จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 271-275
บทที่ 271 : เปิดเผยแล้ว (4)
เฮือก!
ทุกคนต่างถอนหายใจด้วยความรู้สึกเย็นวาบพวกเขาหันไปมองไป๋รั่วด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ
ปรากฏว่าไป๋หยานต้องเสียชีวิตดีๆ ทั้งหมดไป เพียงเพราะแผนการของไป๋รั่ว ตอนนั้นไป๋รั่วจะมีอายุสักเท่าไหร่กันเชียว ? ยังรุ่น ๆ อยู่เลย เหตุใดจึงชั่วช้านัก ?
”ไร้สาระ!” ไป๋รั่วรีบร้อนพุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง ทว่ากลับถูกองครักษ์สองคนหยุดไว้ ก่อนที่จะทันได้เข้าถึงตัวหลิวเอ๋อ
หลิวเอ๋อกัดฟันพลางกล่าวต่อว่า”พระชายา เพียงหกเดือนเท่านั้น นับตั้งแต่พระองค์อภิเษกสมรสกับองค์รัชทายาท ครั้งที่พระองค์ให้กำเนิดพระนัดดาองค์โตขององค์ฮ่องเต้นั้น แท้จริงแล้วพระนัดดาอยู่ในพระครรภ์ครบเก้าเดือน พระองค์อ้างว่าพระองค์ทรงมีพระประสูติกาลก่อนกำหนดเพราะสวรรค์เมตตา พระนัดดาองค์โตขององค์ฮ่องเต้จึงถือกำเนิดอย่างปลอดภัย ”
“ความเป็นจริงพระองค์กับองค์รัชทายาทมีสัมพันธ์กันนานแล้วกระทั่งตั้งพระครรภ์ แต่เพื่อชื่อเสียงองค์รัชทายาท องค์รัชทายาทจึงจำต้องอภิเษกสมรสกับคุณหนูใหญ่”
นัยน์ตาของไป๋รั่วแดงก่ำไปด้วยเส้นเลือดนางจ้องมองหลิวเอ๋อ พร้อมกับกล่าวว่า “ข้าปฏิบัติต่อเจ้าเป็นอย่างดี ไฉนเจ้าจึงทำร้ายข้าหนักหนาเพียงนี้ ?”
”ปฏิบัติต่อหม่อมฉันเป็นอย่างดีกระนั้นรึเพคะ? พระองค์สังหารน้องชายของหม่อมฉัน เพียงเพื่อให้หม่อมฉันถวายงานพระองค์ได้อย่างเต็มที่ใช่หรือไม่เพคะ ? นั่นคือสิ่งที่พระองค์บอกว่าปฏิบัติต่อหม่อมฉันเป็นอย่างดีกระนั้นรึ ?”
แววตาของหลิวเอ๋อเต็มไปด้วยความเกลียดชังหากตี้คังไม่บอกสาเหตุการเสียชีวิตของน้องชายนาง นางก็ไม่มีวันรู้ว่าพระชายาจะต่ำช้าได้ถึงเพียงนี้
”เจ้า… เจ้ากล่าววาจาไร้สาระ !”
ความตื่นตระหนกวาบผ่านนัยน์ตาของไป๋รั่ว
เป็นไปไม่ได้นางทำเรื่องนี้อย่างลับ ๆ เหตุใดหลิวเอ๋อถึงล่วงรู้ ?
”นอกจากนี้หม่อมฉันยังรู้ว่า ด้วยเหตุที่หม่อมฉันรู้ความลับมากเกินไป พระองค์เลยคิดสังหารหม่อมฉัน” หลิวเอ๋อกล่าวพร้อมรอยยิ้มเย็น ๆ “โชคยังดีที่คนของอ๋องคังช่วยหม่อมฉันไว้ทัน หาไม่แล้วหม่อมฉันคงไม่มีโอกาสได้เปิดเผยโฉมหน้าจอมปลอมของพระองค์”
หลิวเอ๋อหันกลับมาอย่างช้าๆ ภายใต้นัยน์ตาที่โกรธแค้นของไป๋รั่ว นางหันหน้าไปทางหนานกงอี้ “องค์รัชทายาท ทรงรู้หรือไม่ว่าฮองเฮาสิ้นพระชนม์เช่นไร ? พระนางถูกพระชายาปลงพระชนม์ ! คืนนั้นเป็นหม่อมฉันที่ออกไปตำหนักเย็นกับพระชายา”
”เจ้าว่ากระไรนะ?”
ประโยคนี้ทำให้หนานกงอี้กำหมัดแน่นเขากัดฟันกล่าวกับไป๋รั่ว “ไป๋รั่ว ที่หลิวเอ๋อพูดมาเป็นความจริงหรือไม่ ?”
”เสด็จพี่”ไป๋รั่วกัดริมฝีปาก น้ำตาไหลพรั่งพรูราวสายฝน “นางกำนัลผู้นี้ เคยทำให้หม่อมฉันขุ่นเคืองใจ นางจึงถูกหม่อมฉันขับออกจากตำหนักรัชทายาท จากนั้นนางก็ผูกใจเจ็บ ต้องการแก้แค้นหม่อมฉัน โธ่ ! หม่อมฉันจะปลงพระชนม์เสด็จแม่ได้อย่างไร ?”
สายตาของหนานกงอี้กวาดไปทางหลิวเอ๋ออีกครั้งแววตาของเขาแลดูมืดมน “เจ้าว่าพระชายาปลงพระชนม์ไทเฮา นางจะกระทำเช่นนั้นด้วยเหตุใด ?
”องค์รัชทายาททรงจำเรื่องพระราชโองการของฮองเฮาในครั้งนั้นได้หรือไม่เพคะ? เป็นพระชายาที่ผลักดันฮ่องเฮาตกสู่ความหายนะ พระชายาคิดว่าฮองเฮาจะดึงพระนางไปร่วมชะตากรรมด้วย เช่นนั้นพระชายาจึงปลงพระชนม์ฮองเฮาอย่างโหดเหี้ยม”
แท้จริงแล้วฮองเฮาไม่เคยต้องการจะดึงไป๋รั่วลงไปร่วมชะตากรรมเดียวกันกับนางเพราะไป๋รั่วเป็นพระมารดาของหลานชายนาง
หากแต่ไป๋รั่วเกรงว่าฮองเฮาจะเป็นภัยคุกคามหากพระนางยังมีพระชนม์ชีพอยู่ เช่นนั้นจะปล่อยให้ฮองเฮาทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ได้อย่างไร ? ไป๋รั่วจึงวางยาพิษฮองเฮาเสีย
”ไป๋รั่ว! เจ้าบอกข้าทีสิว่า ที่หลิวเอ๋อ กล่าวมาเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ?”
หนานกงอี้สูดลมหายใจเข้าลึกแววตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด อีกทั้งโกรธเกรี้ยว
เขาไม่เคยคิดเลยว่าสตรีที่เคยนอนร่วมแท่นบรรทมกับเขามานานหลายปีจะมีจิตใจโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้
“ไม่องค์รัชทายาท พระองค์ต้องทรงฟังหม่อมฉัน หลิวเอ๋อใส่ความหม่อมฉัน” ไป๋รั่วร้องไห้อย่างน่าเวทนา ใบหน้าขาว ๆ ของนางแลดูโปร่งใสราวเยื่อกระดาษ น้ำเสียงของนางเศร้าโศก กระทั่งไม่มีผู้ใดสามารถทนฟังได้
หนานกงอี้ยังสงสัยหากทุกอย่างมิใช่เรื่องจริงหลิวเอ๋อจะใส่ร้ายนางด้วยเหตุใด ? หรือเรื่องทั้งหมดนี้เป็นการสมคบคิดกันระหว่างไป๋หยานกับอ๋องคัง ?
”รัชทายาท”ครั้นเห็นทีท่าลังเลของหนานกงอี้ หลิวเอ๋อก็ก้มลงพลางกล่าวต่อ “เรื่องสุดท้ายที่หม่อมฉันจะพูดก็คือความจริงเกี่ยวกับการน้อมนมัสการของสรรพสัตว์นับหมื่น ! ครั้นหม่อมฉันถวายรายงานพระชายาว่าได้เห็นปรากฏการณ์นี้ พระชายาก็มีรับสั่งให้หม่อมฉันออกไปเผยแพร่ข่าวลือทันที โดยให้หม่อมฉันกระจายข่าวว่า เหตุที่สรรพสัตว์นับหมื่นน้อมนมัสการยินดี ก็เนื่องด้วยการถือกำเนิดของพระนัดดาองค์โตของฮ่องเต้”
บทที่ 272 : อวสานไป๋รั่ว (1)
ในขณะนี้บริเวณลานด้านหลังวังหลวงเงียบสงบลงอีกครั้ง
ความเงียบครั้งนี้ไม่ต่างกับตอนที่ไป๋เสี่ยวเฉินทำให้มังกรแก้วเชื่อง
หนานกงหลินผู้ซึ่งร้องไห้ตลอดเวลาพลันหยุดร้องไห้ครู่หนึ่งเขาจ้องมองไป๋รั่วผู้ซึ่งกำลังยืนตัวสั่นอยู่ข้าง ๆ
แท้จริงแล้ว! ข่าวลือเกี่ยวกับคำทำนายที่ผู้คนทั้งโลกต่างเชื่อกันหมดนั่น ก็มาจากไป๋รั่วแต่เพียงผู้เดียว
”หลิวเอ๋อหากเจ้ากล้าใส่ความข้าอีก เชื่อหรือไม่ว่า ข้าจะฉีกปากของเจ้า !” ไป๋รั่วไม่สามารถรักษาภาพลักษณ์ และความอ่อนโยนเฉกเช่นในอดีตได้อีกต่อไป ใบหน้าของนางบิดเบี้ยวแลดูดุร้าย นัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยความโกรธ นางกำลังขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
ครั้นเห็นไป๋รั่วผู้ซึ่งไม่อ่อนโยนเฉกเช่นเคยอีกต่อไปหนานกงอี้ก็ถอยห่างออกไปสองสามก้าวโดยไม่ตั้งใจ พลันแววตาของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นผิดหวัง
หลังจากผิดหวังก็เปลี่ยนเป็นโกรธเกรี้ยว
ไป๋รั่วข้าเองก็คงเป็นเหยื่อที่น่าสังเวชคนหนึ่งของเจ้า !
ทว่าสำหรับข่าวลือนั้นเขาจะยอมรับได้อย่างไร ? เขาจะยอมเสียหน้าต่อหน้าสาธารณชนได้อย่างไร ?
”องค์รัชทายาท…หม่อมฉัน… ”
ไป๋รั่วพยายามแก้ตัวทันใดนั้นเองนางก็มองไปที่ด้านนอกของลานหลังวังหลวง มีคนเดินเข้ามาสมทบอีกแล้ว
หนึ่งในสองคนนั้นแต่งตัวคล้ายหมอดูส่วนอีกคนหนึ่งใบหน้าถูกปกปิดด้วยหมวกสาน แต่ครั้นมองจากรูปร่าง แน่นอนว่าคนผู้นั้นน่าที่จะเป็นสตรี
ชั่วขณะนั้นเองจู่ ๆ ดวงตาของไป๋รั่วก็เบิกกว้างขึ้น
หลิวเอ๋อมีชีวิตอยู่ยังพอจะเข้าใจได้ทว่าเหตุใดโหราจารย์หลูผู้ซึ่งตายไปนานหลายปีแล้วจึงยังมีชีวิตอยู่ได้ล่ะ ?
“พระชายาสบายดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” โหราจารย์หลูกล่าวเยาะ “เมื่อห้าปีที่แล้ว พระองค์ลักพาคนในครอบครัวของหม่อมฉัน ทั้งบีบบังคับให้หม่อมฉันทำงานให้พระองค์ หม่อมฉันยอมเชื่อฟังพระองค์ป่าวประกาศเรื่องพระนัดดาหนานกงหลินเป็นเจ้าแห่งสัตว์อสูร หากแต่ไม่คาดคิดว่าพระองค์จะสังหารครอบครัวของหม่อมฉันจนสิ้น ทั้งยังส่งคนติดตามไล่ล่าหม่อมฉัน”
ทันทีที่ผู้คนได้ยินเรื่องนี้พวกเขาต่างก็ถอนหายใจออกมาอย่างเย็นเยือก
วิธีการของไป๋รั่วในการบีบบังคับผู้คนให้ทำงานให้กับนางนั้นไม่ต่างกันนั่นก็คือนางจะใช้ญาติพี่น้องของคนเหล่านั้นเป็นตัวประกัน สตรีที่ไร้หัวใจเยี่ยงนี้ เหตุใดหลายปีที่ผ่านมาพวกเขาถึงไม่เคยเห็นตัวตนที่แท้จริงของนางบ้างเลยเล่า ?
”แม้ว่าคำพยากรณ์ของหม่อมฉันจะไม่เคยพลาดทว่าหม่อมฉันกลับไม่สามารถพยากรณ์ชะตาตนเองได้ หากแต่ยังโชคดีที่หม่อมฉันได้พบยอดฝีมือผู้ซึ่งช่วยชีวิตหม่อมฉันไว้จากความตาย และทำให้หม่อมฉันมีโอกาสกลับมาที่นี่อีกครั้ง”
ในครานั้นเหตุที่ทุกคนเชื่อข่าวลือนี้ว่าเป็นความจริงก็เพราะโหราจารย์หลู
โหราจารย์หลูเป็นยอดหมอดูที่ไม่เคยพยากรณ์พลาดแม้แต่หนานกงหยวนก็รู้ถึงกิตติศัพท์ของเขา ทั้งยังต้องการเชิญเขาเข้ามาเป็นโหรหลวงหลายต่อหลายครั้ง
น่าเสียดายที่โหราจารย์หลูปฏิเสธเพียงเพราะไม่ชอบการผูกพัน
น้ำเสียงของหนานกงหยวนสั่นไหว”สิ่งที่โหราจารย์หลูกล่าวมาเป็นความจริงกระนั้นรึ ?”
”หม่อมฉัน…โหราจารย์หลูชั่วชีวิตไม่เคยโป้ปด นอกเสียจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นเหตุการณ์ที่ข้าถูกบีบบังคับเมื่อห้าปีก่อน”
หลายปีที่ผ่านมานี้เขามีชีวิตอยู่กับความเศร้าเสียใจมาโดยตลอด หากก่อนหน้านี้เขารู้ว่า อย่างไรเสียไป๋รั่วก็ไม่มีวันยอมปล่อยครอบครัวของเขา เขาก็คงไม่ยอมทำตามคำสั่งของนาง
น่าเสียดายที่เขาไม่มีพลังมากพอที่จะแก้แค้นอาณาจักรหลิวฮั่วนี้ก็ไม่ต่างกับโลกในกำมือของไป๋รั่ว หากเขากลับมา เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน
เช่นนั้นตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาได้แต่พยายามหาโอกาส
”ฮ่าฮ่า”หนานกงหยวนหัวเราะ เสียงหัวเราะของเขาเต็มไปด้วยอาการเย้ยหยัน “นางไป๋รั่วผู้นี้ ! หลอกลวงผู้คนไปทั่ว ! เจ้ารู้หรือไม่ว่าผลที่ตามมาจากการหลอกลวงเราจะเป็นเช่นไร ?”
ไป๋รั่วถอยห่างออกไปสองก้าวนางกัดริมฝีปากพลางกล่าวว่า “หม่อมฉันไม่ได้ทำเรื่องเหล่านี้ ! ครานั้น เหตุที่โหราจารย์หลูหายตัวไป ก็เป็นเพราะเขามีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับหลิวเอ๋อ หม่อมฉันเลยขับไล่พวกเขาทั้งคู่ ! เช่นนั้นพวกเขาทั้งสองจึงร่วมมือกันใส่ความหม่อมฉัน”
”ข้ารู้”ไป๋รั่วเบิกตากว้าง พร้อมกับมองหลิวเอ๋ออย่างเศร้า ๆ “หลิวเอ๋อ เจ้าคงขุ่นเคืองข้ามาก เพราะข้าขัดขวางความสัมพันธ์ของเจ้ากับโหราจารย์หลู เช่นนั้นเจ้าจึงช่วยไป๋หยานใส่ความข้า ! เหตุใดเจ้าถึงทำกับข้าเยี่ยงนี้ ?”
บทที่ 273 : อวสานไป๋รั่ว (2)
ครั้นได้ยินไป๋รั่วกลับดำให้เป็นขาวแล้วหลิวเอ๋อก็ตกตะลึงชั่วครู่หนึ่ง นางลืมสิ่งที่จะกล่าวต่อไปหมดสิ้น
”ไป๋รั่วข้าหวังว่าสิ่งที่เจ้ากล่าวมาจะเป็นความจริง หากข้ารู้ว่าเจ้ากล้าโป้ปดข้า ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ !”
หนานกงอี้เม้มริมฝีปากบางๆ ของเขาเล็กน้อย พลันนัยน์ตาที่ดุร้ายของเขาก็ฉายประกายเย็นยะเยือก
เขานอนกับไป๋รั่วมานานหลายปีแล้วเขาจึงยังไม่อยากจะเชื่อว่าไป๋รั่วจะเป็นสตรีเลวทรามเช่นนั้น
จู่ๆ เสียงหัวเราะเยือกเย็นที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น พร้อมกันนั้นหนานกงอี้ก็รู้สึกราวกับมีดาบคมเสียบแทงทะลุจิตวิญญาณของเขา
หนานกงหยวนผู้ซึ่งนั่งอยู่พลันลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วนัยน์ตาของเขาวาบวับราวกับพบเรื่องที่ยากจะเชื่อ
จะเป็นไปได้อย่างไร?
นางยังไม่ตายเหตุใดนางถึงมายืนอยู่ที่นี่ได้
”เสด็จแม่… เสด็จแม่ใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ?
ริมฝีปากของหนานกงอี้สั่นไหวเล็กน้อย
เขาได้ยินไม่ผิดแน่นั่นเป็นสุรเสียงเสด็จของเขาแม่อย่างแน่นอน !
เสด็จแม่ยังไม่สิ้นพระชนม์กระนั้นหรือ?
สตรีที่ยืนอยู่ข้างกายท่านโหราจารย์หลูเปิดหมวกสานทำให้มองเห็นใบหน้าซีด ๆ ได้ชัดเจน
ใบหน้านี้มิได้ดูทรงเกียรติและสง่างามเฉกเช่นเคย หว่างคิ้วของนางมีรอยยับย่น
อย่างไรก็ตามหลังจากได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย การแสดงออกของหนานกงอี้ก็เปลี่ยนไป จากแรกที่ตกใจกลับกลายเป็นความตื่นเต้น ท้ายสุดเขาก็รีบเดินเข้าไปหาหนิงไต้อย่างรวดเร็ว
”เสด็จแม่ทรงเป็นเช่นไรบ้าง ? พระองค์ยังไม่ … ”
ช่วงเวลาที่หนิงไต้ปรากฏตัวขึ้นนั้นบรรดาข้าราชสำนักและข้าราชบริพารต่างก็ตื่นตกใจ ยามนี้ทุกคนต่างจ้องมองนางผู้ซึ่งไม่ได้งดงามเฉกเช่นเคย บางทีพวกเขาอาจกำลังรอให้นางตอบคำถาม
สายตาที่เกลียดชังของหนิงไต้จ้องเขม็งไปที่ไป๋รั่ว
ภายใต้สายตาเกลียดชังของหนิงไต้ใบหน้าของไป๋รั่วค่อย ๆ แสดงให้เห็นถึงความสิ้นหวัง มือของนางคว้าจับต้นไม้ที่อยู่ข้างกายแน่น เพื่อพยุงให้ร่างของนางยังสามารถยืนหยัดอยู่ได้
”รัชทายาทเรื่องนี้ทางที่ดีเจ้าควรถามชายาคนดีของเจ้า !” หนิงไต้ยิ้มอย่างเย็นชา “เดิมทีข้าหลงเชื่อถ้อยคำของนาง กระทั่งเข้าใจไป๋หยานผิด เช่นนั้นข้าจึงออกราชโองการให้อ๋องคังสมรสกับไป๋จื่อ หากแต่ข้าไม่คาดคิดเลยว่าฝ่าบาทจะทรงกริ้วมาก ! ไป๋รั่ว นางแพศยาผู้นี้ถึงกับกลัวว่าข้าจะดึงนางลงน้ำครำไปด้วย นางเลยต้องการกำจัดข้า ! ”
”หากอ๋องคังไม่ผ่านมาและช่วยชีวิตแม่ไว้ บางทีแม่ของเจ้าก็คงจะตายไปแล้วจริง ๆ”
หนิงไต้ค่อยๆ หลับตาลง ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความสำนึกผิด แลดูเจ็บปวดล้ำลึก
นางเสียใจที่นางตาบอดจากท่าทีที่ดูราวกับคนแสนดีของไป๋รั่ว กระทั่งเกือบจะทำลายชีวิตของนางไปด้วย
หนานกงอี้หันไปทางไป๋รั่วแววตาของเขาแปรเปลี่ยนจากความตกใจเป็นความผิดหวัง ริมฝีปากของเขาเม้มอย่างเกลียดชังและรังเกียจ
”หลิวเอ๋อและโหราจารย์หลูไม่ได้โกหกเจ้าทำเช่นที่พวกเขากล่าวมาทุกอย่าง”
หนานกงอี้อาจจะไม่เชื่อหลิวเอ๋อหรือโหราจารย์หลูได้ทว่าเขาไม่อาจไม่เชื่อเสด็จแม่ของเขาได้ !
ครั้นหวนนึกถึงว่าเคยร่วมหลับนอนกับงูพิษตัวนี้มานานหลายปีภายในท้องของหนานกงอี้พลันปั่นป่วน กระทั่งเกือบจะอาเจียนออกมา
“เจ้าสามารถทำได้แม้กระทั่งสังหารเสด็จแม่ของข้าก่อนนั้นต่อหน้าข้า เจ้ามักจะให้ร้ายไป๋หยาน สิ่งที่เจ้ากล่าวมาล้วนเป็นเรื่องหลอกลวงทั้งเพไช่หรือไม่ ?”
ตลกสิ้นดีที่เขาเชื่อทุกถ้อยคำของนาง
”เสด็จพี่”ไป๋รั่วตื่นตกใจ นางคุกเข่าลง ร่างของนางสั่นสะท้าน “โปรดประทานอภัยให้รั่วเอ๋อ เพื่อเห็นแก่ที่รั่วเอ๋อให้กำเนิดหลินเอ๋อ รั่วเอ๋อรู้ตัวแล้วว่ารั่วเอ๋อผิด”
”พอได้แล้ว!” หนานกงอี้กล่าวด้วยความโกรธ “เจ้ายังกล้ายกหลินเอ๋อขึ้นมาอ้างอีกกระนั้นหรือ ? ข้าไม่เคยคาดคิดว่าเจ้าจะกุเรื่องราชวงศ์สัตว์อสูรขึ้นมา ซ้ำร้ายก็คือข้าหลงเชื่อเรื่องนี้มานานหลายปี ! ข้ากลายเป็นคนโง่ ! เจ้ารู้หรือไม่ว่าพฤติกรรมของเจ้าเช่นนี้ ที่ทำลายชีวิตหลินเอ๋อ !”
บทที่ 274 : อวสานไป๋รั่ว (3)
ไป๋รั่วก้มหัวลงนางรู้ว่า ครานี้ไม่มีผู้ใดช่วยนางได้แล้ว
”ถ่ายทอดคำสั่ง”หนานกงหยวนมีรับสั่งด้วยความกริ้ว “ไป๋รั่ว จงใจปลงพระชนม์ฮองเฮาเพื่อปกปิดความผิดตน ! ลากนางไปแล่เนื้อเถือหนังจนกว่าจะตาย”
แล่เนื้อเถือหนัง(凌迟 : หลิงฉือ 凌迟 การแล่เนื้อเถือหนัง คือ ใช้มีดเฉือนเนื้อของนักโทษออกทีละชิ้นทีละชิ้น ให้นักโทษเจ็บปวดทรมาน กระทั่งถึงแก่ความตายอย่างช้า ๆ ) ทันทีที่ถ้อยรับสั่งนี้หลุดออกมา ไป๋รั่วก็ตื่นตระหนก นางรีบคลานเข้าไปหาหนานกงหยวน พลางโขกศีรษะคำนับพร้อมกล่าวเสียงดัง
”เสด็จพ่อหม่อมฉันผิดไปแล้ว โปรดประทานอภัยให้หม่อมฉันสักครั้งเถิดเพคะ เพื่อเห็นแก่หลินเอ๋อได้โปรดเถิดเพคะ”
”เจ้าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะพูดถึงหลินเอ๋อ! เจ้าไม่สมควรเป็นมารดาของเขาด้วยซ้ำ พวกเจ้ามีรออะไรอยู่ ลากหญิงผู้นี้ออกไป ! เราไม่อยากเห็นหน้านางอีก !”
ใบหน้าของหนานกงหยวนแสดงออกถึงความรังเกียจหัวใจของเขาเต็มไปด้วยความสำนึกผิด
หากเขารู้ว่าในวันนี้ไป๋หยานจะประสบความสำเร็จถึงเพียงนี้ในวันนั้นเขาคงจะยืนกรานให้ไป๋หยานสมรสเข้าเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์
”รัชทายาท!” ครั้นเห็นว่าคำอ้อนวอนนั้นไร้ประโยชน์ ไป๋รั่วก็ลุกขึ้นจากพื้น นางมองไปที่หนานกงอี้ พร้อมกล่าววาจาเย้ยหยัน “พระองค์คิดว่า พระองค์ได้ตำแหน่งรัชทายาทมาได้อย่างไร ? หากมิใช่เป็นเพราะข่าวลือที่หม่อมฉันสร้างขึ้น ตำแหน่งองค์รัชทายาทเห็นทีจะไม่ตกเป็นของพระองค์ ! ”
”บัดนี้ทรงข้ามแม่น้ำได้แล้วก็ต้องการทำลายสะพานกระนั้นหรือ ? ไม่ง่ายเช่นนั้นหรอกเพคะ ! อย่าลืมสิว่า พระองค์มีเพียงหลินเอ๋อที่เป็นพระโอรส หากพระองค์ไม่ช่วยหม่อมฉัน หลินเอ๋อก็จะเกลียดพระองค์ตลอดไป !”
นัยน์ตาที่งดงามของไป๋รั่วเปลี่ยนเป็นแดงก่ำด้วยความเกลียดชังนางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันขณะกล่าว
หนานกงอี้เย้ยหยัน”หากองค์ชายอย่างข้าต้องการ ? ก็มีหญิงสาวจำนวนมากที่เต็มใจจะให้กำเนิดบุตรชายให้กับข้า”
”ฮ่าฮ่า”ไป๋รั่วเยาะหยัน “หลังจากหม่อมฉันให้กำเนิดหลินเอ๋อ หม่อมฉันก็ถวายยาบางอย่างให้กับพระองค์ ตลอดชีวิตนี้พระองค์ไม่อาจมีบุตรได้อีก เช่นนั้นบุตรแต่เพียงคนเดียวของพระองค์ก็คือหลินเอ๋อ ! หากหม่อมฉันตายพระองค์ก็จะสูญเสียพระโอรสเช่นหลินเอ๋อไปด้วย”
”เจ้าว่ากระไรนะ?” ใบหน้าของหนานกงอี้แข็งทื่อ นัยน์ตาของเขาแดงก่ำราวเลือด “กล้าดี เจ้าลองพูดอีกครั้งสิ !”
ไม่น่าแปลกใจเลยว่า… หลายปีที่ผ่านมานี้ พระสนมมากมายภายในพระตำหนักของเขาไม่มีผู้ใดตั้งครรภ์เลย นั่นเป็นเพราะนางปีศาจไป๋รั่วกระนั้นรึ ?
”หม่อมฉันจะปล่อยให้สวามีของหม่อมฉันมีบุตรกับหญิงอื่นได้เยี่ยงไร? แค่มีหลินเอ๋อก็เพียงพอแล้ว ตลอดชีวิตของพระองค์ไม่สามารถมีบุตรกับหญิงอื่นได้อีก”
เมื่อหนานกงหลินสูญเสียฐานะเจ้าแห่งสรรพสัตว์ทั้งปวงแล้วเขาย่อมจะถูกทอดทิ้งอย่างแน่แท้ เดิมทีหนานกงอี้ก็ไม่ได้ให้ความสนใจนัก
เพราะหากไม่มีโอรสผู้นี้เขาก็ยังสามารถมีโอรสใหม่ได้อีก
ผู้ใดจะรู้ทันทีที่ไป๋รั่วเปิดเผยเรื่องดังกล่าว ทุกอย่างพลันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เขาพุ่งเข้าหาไป๋รั่วอย่างบ้าคลั่ง
”นางแพศยาข้าจะฆ่าเจ้า นางสารเลว !”
มือใหญ่ทั้งสองของเขาบีบคอของไป๋รั่วอย่างหนักหน่วงราวกับจะบีบคอนางให้ตาย
ครั้นเห็นใบหน้าเหี้ยมเหรียมของบุรุษที่อยู่เบื้องหน้าไป๋รั่วก็ยกยิ้มเล็กน้อย
ถูกเขาบีบคอตายยังดีเสียกว่าถูกประหารโดยวิธีแล่เนื้อเถือหนังหาไม่แล้ว นางคงจะไม่เปิดเผยเรื่องดังกล่าว เพื่อเป็นการยั่วยุหนานกงอี้
ปัง!
ในขณะที่ไป๋รั่วหลับตาลงเพื่อรอความตายนั้นจู่ ๆ มีดสั้นก็บินมาจากที่ไกล ๆ มันปักลงบนหลังมือของหนานกงอี้พอดิบพอดี
หนานกงอี้ร้องขึ้นด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับปล่อยมือ ส่งผลให้ไป๋รั่วร่วงลงบนพื้น
เพียงครู่ทุกคนก็เห็นสตรีในอาภรณ์สีแดง
ภายใต้ดวงอาทิตย์ที่แผดเผารอยยิ้มของนางราวดอกไม้ที่เบ่งบานงดงาม
”ไป๋รั่วเจ้าทำร้ายข้ามากมาย เจ้าคิดหรือว่า ข้าจะยอมให้เจ้าตายง่าย ๆ”
ไป๋หยานเหยียดยิ้มนัยน์ตาดำขลับของนางมองไป๋รั่วผู้ซึ่งยามนี้ทรุดร่างลงกับพื้น พลันรอยยิ้มในดวงตาของนางก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก
บทที่ 275 : อวสานไป๋รั่ว (4)
ร่างของไป๋รั่วแข็งค้างใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง นางมองสตรีที่กำลังเย้ยหยันนาง พลางหัวเราะเยาะและกล่าวว่า “ไป๋หยาน สิ่งที่ข้าเสียใจที่สุดก็คือข้าไม่ได้ฆ่าเจ้า !”
ถึงตอนนี้ไป๋รั่วก็ยังไม่คิดกลับใจ นางยังคงโทษตนเองที่ไม่ได้ฆ่าไป๋หยาน
หากไป๋หยานตายนางจะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร ?
“ไม่สิ่งที่เจ้าควรเสียใจมากที่สุดก็คือการวางแผนใส่ความข้า” ไป๋หยานกล่าวด้วยน้ำเสียงเบา “หากเจ้าต้องการแต่งงานกับหนานกงอี้ เจ้าก็สามารถแต่งงานกับเขาได้เลย ไม่จำเป็นต้องให้ร้ายข้า เช่นนั้นนับจากนี้ ข้าจะไม่มีวันให้เจ้าได้มีความสุขอีกต่อไป”
ทันทีที่กล่าวจบไป๋หยานก็ออกคำสั่ง”มาม่าฉู่ พานางกลับไปที่คฤหาสน์โบราณ ส่งมอบนางให้กับฮัวหลัว ฮัวหลัวรู้ดีว่าจะจัดการกับนางเช่นไร”
หากเจอเรื่องเช่นนี้สำหรับไป๋รั่วแล้วมีชีวิตอยู่ก็ไม่ต่างจากตาย !
ไป๋รั่วทรุดร่างลงใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นซีดขาว นางกัดริมฝีปากแน่น กระทั่งเลือดไหลออกจากริมฝีปาก นางก็ยังไม่รู้สึกตัว
”เจ้าค่ะนายหญิง”
ครั้งนี้มาม่าฉู่ติดตามไป๋หยานมาด้วยทว่าหากไม่ได้รับคำสั่งจากไป๋หยาน มาม่าฉู่ก็จะไม่เผยตัวตน
ทันทีที่ได้ยินคำสั่งมาม่าฉู่จึงเดินออกมาจากฝูงชน
”ไป๋รั่วจะให้ข้าลากเจ้า หรือเจ้าจะไปกับข้าดี ๆ”
นางเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มชดช้อย
”ข้า… ” ไป๋รั่วมีสีหน้าซีดเผือด ริมฝีปากที่กัดแน่นนั้น นอกเหนือไปจากคำว่า “ข้า” ก็ไม่มีคำอื่นใดเล็ดลอดออกมาอีก
”ดูเหมือนว่าเจ้าจะรอให้ข้าช่วย”
มาม่าฉู่ยิ้มนางเดินเข้าไปหาไป๋รั่วผู้ซึ่งนอนอยู่บนพื้น จากนั้นก็ลากไป๋รั่วออกจากลานหลังวังหลวง ไม่ต่างกับลากสุนัขที่ตายแล้ว
หนานกงหลินผู้ซึ่งยืนอยู่ข้างๆ บัดนี้ร่างอ้วนกลมของเขาสั่นสะท้าน เขามองไป๋รั่วถูกลาก ทว่าเขาไม่มีความกล้าพอที่จะก้าวออกไปขวางหน้า
ตอนที่ไป๋รั่วถูกลากออกไปนั้นนางต้องผ่านหน้าหนานกงหลิน นางเห็นชัดว่าหนานกงหลินก้าวถอยหลังสองก้าว เขามองมาม่าฉู่พร้อมน้ำตาคลอเบ้า ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ยามนี้หัวใจของไป๋รั่วเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดหวัง
หนานกงอี้ไม่สนใจนางแม้แต่บุตรชายของนางผู้ซึ่งเคยเต็มไปด้วยความมั่นใจก็ยังกลายเป็นเต่าหดหัว !
”เสด็จแม่… เสด็จแม่ … ”
การแสดงออกของหนานกงหลินนั้นแลดูขลาดกลัวอย่างมากเขาต้องการกล่าวบางอย่าง ขณะที่เห็นไป๋รั่วถูกลากออกไปต่อหน้าต่อตาเขา
”ฮองเฮา”หนานกงหยวนหันไปมองหนิงไต้ ผู้ซึ่งใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอย “เจ้ากลับมาก็ดีแล้ว เช่นนั้นเราจะให้คนไปเตรียมตำหนักไว้ให้เจ้า”
หนิงไต้ตกตะลึงนางก้มศีรษะลง “ไม่เพคะ ตอนนี้หม่อมฉันอยู่ในหุบเขาพิษแล้ว นายแห่งหุบเขาพิษมิได้เลวร้ายกับหม่อมฉัน หม่อมฉันจะไม่กลับมาอยู่ที่นี่อีก”
ช่วงเวลาที่นางอยู่ในหุบเขาพิษนั้นแม้นางจะไม่เคยได้พักผ่อน อีกทั้งยังถูกมองว่าเป็นหนูลองยา
ทว่า…
อย่างไรก็ตามหัวใจของนางกลับสงบนิ่งจากทุกสรรพสิ่ง
ไม่ต้องสนใจสิ่งใดไม่ต้องแข่งขันกับสตรีใดอีกต่อไป ไม่มีผู้คนมารายล้อมรอบกายมากมายเช่นแต่ก่อน
แม้ว่านางจะถูกเรียกว่าเป็นหนูลองยาในหุบเขาพิษก็ยังดีกว่าวังหลังที่มีแต่การทรยศหลอกลวง
หนานกงหยวนตกตะลึงนัยน์ตาของเขาเป็นประกาย “หุบเขาพิษ เจ้าหมายถึง หุบเขาพิษสำนักระดับกลางกระนั้นรึ ? หลังจากเจ้าออกจากวัง เจ้าก็ไปอยู่ที่หุบเขาพิษงั้นหรือ ?
หนิงไต้ย่อมเข้าใจถึงความนัยในแววตาของหนานกงหยวนดีนางยิ้มน้อย ๆ “หม่อมฉันเกรงว่าจะเป็นเรื่องยาก หากพระองค์คิดใช้ประโยชน์จากหม่อมฉัน นายท่านแห่งหุบเขาพิษนั้นดีกับหม่อมฉันก็จริง ทว่าก็เพียงเพราะหม่อมฉันเป็นหนูลองยาในหุบเขาพิษ หาได้มีความหมายอื่นใดไม่ แม้นายท่านแห่งหุบเขาพิษจะดีต่อหม่อมฉัน เพราะหากไม่มีหม่อมฉันเขาก็ไม่มีคนให้ลองยา เช่นนั้นหากพระองค์บังคับให้หม่อมฉันอยู่ที่นี่ หม่อมฉันเกรงว่าจะเป็นการรบกวนนายท่านแห่งหุบเขาพิษเสียล่ะมากกว่า”
เห็นได้ชัดว่าหนานกงหยวนรู้สึกละอายเพราะหนิงไต้ดูเหมือนจะมองทะลุใจเขาได้อย่างปรุโปร่ง “ฮองเฮา ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้ว เราก็จะไม่ห้ามเจ้า เราจะให้คนไปส่งเจ้า”
”ขอบพระทัยเพคะฝ่าบาท” หนิงไต้ยิ้ม
ก่อนหนิงไต้จะจากไปนางได้เดินเข้าไปหาตี้คังอย่างเงียบ ๆ นางก้มศีรษะแสดงความเคารพเขา จากนั้นก็หันไปก้มศีรษะให้ไป๋หยาน