จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 286-290
บทที่ 286 : ตงฮูหยินโกรธจนเป็นลม (3)
แววตาของตงรั่วฉินแสดงออกชัดเจนว่าเขาสำนึกผิดแล้วเขาก็จากไปพร้อมกับฟู่เป่าหยุนโดยไม่กล่าวคำใด
ครั้นเห็นบุตรชายตนเองจากไปอย่างเงียบๆ เช่นนั้น ในใจของตงเทียนหลิงก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
ที่สุดหัวใจของเขาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา
นี่หรือคือบุตรชายที่เคยแสนดีของเขาเพื่อสตรีแล้ว แม้แต่มารดาที่สลบไสลก็ยังไม่คิดสนใจ !
บุตรชายคนนี้ช่างดีเหลือเกิน !
หากข้ารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ข้าจะไม่มีวันให้เขาถือกำเนิด !
เพียงครู่หญิงชราที่สีหน้าซีดเผือดก็ฟื้น นางเอาแต่ร่ำไห้
”ตงเทียนหลิงดูบุตรชายที่แสนดีของเจ้าสิ ! คราก่อน เขาปล่อยให้หญิงผู้นั้นวางแผนยกพี่สาวให้ชายอื่น ครานี้ยังคิดจะให้หลานเสี่ยวหยุนถวายตัวเป็นพระสนมองค์ชายสามที่ชั่วช้าเลวทรามนั่น ! ทั้งยังทุบตีรั่วหลานจนสลบอีก”
ตงเทียนหลิงถอนหายใจอย่างหดหู่ก่อนจะยกมือขึ้นตบไหล่หญิงชรา “ฮูหยิน อย่ากังวลไปเลย ข้าเป็นเจ้าบ้านสกุลตง ข้าไม่ยอมให้เสี่ยวหยุนถวายตัวเป็นพระสนมหรอกไม่ว่าจะกับผู้ใด การแต่งงานบิดามารดาเป็นผู้จัดการ แม่สื่อเป็นผู้ดำเนินการ ตราบใดที่ตระกูลหลานไม่เห็นด้วยก็ไม่มีผู้ใดบังคับเสี่ยวหยุนได้ ”
“เขาว่ากันว่าควรแต่งสะใภ้ฐานะต่ำกว่า ท่านยอมให้ฟู่เป่าหยุนเข้าร่วมตระกูล หาไม่แล้ว รั่วหลานจะถูกทำร้ายได้อย่างไร ?”
ครั้นนึกถึงตงรั่วหลานที่กำลังหมดสติหญิงชราพลันรู้สึกโมโหหนักกว่าเดิม ขณะที่หลานเฉาหยันก็มองตงเทียนหลิงด้วยความปวดใจจนกล่าวคำใดไม่ออก
ตงเทียนหลิงเงียบครานั้นเขาเองก็คัดค้านการแต่งงานเช่นกัน ทว่าตงรั่วฉินยืนยันหัวชนฝาว่าจะแต่งงานกับนาง เขาจะดื้อดึงขัดขวางได้อย่างไร ?
หากแต่เพราะเขายอมโอนอ่อนผ่อนตามในครานั้นทำให้เกิดผลเช่นวันนี้
”ตาเฒ่า”หญิงชรากล่าวอย่างดุดัน “เจ้าจะให้เฉาหยันอดทนถึงเมื่อไร ? มารดาของเขาโดนทุบตี ทว่าเขากลับไม่ได้รับอนุญาตให้แก้แค้น ทำเช่นนี้ได้อย่างไร ?”
ตงเทียนหลิงแสดงออกอย่างเหนื่อยหน่าย”ข้าเพียงไม่อยากให้เฉาหยันได้รับบาดเจ็บ อย่างไรเสียฟู่เป่าหยุนก็เป็นถึงองค์หญิง แม้ว่านางจะไม่ได้สนิทสนมกับฮ่องเต้ แต่หากมีอะไรเกิดขึ้นกับนาง แน่นอนว่าเพื่อรักษาพระพักตร์แล้ว ฮ่องเต้ต้องทรงไม่ยินยอมเป็นแน่”
”เช่นนั้น… ก็ต้องให้เรื่องจบลงแค่นี้กระนั้นหรือ ?” หญิงชรายังไม่เต็มใจนัก
ไม่ว่าฟู่เป่าหยุนจะปฏิบัติต่อนางเยี่ยงไรนางก็คร้านที่จะใส่ใจ ทว่าครั้งนี้หญิงผู้นั้นลงมือกับบุตรสาวของนาง
“ข้าคิดว่าตระกูลหลานเองก็คงจะไม่ยอมเช่นกัน”ตงเทียนหลิงส่ายศีรษะ “กล่าวกันว่า ตระกูลหลานรักรั่วหลานเป็นอย่างมาก หากพวกเขารับรู้ว่ารั่วหลานถูกทุบตี พวกเขาจะต้องมาถามหาความยุติธรรมอย่างแน่นอน ตระกูลหลานได้รับการสนับสนุนจากราชวงศ์ของอาณาจักรหลิวฮั่ว คงไม่มีปัญหาที่จะลงโทษฟู่เป่าหยุน … ”
”กระนั้นรึ?”
”ทว่าก็อย่าเพิ่งดีใจเกินไปนักข้าได้ยินมาว่าความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลหลานกับราชวงศ์ไม่ดีนัก นอกจากนี้อย่าลืมสิว่าผู้ที่บ้านสกุลหลานเกลียดชังที่สุดก็คือพ่อตาขององค์รัชทายาท”
หลานเยี่ยเด็กสาวผู้นั้นเขาเห็นนางตั้งแต่ยังเยาว์ นางงดงามมาก แต่เหตุใดต้องแต่งงานไปกับไอ้ขยะนั่น ช่างน่าเสียดายจริง ๆ
ครานี้หญิงชรานิ่งเงียบนางลืมไปแล้วว่าความรู้สึกที่เจ้าบ้านหลานมีต่อราชวงศ์นั้นไม่ค่อยดีนัก
เนื่องจากระยะทางที่ยาวไกลจึงทำให้การเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายที่เกิดขึ้นภายในอาณาจักรหลิวฮั่วในช่วงนี้นั้นยังมิได้ล่วงรู้ไปถึงอาณาจักรฉื่อเสีย
ภายหลังจากที่ฟู่เป่าหยุนออกจากบ้านของสามีนางก็กลับไปยังลานบ้านของตนเอง ทันใดนั้นตงมู่เซียะก็วิ่งถลาเข้ามาในลานบ้านราวกับผีเสื้อ นางเขย่าแขนของฟู่เป่าหยุน
”ท่านแม่ข้าได้ยินมาว่าตงรั่วหลานกลับมาเยี่ยมบ้านพร้อมกับวิหคเพลิงจริงหรือไม่ ?
ฟู่เป่าหยุนนึกถึงตงรั่วหลานและบุตรสาวที่ขี่วิหคเพลิงบินมาแววตาของนางเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา “ใช่นางขี่วิหคเพลิงมา เจ้าไม่ได้อยู่ที่บ้านสกุลตงในวันนั้น เช่นนั้นเจ้าก็เลยไม่ได้เห็นวิหคเพลิงนั่น”
บทที่ 287 : ตงฮูหยินโกรธจนเป็นลม (4)
”ท่านแม่ท่านคิดว่าตงรั่วหลานได้วิหคเพลิงมาจากที่ใด ?” ตงมู่เซียะนัยน์ตาลุกวาว พร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแปลก ๆ
”นางบอกว่านกนั่นเป็นของท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานเขามอบมันให้แก่นาง หากตระกูลหลานมีสัตว์อสูรเช่นนั้นจริง ๆ แล้วล่ะก็ เขาก็น่าที่จะยกมันให้บุตรชายของตนเองมากกว่าที่จะยกให้ลูกสะใภ้ที่ต้องการกลับมาเยี่ยมบ้านเกิดของตน”
ตงรั่วหลานมิใช่ข้า…ฟู่เป่าหยุนซึ่งเป็นถึงองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ เช่นนั้นจึงสมควรแล้วที่ผู้อาวุโสแห่งบ้านสกุลตงจะต้องปฏิบัติต่อข้าอย่างดีที่สุด
ไม่เพียงแค่นั้นนางยังออกเรือนไปกับคนธรรมดาสามัญ เรียบง่าย ซ้ำยังแต่งออกไปอยู่ในที่ห่างไกลมาก หากท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานไม่ใช่คนโง่เง่า เขาย่อมจะไม่ปฏิบัติต่อนางเป็นอย่างดีนักหรอก
น่าจะเป็นได้ว่าชีวิตแต่งงานของตงรั่วหลานภายในบ้านสกุลหลานนั้นคงไม่ต่างกับการเดินบนแผ่นน้ำแข็งบาง ๆ และเพื่อไม่ให้บิดามารดาของนางต้องเป็นกังวล นางจึงพูดแต่เรื่องความสุข ขณะเดียวกันก็เจตนาปิดบังชีวิตเศร้าของตน
”หากมิใช่ของขวัญจากตระกูลหลานเช่นนั้นสัตว์อสูรของนางจะมาจากที่ใดได้ ? มันจะมิใช่ว่า … ” ตงมู่เซียะรีบปิดปาก ทว่าความหมายที่นางต้องการจะสื่อนั้นแสตงออกมาอย่างชัดแจ้ง
ฟู่เป่าหยุนกล่าววาจาเยาะเย้ย”เจ้าไม่ต้องกังวลไปหรอก สิ่งที่เจ้าคิดเป็นความจริง ! เจ้าไม่เห็นตงรั่วหลานหรอกหรือ ? นางทั้งแลดูอ่อนเยาว์ ทั้งงดงามขึ้นกว่าก่อนมาก ข้าเชื่อว่านางต้องใช้ความงามของตนล่อลวงเอาสัตว์อสูรมาจากชายอื่น ! ขณะเดียวกันนางก็ยังคงเสแสร้งกระทำตนไร้เดียงสา นางเคยบอกว่า นางไม่ยอมเป็นพระสนม ฮึ ! ตอนนี้นางไม่ใช่พระสนมหรอกทว่าเป็นหญิงคณิกาแทน !
ตงรั่วฉินอ้าปากอยากจะทัดทานว่าพี่สาวของเขาหาใช่คนเช่นนั้นไม่
แต่ทว่าถ้อยคำกลับไม่หลุดออกมาจากปากของเขานั่นเป็นเพราะเขาไม่มีความกล้าเพียงพอ
”ท่านแม่”แววตาของตงมู่เซียะเปล่งประกาย “ท่านรู้หรือไม่ว่ายามนี้วิหคเพลิงอยู่ที่ใด? หากท่านนำมันไปบรรณาการให้กับองค์ฮ่องเต้ บางทีเสด็จลุงอาจจะทรงเปลี่ยนท่าทีที่มีกับเราบ้างก็เป็นได้”
นางต้องการวิหคเพลิงแต่หากเทียบกันแล้ว ระหว่างการครอบครองวิหคเพลิงกับการที่เสด็จลุงปฏิบัติต่อนางเป็นอย่างดีนั้น นางเลือกอย่างหลัง
เพราะนั่นคือผลประโยชน์ถาวร
”ตกลงแม่จะบอกเสด็จลุงเอง เพราะอย่างไรเสีย วิหคเพลิงนั่นก็ควรเป็นของตระกูลตงเรา ตงรั่วหลานไม่สมควรจะได้รับมัน”
แววตาของฟู่เป่าหยุนเปล่งประกายฉายแสงวาวโรจน์ด้วยความโลภ
นางได้ยินมาว่าวิหคเพลิงเดินทางได้หลายพันลี้ต่อวันหาไม่แล้วตงรั่วหลานก็คงไม่สามารถมาที่อาณาจักรฉื่อเสียได้โดยใช้เวลาเพียงไม่นานหรอก
หากมอบวิหคเพลิงให้แก่ฮ่องเต้พระเชษฐาของนางเขาจะต้องถูกใจอย่างแน่นอน บางทีเขาอาจจะช่วยส่งเสริมตงมู่หลินบุตรชายของนางบ้างก็เป็นได้
และเมื่อบุตรชายขององค์หญิงที่แต่งงานกับสามัญชนได้รับพระราชทานตำแหน่งองค์ชายนั่นจะนับเป็นเกียรติยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
”เป่าหยุน”ตงรั่วฉินกล่าวเมื่อเห็นฟู่เป่าหยุนเริ่มหนักข้อขึ้นเรื่อย ๆ “มันจะดีหรือ อย่างไรเสียนางก็คือพี่สาวของข้า …. ”
สีหน้าของฟู่เป่าหยุนขรึมลง”นางเป็นอะไรแล้วเกี่ยวอันใดกับข้า ! ทุกอย่างที่เป็นของบ้านสกุลตงย่อมต้องเป็นของข้า ! หากเจ้ายังคิดจะช่วยคนอื่น ข้าก็จะไปจากเจ้าเสียแต่ตอนนี้เลย !”
ทันทีที่นางเอ่ยเช่นนั้นตงรั่วฉินก็หุบปากด้วยความกลัว เขาไม่กล้าที่จะกล่าวทักท้วงอะไรอีก
”ท่านพ่อท่านนี่จริง ๆ เลย” ตงมู่เซียะกล่าวพร้อมกับเบะปาก “เหตุใดท่านจึงเข้าข้างหญิงผู้นั้นเสมอ ? พี่สาวของท่านแล้วไง ? นางเคยทำในสิ่งที่พี่สาวคนโตควรทำกระนั้นหรือ ? หากนางปฏิบัติต่อท่านในฐานะน้องชายของนาง นางก็ควรยอมถวายตัวเป็นพระสนมของเสด็จลุง และยินยอมให้หลานเสี่ยวหยุนเป็นพระสนมขององค์ชายสาม ในเมื่อนางก็ไม่ได้ปฏิบัติต่อท่านในฐานะน้องชาย เช่นนั้นข้าก็ไม่นับถือนางเป็นป้า”
สตรีที่เห็นแก่ตัวผู้นี้ไม่สมควรที่จะเป็นป้าของนาง!
ป้าของนางควรเสียสละเพื่อตระกูลตงหญิงผู้นั้นไม่เคยเสียสละอะไรเลย จะมาอ้างตัวเป็นป้าของนางได้อย่างไร ?
ใบหน้าของตงรั่วฉินเปลี่ยนเป็นขาวซีดแม้เขาจะรู้ว่าฟู่เป่าหยุนและบุตรสาวนั้นหนักข้อมากเกินไป ทว่าเขาก็ไม่เคยกล้าหือกับนาง
”ไปกันเถอะเซียะเอ๋อ” ฟู่เป่าหยุนแสดงสีหน้าดูถูกตงรั่วฉิน ซึ่งเป็นผู้ที่เอาแต่พยักหน้าเสมอ ก่อนจะหันไปมองตงมู่เซียะ “ความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรนั่นไม่น้อยเลย เราต้องไปที่วังหลวงก่อน จากนั้นก็ขอให้เสด็จลุงของเจ้าหายอดฝีมือมาจับวิหคเพลิง และเมื่อถึงเวลานั้น เราจะทำอะไรมันก็ย่อมได้ ทั้งไม่ต้องเกรงว่ามันจะกล้าต่อต้านเราด้วย”
บทที่ 288 : ไป๋หยานเร่งรีบ
ก็แค่สัตว์อสูรสำหรับนางแล้ว วิหคเพลิงก็เป็นแค่สัตว์อสูรตัวหนึ่งเท่านั้น
มนุษย์เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในดินแดนแห่งนี้หน้าที่ของสัตว์ก็คือการเชื่อฟังมนุษย์ เช่นนั้นการติดตามราชนิกูลย่อมดีกว่าติดตามหญิงสกปรกเยี่ยงตงรั่วหลาน
มีแต่ผู้หญิงโง่ๆ อย่างตงรั่วหลานเท่านั้นที่จะก้มหัวให้วิหคเพลิงราวกับสัตว์อสูรนั่นเป็นบรรพบุรุษของตน ทั้งยังหาอาหารอร่อย ๆ ให้มันกินอีกด้วย
อาณาจักรฉื่อเสีย
บนถนนของเมืองหลวงแห่งอาณาจักร
มังกรตัวใหญ่พุ่งผ่านทะลุท้องฟ้าตรงมาอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าฟาดเกล็ดของมันเปล่งประกายสดใส ดึงดูดทุกคู่สายตาให้หันมองมาเป็นทางเดียว พวกเขาต่างก็ต้องตกตะลึงตาค้าง
”สวรรค์… นี่ข้าไม่ได้ตาฝาดไปใช่หรือไม่ ? นั่นมันมังกรมิใช่หรือ ?”
ไม่กี่วันที่ผ่านมาบุตรสาวของบ้านสกุลตงที่ออกเรือนไปแล้วเดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านพร้อมด้วยวิหคเพลิงนั่นก็ก่อให้เกิดความวุ่นวายมากมายขึ้นครั้งหนึ่งแล้ว ไม่คาดคิดว่าครานี้พวกเขาจะได้เห็นมังกรที่แข็งแกร่งปรากฏตัวขึ้นอีก
”ดูจากทิศทางการบินของมังกรแล้วข้าคิดว่าน่าจะไปที่บ้านสกุลตง นี่พวกสกุลตงรู้จักคนเลี้ยงสัตว์อสูรมากมายถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน ?”
แน่นอนว่าบทสนทนาเหล่านั้น ไป๋หยานย่อมจะไม่ได้ยิน ยามนี้ใบหน้าของไป๋หยานแลดูเย็นชา เย็นชาเสียจนตี้เสี่ยวอวิ๋น และฉู่อีอี้ไม่กล้ากล่าวคำใดออกมาสักคำ
ใบหน้าของหลานเสี่ยวหยุนเต็มไปด้วยความวิตกกังวลครั้นนางนึกถึงเรื่องที่มารดาของนางถูกทุบตี หัวใจของนางก็ยิ่งอึดอัด
เพียงไม่ช้ามังกรแก้วก็หยุดลงที่บ้านสกุลตง ร่างกายที่ใหญ่โตของมันบดบังท้องฟ้ากระทั่งมืดครึ้ม คนของบ้านสกุลตงต่างก็วิ่งออกมาดูอย่างต่อเนื่อง
ทว่าในบรรดาคนเหล่านั้นไม่มีเงาร่างของคุณชายรองแห่งตระกูลตงรวมอยู่ด้วย
”เฉินเอ๋อลงไปกันเถอะ”
ไป๋หยานอุ้มร่างนุ่มนิ่มของไป๋เสี่ยวเฉินก่อนจะกระโดดลงจากหลังมังกรแก้ว ลงมายืนบนพื้นอย่างมั่นคง
”เสี่ยวหยุนไม่ต้องกลัว ข้าจะพาเจ้าลงเอง”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นหันมองหลานเสี่ยวหยุนพร้อมกับจับมือนางกระโดดลงไปพร้อม ๆ กับไป๋หยาน จากนั้นจึงปล่อยมือหลานเสี่ยวหยุน
หากเป็นอดีตฉู่อีอี้ต้องแย่งตี้เสี่ยวอวิ๋นทว่าบัดนี้หลานเสี่ยวหยุนอยู่ในอารมณ์ไม่ดีอย่างเห็นได้ชัด นางจึงไม่คิดชิงดีชิงเด่นใด ๆ หลังจากคนทั้งหมดกระโดดลงสู่พื้นแล้ว
ถึงตอนนี้ฟู่เป่าหยุน และตงรั่วฉิน ก็ได้ยินข่าว ทั้งคู่รีบออกมาทันที เมื่อฟู่เป่าหยุนเห็นใบหน้าห่วงกังวลของหลานเสี่ยวหยุน นางก็กล่าวกลั้วหัวเราะ
”เสี่ยวหยุนเจ้ากลับมาทันเวลาพอดี ข้ามีข่าวดีจะบอกเจ้า”
”ท่านแม่กับพี่รองของข้าอยู่ที่ใด”หลานเสี่ยวหยุนเอ่ยถาม
”หลานเสี่ยวหยุน!”
ตงมู่เซียะเดินออกมาจากด้านหลังฟู่เป่าหยุนด้วยความหงุดหงิด “นั่นคือวิธีที่เจ้าใช้พูดกับผู้หลักผู้ใหญ่งั้นหรือ ? ท่านแม่ของข้าเป็นน้าสะใภ้ของเจ้า เจ้าไม่ควรตะคอกเช่นนั้น นี่ไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาบ้างหรือไร ?”
ร่างบอบบางของหลานเสี่ยวหยุนสั่นเทิ้มนางกล่าววาจาเย้ยหยัน “เคารพผู้อาวุโสงั้นรึ ? ท่านแม่ของข้ามีศักดิ์เป็นพี่สะใภ้ของแม่เจ้า ย่อมต้องมีศักดิ์เป็นป้าของเจ้าด้วย เจ้าเคยเคารพท่านแม่ข้าบ้างหรือไม่ ? มาตอนนี้ยังกล้าพูดเรื่องไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนอีกงั้นรึ ?”
เจ้าคู่ควรหรือ?
”หลานเสี่ยวหยุนเจ้าหมายถึงอะไร ?” ฟู่เป่าหยุนเชิดริมฝีปากขึ้นอย่างแดกดัน “ตงรั่วหลานเป็นบุตรสาวที่ออกเรือนไปแล้ว ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดกับตระกูลตงอีก มู่เซียะของข้าไม่เคารพนางจะผิดที่ใด ? ในทางตรงกันข้าม เจ้ากับแม่ของเจ้าไม่ให้ความเคารพผู้อาวุโส เจ้าช่างยโสโอหังนัก กล้าพูดเช่นนี้ได้อย่างไร ? ”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นและฉู่อีอี้ได้ฟังก็ตกใจ
นี่เจ้ามองว่าเป็นเรื่องถูกต้องแล้วงั้นหรือ?
บุตรสาวของนางไม่จำเป็นต้องเคารพผู้อาวุโสหากแต่หลานเสี่ยวหยุนไม่เคารพนางในฐานะน้าไม่ได้
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกนางได้เห็นเรื่องอะไรเช่นนี้
”ข้าจะขอถามเป็นครั้งสุดท้ายท่านแม่ของข้าอยู่ที่ใด !” หลานเสี่ยวหยุนกำมือของนางแน่น
หากมิใช่เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าบ้านกับฮูหยินผู้ชราทั้งสองต้องประสบกับปัญหานางก็อยากจะทุบตีหญิงสองคนนี้เสียเหลือเกิน
บทที่ 289 : ดูหลานสาวตัวดีของเจ้าสิ
”ตงรั่วฉินดูหลานสาวตัวดีของเจ้าสิ !”
ฟู่เป่าหยุนหันศีรษะของนางไปจ้องมองตงรั่วฉินด้วยความโกรธ
ตงรั่วฉินมีสีหน้าเข้มขึ้นทันที”เสี่ยวหยุนรีบขอโทษเร็ว ๆ หลังจากเจ้าขอโทษแล้ว ข้าจึงจะให้เจ้าได้พบมารดาของเจ้า”
ขอโทษงั้นรึ?
หลานเสี่ยวหยุนหัวเราะเยาะ”ท่านน้า นี่ท่านถูกหญิงผู้นี้ปั่นหัวจนมึนไปหมดแล้วจริง ๆ ท่านต้องการให้ข้าขอโทษงั้นหรือ ? ฝันไปเถอะ !”
ท่านแม่ของนางเคยเล่าว่าเป็นเพราะท่านแม่และท่านน้ามีอายุใกล้เคียงกัน เติบใหญ่มาด้วยกัน เช่นนั้นความรู้สึกที่ท่านแม่มีต่อท่านน้าจึงลึกซึ้งยิ่งนัก นั่นเป็นเหตุที่ว่าไยท่านแม่ถึงต้องพยายามทำใจอย่างมากที่จะตัดสายสัมพันธ์
“เสี่ยวหยุน”ตงรั่วฉินเอ่ยกล่าวเบา ๆ ราวกับกำลังสวดมนต์ “เจ้าก็รู้อยู่ว่า เป่าหยุน เป็นถึงองค์หญิง นางอุตส่าห์ลดฐานะลงมาแต่งงานกับตระกูลตงของเรา กะแค่ขอโทษ ไยเจ้าถึงต้องทำให้เป็นปัญหาด้วย เหตุใดต้องทำให้น้าสะใภ้ของเจ้าไม่มีความสุขด้วยเล่า ?”
ลดฐานะมาแต่งงานด้วยงั้นรึ?
เพียงเพราะคำว่าลดฐานะมาแต่งงานนี้เองที่สร้างความยากลำบากให้กับท่านเจ้าบ้านและฮูหยินตระกูลตงยิ่งนัก ทั้งคู่ต้องอดทนกับองค์หญิงผู้นี้เป็นเวลานานหลายปี แม้แต่ท่านแม่ของนางก็ยังถูกรังแกทุกครั้งที่กลับมาเยี่ยมบิดามารดาที่บ้าน
นี่เป็นเหตุผลที่ท่านแม่ของนางกลับมาเยี่ยมบ้านเกิดทุกๆ สองปี ก็เพื่อมาดูแลบิดามารดาของตนนั่นเอง
เพราะพวกเขาต้องอยู่กับฟู่เป่าหยุนนี่แหละ!
”ท่านน้า…นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าจะเรียกท่านว่าท่านน้าหากท่านคิดว่า นางแต่งงานกับท่านถือเป็นหนี้บุญคุณแล้วล่ะก็ เช่นนั้นก็เป็นเรื่องของท่านที่จะชำระหนี้ ! ไม่ควรที่จะลากพี่สาวมารับภาระหนี้นี้ด้วยจริงหรือไม่ ? ” หลานเสี่ยวหยุนชี้ไปที่ฟู่เป่าหยุนอย่างเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “ตอนนี้ท่านแม่ของข้าเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลหลาน เหตุใดนางต้องช่วยชำระหนี้ให้ตระกูลตงของท่านด้วย ?”
”โอหัง!”
ใบหน้าของฟู่เป่าหยุนเปลี่ยนไปอย่างมากเด็กคนนี้ยิ่งเติบใหญ่ก็ยิ่งดื้อด้านมากขึ้น หากนางไม่สอนบทเรียนให้สำนึกเสียบ้าง เด็กคนนี้ก็จะไม่รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ !
ฟู่เป่าหยุนพุ่งตัวออกมาอย่างรวดเร็วหมายจะตบหน้าหลานเสี่ยวหยุน
ทว่าทันใดนั้นเอง
ก็มีขาข้างหนึ่งเหยียดออกมาจากนั้นก็ถีบเข้าที่หน้าอกของฟู่เป่าหยุนดังปัง
ร่างของฟู่เป่าหยุนลอยปลิวก่อนจะกระแทกเข้ากับกำแพง แรงกระแทกนั้นหนักหน่วงยิ่งนัก กระทั่งกำแพงยังทลายลงกลายเป็นซากปรักหักพังทับถมร่างของนาง
แสดงให้เห็นได้ชัดถึงพลังของลูกถีบนี้
ไป๋หยานหดขากลับอย่างใจเย็น”เสี่ยวหยุน ไยต้องเสียเวลาเจรจาไร้สาระกับคนเหล่านี้ ไปหามารดาของเจ้ากันเถอะ หากผู้ใดกล้าขวาง … ”
นางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับยิ้มมุมปาก
”ตี้เสี่ยวอวิ๋นฉู่อีอี้ ! ข้ามอบพวกเขาทั้งหมดให้พวกเจ้า !”
หญิงสาวทั้งสองแทบอดใจรอที่จะลงไม้ลงมือไม่ไหวหากแต่ที่พวกนางไม่กล้าเปิดฉากลงมือก่อนเป็นเพราะพวกนางยังไม่ได้รับอนุญาตจากไป๋หยาน
ตอนนี้ไป๋หยานอนุญาตแล้วหญิงสาวทั้งสองที่ได้เห็นการกระทำของฟู่เป่าหยุนและบุตรสาว พลันหัวเราะขึ้นอย่างสะใจ ทั้งคู่มองสองแม่ลูกไม่ต่างกับมองเนื้อสดบนเขียง
”พี่ไป๋หยานไปที่ห้องของท่านแม่ก่อนเถอะ”
หลานเสี่ยวหยุนกล่าวขึ้นเเบาๆ
”ได้ไปกัน”
ไป๋หยานจับมือของไป๋เสี่ยวเฉินเดินตามหลังหลานเสี่ยวหยุนไปที่ลานหลังบ้าน
”หยุดนะ!”
ทันใดนั้นเองน้ำเสียงโกรธเกรี้ยวของตงรั่วฉินก็ดังขึ้นจากด้านหลัง “เสี่ยวหยุน เพื่อนของเจ้าตีเป่าหยุน เจ้าจะไม่ห้ามปรามเลยกระนั้นหรือ ?”
”ท่านคิดว่าภรรยาของท่านควรจะโดนตีหรือไม่ล่ะ?” หลานเสี่ยวหยุนกล่าว
”นางคือน้าสะใภ้ของเจ้านะ!”
”แล้วท่านแม่ของข้าล่ะ?”
หลานเสี่ยวหยุนยิ้มประชด”นางมิใช่ญาติของท่านกระนั้นหรือ ? แท้ที่จริง นางเป็นพี่สาวคนโตของท่านด้วยซ้ำ”
“เอ่อ… ” ตงรั่วฉินกล่าวคำใดไม่ออกก “เป่าหยุน แต่งงานเข้าบ้านสกุลตงมิใช่เรื่องง่าย นางต้องยอมลดเกียรติมากมายเพียงใด”
ตระกูลตงแม้ว่าจะเป็นตระกูลชั้นนำตระกูลหนึ่งทว่าอำนาจของตระกูลตงก็ไม่อาจเทียบเท่าอำนาจราชวงศ์ เช่นนั้นจึงเป็นการสมเหตุสมผลหากจะกล่าวว่า ฟู่เป่าหยุนต้องลดเกียรติลงมาแต่งงานกับตระกูลตง
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะความไร้สามารถ โง่เขลา อีกทั้งไม่หล่อเหลาเอาเลยของตงรั่วฉิน เขาแตกต่างจากฟู่เป่าหยุนโดยสิ้นเชิง
บทที่ 290 : สังหารให้สิ้น
เริ่มแรกครั้งที่ฟู่เป่าหยุนประกาศอย่างกระทันหันว่านางจะแต่งงานกับตงรั่วฉิน มีผู้คนมากมายที่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้
นอกจากนี้ฟู่เป่าหยุนก็ให้กำเนิดบุตรชายทันที แน่นอนว่านางคลอดตงมู่หลินก่อนกำหนด คนภายนอกจึงพากันนินทาว่าฟู่เป่าหยุนกับตงรั่วฉินมีสัมพันธ์กันก่อนแต่งงาน
สิ่งเหล่านี้ทำให้ตงรั่วฉินรู้สึกผิดเขาจึงทำดีกับนางมากขึ้นเป็นสองเท่า
“ไม่ว่าจะอย่างไรนั่นก็เป็นสิ่งที่ฟู่เป่าหยุนเลือกเองมิใช่หรือ ?” หลานเสี่ยวหยุนกล่าวเบา ๆ “นอกจากนี้ ข้าอยากรู้นักว่า ที่นางแต่งงานกับท่านภายใต้แรงกดดันตั้งมากมาย เหตุก็ควรจะมาจากการที่นางรักท่านเป็นอย่างมาก ทว่าเหตุใดข้าจึงกลับไม่เห็นว่าเป็นเช่นนั้นเลยล่ะ ? ก็แล้วหากนางไม่รักท่าน นางจะแต่งงานกับท่านภายใต้แรงกดดันที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ไปเพื่อเหตุใด ? ”
หลานเสี่ยวหยุนไม่กล่าวคำใดอีกเพียงถ้อยคำเหล่านี้ก็มากพอที่จะทำให้ใครบางคนได้คิด จากนั้นนางก็เดินไปที่ลานหลังบ้าน
เป็นตามคาดตงรั่วฉินนิ่งเงียบไป
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าฟู่เป่าหยุนปฏิบัติต่อเขาอย่างไรได้ดีเท่ากับตัวเขานางดูเหมือนไม่รักเขาเลย ทั้งยังดูถูกเขาต่าง ๆ นา ๆ
เหตุใดนางต้องแต่งงานกับเขาภายใต้ความกดดันตั้งมากมายทั้งที่นางดูถูกเขาตลอดเวลา ?
ทว่าก่อนที่ตงรั่วฉินจะทันได้เข้าใจน้ำเสียงโกรธเกรี้ยวของฟู่เป่าหยุนก็ดังใกล้เข้ามา
”ตงรั่วฉินเจ้าตายไปแล้วหรือไร ? เจ้ามัวเสวนาอะไรกับหญิงผู้นั้น ? มาพาข้าออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้นะ !”
ถ้อยคำวางอำนาจนั่นทำให้ตงรั่วฉินรู้สึกตัว เขารีบตรงไปยังสถานที่ที่ซึ่งย่อยยับราวกับโดนถล่ม จากนั้นก็รีบดึงตัวฟู่เป่าหยุนออกมาพร้อมด้วยใบหน้าซีด ๆ
ทันทีที่ฟู่เป่าหยุนออกมาจากกองซากปรักหักพังได้นางก็ปัดมือเขาทิ้งอย่างไม่ไยดี
นางกล่าวตำหนิด้วยเสียงที่ดังชัดออกไปถึงนอกลานอันเงียบสงบ ทำให้ผู้คนบริเวณนั้นไม่กล้าแม้แต่จะเคลื่อนไหว
”ตงรั่วฉินเจ้าเป็นคนไร้ค่าทั้งไร้ประโยชน์ เจ้าไม่เห็นหรือไรว่าองค์หญิงเช่นข้าถูกรังแก ? เจ้าไม่คิดจะสอนบทเรียนให้หญิงพวกนั้นบ้างเลยกระนั้นหรือ ?” ฟู่เป่าหยุนกล่าวตำหนิตงรั่วฉินด้วยความโมโห จากนั้นนางก็หันไปหาบรรดาบ่าวรับใช้ที่ยืนตัวลีบอยู่ “พวกเจ้าเห็นข้าถูกรังแก แต่กลับไม่ยื่นมือเข้าช่วย ! ข้าควรทำเช่นไรกับพวกเจ้าดี ? ใครก็ได้มาลากขี้ข้ากลุ่มนี้ออกไปสังหารให้สิ้น”
”ท่านแม่”ตงมู่เซียะตาเหลือก นางรีบกระโดดไปยืนข้างกายฟู่เป่าหยุน “อย่าได้หุนหันพลันแล่น หากท่านแม่สังหารบ่าวรับใช้เป็นจำนวนมากเช่นนี้ โลกจะกล่าวถึงท่านเช่นไร ในความคิดของข้า แค่โบยคนละร้อยไม้ก็พอ”
ถ้อยคำดังกล่าวทำให้ฟู่เป่าหยุนเปลี่ยนใจนางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เห็นแก่คำขอร้องของเซียะเอ๋อ ให้โบยพวกเจ้าคนละหนึ่งร้อยไม้ หากวันหน้ายังขืนเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก พวกเจ้าไม่รอดแน่ !”
บ่าวรับใช้ทุกคนต่างตัวสั่นนัยน์ตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว การถูกโบยร้อยไม้ย่อมเพียงพอที่จะเอาชีวิตของพวกเขาแล้ว
คนเช่นพวกเขานอกจากจะไม่สามารถร้องขอความเมตตาได้ทว่ายังกลับต้องยอมรับการลงโทษด้วยสำนึกในพระคุณ
”ท่านพ่อท่านนี่ก็จริง ๆ เลย” ตงมู่เซียะกล่าวพลางหันไปทางตงรั่วฉิน “ท่านไม่เห็นท่านแม่ของข้าถูกรังแกกระนั้นหรือ ? ท่านเองก็เกือบจะเข้าใจท่านแม่ผิดเพียงเพราะคำยั่วยุของผู้อื่น !”
ตระกูลตงเป็นของนางและตงมู่หลิน หลานเสี่ยวหยุนก็แค่คนนอกจะมีความสำคัญมากไปกว่าญาติได้เยี่ยงไร ?
ใบหน้าของตงรั่วฉินแลดูละอายใจ”เป่าหยุน ฟังข้าอธิบายก่อน … ”
“อธิบายนี่เจ้ายังต้องอธิบายสิ่งใดอีก ?” ฟู่เป่าหยุนกล่าวเยาะเย้ย “เป็นเรื่องง่ายนักหรือสำหรับข้าที่ต้องแต่งงานกับเจ้าภายใต้ความกดดันเช่นนั้น ? เจ้าปล่อยให้คนนอกรังแกข้าได้อย่างไร ? ข้ายอมแพ้แล้ว สุดท้ายในสายตาของเจ้า คนนอกพวกนั้นดีกว่าข้าใช่หรือไม่ ? หากข้ารู้ว่าเจ้าจะเป็นคนเช่นนี้ ข้าจะไม่มีวันยอมอดทนกับทุกสิ่งเพียงเพื่อจะได้แต่งงานกับเจ้า”
”ข้า… ข้ามิได้หมายความเช่นนั้น”
ธรรมชาติของตงรั่วฉินนั้นไม่ต่างจากท่อนไม้เขาไม่รู้ว่าจะกล่าวเช่นไร เพื่อให้ผู้ฟังพอใจ ดังนั้นเมื่อเขาเห็นแววตาผิดหวัง อีกทั้งเฉยเมยของฟู่เป่าหยุน เขาก็วิตกกังวลราวกับมดที่เดินอยู่บนกองไฟ