จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 256-260
บทที่ 256 : ไป๋เฉิงเซียงผู้จองหอง (2)
หยูฮูหยินผู้เฒ่ามองตามไป๋รั่วผู้ซึ่งเดินนำหน้าสาวใช้ในวังจากไปพลันนางก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข “หลานสาวของข้าช่างเก่งกล้านัก ไม่เพียงสามารถควบคุมองค์รัชทายาทไว้ได้ ทว่านางยังมากด้วยความสามารถจนไป๋หยานไม่มีวันเทียบได้”
“จะว่าเช่นนั้นก็ไม่ถูกต้อง”หยูหรงกัดฟันอดทนต่อความเจ็บปวด พร้อมกับยิ้มออกมาอย่างไม่พึงใจนัก “ไม่เพียงรั่วเอ๋อจะมากด้วยความสามารถ หากแต่หลินเอ๋อก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน พรรคสัตว์อสูรนั้นทรงพลังมาก ลองจินตนาการดูเถิดว่า หากหลินเอ๋อได้เป็นศิษย์เอกของพรรคสัตว์อสูร ความสำเร็จในวันหน้าของเขาย่อมก้าวไกลจนไป๋เสี่ยวเฉินไม่มีวันตามทัน ! ”
ทุกวันนี้ผู้คนในอาณาจักรนี้ต่างก็สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของตระกูลไป๋
ก่อนหน้านี้ไป๋เฉิงเซียงถูกไป๋หยานทำลายชื่อเสียงต่อหน้าสาธารณะชน นอกจากนี้ด้วยแรงกดดันของอ๋องคังและหอบุปผา ก็ทำให้ไป๋เฉิงเซียงไม่กล้าแม้แต่จะโผล่หน้าออกจากบ้าน เขาทำได้เพียงหลบซ่อนตัวอยู่ภายในบ้านสกุลไป๋ราวกับเต่าหดหัว
หลายวันที่ผ่านมานี้เหล่ามิตรสหายของบ้านสกุลไป๋ต่างก็ตีตัวออกห่าง แม้แต่ยามกับสาวใช้ที่ไม่ได้เซ็นสัญญาขายตัวเองให้กับบ้านสกุลไป๋ต่างก็พากันหลบหนี
เพียงวันเดียวบ้านสกุลไป๋ราวกับถูกโค่นอำนาจกระทั่งล้มครืน
ทว่าในตอนนี้
เมื่อเห็นไป๋เฉิงเซียงออกมาเดินเล่นบนท้องถนนทุกคนต่างก็แทบไม่เชื่อสายตาตนเอง
หรือเป็นได้ว่าบ้านสกุลไป๋จะกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง ?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ทุกคนต่างก็อ้าปากค้าง พร้อมกับหันไปมองไป๋เฉิงเซียงผู้ซึ่งไม่อาจถูกดูหมิ่นได้เฉกเช่นแต่ก่อน
ณคฤหาสน์โบราณ…
ในลานบ้านที่มีแสงแดดอบอุ่นไป๋หยานกำลังอ่านหนังสือในมือ ทว่าบางครั้งนางก็มองไปที่ไป๋เสี่ยวเฉิน ผู้ซึ่งกำลังเล่นอยู่กับตี้เสี่ยวอวิ๋น ใบหน้าที่งดงามของนางพลันเผยรอยยิ้มใสกระจ่าง
ทันใดนั้นเองฮัวหลัวก็เดินอย่างรีบร้อนเข้ามาหานางหยุดยืนอยู่หน้าไป๋หยาน พร้อมกับทำความเคารพ “นายหญิง”
”เกิดเรื่องใดขึ้น”ไป๋หยานเลิกคิ้ว พลางเอ่ยถามเสียงเบา
”เมื่อครู่ข้าเห็นไป๋เฉิงเซียงบนถนน ดูเหมือนว่าเขาจะแปลกไปเล็กน้อย”
ไป๋หยานเลิกคิ้วขึ้นพลางกล่าวว่า”บอกข้าสิว่า เขาดูแปลกไปยังไง”
”เขาพูดว่า… ” ใบหน้าของฮัวหลัวนั้นแลดูไม่ดีนัก “หากท่านรู้ตัวว่าผิด ก็ให้กลับไปที่บ้านสกุลไป๋เพื่อขอขมา ตราบใดที่ท่านยินดีมอบยาเม็ดจิตวิญญาณ และหอบุปผาในมือของท่านให้แก่เขา และแต่งงานตามคำสั่งของบิดามารดา เขาก็จะให้อภัยสำหรับความผิดพลาดที่ผ่านมาทั้งหมดของท่าน”
ไป๋หยานวางมือลงพลางเอ่ยถามต่อ “เขาพูดอย่างนั้นจริงหรือ ?”
”จริง”ฮัวหลัวกัดริมฝีปาก หากนางไม่จำเป็นต้องรีบกลับมารายงานนายหญิง นางคงต้องลงไม้ลงมือกับไป๋เฉิงเซียงเป็นแน่ !
ไป๋หยานยิ้ม”เขาไปเอาความมั่นอกมั่นใจเช่นนี้มาแต่ที่ใด อะไรทำให้เขาคิดว่า ข้าจะต้องขอขมาเขา ?”
บางทีสมองของไป๋เฉิงเซียงอาจจะฟั่นเฟือนไปแล้ว
ฮัวหลัวคิดคำตอบได้แค่นี้เท่านั้น
”ข้ารู้แล้วเจ้าเองลองไปสืบดูสิว่า ในช่วงไม่กี่วันมานี้ มีผู้ใดเข้าไปติดต่อคนบ้านสกุลไป๋หรือไม่ ?”
ในความเป็นจริงแม้ว่าตระกูลไป๋จะมีคนหนุนหลัง นางก็ไม่กลัว
เพียงทว่านางไม่ชอบสู้กับศัตรูที่อยู่ในที่มืด
”เจ้าค่ะ”
ในขณะที่ฮัวหลัวกำลังจะจากไปนั้นจู่ ๆ ก็เกิดเสียงทะเลาะกันภายนอกลาน
เสียงที่ดังแว่วมาเป็นสุ้มเสียงที่คุ้นเคยอีกทั้งกำลังฉุนเฉียว
”เหตุใดเจ้าจึงไม่ให้ข้าเข้าไป? ไป๋หยานก็เป็นพี่สาวคนหนึ่งของข้าเช่นกัน ! เหตุใดข้าจะพบพี่สาวไม่ได้ ?
ใบหน้าของไป๋หยานเคร่งขรึมลงขณะส่งเสียงเยาะ ๆ “ฮัวหลัว โยนนางออกไป หากนางขัดขืนก็หักขานางซะ !”
ใบหน้าของฮัวหลัวเผยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์”ไป๋จื่อ คนนี้ไม่ต่างจากแมลงสาบที่ตายยาก เมื่อไม่นานมานี้ นางโดนตี้เสี่ยวอวิ๋นกับฉู่อีอี้ทุบตีเกือบตาย ทว่าเพียงไม่กี่วันก็ออกมาหาเรื่องได้อีกแล้ว
”ฟื้นคืนชีพไวจริงๆ”
บทที่ 257 : ไป๋เฉิงเซียงผู้จองหอง (3)
ฮัวหลัวกะพริบตาปริบๆ “นายหญิง ช่วงนี้ท่านไปทำอะไรคนบ้านสกุลไป๋หรือไม่ ?”
”ตั้งแต่แม่นมคนนั้นตายไปข้าคิดว่ายังมีคนที่อาจรู้ความจริงเรื่องนี้อยู่ก็เป็นได้ ก่อนหน้านี้ข้าจึงให้สุนัขจิ้งจอกแอบเข้าไปสืบสถานการณ์ในบ้านสกุลไป๋ ข้าคิดว่าอีกไม่ช้าคงจะได้รับข่าวดีจากมัน… ”
หากสาเหตุการตายของหลานเยี่ยและเรื่องราวชีวิตแท้จริงของนางได้รับการเปิดเผยบ้านสกุลไป๋ก็ไม่จำเป็นต้องมีอยู่อีกสืบไป
”เสียงเอะอะน่ารำคาญ!”
เมื่อเสียงข้างนอกดังขึ้นเรื่อยๆ ตี้เสี่ยวอวิ๋นที่กำลังเล่นอยู่กับไป๋เสี่ยวเฉินก็โมโห นางลุกขึ้นยืนพลางกล่าวด้วยความโกรธ “คนบ้าที่ไหนกล้ามาส่งเสียงดังโหวกเหวกโวยวายข้างนอก ?”
ครั้นกล่าวจบตี้เสี่ยวอวิ๋นก็วางไป๋เสี่ยวเฉินซึ่งอยู่ในอ้อมแขนของนางลงก่อนจะเดินไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว
”ฮัวหลัวเจ้าไม่จำเป็นต้องไป” ไป๋หยานยักไหล่ “เรื่องนี้ให้ตี้เสี่ยวอวิ๋นจัดการ”
แววตาของฮัวหลัวเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจไป๋จื่อนี่ไม่รู้จักจำเลยหรือไร ? ยังกล้ากลับมาหาเรื่องนายหญิงอีกกระนั้นหรือ ? ครั้งนี้นางก็คงได้เจ็บตัวอีก
ด้านนอกคฤหาสน์ไป๋จื่อกำลังยืนเท้าสะเอวอยู่ ใบหน้าของนางเป็นสีแดง แววตาของนางเปล่งประกายแห่งความโกรธแค้น
ขณะที่นางกำลังทะเลาะกับผู้คุ้มกันอยู่นั้นเงา ๆ หนึ่งพลันพุ่งออกมาจากบ้าน เงานั้นพุ่งเข้าถีบหน้าอกของนาง
ลูกถีบนี้รุนแรงมาก
ทันใดนั้นเองร่างของไป๋จื่อก็ลอยปลิวก่อนจะตกลงบนพื้น นางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ขณะอ้าปากกระอักเลือดออกมาเต็มปาก นางเงยหน้าซีด ๆ ขึ้นมองเด็กสาวที่ยืนอยู่หน้าประตู
”เจ้า?”
ครั้นตี้เสี่ยวอวิ๋นเห็นไป๋จื่อแววตาของนางก็เปล่งประกายด้วยความประหลาดใจ จากนั้นนางก็เยาะหยันว่า “เป็นเจ้าอีกแล้วเหรอ ? ครั้งก่อนหลอกข้ายังไม่พอ นี่คิดจะมาหาเรื่องข้าที่บ้านพี่สะใภ้อีก
เมื่อไป๋จื่อหวนคิดถึงการเผชิญหน้ากันในวันนั้นร่างของนางก็สั่นเทา และไม่มีท่าทีเหมือนนกยูงที่เย่อหยิ่งเฉกเช่นเคยอีก ร่างของนางสั่นเทิ้มไม่หยุด “ข้ามาที่นี่เพื่อพบพี่สาวของข้า”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นจ้อง”ผู้ใดคือพี่สาวของเจ้ากัน ? นางเป็นพี่สะใภ้ของข้า หากเจ้าไม่เชื่อข้า ข้าจะฆ่าเจ้า !”
ไป๋จื่อกัดริมฝีปากแน่นนางเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา
นางคิดว่าจากการที่ตี้เสี่ยวอวิ๋นมีนิสัยเช่นนี้ไป๋หยานย่อมไม่อาจเชื่อมสัมพันธ์กับเด็กสาวคนนี้ได้โดยง่าย ส่วนเหตุที่ครานั้นตี้เสี่ยวอวิ๋นชอบไป๋เสี่ยวเฉิน คงเป็นเพราะตี้เสี่ยวอวิ๋นเข้าใจผิดคิดว่าลูกไม่พ่อนั่นเป็นหลานชายของตน
ทว่าตอนนี้เมื่อได้ยินตี้เสี่ยวอวิ๋นเรียกไป๋หยานว่าพี่สะใภ้ และหวนคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับนางในวันนั้น ไป๋จื่อก็รู้สึกเหมือนมีมดนับหมื่นไต่ขึ้นมากัดหัวใจ หัวใจของนางเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
”ข้ามาที่นี่ก็เพื่อบอกบางสิ่งกับไป๋หยาน”ไป๋จื่อกล่าวขณะกัดฟัน นางลุกขึ้นยืนจากพื้นดิน “บุตรชายของไป๋รั่ว พี่สาวคนรองของข้า บัดนี้ได้เข้าตาผู้ทรงอำนาจที่ยิ่งใหญ่ หากเป็นความต้องการของหลินเอ๋อ ผู้คนทั้งราชอาณาจักรก็ต้องยอมอยู่ภายใต้เท้าของพวกเราบ้านสกุลไป๋ ! เจ้าจงบอกไป๋หยานให้กลับไปที่บ้านสกุลไป๋เพื่อขอขมาบิดาของข้าซะ บางทีเขาอาจจะยอมอภัยให้”
แท้จริงแล้วเหตุที่ไป๋จื่อมาหาไป๋หยานก็เป็นเพราะไป๋เฉิงเซียงขอให้มา
ส่วนเหตุผลที่ไป๋เฉิงเซียงไม่ได้มาด้วยตนเองนั้น
ช่างน่าขันนัก! เขาคิดว่าด้วยอารมณ์ของไป๋หยาน หากเขามาเขาจะต้องโดนทุบตีอีกเป็นแน่
จึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะยินดีมารับความอับอายเช่นนั้น!
ตี้เสี่ยวอวิ๋นหันหน้ามาเชิดริมฝีปากพลางกล่าวว่า”เจ้าแห่งแผ่นดินใหญ่นี้กระนั้นหรือ ? เจ้าคิดว่าพี่สะใภ้ของข้าจะกลัวงั้นรึ ? ขอเพียงนางพูดออกมาสักคำ พี่ชายของข้าก็จะนำคนจากดินแดนอสูรมาช่วยนางทันที”
ไป๋จื่องงงวยนางบอกว่าหลินเอ๋อจะครองแผ่นดินใหญ่ทั้งแผ่นดิน ทว่าตี้เสี่ยวอวิ๋นกลับพูดจาแปลก ๆ ซึ่งนางฟังแล้วไม่เข้าใจ
อย่าว่าแต่ดินแดนอสูรนั้นจะมีอยู่จริงหรือไม่? และถึงแม้ว่าจะมีอยู่จริง ก็แล้วพวกเขาจะมาช่วยไป๋หยานได้ยังไง ? คิดไปเองรึเปล่า ?
ครั้นเห็นท่าทีงงงันของไป๋จื่อตี้เสี่ยวอวิ๋นก็เชิดคางขึ้นอย่างภาคภูมิ “เจ้าจะจากไปเอง หรือจะให้ข้าเตะเจ้าออกไป”
บทที่ 258 : อนาจใจยายไป๋จื่อ
ไป๋จื่อตัวสั่นนางหันกลับไปทางตี้เสี่ยวอวิ๋น พลางกัดริมฝีปากแน่นด้วยความไม่พอใจ ขณะจ้องตาตี้เสี่ยวอวิ๋น
”ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่เสียใจ !”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นเติบโตขึ้นมาแบบเด็กเอาแต่ใจนางไม่เคยเกรงกลัวผู้ใด นอกจากผู้เป็นพี่ชายกับพี่สะใภ้
ตอนนี้เพียงได้ยินเสียงฮึดฮัดของไป๋จื่อนัยน์ตากลมโตอันงดงามของตี้เสี่ยวอวิ๋นกลับจ้องเขม็งทันที “พวกเจ้า ช่วยจับหญิงผู้นี้ให้ข้าหน่อย !”
”ขอรับองค์หญิง”
ผู้คุ้มกันหอบุปผานั้นหมั่นไส้ไป๋จื่ออยู่นานแล้ว ทันทีที่ได้ยินคำสั่งของตี้เสี่ยวอวิ๋น พวกเขาก็รีบล้อมไป๋จื่อ พร้อมกับกักตัวนางไว้ตรงกลาง
ที่สุดไป๋จื่อก็เริ่มตื่นตระหนก”เจ้าต้องการจะทำอะไร ?”
”ทำอะไรหรือ?” รอยยิ้มของตี้เสี่ยวอวิ๋นแลดูชั่วร้ายเป็นอย่างมาก “ข้าบอกให้เจ้าจากไปเสียแต่โดยดี ทว่าเจ้ากลับปฏิเสธ เจ้าละทิ้งโอกาสนั้น มาตอนนี้ต่อให้เจ้าต้องการ เจ้าก็ไม่สามารถไปไหนได้ทั้งสิ้น ! พวกเจ้าโกนผมนางซะ จากนั้นก็ผูกนางไว้กับต้นไม้ ผู้คนจะได้ชมเป็นขวัญตา”
หญิงสาวทุกคนต่างก็รักความสวยความงามโดยเฉพาะไป๋จื่อ
เช่นนั้นภายหลังจากได้ยินถ้อยคำของตี้เสี่ยวอวิ๋นนัยน์ตาของไป๋จื่อก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก “ไม่ ข้ารู้ตัวแล้วว่าข้าผิด ได้โปรดปล่อยข้าไปเถิด”
ผู้คุ้มกันสองคนยึดตัวไป๋จื่อไว้อย่างแน่นหนาจากนั้นก็นำเชือกจากมือของผู้คุ้มกันอีกคนมา ก่อนจะลากนางไปที่ต้นไม้
”ผู้ใดก็ได้เอามีดมาสลักคำว่าแพศยา ไว้บนศีรษะของนางด้วย !” ตี้เสี่ยวอวิ๋นเชิดคางขึ้น “กรรมสนองแล้ว คนชั่วร้ายพวกนี้เคยกลั่นแกล้งรังแกพี่สะใภ้ข้า ! วันนี้ ข้าจะช่วยชำระแค้นแทนพี่สะใภ้ของข้า นี่เพียงแค่เบาะ ๆ นะ ! ”
ไป๋จื่อหลับตาลงอย่างสิ้นหวังหัวใจของนางเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
นางเกลียดไป๋หยาน,ไป๋เสี่ยวเฉิน, ตี้เสี่ยวอวิ๋น รวมถึงไป๋เฉิงเซียงด้วย
หากมิใช่เป็นเพราะไป๋เฉิงเซียงนางก็คงจะไม่มาหาไป๋หยาน แล้วเรื่องราวก็คงจะไม่ลงเอยเช่นนี้ !
ยิ่งเห็นต้นไม้ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ นางก็ก้มศีรษะลงเล็กน้อยพร้อมกับกำมือแน่น
พวกศัตรูทั้งหลายในวันนี้สักวันนางจะเอาคืนเป็นพัน ๆ เท่า !
ขณะที่ไป๋จื่อกำลังทุกข์ทรมานอยู่นั้นภายในวังหลวงก็กำลังเต็มไปด้วยความวุ่นวาย
หนานกงหยวนรีบรุดมาทักทายชายชราในชุดขาวที่เข้ามาในวัง
ชายชรามีผู้คุ้มกันติดตามมาด้วยพวกเขาช่วยกันยกกรงเข้ามาน่าเสียดายที่กรงถูกผ้าสีแดงชิ้นหนึ่งคลุมไว้ หนานกงหยวนรับรู้ได้ถึงความรู้สึกคุกคามที่แผ่กระจายออกมาจากกรง
”ผู้อาวุโสหลี่หมิง”หนานกงหยวนถอนสายตา พร้อมกับก้าวเดินมาข้างหน้า “เรารอท่านมานานแล้ว ไม่ทราบว่ามีสิ่งใดอยู่ในกรงนี้”
หลี่หมิงขมวดคิ้วขณะบอกให้คนที่อยู่ข้างหลังเขายกกรงลง จากนั้นเขาก็มองหนานกังหยวนอีกครั้งด้วยสายตาที่เฉยเมย
“ท่านหนานกงที่นี่ไม่สะดวกนัก เราหาที่อื่นสนทนากันเถอะ ”
หนานกงหยวนตกตะลึงเขาพยักหน้า “ได้ ผู้อาวุโสหลี่หมิงโปรดตามเรามา”
จากนั้นหนานกงหยวนก็หันหลังกลับไปช้าๆ เขาเดินนำไปที่ห้องตำราหลวง
ครั้นมาถึงห้องตำราหลวงของอาณาจักรเขาก็กลั้นใจ พร้อมกับหันไปมองชายชราที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา
”อาวุโสหลี่หมิงท่านกล่าวมาได้เลย”
หลี่หมิงพยักหน้าอย่างสงบ”ข้ามาที่นี่ เพื่อค้นหาผู้ที่ถือกำเนิดมาจากราชวงศ์สัตว์อสูร ยามนี้ข้าต้องการความช่วยเหลือจากท่าน ขอท่านมีราชโองการให้เด็กห้าขวบจากทั่วราชอาณาจักรมารวมตัวกันที่วังหลวง”
หนานกงหยวนแลดูโง่ไปเล็กน้อย”พี่หลี่หมิง ไม่ได้มาที่นี่เพราะหลินเอ๋อหรอกรึ ?”
”หลินเอ๋อ”หลี่หมิงขมวดคิ้ว “เขาเป็นใคร ? เหตุใดข้าถึงต้องมาหาเขา ในเมื่อข้าไม่รู้จักเขา”
ชั่วขณะนั้นพระพักตร์ของหนานกงหยวนพลันเปลี่ยนเป็นซีดขาว เขาตรัสรวบรัดว่า “พระนัดดาองค์โตของเราเป็นผู้ที่ทำให้เกิดปาฏิหาริย์ในครั้งนั้น อาวุโสหลี่หมิง ไม่ต้องเสียเวลา เราจะให้คนพาเขามาที่นี่ตอนนี้เลย”
บทที่ 259 : ป่วยก็ควรรีบรักษา (1)
ครานี้แทนที่จะรอให้หลี่หมิงตอบกลับหนานกงหยวน ที่พยายามเอาอกเอาใจพรรคสัตว์อสูร ก็รีบเรียกขันทีให้เข้ามา พร้อมกับมีรับสั่งอย่างดุ ๆ ว่า “ไปทูลเชิญพระนัดดาองค์โตของเรามา”
ใบหน้าของหลี่หมิงดำคล้ำเขายืดอกด้วยความโกรธพร้อมกล่าวเยาะว่า “ข้าบอกว่าข้าต้องการพบหลานชายคนโตของท่านเมื่อไหร่กัน ?”
หนานกงหยวนตะลึงงัน”ผู้อาวุโสไม่ได้มาที่นี่ด้วยเรื่องของเหล่าสรรพสัตว์นับหมื่นนั่นหรอกหรือ ? พระนัดดาของเราคือผู้ที่ทำให้เกิดปาฏิหาริย์ครั้งนั้น ทั่วทั้งอาณาจักรของเราต่างรู้กันดี เราคิดว่าผู้อาวุโสมาที่นี่เพราะข่าวนี้”
“ก็เป็นเพียงข่าวลือเท่านั้นคิดว่าอาวุโสผู้นี้โง่เง่านักหรือไร ?” ไม่ว่าใบหน้าของหนานกงหยวนจะแลดูน่าเกลียดสักเพียงใด ทว่าหลี่หมิงก็ยังกล่าววาจาเย้ยหยันไม่จบ “ใช่แล้ว คนของราชวงศ์สัตว์อสูรถือกำเนิดที่อาณาจักรนี้ หากแต่ข้าไม่รู้หรอกว่าจะเป็นหลานชายขอท่านหรือไม่ ? เช่นนั้นท่านต้องเชิญเด็กทุกคนทั่วอาณาจักรมาที่นี่ เมื่อถึงเวลานั้นข้ามีวิธีแยกแยะเด็ก ๆ เหล่านั้นเอง”
หนานกงหยวนขมวดคิ้วเขาพยายามปิดบังความรู้สึกดูหมิ่นชายชราไว้ในใจ
เขาเคยคิดว่าผู้อาวุโสของพรรคสัตว์อสูรนั้นต้องเฉลียวฉลาดมากเป็นแน่เขาไม่เคยคิดว่าจะงี่เง่าถึงเพียงนี้
ในอาณาจักรหลิวฮั่วหลานชายของเขานั้นโดดเด่นที่สุด คนสามัญชนเหล่านั้นจะมาเทียบราชนิกูลได้อย่างไร ?
การที่สรรพสัตว์ทั้งหลายไม่นมัสการราชนิกูลหากแต่กลับกราบกรานยอมศิโรราบให้ชาวบ้านเหล่านั้นจะเป็นไปได้กระนั้นหรือ ?
ไร้สาระสิ้นดี!
“อาวุโสหลี่หมิง”หนานกงหยวนแสร้งทำเป็นอารมณ์ดีต่อหน้าสายตาของชายชรา “เราจะออกพระราชโองการให้เด็กอายุห้าขวบทุกคนมารวมตัวกันที่วังหลวง”
สีหน้าของหลี่หมิงดีขึ้น”ดี ท่านลงมือได้ทันที ข้าไม่อาจรอนาน นอกจากนี้ข้าไม่ต้องการให้ผู้คนมากมายรู้ว่า เหตุใดข้าถึงมาที่นี่ ?”
เขาไม่ต้องการให้ผู้คนจำนวนมากรู้ถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของการมาเยือนในครั้งนี้
หนานกงหยวนออกพระราชโองการอย่างรวดเร็วคำสั่งแพร่กระจายออกไปทันที ทั่วทั้งอาณาจักรต่างก็วุ่นวายกับคำสั่งนี้ หากแต่สำหรับบางคนที่ไม่รู้ว่าเกิดจากสาเหตุใด ? เช่นหนานกงอี้ และไป๋รั่วกลับมีใบหน้าแดงด้วยความโมโห
”เสด็จพี่ฮ่องเต้ทรงทำเช่นนี้หมายความอย่างไรเพคะ ?” ไป๋รั่วรู้สึกสับสนนิดหน่อย “นี่หมายความว่าพรรคสัตว์อสูรมิได้มาหาหลินเอ๋อหรอกหรือ ? เหตุใดถึงต้องให้เด็กอายุห้าขวบทั่วทั้งอาณาจักรเข้าวังหลวงด้วย ? ”
นางกัดริมฝีปากแน่นในแววตาของนางมีความกังวลเล็กน้อย
หนานกงอี้ขมวดคิ้ว”ข้าเองก็ไม่เข้าใจเสด็จพ่อ บางทีนี่อาจเป็นคำสั่งของพรรคสัตว์อสูรก็เป็นได้”
”พรรคสัตว์อสูรมิใช่โง่เง่าเหตุใดจึงออกคำสั่งเช่นนี้ได้ ? แล้วนี่พระองค์จะปล่อยให้คนพวกนี้กระทำตามใจหรือเพคะ ?” ใบหน้าของไป๋รั่วซีดและสั่นเล็กน้อย
นางเองเป็นผู้แพร่กระจายข่าวลือเรื่องราชวงศ์อสูรถือกำเนิดหากแต่เมื่อเรื่องนี้แพร่กระจายไป กระทั่งนางได้ยินซ้ำ ๆ นางก็เลยเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงไปแล้ว
ทว่าตอนนี้การกระทำของพรรคสัตว์อสูรกลับทำให้นางตื่นตระหนก
หนานกงอี้ขมวดคิ้วเขาไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเหตุใดไป๋รั่วจึงมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อเรื่องนี้มากมายถึงเพียงนี้
หลังจากนั้นนานพอควรเขาก็คลายคิ้วที่ขมวดพลางยิ้ม “รั่วเอ๋อ เหตุที่พรรคสัตว์อสูรทำเช่นนี้ บางทีอาจเป็นเพราะต้องการให้หลินเอ๋อแลดูโดดเด่นขึ้นจากเด็ก ๆ พวกนั้น เนื่องจากหลินเอ๋อเป็นมังกร อย่างไรเสียไม่ช้าก็เร็วเขาก็จะต้องเหาะเหินขึ้นสู่ท้องฟ้า เราไม่ต้องห่วงเขาหรอก”
”เป็นเช่นนั้นหรือ?” ไป๋รั่วเงยหน้าขึ้นมองหนานกงอี้ ก่อนจะก้มศีรษะของนางลงเล็กน้อย “รั่วเอ๋อเข้าใจว่า เมื่อครู่รั่วเอ๋อหวั่นไหวมากไป จนดูเหมือนไม่อาจควบคุมตัวได้ เพราะรั่วเอ๋อเกรงว่า จะมีใครบางคนมาขโมยความรุ่งโรจน์ของหลินเอ๋อไป”
หนานกงอี้ยิ้มเยาะ”ผู้ใดจะกล้าทำเช่นนั้น ในดินแดนของข้า”
ไป๋รั่วกล่าวพร้อมรอยยิ้มบิดเบี้ยว”องค์รัชทายาท อย่าลืมสิว่ายังมีไป๋เสี่ยวเฉินอีกคนในโลกนี้ ไป๋เสี่ยวเฉินร้ายกาจ เจ้าเล่ห์อีกทั้งชั่วร้าย หม่อมฉันเกรงว่า เขาจะอิจฉาหลินเอ๋อ และลอบทำลายหลินเอ๋อ”
บทที่ 260 : ป่วยก็ควรรีบรักษา (2)
“เขากล้ากระนั้นรึ?” แววตาของหนานกงอี้ลุกโชนด้วยไฟโทสะ เขากล่าวออกมาด้วยความโกรธ “อย่าคิดว่าเป็นบุตรชายของไป๋หยาน ! หากเขากล้าแตะต้องหลินเอ๋อ พรรคสัตว์อสูรก็คงไม่ปล่อยเขาไปเช่นกัน !”
ไป๋รั่วลดสายตาลงพลางกัดริมฝีปากบาง ๆ ของนางแน่นโดยไม่เอ่ยคำใดสักคำ
ทว่ากลับมีบางอย่างที่นางไม่ทราบได้ทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย
คล้ายๆ กับว่ามันเป็นสิ่งที่นางไม่อาจควบคุม
ณลานหลังบ้าน
พื้นดินปกคลุมไปด้วยกลีบดอกไม้ร่วงไป๋หยานนั่งอยู่ในศาลา มือของนางหนุนท้ายทอย นางกำลังแหงนมองดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าอย่างเกียจคร้าน
ทันใดนั้นเองร่างเล็กๆ นุ่ม ๆ ก็วิ่งเข้ามาสู่อ้อมแขนของนาง กระทั่งเกือบทำให้นางล้ม
โชคดีที่ไป๋หยานรักษาสมดุลร่างกายได้ทันท่วงทีนางกอดร่างอ่อนนุ่ม อีกทั้งมันวาวไว้ในอ้อมแขน พลางใช้นิ้วมือบีบจมูก
”อีกไม่กี่เดือนเจ้าก็จะอายุครบหกขวบแล้ว เหตุใดเจ้าถึงอยู่ไม่สุขเอาเสียเลย ? เจ้าต้องเรียนรู้ถึงความเป็นผู้ใหญ่ และความมั่นคงในอารมณ์จากหนานกงซุ่นบ้างนะ”
ไป๋เสี่ยวเฉินเงยใบหน้าที่น่ารักของเขาขึ้นพร้อมกับกระพริบตา”หม่ามี้ ตอนนี้ฮ่องเต้มีรับสั่งให้นำตัวเด็กอายุห้าขวบทุกคนเข้าวังหลวง เฉินเอ๋ออยากไปด้วย”
”เอ๊ะ!” ไป๋หยานเลิกคิ้วขึ้น พร้อมกับมองไป๋เสี่ยวเฉินด้วยความประหลาดใจ
ใบหน้าเล็กๆ ของไป๋เสี่ยวเฉินเผยรอยยิ้มสดใส “เฉินเอ๋อได้ยินมาว่าพรรคสัตว์อสูรก็มาด้วยเช่นกัน”
ปลายตาของไป๋หยานกระตุก
บุตรชายของนางไม่น่าสนใจเรื่องทำนองนี้เพราะแต่เล็กจนโต เขาชื่นชอบที่จะสนุกกับยาพิษ และกลั่นแกล้งสัตว์ตัวเล็ก ๆ เสียล่ะมากกว่า
แต่ครั้นนางต้องการจะกล่าวคำเสียงต่ำ ๆ ก็ดังมาจากด้านหน้า
”ให้เขาไป”
ไป๋หยานเงยหน้าขึ้นภายใต้แสงแดดอันแผดจ้า เส้นผมสีเงินยวงของชายหนุ่มยิ่งทำให้เขาเปี่ยมเสน่ห์ ชุดอาภรณ์สีม่วงก็ขับให้เขาแลดูหล่อเหลือร้าย ทั้งใบหน้าของเขาก็งามไร้ที่ติ หล่อเหลาหาใดเปรียบ
”ท่านบอกว่าให้เฉินเอ๋อไปกระนั้นหรือ?”
”ถูกต้องแล้ว”ตี้คังกล่าว พลางอุ้มซาลาเปาน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของไป๋หยานขึ้นมา ขณะกล่าวต่อว่า “ครานี้พรรคสัตว์อสูรนำมังกรแก้วมาด้วย แม้ว่าข้าจะไม่เคยเห็นมังกรแก้วมาก่อน ทว่ามันก็เป็นพาหนะที่ดีมาก”
ไป๋หยานเลิกคิ้ว”ก็น้องสาวของท่านเคยให้พาหนะกับเฉินเอ๋อแล้วนี่”
“ก็แค่หงส์ตัวเล็กๆ เหมาะที่จะเป็นสัตว์เลี้ยงมากกว่า มังกรแก้วนั้นเยี่ยมกว่ามาก อย่างน้อยมันก็สามารถเดินทางได้วันละหลายพันลี้ อีกทั้งความแข็งแกร่งของมันก็สูงส่งกว่าหงส์น้อยนั่นมาก”
“เช่นนั้นก็ได้”ไป๋หยานกล่าว นางหันไปหาซาลาเปาน้อยที่ตี้คังอุ้มอยู่ “หากเจ้าต้องการไปก็ไป แล้วพามังกรแก้วกลับมาด้วยล่ะ”
“ขอบคุณหม่ามี้” รอยยิ้มของไป๋เสี่ยวเฉินนั้นไร้เดียงสาอีกทั้งน่ารัก นัยน์ตาคู่โตก็ใสสะอาดไร้สิ่งเจือปน
ตี้คังมองเด็กชายตัวน้อยในอ้อมแขนของเขาประกายสว่างไสวพลันส่องแวววาวในดวงตาเรียวคมของเขา
ทันใดนั้นเองเขาก็หัวเราะ
บุตรชายของเขาไม่มีผู้ใดสามารถกลั่นแกล้งได้! ไม่ว่าผู้ใดหากคิดจะรังแกบุตรชายของเขา หรือแม้แต่จะขโมยความรุ่งโรจน์ของบุตรชายเขาไป เด็กน้อยก็จะสามารถทวงคืนได้เองในไม่ช้า !
เนื่องจากพระราชโองการขององค์ฮ่องเต้เด็กอายุห้าขวบจากทั่วทั้งอาณาจักรก็มารวมตัวกันที่เมืองหลวง ทำให้เมืองหลวงแห่งนี้เต็มไปด้วยชีวิตชีวาแตกต่างจากที่เคยเป็น
หลังจากผู้คนทั้งหมดมารวมตัวกันภายใต้คำแนะนำของทหารองครักษ์ พวกเขาก็ค่อย ๆ ก้าวเข้าวังหลวง สถานที่ซึ่งพวกเขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน
ครั้นเห็นวังหลวงอันงดงามตระการตาสายตาของเด็ก ๆ ก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ ทั้งยังอิจฉาผู้คนที่อาศัยอยู่ในพระราชวัง
ทันใดนั้นเองเสียงอันหยิ่งยโสก็ดังมาจากด้านข้าง
”ฮึ! พวกบ้านนอก !”
หนานกงหลินลงมาจากราชรถเขามองเด็ก ๆ ในชุดเก่า ๆ โทรม ๆ เหล่านั้น
”เสด็จแม่”เขาพูด พลางหันไปหาไป๋รั่วอย่างไม่พอใจ “เหตุใดท่านถึงได้ปล่อยให้คนบ้านนอกพวกนี้เข้าวังหลวง ? นี่คือสถานที่ของลูก คนพวกนี้เข้ามาก็มีแต่จะทำให้ที่ของลูกเปื้อนมลทิน”