีต้องเสียความบริสุทธิ์ก่อนแต่งงาน หรือมีสัมพันธ์ลับกับชายอื่นหลังจากแต่งงานแล้ว สตรีเหล่านั้นก็สมควรตาย !
”ท่านพ่อบอกข้าเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างไป๋หยานกับหอบุปผาหน่อยเถิด ?” ไป๋จื่อพยายามกลั้นใจเอ่ยถาม
นัยน์ตาของไป๋เฉิงเซียงฉายแววเย็นเยือก“ไป๋หยานเป็นคณิกาดาวเด่นของหอบุปผา อย่างที่รู้กันว่า นางเป็นบุตรสาวของหลานเยี่ย ครานั้นหลานเยี่ยเองก็มีสัมพันธ์ที่คลุมเครือกับองค์ฮ่องเต้ หากมิใช่เป็นเพราะความสวย และกริยามารยาทที่งดงามของนางแล้ว ข้าคงไม่แต่งงานกับนางอย่างแน่นอน”
เป็นที่รู้กันดีว่าหลานเยี่ยคือหญิงงามอันดับหนึ่งของอาณาจักรทั้งความประพฤติของนาง ทั้งจิตใจของนางล้วนดีงาม ทว่าในใจของไป๋เฉิงเซียงกลับยังมีจุดด่างพร้อยที่เขาลบไม่ออกอยู่
ก่อนที่ทั้งคู่จะได้รู้จักกันไทเฮาทรงมีพระประสงค์ให้หลานเยี่ยอภิเษกเป็นฮองเฮา แม้แต่ฮ่องเต้เองก็ตั้งพระทัยที่จะรับนางเป็นฮองเฮา
แม้ว่าหลานเยี่ยจะปฏิเสธหากแต่ในใจของไป๋เฉิงเซียงกลับคิดเสมอว่า หลานเยี่ยมิได้ปฏิบัติตามธรรมเนียมของสตรีที่ดีงาม หาไม่แล้ว เหตุใดทั้งฮ่องเต้ ทั้งไทเฮาจะมีความคิดเช่นนั้นได้เล่า ?
ด้วยเหตุที่ไป๋เฉิงเซียงมัวแต่โกรธเขาจึงไม่ทันสังเกตเห็นว่าไป๋จื่อกำหมัดแน่น แววตาของนางเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
ไป๋หยาน!
ไป๋หยานอีกแล้วรึ!
เพราะนางข้าถึงถูกลากตัวไปที่หอบุปผา!
ข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไป๋หยาน !
”จื่อเอ๋อเจ้าไปทำแผลก่อนเถอะ” ไป๋เฉิงเซียงกล่าวพลางขมวดคิ้วขณะมองบาดแผล และรอยฟกช้ำบนเรือนร่างของไป๋จื่อ “เราต้องลบเลือนบาดแผลเหล่านี้ หาไม่แล้ว ทันทีที่เจ้าเข้าไปอยู่ในตำหนักอ๋องคัง บาดแผลเหล่านี้ก็จะกลายเป็นข้อบกพร่องของเจ้า”
ตำหนักอ๋องคัง?
ไป๋จื่อตกตะลึงนางค่อย ๆ ก้มหน้าลง “ท่านพ่อ อ๋องคังปฏิบัติกับข้าถึงเพียงนี้ ข้าจะเข้าไปในตำหนักอ๋องคังได้อย่างไร ?”
”เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลในเรื่องนี้ข้ามีวิธีของข้า เวลานี้ เจ้าควรกลับไปพักผ่อน จากนั้นก็รอวันที่อ๋องคังจะเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับเจ้า” ไป๋เฉิงเซียงยิ้มอย่างมั่นใจ ขณะกล่าวด้วยถ้อยคำหนักแน่น
นัยน์ตาของไป๋จื่อฉายประกายหัวใจที่หดหู่หมองเศร้ากลับมีประกายแห่งความหวังขึ้นอีกครั้ง
ขอเพียงนางเข้าตำหนักอ๋องคังได้ต่อให้ต้องเป็นสนมนางก็ยินดี
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแผนการที่ไป๋เฉิงเซียงวางไว้ในใจนั้นจะสมบูรณ์แบบเพียงใด ทว่าน่าเสียดาย ผู้ที่เขาต้องรับมือด้วยก็คือไป๋หยานกับอ๋องคัง เช่นนั้นก่อนที่เขาจะทันได้เริ่มแผนการ ก็มีบางสิ่งเกิดขึ้น ซึ่งนั่นทำให้ไป๋เฉิงเซียงต้องเสียใจไปตลอดชีวิต
ในวันนี้หยูเฟยพี่ชายคนโตของหยูหรงพาลูก ๆ ของตนมาถึงเมืองหลวงแห่งนี้ ยังมิทันที่พวกเขาจะได้เข้าที่พัก พวกเขาก็ได้พบกับไป๋เซียวผู้ซึ่งยามนี้ทั่วทั้งร่างเปียกชื้นไปด้วยหยาดเหงื่อ เนื่องจากการพยายามให้ความช่วยเหลือคนหมดสติบนท้องถนน
จะไม่เป็นการสะดุดตาหากไป๋เซียวจะไม่คิดว่าวิธีการธรรมดา ๆ ไม่อาจช่วยชายหนุ่มผู้นั้นได้ เช่นนั้นเขาจึงนำยาอายุวัฒนะ* ออกมา
*ยาอายุวัฒนะคือยาเม็ดจิตวิญญาณประเภทหนึ่งซึ่งส่งผลต่อสุขภาพมากกว่าที่จะส่งเสริมพลังยุทธ
ทันทีที่หยูเฟยเห็นยาเม็ดกลมๆ ในมือของไป๋เซียว นัยน์ตาของเขาพลันเบิกโพลงด้วยความตกใจ ขณะที่ไป๋เซียวไม่ทันตั้งตัวนั้น หยูเฟยก็ฟันดาบลงไปที่เด็กหนุ่ม
โดยปกติแล้วดาบนี้ไม่สามารถทำร้ายไป๋เซียวได้ หากแต่ตอนนี้ไป๋เซียวกำลังใช้พลังช่วยเหลือชายหนุ่มผู้ซึ่งกำลังหมดสติ เช่นนั้นเขาจึงไม่ทันสังเกตเห็นการโจมตีเบื้องหน้า ส่งผลให้เขาโดนพลังดาบนั่นทำร้ายกระทั่งกระอักโลหิต
ผู้ที่ได้รับมอบหมายให้แอบอารักขาไป๋เซียวได้แต่งงงวยเนื่องจากการลงมือเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน อีกทั้งยังเกิดในระยะประชิดเช่นนี้ บรรดาอารักขาจึงทำได้เพียงลดทอนพลังบางส่วน และเบี่ยงเบนวิถีของพลังได้เล็กน้อย
แต่ทว่าพลังฉีของดาบนั่นก็ยังทำร้ายไป๋เซียวได้…
”คุณชายไป๋!”
บุรุษในเงามืดกระโดดลงมาอย่างว่องไวคนหนึ่งช่วยพยุงไป๋เซียว พร้อมกับรีบป้อนยาให้ไป๋เซียวเม็ดหนึ่ง ขณะที่อีกคนรีบผละไปยังคฤหาสน์เพื่อรายงานไป๋หยาน