จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 246-250
บทที่ 246 : พรรคสัตว์อสูร (2)
”คือ…” ตี้เสี่ยวอวิ๋นกลอกตาเอ่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ไม่ว่าข้าจะทำอะไรนับจากนี้ พี่ห้ามด่าว่าข้า ทั้งห้ามบังคับจับคู่ให้ข้า นอกจากนี้พี่ต้องให้เฉินเอ๋อนอนกับข้า 29 วันต่อเดือน อ้อ ! ใช่ หลังจากพี่กลับแดนอสูร พี่ต้องเลื่อนตำแหน่งให้ท่านราชครูด้วย”
รอยยิ้มของตี้คังเย็นชากว่าเดิม”ตำแหน่งของท่านราชครูเป็นรองก็แต่เพียงราชวงศ์อสูรเท่านั้น หากจะเลื่อนตำแหน่งให้เขา เห็นทีจะมีเพียงตำแหน่งราชบุตรเขยที่จะสามารถเลื่อนให้เขาได้”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นตกตะลึง”งั้นหรือ ? แต่พี่ชายกฎข้อที่สองของข้าก็คือห้ามท่านจับคู่ให้ข้า ท่านจะให้ท่านราชครูเป็นราชบุตรเขยได้อย่างไร ?
”ก็นั่นมิใช่สิ่งที่เจ้าต้องการหรอกรึ?”
”ข้า… ” ใบหน้าของตี้เสี่ยวอวิ๋นพลันซีด “ข้าลืมไปว่าตำแหน่งของท่านราชครูในแดนอสูรนั้นยิ่งใหญ่มาก ข้าเพียงต้องการให้เขาได้รับผลประโยชน์บ้าง”
ตี้คังก้าวเข้าไปหาตี้เสี่ยวอวิ๋นอย่างช้าๆ แรงกดดันอันยิ่งใหญ่ของเขานั้นกดดันนางอย่างหนัก ทำให้เขาแลดูน่าหวาดกลัวมากขึ้น ในที่สุดเขาก็ชะลอฝีเท้าลง
“พี่ชายท่านจะทำอะไร ท่านจะดุจะด่าข้าก็ได้ แต่อย่าตี้ข้า !”
นางถอยร่นเนื้อตัวสั่นเทาใบหน้าซีดด้วยความหวาดกลัว นางกัดริมฝีปากพร้อมด้วยหยาดน้ำตา
”เจ้าต้องการอะไรอีกว่ามา !”
”ข้า..ข้า… ”
แม้ว่าตี้เสี่ยวอวิ๋นจะงี่เง่าหากแต่นางก็รู้ว่า ตี้คังกำลังโกรธ นางกลัวมาก กลัวจนพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว น้ำเสียงของนางสั่นสะท้าน
”ไม่มีแล้วใช่หรือไม่?” ตี้คังยิ้มอย่างเย็นชา
”อย่าคิดจะโกงข้านะข้ามิใช่คนโง่” ตี้เสี่ยวอวิ๋นพยายามทำใจกล้า “ตอนนี้ข้ามีพี่สะใภ้คอยช่วยเหลือ หากพี่ขับไล่ข้า พี่สะใภ้ก็จะขับไล่พี่เช่นกัน แล้วข้าก็จะไม่ช่วยพี่ในเรื่องพี่สะใภ้ด้วย แล้วพี่ก็จะไม่มีวันได้สาวงามอย่างพี่สะใภ้ไปตลอดชีวิต ”
ใช่สินางมีพี่สะใภ้คอยถือหางจะต้องกลัวอะไร
ครั้นนึกได้เช่นนั้นตี้เสี่ยวอวิ๋นก็ยืดอก นางมองสีหน้าดำคล้ำของตี้คังอย่างไม่เกรงกลัว
อย่างไรก็ตามประโยคต่อไปของตี้คัง ก็ทำให้นางสีหน้าของนางเปลี่ยน
”หากหยานเอ๋อมิใช่ภรรยาของข้านางก็มิใช่พี่สะใภ้ของเจ้า และเฉินเอ๋อก็จะมิใช่หลานชายของเจ้า”
นี่เปรียบเสมือนสายฟ้าฟาดใส่ตี้เสี่ยวอวิ๋นเลยทีเดียว
นางลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไร?
พี่สะใภ้จะเป็นพี่สะใภ้ของนางได้อย่างไร? หากมิได้แต่งงานกับพี่ชายนาง และด้วยนิสัยของพี่สะใภ้ เมื่อถึงเวลานั้นเฉินเอ๋อก็จะไม่ได้ติดตามพวกนางกลับไปที่แดนอสูร
ไม่มีทาง!
”พี่ชายยังไงข้าก็จะช่วยท่าน !” “ตี้เสี่ยวอวิ๋นฮึดขึ้นมา พลางตบหน้าอกตนเองอย่างแรง “ข้าจะคอยจับตาดูพี่สะใภ้มิให้นางติดต่อกับชายอื่นจนกว่าจะแต่งงานกับพี่”
ตี้คังพยักหน้า”มีอีกเรื่องที่ข้าอยากจะให้เจ้าทำ นั่นก็คือดูแลความปลอดภัยให้หยานเอ๋อ และเฉินเอ๋อตอนข้าไม่อยู่ด้วย”
”…”ครั้นตี้เสี่ยวอวิ๋นได้ยินเรื่องนี้ นางก็ตกตะลึง นางกล่าวอย่างอ่อนแรงว่า “พี่ชาย ข้าไม่รู้ว่าด้วยเหตุใด หลังจากมาถึงที่นี่ ข้ากลับรู้สึกว่าพลังของข้าลดลงครึ่งหนึ่ง เป็นเรื่องยากสำหรับข้าที่จะปกป้องพี่สะใภ้ที่แข็งแกร่งเช่นนั้น ? ”
นางทำลายผนึกเพื่อหนีมาที่นี่ด้วยเหตุนี้ความแข็งแกร่งของนางจึงถูกผนึกไปด้วย ตอนนี้แค่ปกป้องเฉินเอ๋อก็ยังพอไหว แต่กับพี่สะใภ้ไหนเลยจะต้องการการปกป้องจากนาง ?
“ตั้งแต่หญิงสาวเผ่าอสรพิษนั่นเดินทางมาที่นี่นางก็ใช้วิธีพิเศษบางอย่าง เพื่อซ่อนกลิ่นอายของนาง แม้แต่วิหคเพลิงก็ยังไม่สามารถติดตามที่อยู่ของนางได้ หากนางอยู่ใกล้ ๆ ละแวกนี้ เจ้าก็อาจสามารถตรวจจับนางได้”
ตี้คังส่งสายตาเย็นยะเยือกให้ตี้เสี่ยวอวิ๋น”นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าอยากให้เจ้าติดตามหยานเอ๋อทุกฝีก้าว”
“พี่ชายไม่ต้องเป็นกังวล ข้าจะติดตามพี่สะใภ้ไปทุกหนทุกแห่ง”
บทที่ 247 : พรรคสัตว์อสูร (3)
ตี้เสี่ยวอวิ๋นยิ่งฮึกเหิม
ชิงหลวนหญิงสารเลวที่แอบหลงรักพี่ชายของข้ามาตั้งหลายร้อยปีหากนางรู้เบาะแสเฉินเอ๋อ นางจะต้องลอบติดตามข้ามาเป็นแน่ !
ข้าจะปล่อยให้พี่สะใภ้และหลานชายของข้า ติดกับนางได้อย่างไร ?
”จำคำพูดของเจ้าไว้หากหยานเอ๋อ หรือลูกชายของข้าได้รับบาดเจ็บแม้เพียงเล็กน้อย ข้าจะมาคิดบัญชีกับเจ้าเป็นคนแรก !”
ชายหนุ่มหัวเราะเยาะทันทีที่สิ้นสุดถ้อยคำสุดท้าย เขาก็ไม่มองตี้เสี่ยวอวิ๋นอีกต่อไป เขาปัดเสื้อคลุมเบา ๆ ก่อนจะหมุนตัวออกจากห้องไป
ตี้เสี่ยวอวิ๋นยืนตะลึง
นี่นางเป็นน้องสาวของเขาจริงๆ ใช่หรือไม่ ? หรือว่านางถูกเก็บมาเลี้ยงกันแน่ ?
เพราะเคยชินกับพฤติกรรมตี้คังมานานหลายปีตี้เสี่ยวอวิ๋นจึงไม่รู้ผิดแปลกแต่อย่างใด นางได้แต่พยายามปลอบใจตนเอง
พี่ชายไม่รักข้าแล้วไง? ต่อไปข้าก็มีพี่สะใภ้เอ็นดูข้าแล้ว ! ผู้ใดจะสนเขากันล่ะ ?
”องค์หญิงองค์หญิง พ่ะย่ะค่ะ”
จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้น ตี้เสี่ยวอวิ๋นหันมองไปรอบ ๆ นางเห็นนกกระจิบสีเหลืองบินมาจากหน้าต่าง ก่อนจะลงมาเกาะไหล่นาง
”อาหวงเรื่องที่ข้าให้ไปสืบหาเป็นไงบ้าง ?”
“องค์หญิงช่วยเปลี่ยนชื่อของข้าได้หรือไม่ ? ข้าก็เป็นผู้หญิงเหมือนกันนะ” “น้ำเสียงของนกน้อยฟังดูไม่พอใจอย่างมาก มันส่งเสียงประท้วงจุ๊บจิ๊บ ๆ
“ตั้งชื่อมันยุ่งยากจะตายทั้งข้าก็เป็นคนขี้เกียจ เจ้าต้องการให้ข้าคิดชื่อใหม่ให้เจ้าอีกงั้นรึ ?” ตี้เสี่ยวอวิ๋นจ้องมองนกน้อยด้วยดวงตากลมโตอันงดงาม “อาหวง นี่เจ้าไม่อยากจะมีชีวิตอยู่แล้วใช่หรือไม่ ?”
อาหวงนิ่งอึ้งนางยังเต็มไปด้วยความคับข้องใจ เพียงต้องการชื่อเพราะ ๆ เหตุใดองค์หญิงถึงไม่เข้าใจ ถึงขั้นจะฆ่าจะแกงนาง ?
ช่างเป็นเรื่องแย่มากๆ
”อันดับแรกบอกข้าก่อนว่า เรื่องที่ข้าขอให้เจ้าไปจัดการเป็นไงบ้าง ?” ตี้เสี่ยวอวิ๋นเอ่ยถาม
”องค์หญิงข้าว่าท่านไม่ควรฟังจะดีกว่า ข้าเกรงว่าท่านจะอารมณ์เสีย”
”ทำให้ข้าอารมณ์เสียงั้นรึ?” ตี้เสี่ยวอวิ๋นเย้ยหยัน “ขนาดพี่ชายของข้ายังทำให้ข้าโกรธไม่ได้เลย ยังมีสิ่งใดอีกที่จะทำให้ข้าโกรธได้ บอกข้ามาสิว่าเจ้าได้อะไรมาบ้าง ?”
อาหวงมองตาตี้เสี่ยวอวิ๋นพลางกล่าวว่า”เมื่อครู่ ข้าไปที่คฤหาสน์ขององค์ชายรัชทายาท ข้าได้ยินบทสนทนาระหว่างไอ้สัญชาติสุนัขนั่นกับนางแพศยาชายาของเขา นางผู้หญิงที่ชื่อไป๋รั่วคนนั้นกับหนานกงอี้กำลังวางแผนที่จะให้องค์ราชินีของเราไปเป็นพระสนมของเขา ! ทั้งยังกล่าวด้วยว่า … ”
”ว่าอะไร?” ใจของตี้เสี่ยวอวิ๋นเริ่มกรุ่นด้วยความโกรธ นางกัดฟันเอ่ยถาม
”พวกเขาว่าองค์ชายน้อยแห่งดินแดนอสูรของเรานั้นอาจจะดูน่ารักแต่ความสามารถด้านอื่น ๆ นั้นเทียบไม่ได้กับลูกชายของพวกเขาหรอก หลังจากที่ทำให้ราชินีของเราเป็นพระสนมของเขาได้แล้ว พวกเขาจะทำให้องค์ชายน้อยตกเป็นทาสของลูกชายเขาด้วย !”
“โอ้! แล้วหนานกงอี้ก็ยังบอกด้วยว่ามารดาของราชินีเราเป็นเพียงผู้หญิงโง่ ๆ แค่ถ้อยคำหวาน ๆ ของบิดานาง มารดาของนางก็มอบยาเม็ดมีค่าทั้งหมดให้เขาแล้ว ในเมื่อนางเป็นบุตรสาวของผู้หญิงโง่ ๆ เช่นนั้นเพียงเขาใช้คำพูดไม่กี่คำราชินีของเราก็คงอ่อนระทวย จากนั้นราชินีก็จะมอบอำนาจในมือให้พวกเขาทั้งสองเอง”
เดิมทีตี้เสี่ยวอวิ๋นอยากจะถามอาหวงเกี่ยวกับเรื่องที่หนานกงหลินแอบอ้างเป็นผู้นำของเผ่าสัตว์อสูรได้อย่างไร? หากแต่สิ่งที่อาหวงได้ยินมานั้นกลับเป็นข่าวที่ไร้ประโยชน์ อย่างไรก็ตามข่าวนี้ก็สามารถทำให้ใบหน้าของนางแดงก่ำด้วยความโกรธได้
แน่นอนว่านางไม่ได้โกรธอาหวง หากแต่เป็นคนชั่วไร้ยางอายทั้งสองนั้นต่างหาก !
”องค์หญิง”
ครั้นเห็นว่าตี้เสี่ยวอวิ๋นหายใจขัดด้วยความโมโหอาหวงก็รีบเข้ามา “ข้าบอกแล้วว่า ท่านอาจจะต้องตายด้วยความโกรธ ท่านก็ไม่เชื่อข้า ท่านจะฟังคำพูดชั่วช้าเช่นนั้นไปไย ?”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นโกรธกระทั่งสำลักในที่สุดนางก็กลับมารู้สึกตัว นางจ้องมองอาหวงอย่างดุดัน “แล้วเจ้าทำอย่างไรอีก ?”
”ข้า… ”
ถ้อยคำของอาหวงหยุดลงก่อนที่จะทันกล่าวจบ
บทที่ 248 : พรรคสัตว์อสูร (4)
ตี้เสี่ยวอวิ๋นฟาดมือข้างหนึ่งออกไปตบร่างเล็กๆ ของอาหวง นกน้อยตัวปลิว ร่างของมันกระแทกเข้ากับประตู ก่อนจะร่วงอย่างช้า ๆ
”ข้า… ข้าจะกลับมาแจ้งท่านว่า…” เสียงของอาหวงอ่อนแรงมาก “ข้ารู้เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่สรรพสัตว์นับหมื่นนับแสนน้อมนมัสการแล้ว ไป๋รั่วเป็นคนเผยแพร่เรื่องนี้ออกไป”
พูดจบอาหวงก็ตาเหลือกจากนั้นก็เป็นลมหมดสติ
ครั้งนี้อาหวงโชคดีที่ได้ยินบทสนทนาของไป๋รั่วกับสาวใช้หาไม่แล้ว มันคงจะไม่รีบร้อนกลับมาไวถึงเพียงนี้
”อาหวง!” ตี้เสี่ยวอวิ๋นพุ่งเข้าไปหาอาหวง นางจับร่างเล็ก ๆ ของอาหวงขึ้นมาพลางกล่าวว่า “ข้าขอโทษที่ข้าเข้าใจเจ้าผิด อย่าตายนะ จากนี้ไปข้าจะไม่เรียกเจ้าว่าอาหวงแล้ว ข้าจะเรียกเจ้าว่าเสี่ยวหวงแทน*”
***อาหวงแปลว่า เจ้าเหลือง ส่วนเสี่ยวหวงแปลว่า เหลืองน้อย
โชคดีที่อาหวงหมดสติไปแล้วหากมันยังตื่นอยู่ มันก็คงอยากตาย
ก็สองชื่อนี้มันต่างกันตรงไหน ?
”องค์หญิง… ” ครั้นได้ยินเสียงของตี้เสี่ยวอวิ๋น อาหวงก็ฟื้น มันพูดว่า “ข้ายังไม่ตาย ข้าแค่หิว … ”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นนิ่งอึ้งนางลุกขึ้นยืน พร้อมกับโยนอาหวงลงบนพื้น
”เจ้ายังไม่ตายหรอกหรือ? เสียความรู้สึกจริง ๆ ”
อาหวงตัวสั่นเทามันยกอุ้งเท้าของมันขึ้นโบก แล้วก็แทบจะร้องไห้อย่างขมขื่น “องค์หญิง…ข้าหิว … ”
”หากเจ้าหิวก็ออกไปหาอาหารสิไม่ต้องมาหาข้า”
ทันทีที่กล่าวจบตี้เสี่ยวอวิ๋นก็เดินออกจากประตูไป โดยไม่สนใจอาหวงผู้หิวโหยจนไม่สามารถบินได้
อาหวงน้ำตาร่วงด้วยความเสียใจ
มันไม่ควรมาที่นี่พร้อมกับองค์หญิงเลยหากมันยังอยู่ในแดนอสูร แม้ว่าองค์หญิงจะลืมมัน อย่างน้อยมันก็ยังมีนางกำนัลในวังช่วยให้อาหารมันได้
ไม่เหมือนในยามนี้ที่มันทำได้แค่นอนราบกับพื้นเพียงลำพัง
ทางตอนใต้ของแผ่นดินใหญ่นี้เป็นสถานที่ที่ซึ่งมีสัตว์อสูรยังดำรงชีวิตอยู่
แม้ว่าหลายพันปีที่ผ่านมาสัตว์อสูรส่วนใหญ่จะถูกผนึกไว้ในดินแดนอสูร ทว่าสัตว์อสูรที่เหลือรอดอยู่ในสถานที่นี้ก็ยังเติบโตแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ
เช่นนั้นภูเขาสัตว์อสูรทางทิศใต้ของแผ่นดินใหญ่จึงเป็นสถานที่ที่ซึ่งผู้ฝึกสอนสัตว์อสูรจำนวนนับไม่ถ้วนต้องการจะมาพิชิต
ไม่ไกลจากภูเขาสัตว์อสูรก็จะเป็นที่ตั้งของพรรคสัตว์อสูร
ในแผ่นดินใหญ่นอกจากจะมีสถานที่ซึ่งหมอปรุงยาต่างก็มารวมตัวกันแล้วก็ยังมีสถานที่ซึ่งสัตว์อสูรมารวมตัวกันอีกด้วย
เป็นเรื่องน่าเสียดายที่พรรคสัตว์อสูรไม่ได้รวมอยู่ในกลุ่มที่เป็นขุมอำนาจซ่อนเร้นใดๆ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นกลุ่มที่มีความแข็งแกร่งระดับต้นๆ ก็ตามที
ยามนี้ชายวัยกลางคนกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องๆ หนึ่งภายในสถานที่ตั้งของพรรคสัตว์อสูร บางครั้งเขาก็หลับตา บางครั้งเขาก็ลืมตา ใบหน้าของเขามั่นคงและเย็นชา นัยน์ตาของเขาเปล่งประกายแสงกล้า
”ใครก็ได้เชิญท่านผู้อาวุโสมาพบข้าเดี๋ยวนี้ !”
เสียงคนที่อยู่ด้านนอกประตูรับคำ
ชั่วอึดใจชายชราที่มีรูปลักษณ์คล้ายเซียนในตำราก็เดินจ้ำอ้าวเข้ามา
ทันทีที่เขาก้าวเข้ามาเขาก็โค้งคำนับแสดงความเคารพ พร้อมทั้งกล่าวว่า “ท่านผู้นำ ท่านสังเกตเห็นสิ่งใดผิดปกติกระนั้นหรือ ? ถึงได้เรียกข้ามาที่นี่ ?
นี่เป็นนิมิตจากสวรรค์เกี่ยวกับราชวงศ์สัตว์อสูร !
สัตว์อสูรที่อาศัยอยู่ไม่ไกลจากภูเขาสัตว์อสูรทางตอนใต้นั้นมีสัมผัสที่ดีกว่าสัตว์อสูรโดยทั่วไปมาก
”ถูกต้องแล้ว”ฟางหยูเฟิ่งกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “หลังจากผ่านไปถึงห้าปี ที่สุดข้าก็ฝึกฝนทักษะเทียนเซียงขั้นห้าได้สำเร็จ ! และด้วยทักษะนี้ก็ทำให้ข้าสามารถหาตัวเขาพบ
หัวใจของผู้อาวุโสสั่นสะท้านเขาเงยหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจ “ท่านผู้นำ สิ่งที่ท่านกล่าวมาล้วนเป็นความจริงกระนั้นหรือ ?”
ฟางหยูเฟิ่งพยักหน้า”แต่ด้วยระดับการฝึกฝนทักษะของข้ายังไม่สูงพอ เช่นนั้นข้าจึงไม่สามารถระบุสถานที่ได้ชัดเจนนัก ข้ารู้เพียงว่าเขาอยู่ที่อาณาจักรหลิวฮั่ว”
อาณาจักรหลิวฮั่ว?
บทที่ 249 : สู้กันให้พอ แล้วมาเป็นเพื่อนกัน (1)
ผู้อาวุโสนิ่งอึ้งพร้อมกับขมวดคิ้ว”ห้าปีก่อน หลังจากสรรพสัตว์ทั้งหลายนับหมื่นต่างกราบนมัสการ ก็มีข่าวลือจากอาณาจักรหลิวฮั่วว่า การถือกำเนิดของบุตรชายองค์รัชทายาททำให้เกิดปรากฏการณ์นี้ หรือว่าข่าวลือนั่นจะเป็นจริง ?
ฟางหยูเฟิ่งส่ายศีรษะพลางกล่าวว่า”ข้าเองก็ยังไม่รู้ว่าเขาเป็นผู้ใด ทว่าเมื่อถึงเวลานั้น หากผู้ใดสามารถทำให้มังกรเชื่องได้ ก็จะได้เป็นราชาของสรรพสัตว์ทั้งปวง !”
ผู้อาวุโสนิ่งงันก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยความลังเล “ท่านผู้นำ มังกรแก้วเป็นสมบัติล้ำค่าของพรรคสัตว์อสูรเรา มันเป็นมังกรตัวเดียวที่บรรพบุรุษของเรามอบไว้ให้ หากเลินเล่อปล่อยมันหนีไปได้ ข้าเกรงว่าเมื่อถึงเวลานั้นคงยากที่จะควบคุม”
ในความเป็นจริงพรรคสัตว์อสูรไม่ต้องการกักขังมังกรแก้ว ทว่ามังกรแก้วนั้นดุร้ายอีกทั้งดื้อดึง หากมันถูกปลดปล่อยออกมา โลกทั้งโลกจะต้องนองเลือดอย่างแน่นอน
”ข้าเองก็ไม่รู้”ฟางหยูเฟิ่งกล่าวพร้อมรอยยิ้มเซ็ง ๆ “ท่านผู้อาวุโส ตอนนี้มีเพียงมังกรแก้วเท่านั้นที่สามารถหาเขาพบ เช่นนั้นจงนำกรงขังมังกรแก้วไปพร้อมกับเจ้า ก่อนที่เจ้าจะพบเขา จงอย่าลืมว่า ห้ามปล่อยมังกรแก้วออกมา”
”ขอรับท่านผู้นำ”
ผู้อาวุโสกล่าวตอบกลับอย่างนอบน้อม
”นอกจากนี้เจ้ารู้หรือไม่ว่า เหตุใดข้าจึงให้เจ้านำมังกรแก้วไปด้วย ?” ฟางหยูเฟิ่งยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย “บรรพบุรุษของเราเคยสั่งเสียไว้ว่า ในวันหน้าหากเราพบผู้ใดก็ตามที่สามารถทำให้มังกรแก้วเชื่องได้ ก็จงให้พรรคสัตว์อสูรของเรายอมก้มหัวศิโรราบ และมอบความจงรักภักดีแก่เขา”
”เวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมานี่ผู้นำพรรคสัตว์อสูรของเราเฝ้ารอคอยการปรากฏตัวของเขา โชคไม่ดีที่การรอคอยของพวกเขาไม่เกิดผลใด ๆ !” นัยน์ตาของท่านผู้นำค่อย ๆ เปล่งประกายแห่งความภาคภูมิใจ “แม้ข้าจะไม่ได้คาดหวังแต่อย่างใด ทว่าข้าก็เฝ้ารอ… ”
เพื่อที่วันข้างหน้าข้าจะสามารถสู้หน้าบรรพบุรุษได้
”นี่… ” ผู้อาวุโสเพิ่งเคยได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรก เขาก็ตกใจ “นี่เป็นเรื่องจริงเหรอ ?”
”ก็จริงน่ะสิ”ฟางหยูเฟิ่งหัวเราะเบา ๆ “หาไม่แล้ว เจ้าคิดว่าข้าจะต้องฝึกทักษะเทียนเซียงเพื่ออะไร ? หากมิใช่เพื่อค้นหาเขา ? และเมื่อราชวงศ์สัตว์อสูรปรากฏ ข้าก็รู้ว่า ในที่สุด ผู้ที่เรารอคอยก็มาถึงแล้ว ! ”
ชายอาวุโสสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับความตื่นตกใจขณะกล่าวว่า “ข้าเข้าใจแล้ว ท่านผู้นำ ข้าจะนำคนของเราไปที่อาณาจักรหลิวฮั่ว เพื่อนำเขากลับมา”
”ดี…”ฟางหยูเฟิ่งพยักหน้าน้อย ๆ “อ้อ ! หลังจากที่เจ้าแน่ใจในตัวตนของเขาแล้ว หากเขาไม่อยากกลับมา ก็ให้ทำตามความต้องการของเขาเข้าใจหรือไม่ ?”
คำสั่งบรรพบุรุษมิอาจขัดขืน!
แม้ว่าฟางหยูเฟิ่งจะไม่รู้ว่าผู้ใดกันที่อยู่ในราชวงศ์สัตว์อสูรทว่าเขาก็ต้องทำตามคำสั่งของบรรพบุรุษ
”ขอรับท่านผู้นำ”
ผู้อาวุโสเฒ่ายิ้มพร้อมกับน้อมรับคำสั่งก่อนจะจากไป
หลังจากผู้อาวุโสออกไปแล้วฟางหยูเฟิ่งผู้ซึ่งยังคงยืนอยู่ในห้องก็ถอนหายใจ “ข้าหวังว่า ครานี้ผู้อาวุโสจะสามารถค้นหาคนผู้นั้นพบ พรรคสัตว์อสูรของเราไม่เหลือเวลาให้รอมากนัก”
ณเมืองหลวง
ภายในคฤหาสน์โบราณไป๋หยานเดินออกมาที่ลานบ้าน พลันนัยน์ตาเรียวคมปานหงส์ของนางก็ต้องประหลาดใจ เมื่อแลเห็นบุปผานับร้อยเต็มลานบ้าน
บุปผาเหล่านั้นกำลังเบ่งบานทว่าไม่งดงามเท่าสาวงามในอาภรณ์แสนสวยสองคนตรงนั้น
กระโปรงสีฟ้าน้ำทะเลยาวระพื้นขับใบหน้าที่สวยงามอมชมพูของตี้เสี่ยวอวิ๋นให้เป็นสีชมพูระเรื่อมากยิ่งขึ้นนางถือขวดสุราในมือ ขณะกรอกมันลงปาก สุราไหลลงปากน่ารักของนางส่องประกายล้อแสงแดดในฤดูใบไม้ผลิ
”เอิ๊ก…!” ตี้เสี่ยวอวิ๋นเรอ พร้อมกับหัวเราะ “ฉู่อีอี้ สุราของอาณาจักรเจ้านี่ยอดเยี่ยมมาก โดยเฉพาะสุราร้อยบุปผาที่เจ้านำมา ข้าว่ามันอร่อยที่สุดเท่าที่ข้าเคยดื่มมาเลย”
แก้มของฉู่อีอี้เองก็ย้อมด้วยสีแดงเพราะเมามายนางถือขวดสุราไว้ในมือพลางยิ้ม “ดูยังกับว่าเจ้าไม่ได้มาจากอาณาจักรนี้”
บทที่ 250 : สู้กันให้พอ แล้วมาเป็นเพื่อนกัน (2)
“ข้าไม่ได้มาจากที่นี่ท่านราชครูช่วยข้าออกมา”
“ท่านราชครูรึ? เขาคือใคร ?” นัยน์ตาของฉู่อีอี้ฝ้ามัว ขณะมองภาพเบื้องหน้าอย่างเลือนลาง นางนอนหงายหลังลงบนดอกไม้ เอามือวางบนหน้าผาก
กระโปรงสีพีชแผ่กระจายราวดอกไม้บาน
“ท่านราชครู… ” ตี้เสี่ยวอวิ๋นลืมตา ราวกับใบหน้าที่อ่อนโยน และหล่อเหลานั้นมาปรากฏเบื้องหน้านาง นางเผยอริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย “ท่านราชครูเป็นบุรุษที่อ่อนโยนมาก แม้ว่าข้าจะรังแกเขาหลายต่อหลายครั้ง ทว่าเขาก็ไม่เคยโกรธข้าเลย … ”
”อ้อ! ท่านราชครูก็คือคนรักของเจ้างั้นสิ ?” ฉู่อีอี้หัวเราะ นางยกยิ้มงดงาม ขณะหันไปเผชิญหน้าตี้เสี่ยวอวิ๋น
”อย่ากล่าวหาข้าเช่นนั้นนะข้ากับท่านราชครูเราต่างก็บริสุทธิ์ใจ หากแต่สำหรับเจ้าแล้ว ข้ารู้สึกว่าเจ้าสนิทสนมกับไป๋เซียวมากนะ”
”ตี้เสี่ยวอวิ๋นข้าอุตส่าห์ให้สุราร้อยบุปผาแก่เจ้า เจ้ากลับมาสร้างมลทินให้ข้า ! เขาเป็นน้องชายของไป๋หยาน เช่นนั้นข้าย่อมต้องดีกับเขาเป็นธรรมดา ! หากแต่เจ้านั้นต่างกัน ! ท่านราชครูนั่นต้องเป็นคนรักของเจ้าแน่ !”
เดิมทีบรรยากาศระหว่างหญิงสาวทั้งสองดูเหมือนจะสนิทสนมกลมเกลียวกันดีทว่าทันทีที่ฉู่อีอี้กล่าวจบ ตี้เสี่ยวอวิ๋นก็ผุดลุกขึ้นเดินเข้ามาหานาง จากนั้นก็ต่อสู้กันนัวเนีย
แม้ว่าหญิงสาวทั้งสองจะต่อสู้กันหากแต่กลับดูเหมือนพวกนางจะยิ่งกลมกลืนกันมากขึ้น ยิ่งนัวเนียกันก็ยิ่งสนิทสนมกัน เรือนร่างของพวกนางปกคลุมไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้ ภายใต้แสงแดดสดใส พวกนางแลดูงดงามท่ามกลางดอกไม้ที่แหลกราญอยู่ใต้ร่าง
”นายหญิงท่านต้องการให้ข้าห้ามพวกนางหรือไม่” มุมปากของฮัวหลัวรั้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม
หญิงสาวทั้งสองมักจะทะเลาะกันเสมอเพราะต่างก็ไม่ยอมลงให้แก่กัน มาบัดนี้พวกนางยังกล้าลงมือกันเพราะความเมา เช่นนั้นพวกนางจึงไม่กลัวเกรงสิ่งใดแม้แต่เจ้าของบ้าน ไม่สนด้วยซ้ำว่าเจ้าของบ้านจะมองว่าพวกนางสร้างปัญหาหรือไม่ ?
”ไม่ต้อง”
ฮัวหลัวประหลาดใจทว่าไป๋หยานกลับยกยิ้ม “ตอนนี้พวกนางกำลังเชื่อมสัมพันธภาพกัน เราไม่จำเป็นต้องห้ามพวกนางหรอก ฮัวหลัว เจ้าเพียงอย่าให้คนอื่นมารบกวนพวกนางก็พอ”
ครั้นกล่าวจบไป๋หยานก็เดินผ่านหญิงสาวทั้งสองออกจากลานบ้านไปอย่างแช่มช้า
ไป๋หยานเดินออกจากประตูคฤหาสน์ไปได้ไม่กี่ก้าวบริเวณหน้าประตูคฤหาสน์บ้านสกุลหวัง พลันมีร่าง ๆ หนึ่งลอยละลิ่วตกลงมาบนพื้น
”ออกไปจากที่นี่!”
ทันใดนั้นเองหวังตี้จวินก็ก้าวออกมาเขามองคนผู้ซึ่งตกลงมาอยู่เบื้องหน้าไป๋หยาน นัยน์ตาของเขากราดเกรี้ยว “ข้าหวังตี้จวิน ไม่สิ้นไร้ไม้ตอก กระทั่งขายบุตรสาวกิน ออกไปซะ !”
ขายบุตรสาวกระนั้นหรือ?
ไป๋หยานหยุดมองหวังตี้จวินซึ่งยามนี้แววตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ จากนั้นนางก็หันไปมองขันทีที่นอนกองอยู่บนพื้น นางมองภาพตรงหน้าด้วยนัยน์ตา และมุมปากที่ยกยิ้ม
”เจ้า… ” ขันทีลุกขึ้นจากพื้นด้วยความโกรธ เขากล่าวด้วยความโมโห “พระนัดดาขององค์ฮ่องเต้ชื่นชอบบุตรสาวของเจ้า จึงอยากยกนางขึ้นเป็นพระสนม นับว่าเป็นเกียรติของเจ้าแล้ว ! อีกทั้งพระชายายังประทานยาเม็ดระดับสองมาเป็นสินสอด ไยเจ้าจึงไร้มารยาทเช่นนี้ ?”
”ฮ่าฮ่าฮ่า!” หวังตี้จวินหัวเราะอย่างโกรธ ๆ “เจ้าก็แค่อยากจะซื้อบุตรสาวของข้า ? ข้าจะบอกเจ้านะว่า ข้าไม่ขี้ขลาดถึงขนาดที่คิดจะใช้บุตรสาวของตนแลกเปลี่ยนไม่ว่ากับสิ่งใด ! ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ !”
ขันทีตัวสั่นด้วยความโกรธ
”ในวันหน้าพระนัดดาขององค์ฮ่องเต้จะเป็นผู้ครองโลก เจ้าอาจจะกลายเป็นผู้ทรงอำนาจด้วยความช่วยเหลือของพระองค์ ทว่าเจ้ากลับละทิ้งโอกาสดี ๆ เช่นนี้ ต่อไปหากเจ้านึกเสียใจก็ไม่ต้องมาขอร้องข้า !”
ขันทีตะคอกอย่างเย็นชาก่อนจะหันหลังก้าวจากไป ทว่าเขาเดินคล้อยหลังไปได้เพียงไม่กี่ก้าวหวังตี้จวินก็หยิบหินขึ้นมา
พลั่ก!
ขันทีไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นเขารู้สึกเพียงเจ็บปวดที่บริเวณท้ายทอย จากนั้นทุกสิ่งก็มืดมิด ร่างของเขาล้มลงกับพื้น และหมดสติในทันที