จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 291-295
บทที่ 291 : มังกรแก้วอารมณ์เสีย
“เอาเถอะไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว” ฟู่เป่าหยุนกล่าวด้วยทีท่ารังเกียจ อีกทั้งไร้อารมณ์ “การที่หลานเสี่ยวหยุนกลับมาในวันนี้ เป็นเรื่องดี ถึงแม้ตอนนี้นางจะเกลียดเรา ทว่าในวันหน้านางจะต้องขอบคุณเรา หากมิใช่เพราะเรา มีหรือนางจะได้แต่งงานกับหลานชายของข้า ?”
ตงรั่วฉินอ้าปากค้างทว่ากลับไม่มีคำใดเล็ดลอดออกจากปาก
ในเมื่อฟู่เป่าหยุนไม่สนใจเขาเช่นนั้นเขาจะพูดในสิ่งที่ทำให้นางไม่พอใจเขาอีกเพื่ออะไร ?
”ฟู่เป่าหยุนแล้วมังกรตัวนี้ล่ะ ?” ตงรั่วฉินหันมามองมังกรแก้วผู้ซึ่งยามนี้กำลังนอนหลับอยู่บนพื้น พลางเอ่ยถามหน้าตางง ๆ
“หลานเสี่ยวหยุนขี่มังกรนี่มาเช่นนั้นมันก็ต้องเป็นสิ่งที่พี่สาวคนดีของเจ้าได้มาจากการขายตัว” ฟู่เป่าหยุนเย้ยหยัน ”ดังนั้นสัตว์อสูรตัวนี้ หลานเสี่ยวหยุนจึงไม่สมควรได้รับมัน !
มังกรแก้วที่กำลังหลับอยู่พลันลืมนัยน์ตาดุร้ายของมันขึ้นมามันมองดูฟู่เป่าหยุนด้วยสายตาเย็นชา ดูเหมือนว่ามันกำลังคิดที่จะกลืนกินหญิงผู้นี้ในคำเดียวดี หรือค่อย ๆ เคี้ยวแล้วกลืนอย่างช้า ๆ ดี ?
”ท่านแม่”
ตงมู่เซียะตกใจเมื่อเห็นดวงตาของมังกรแก้วนางรีบหลบไปอยู่หลังฟู่เป่าหยุน “ข้าเกรงว่ามังกรแก้วมิใช่จะจัดการได้ง่าย ๆ เหมือนวิหคเพลิงนั่น มันดุร้ายมากเกินไป”
ตอนนี้วิหคเพลิงนั่นมีสภาพเช่นไรเล่า? ภายหลังจากถูกยอดฝีมือของราชวงศ์ลากตัวไปแล้ว นางได้ยินมาว่าวิหคเพลิงไม่ยอมจำนนแต่โดยดี เช่นนั้นมันจึงถูกเสด็จลุงของนางทุบตี
ทว่ามังกรแก้วนี้แตกต่างกัน
มันแลดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก
”ข้าสอนหลายครั้งแล้วว่าอย่ามองคนอื่นเก่งกาจกว่าตน กระทั่งบั่นทอนความมั่นใจของตน ! มันก็เป็นเพียงสัตว์อสูรขั้นเทียนเจี่ย (ขั้นที่ 3) เมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะขอให้เสด็จลุงของเจ้าหาคนมาเพิ่มให้ข้าอีก ให้พวกเขาตีหัวมันซะ จากนั้นข้าก็จะลากตัวไอ้มังกรแก้วนี่ออกไปโดยจำเป็นไม่ต้องกลัวอะไรอีก”
ฟู่เป่าหยุนกล่าววาจาเยาะเย้ยเหยียดหยาม
ดวงตาของมังกรแก้วดุดันขึ้นเรื่อยๆ หากทำได้มันอยากจะฉีกร่างหญิงที่น่าสาปแช่งผู้นี้ให้ตายเสียตรงนี้ !
เจ้ากล้าคิดตีหัวข้างั้นรึ?
หากแต่มันให้สัญญาแล้วว่าจะไม่สร้างปัญหาใดๆ ในเมื่อตอนนี้ยังไม่มีคำสั่งจากนายหญิง มันก็ไม่กล้าเคลื่อนไหวใด ๆ
ครั้นเห็นมังกรแก้วไร้การตอบโต้ฟู่เป่าหยุนก็ยิ่งคิดอวดดีมากขึ้นเรื่อย ๆ
นางคิดว่าหากมังกรแก้วมีความสามารถมากมายอย่างที่ใคร ๆ เล่าลือ มันคงไม่นิ่งเฉยปล่อยให้นางพูดจาแบบนี้เป็นแน่
เช่นนั้นความแข็งแกร่งของมังกรแก้วน่าที่จะไม่ต่างกับวิหคเพลิง
หากมังกรแก้วรู้ว่าฟู่เป่าหยุนเปรียบเทียบมันกับวิหคเพลิงที่อยู่ในขั้นเทียนเจี่ย(ขั้นที่ 3) มันน่าที่จะกระอักเลือดออกมาแน่นอน
นี่นางมองมังกรแก้วว่าอยู่ในระดับเดียวกับสัตว์อสูรขั้นเทียนเจี่ย(ขั้นที่ 3)ได้อย่างไร ?
เป็นเพราะมังกรแก้วไม่รู้ว่าฟู่เป่าหยุนกำลังคิดสิ่งใดอยู่นั่นจึงทำให้นางยังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
ณลานหลังบ้าน
ท่าทีฉู่อีอี้แลดูไม่พอใจเป็นอย่างมากนางกำหมัดแน่นพร้อมกับขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “เสี่ยวหยุน เมื่อครู่เจ้ามัวพูดอะไรกับลุงของเจ้า ตามความคิดของข้า หากเขากล้าขัดขวางเรา เราก็ไม่จำเป็นต้องสุภาพกับเขาอีก ! อย่างไรเสียเขาก็ยังคงหลงเสน่ห์หญิงผู้นั้นอยู่ดี”
“ใช่แล้ว”ตี้เสี่ยวอวิ๋นพยักหน้าเห็นชอบ “หากมีคนกล้าพูดเช่นนี้กับข้า ข้าจะเลาะฟันของนางออกมาทันที”
หญิงสาวทั้งสองกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโมโหขณะที่ไป๋หยานกลับจ้องมองพวกนางด้วยสายตาเย็นยะเยือก “เพราะพวกเจ้ามิใช่หลานเสี่ยวหยุนไง คนหนึ่งก็เป็นแม่มดน้อย อีกคนก็สวยแต่ไร้สมอง พวกเจ้าไม่เห็นหรือว่าเสี่ยวหยุนกำลังยั่วยุ ? ”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นหยุดคิดจากนั้นนางก็ยกมือขึ้นแตะท้ายทอย “ข้าไม่รู้”
”…”
ไป๋หยานนิ่งอึ้งกล่าววาจาไม่ออกไปชั่วขณะแม่สาวน้อยคู่นี้ไม่รู้จักคิดอะไรเอาเสียเลย หากขืนปล่อยพวกนางใช้ชีวิตเพียงลำพัง วันหน้าจะมั่นใจได้อย่างไรว่าพวกนางจะรู้จักอะไรดีอะไรชั่ว ?
“พี่ไป๋หยานพี่คิดว่าข้าไร้ประโยชน์หรือไม่ ?”
บทที่ 292 : หากไม่ตัดก็จะยิ่งยาว !
หลานเสี่ยวหยุนทำปากยื่นทว่าแววตายังคงนิ่งสงบ “แท้ที่จริงพวกเขาทั้งคู่ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับข้าเลย เพราะถึงอย่างไรข้าก็พบปะพวกเขาไม่เกินปีละครั้ง ข้าสงสารก็เพียงแต่ท่านตาท่านยายรวมถึงท่านแม่ ที่ต้องอดทนกับคนพวกนี้เป็นเวลาเนิ่นนานหลายปี”
นางหลุบตาลงเพื่อปิดบังความเศร้าในแววตา
“ทว่าคนเหล่านี้กลับยิ่งทำตัวแย่หนักขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งท่านแม่ของข้ายอมอ่อนข้อ พวกเขาก็ยิ่งสนุกที่จะรังแกเรา”
หลานเสี่ยวหยุนเองก็ชอบกลั่นแกล้งรังแกผู้อื่นแต่นั่นต้องไม่ใช่คนสายเลือดเดียวกัน เว้นจากนั้นนางก็สามารถจัดการได้ทุกคนและทุกที่
”เสี่ยวหยุน”ไป๋หยานหันไปกล่าวกับหลานเสี่ยวหยุน “ไร้ประโยชน์ที่เจ้าจะชี้ทางสว่างให้น้าของเจ้า เพราะน้าของเจ้าไม่เชื่อเจ้าหรอก”
ร่างของหลานเสี่ยวหยุนแข็งทื่อนางกล่าวพร้อมรอยยิ้มเศร้า ๆ “เขาแต่งงานกับหญิงผู้นั้นเอง นับเป็นความผิดของเขา ก็แล้วเหตุใดพวกเราจึงจะต้องชดใช้ร่วมไปกับเขาด้วย ? พี่ไป๋หยานข้าไม่พอใจจริง ๆ นะ”
ไป๋หยานเงียบไปนานก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหลานเสี่ยวหยุนพลางกล่าวเบา ๆ ว่า “ข้ามีข้อคิดที่อยากบอกเจ้า หากไม่ตัดก็จะยิ่งยาว”
หากไม่ตัดก็จะยิ่งยาว!
หลานเสี่ยวหยุนเม้มปากแน่นนางเงยหน้าขึ้นสบตาไป๋หยานอย่างแน่วแน่
”พี่ไป๋หยานข้าเข้าใจแล้ว แม้จะต้องทำให้ท่านตาท่านยายเสียใจ ทว่าครั้งนี้ข้าต้องขอให้ท่านแม่ตัดพี่ตัดน้องกับท่านน้าเสียที !”
ท่านตาท่านยายอาจจะเศร้าโศกอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่งอย่างไรเสียท่านแม่ก็ยังคงเป็นบุตรสาวของท่านทั้งสองไม่เปลี่ยนแปลง
แต่หากเรายังคงสานสายสัมพันธ์นี้ต่อไปบางทีไม่ช้าก็เร็วชีวิตของท่านแม่อาจจะถูกคนเหล่านั้นทำลาย
กล่าวถึงตรงนี้หลานเสี่ยวหยุนก็มาหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้อง ๆ หนึ่ง นางหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปผลักบานประตู
แอ๊ด!
ครั้นได้ยินเสียงเปิดประตูชายชราผู้ซึ่งกำลังนั่งอยู่ที่หัวเตียงพลันขมวดคิ้วเขาตะโกนขึ้นว่า “เจ้ามาทำอะไรที่นี่อีก ?
แน่นอนว่าประโยคนี้หาได้ต้องการพูดกับหลานเสี่ยวหยุนไม่
ทว่าหลังจากได้ยินถ้อยคำเหล่านั้นใบหน้าของหลานเสี่ยวหยุนพลันซีดเผือด
”ท่านตาเกิดอะไรขึ้นกับท่านยาย ?”
ขณะนี้ผู้ที่นอนอยู่บนเตียงมิได้มีเพียงตงรั่วหลานเท่านั้น ทว่ายังมีตงฮูหยินผู้ซึ่งยังมีคราบน้ำตาอาบใบหน้านอนร่วมอยู่บนเตียงด้วย
ตงเทียนหลิงตกตะลึงเขาแข็งใจหันหน้าไปทางต้นเสียง จึงได้เห็นหญิงสาวยืนอยู่บริเวณประตูพร้อมด้วยหยาดน้ำตาที่เอ่อคลอ
”หยุนเอ๋อเจ้ามาแล้วหรือ ?”
”ท่านตาบอกข้าหน่อยเถิดว่าเกิดเรื่องใดขึ้น ท่านแม่มีปัญหากับหญิงผู้นั้นอีกแล้วใช่หรือไม่ ? แล้วนางก็ทำให้ท่านยายล้มป่วยด้วยใช่หรือไม่ ? ก็แล้วพี่รองของข้าอยู่ที่ใด ?” ร่างของหลานเสี่ยวหยุนสั่นสะท้าน นางรีบเดินมาที่หัวเตียง ทว่าก้าวขาได้เพียงไม่กี่ก้าว ความอดทนที่นางเพียรพยายามเก็บกลั้นตลอดทางพลันพังลายลง น้ำตาของนางรินไหลพรั่งพรู
ใบหน้าของตงเทียนหลิงแลดูค่อนข้างแข็งทื่อราวกับเขาไม่รู้จะอธิบายเช่นไร
อีกด้านหนึ่งตงฮูหยินยื่นมือสั่นเทามาจับมือหลานเสี่ยวหยุนพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “หยุนเอ๋อ เจ้าไม่ควรกลับมาเลย น้าสะใภ้ของเจ้าจะให้เจ้าถวายตัวเป็นพระสนมขององค์ชายสาม ทว่ามารดาของเจ้าไม่เห็นพ้อง เช่นนั้นนางจึงทำร้ายมารดาของเจ้า”
เปรี้ยง!
ราวสายฟ้าฟาดลงบนศีรษะสมองของหลานเสี่ยวหยุนว่างเปล่าทันที
หญิงผู้นั้นต้องการให้ข้าถวายตัวเป็นพระสนมขององค์ชายสามไปเป็นอนุเนี่ยนะ หากแต่เพราะท่านแม่ไม่เห็นด้วย นางจึงทำร้ายท่านแม่
ทันใดนั้นก็มีมือยื่นมาจากข้างหลังมือนั้นลูบไหล่ของหลานเสี่ยวหยุนเบา ๆ
บางทีอาจเป็นเพราะอุณหภูมิจากฝ่ามือของไป๋หยานทำให้หลานเสี่ยวหยุนกลับมารู้สึกตัว สีหน้าของนางจึงค่อย ๆ ดีขึ้น
นางลืมไปได้อย่างไรว่านางยังมีพี่ไป๋หยาน ตราบใดที่อยู่กับพี่ไป๋หยาน จะไม่มีผู้ใดแตะต้องนางได้
”เสี่ยวหยุนให้ข้าดูท่านป้าหน่อย”
บทที่ 293 : ฟู่เทียนฉี (1)
”เจ้าก็คือ… ” ครั้นตงฮูหยินได้ยินคำพูดของหลานเสี่ยวหยุน นางก็หันไปมองไป๋หยานพลางเอ่ยถามพร้อมกับขมวดคิ้วน้อย ๆ
หลานเสี่ยวหยุนใช้นิ้วแตะริมฝีปากสีชมพูของตน”ท่านยายนางเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้า พี่ไป๋หยาน”
ไป๋หยาน?
”เจ้าเป็นบุตรสาวของหลานเยี่ยใช่หรือไม่?” ตงฮูหยินตงเอ่ยถาม
หลายปีที่ผ่านมานี้นางได้ยินเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับตระกูลหลาน
โดยเฉพาะข่าวที่ว่าหลานสาวเพียงผู้เดียวของตระกูลหลานหายตัวไปเมื่อหลายปีก่อน
”ท่านยายไว้ข้าจะอธิบายเรื่องต่าง ๆ ให้ท่านฟังในภายหลัง” หลานเสี่ยวหยุนกล่าว จากนั้นนางก็ก้าวถอยหลังกลับไปสองก้าว “พี่ไป๋หยาน โปรดช่วยดูอาการท่านแม่ด้วย”
ครั้นหลานเสี่ยวหยุนกล่าวจบไป๋หยานก็ลดสายตาลงมองหญิงสาวสวยที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง ยิ่งมอง นางก็ยิ่งขมวดคิ้ว พลันแววตาของนางก็เปล่งประกายราวกับกำลังใช้ความคิด
”เป็นอย่างไรบ้าง? รั่วหลานนาง… ” ตงฮูหยินมิรู้ว่า เหตุใดหลานเสี่ยวหยุนจึงต้องการให้ไป๋หยานมาดูอาการบุตรสาวของนาง
แต่ครั้นเห็นท่าทีของไป๋หยานหัวใจของนางพลันเครียดขึ้นมาทันที
คิ้วของไป๋หยานค่อยๆ คลาย “อาการของท่านป้ามิได้หนักหนา เพียงยาบำรุงกำลังระดับสองก็สามารถช่วยให้ท่านฟื้นได้”
ไม่หนักหนากระนั้นรึ?
ตงฮูหยินอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ
ตงเทียนหลิงผู้ซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่งขมวดคิ้ว”ข้าขอให้ซินแสมาช่วยตรวจอาการนาง ให้นางกินยาเม็ดอายุวัฒนะแล้ว ทว่านางก็ยังไม่ฟื้น”
ไป๋หยานเหลือบมองตงเทียนหลิงพลางกล่าวว่า”แล้วท่านได้พบกับหมอปรุงยาบ้างหรือไม่ ?”
”ก็ไม่ได้พบหรอกเพราะแท้จริงแล้วหลังจากที่หญิงผู้นั้นทำร้ายรั่วหลาน นางก็เข้าวังเพื่อพบหมอปรุงยา จากนั้นนางก็นำยาบำรุงกำลังระดับสองมาให้รั่วหลานกินอีกด้วย … ”
ว่าแล้วตงเทียนหลิงก็อึ้งไป เขาหันกลับไปมองไป๋หยาน
ไป๋หยานรู้ว่าถ้อยคำของนางส่งผลแล้ว รอยยิ้มน้อย ๆ ปรากฏบนใบหน้าของนาง
อย่างไรก็ตามนัยน์ตาสีดำขลับแจ่มชัดนั้นกลับเต็มไปด้วยอายเย็นยะเยือก
“อาการบาดเจ็บของท่านป้ามิได้ร้ายแรงนักเพียงยาบำรุงสักเม็ดก็สามารถปลุกนางให้ตื่นได้ ทว่าหากนางไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีแล้วล่ะก็ อาการบาดเจ็บของนางก็จะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ท้ายสุดก็จะไม่มียาใดที่สามารถรักษาอาการของนางให้หายได้ !”
ไป๋หยานยืนยิ้มกว้างอย่างสง่างาม
หลานเสี่ยวหยุนถือยาพร้อมกับเดินช้า ๆ ตรงเข้าไปที่เตียง
ครั้นเห็นใบหน้าสีซีดขาวของตงรั่วหลานแววตาของหลานเสี่ยวหยุนก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้น นางกดความแค้นนี้ให้จมลึก ทว่ามันก็ยังอัดแน่นในก้นบึ้งของดวงตานาง
”ไม่ต้องห่วงท่านแม่ ข้าจะไม่ปล่อยให้ผู้ที่ทำร้ายท่านได้อยู่อย่างสุขสบายเป็นแน่ !”
ไป๋หยานกล่าวได้ถูกต้องหากไม่ตัดก็จะยิ่งยาว
ครานี้ต่อให้ท่านตาท่านยายห้ามปราม เพื่อเห็นแก่ท่านแม่แล้ว ข้าจะไม่มีวันยอมอีกต่อไป
ในขณะที่หลานเสี่ยวหยุนกำลังป้อนยาให้ตงรั่วหลานอยู่นั้นน้ำเสียงที่ไพเราะนุ่มนวลก็ดังขึ้นข้างหลังนาง
”ท่านน้าอย่างไรเสียท่านยายก็จะต้องปลอดภัย หม่ามี้ของเฉินเอ๋อจะช่วยเรียกร้องความยุติธรรมให้ท่านเอง”
เสียงของเด็กน้อยทำให้ตงเทียนหลิงและฮูหยินตื่นจากภวังค์ เขาเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจว่า “เด็กผู้นี้คือ … ”
”คารวะท่านตาทวด ท่านยายทวด ข้าเป็นลูกชายที่แสนดีของหม่ามี้ พวกท่านเรียกข้าว่าเฉินเอ๋อก็ได้”
น้ำเสียงที่ไพเราะและน่ารักของไป๋เสี่ยวเฉินทำให้หัวใจของผู้ที่ได้ยินอ่อนยวบ
เพียงตงฮูหยินแลเห็นเด็กชายที่ผิวเนียนละเอียดอ่อนน่ารักน่าเอ็นดูคนนี้เป็นครั้งแรกนางก็ไม่สามารถละสายตาจากเด็กน้อยได้เลย นางลืมสิ่งที่ต้องการจะพูดก่อนหน้านี้ไปสิ้น
”คุณหนูไป๋เด็กผู้นี้คือบุตรชายของเจ้ากระนั้นหรือ ?”
เป็นเวลานานกว่าที่นางจะกลับมารู้สึกตัวและเอ่ยถาม
ครานั้นนางได้ยินมาว่าไป๋หยานตั้งครรภ์ก่อนแต่ง ข่าวลือนี้เป็นความจริงกระนั้นหรือ ?
”เขาเป็นบุตรชายที่แสนดีของข้าจริงๆ หากแต่เมื่อเทียบกับเรื่องที่ท่านถาม ข้ายังมีเรื่องสำคัญที่จะต้องเจรจากับท่าน” ไป๋หยานหันไปมองหลานเสี่ยวหยุนพลางกล่าวว่า “ท่านแม่ของเจ้าคงจะฟื้นในไม่ช้า อย่ารบกวนนางเลย ออกไปข้างนอกก่อนเถอะ”
บทที่ 294 : ฟู่เทียนฉี (2)
แววตาของหลานเสี่ยวหยุนยังคงดูลังเลขณะมองหญิงสาวสวยบนเตียง แต่แล้วนางก็หันกลับมาพยักหน้าให้ไป๋หยานทันที “ได้…”
ครานี้ตี้เสี่ยวอวิ๋นและฉู่อีอี้ก็ทำได้เพียงเดินตามไป๋หยานไปอย่างเงียบๆ โดยไม่ส่งเสียงใด ๆ อีก
ภายนอกห้องตงเทียนหลิงช่วยพยุงตงฮูหยินค่อย ๆ ก้าวทีละก้าว ๆ ไปทางห้องโถง
หลานเสี่ยวหยุนดูเหมือนจะรู้ว่าไป๋หยานต้องการจะพูดเรื่องใดนางนิ่งเงียบ หากนางไม่ให้บทเรียนแก่คนเหล่านี้บ้าง นางก็ไม่รู้ว่าครั้งหน้ามารดาของนางจะต้องพบเจออันตรายเช่นไรอีก
”แม่นางไป๋”ตงเทียนหลิงนั่งลง เขาเงยหน้าขึ้น มองไป๋หยานพลานถอนหายใจ “เจ้าต้องการจะพูดเรื่องใดหรือ ?”
นัยน์ตาดำสนิทของไป๋หยานใสสะอาดแวววาว
เสียงของนางฟังดูเด็ดขาดดังก้องในห้องโถงที่เงียบสงบ
“ถึงแม้ท่านป้าจะเป็นบุตรสาวของตระกูลตงหากแต่ท่านก็ไม่ควรลืมว่านางเป็นลูกสะใภ้ของบ้านสกุลหลานเช่นกัน ?”
”ลูกสะใภ้ของบ้านสกุลหลานเดินทางออกจากบ้านสกุลหลานอย่างปกติดีทว่าตอนนี้นางกลับไม่สามารถลืมตาลุกขึ้นจากเตียงได้ นอกจากนี้ยาที่นางได้รับนั้นก็ยังเป็นยาปลอม เช่นนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่สกุลตงของท่านจะปฏิเสธไม่รับผิดชอบในเรื่องนี้”
ใบหน้าของตงเทียนหลิงแข็งกระด้างหน้าผากของเขาย่นลงเล็กน้อย “แม่นางไป๋ เจ้าก็รู้ว่า นางเป็นบุตรสาวของข้า บิดาทุกคนย่อมต้องเป็นห่วงบุตรจริงหรือไม่ ? แต่เจ้าไม่เข้าใจ บางครั้งเรื่องบางเรื่องก็ไม่อาจทำอะไรได้มากนัก ! ”
”ไม่อาจทำอะไรได้มากนัก!” ไป๋หยานทวนคำพร้อมกับหัวเราะ “เหตุที่ยามนี้ข้ายังไม่จัดการฟู่เป่าหยุน ก็เพียงเพราะ ข้าหวังว่าสกุลตงของท่านจะให้คำอธิบายในเรื่องนี้กับข้าได้บ้าง แต่หากท่านไม่สามารถตัดสินใจได้ เรื่องของท่านป้าสะใภ้ ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะจัดการเอง ! ”
ใบหน้าของตงเทียนหลิงนั้นแลดูไม่ดีนักทว่าครั้นหวนนึกถึงเมื่อครู่ไป๋หยานสู้อุตส่าห์นำยาอายุวัฒนะชั้นดีมาช่วยตงรั่วหลาน เขาจึงไม่อาจถือโกรธนางได้ เขาทำได้เพียงถอนหายใจลึกพลางกล่าวว่า “ข้าจะไม่ปล่อยให้รั่วหลานถูกรังแกอีก เรื่องนี้เป็นเรื่องภายในสกุลตงของเรา แม่นางมาจากสกุลไป๋ ข้าเกรงว่า … ”
ความหมายของเขานั้นชัดเจนมากไป๋หยานมาจากสกุลไป๋ เช่นนั้นจึงไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของสกุลตง
หลังจากที่ตงเทียนหลิงกล่าวจบไป๋เสี่ยวเฉินก็กระพริบตา เขาหันมามองไป๋หยานด้วยดวงตาที่น่ารักและสดใส
”หม่ามี้ท่านมาจากสกุลไป๋หรือ ? ทำไมเฉินเอ๋อถึงไม่รู้เรื่องเลยล่ะ ? มิใช่ว่าเรามาจากสกุลหลานหรอกหรือ ?”
สีหน้าของเขาแลดูงงงวยมากราวกับว่า เขาไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างไป๋หยานกับตระกูลไป๋เลย
ตงเทียนหลิงตกตะลึงไป๋หยานมาจากตระกูลหลาน นี่มัน…
”ท่านตา”ครั้นเห็นสีหน้าของตงเทียนหลิง ใบหน้าเล็ก ๆ ของหลานเสี่ยวหยุนก็เหมือนไม่สบอารมณ์นัก “ที่เฉินเอ๋อกล่าวมาไม่ผิด พี่ไป๋หยานของข้าตัดขาดจากสกุลไป๋แล้ว นางเป็นคนของสกุลหลานเราเต็มตัว นางสนิทกับท่านแม่ของข้ายิ่งกว่าคนของตระกูลตงเสียอีก”
แววตาของตงเทียนหลิงเคร่งขรึมหากเป็นเช่นนี้ เรื่องก็ไม่ง่ายเลย
ปัง!
ทันใดนั้นเองตงฮูหยินตงก็ใช้ไม้เท้ากระแทกลงบนพื้น นางจ้องมองตงเทียนหลิงอย่างโกรธเคือง
”ตงเทียนหลิงหากเจ้าไม่โกรธเคืองเรื่องของบุตรสาวข้าก็เป็นเรื่องของเจ้า ทว่าตอนนี้เสี่ยวหยุนกับแม่นางไป๋มาช่วยรั่วหลานแล้ว เจ้ายังต้องการขัดขวางพวกนางอีกกระนั้นหรือ ? ข้าขอบอกเจ้าไว้เลยว่า หากเจ้ากล้าขัดขวางพวกนาง ข้าจะขอเลิกรากับเจ้า และจะไปจากที่นี่พร้อมกับรั่วหลาน ! ”
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาตงฮูหยินและตงเทียนหลิงต่างก็รักใคร่กลมเกลียวกันเป็นอย่างดี ทว่าตอนนี้นางกลับกล่าวคำว่า “เลิกรา” แสดงให้เห็นถึงระดับความโกรธเคืองของนาง
ตงเทียนหลิงกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มไม่พอใจ”ก็ได้ ก็ได้ เช่นนั้นก็แล้วแต่พวกเจ้าแล้วกัน ข้าจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก อยากทำอะไรก็ทำ ข้าจะเรียกพวกเขาออกมาให้”
บทที่ 295 : ฟู่เทียนฉี (3)
ตงเทียนหลิงกระซิบกับชายที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาสองสามคำ ชายผู้นั้นเดินออกจากห้องอย่างรวดเร็ว ผ่านไปครึ่งชั่วยามเขาก็กลับมา เขายกมือขึ้นป้องพลางกล่าวว่า
”เรียนท่านนายท่านนายน้อยและฮูหยินน้อยไม่ได้อยู่ที่นี่ ทั้งคู่เข้าวังหลวงไปด้วยกัน”
”ไม่อยู่บ้านงั้นรึ? เช่นนั้นทันทีที่พวกเขากลับมาถึงก็ให้พวกเขามาพบข้าทันที !” แววตาของตงฮูหยินเย็นยะเยือก ครั้นนางหันมามองหลานสี่ยวหยุน ใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยความรัก “เสี่ยวหยุน ยายจะพาเจ้าไปพบพี่รองของเจ้า สองวันมานี้ เขาไม่กินไม่ดื่มเลย … ”
หลานเสี่ยวหยุนพยักหน้า”อืม…”
ณเรือนจำภายในวังหลวง
ภายในห้องขังชื้นแฉะวิหคเพลิงถูกขังอยู่ในกรง แม้ว่าร่างของมันจะเต็มไปด้วยร่องรอยฟกช้ำ ทว่ามันก็ยังคงชูคอสูง ขณะจ้องมองผู้คนที่ยืนอยู่นอกกรงอย่างเย็นชา
เอี๊ยด!
ประตูห้องขังถูกเปิดออกหญิงสาวในอาภรณ์สวยหรูสง่างามก้าวผ่านประตูเข้ามา มีชายร่างเล็กเดินตามนางมาอย่างช้า ๆ ทีท่าของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนน้อม
”คารวะองค์หญิงคารวะคุณชาย”
ครั้นเห็นฟู่เป่าหยุนและตงรั่วฉินเดินเข้ามา กลุ่มคนในห้องขังก็กล่าวทักทาย
“กะแค่วิหคเพลิงตัวเล็กๆ เหตุใดพวกเจ้าจึงยังทำให้มันเชื่องไม่ได้ ? หากพวกเจ้าสยบวิหคเพลิงตัวนี้ไม่ได้ เช่นนั้นข้าจะถวายมันแด่องค์ฮ่องเต้ได้อย่างไร ?” ใบหน้าของฟู่เป่าหยุนแลดูน่าเกลียดขึ้นทันที
เพื่อที่จะจับวิหคเพลิงแล้วนางวางแผนล่อวิหคเพลิงออกมาจากบ้านสกุลตง จากนั้นยอดฝีมือของวังหลวงก็ออกมา ในการต่อสู้ครั้งนี้ วังหลวงต้องสูญเสียยอดฝีมือที่แข็งแกร่งขั้นเทียนเจี่ย (ขั้นที่ 3) ไปหลายคน ทั้งยังต้องใช้ความพยายาม และทรัพยากรอย่างมากกว่าจะจับมันมาได้ หากมันไม่ยอมจำนน เช่นนั้นนางจะอธิบายต่อเสด็จพี่ของนางอย่างไร หากเขาถามถึงยอดฝีมือระดับเทียนเจี่ยพวกนั้น ?
“ทูลองค์หญิงสัตว์อสูรตัวนี้จองหองมาก ยากที่จะทำให้มันเชื่องได้”
ยอดฝีมือผู้หนึ่งขมวดคิ้วพร้อมกับกล่าวเบา ๆ
ใบหน้าของฟู่เป่าหยุนเปลี่ยนไปอีกครั้ง”ไร้ค่าจริง ๆ ! นี่เจ้าไม่สามารถทำให้ไอ้นกนี่เชื่องได้ ยังกล้าปฏิเสธความรับผิดชอบหาว่าเป็นเพราะมันจองหองกระนั้นรึ ? ข้าคิดว่าเป็นเพราะพวกเจ้าไร้ความสามารถเสียล่ะมากกว่า !”
ทันทีที่ถ้อยคำเหล่านั้นหลุดจากปากของฟู่เป่าหยุนสีหน้าของยอดฝีมือในที่คุมขังเหล่านั้นก็แลดูไม่ดีนัก
แม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังไว้หน้ายอดฝีมือระดับเทียนเจี่ยอย่างพวกเขา ในโลกนี้มีเพียงองค์หญิงผู้นี้เท่านั้นที่กล้าใช้วาจากับพวกเขาอย่างหยาบคาย !
หากมิใช่เพื่อประโยชน์ขององค์ฮ่องเต้แล้วพวกเขาก็คงจะลงมือทำอะไรบางอย่างไปแล้ว
”ให้เวลาอีกสามวันหากพวกเจ้าไม่สามารถปราบวิหคเพลิงได้ ก็ไปเสียจากวังหลวงซะ ราชสำนักของเราไม่เลี้ยงคนไร้ค่า”
ฟู่เป่าหยุนแสดงทีท่าฮึดฮัดก่อนจะหันหลังกลับ เดินออกไปจากที่คุมขังราวกับนกยูงรำแพนอย่างภาคภูมิใจ
ตงรั่วฉินก้มหน้าคำนับให้บรรดายอดฝีมือเหล่านั้นด้วยความรู้สึกผิดก่อนจะหันหลังเดินตามฟู่เป่าหยุนไปอย่างใกล้ชิด
ครั้นเขาออกจากห้องคุมขังเขาก็กล่าวว่า “เป่าหยุน พูดกับยอดฝีมือระดับเทียนเจี่ยเช่นนั้นจะดีหรือ ?”
“ถึงแม้ว่าคนเหล่านั้นจะอยู่ระดับเทียนเจี่ยทว่าอย่างไรเสียพวกเขาก็เป็นเพียงข้ารับใช้ของราชสำนัก ในฐานะองค์หญิง จะไม่ให้ข้าดุด่าพวกเขาได้อย่างไร ?” ฟู่เป่าหยุนหันกลับมาจ้องมองตงรั่วฉินด้วยสายตาดุดัน
ตงรั่วฉินกลัวเกินกว่าจะพูดเรื่องนี้อีกเขาเอ่ยถามอย่างระมัดระวังว่า “เราจะไปที่ใดกันต่อ ?”
”ไปเข้าเฝ้าเสด็จพี่ข้าไม่เชื่อว่า ครั้งนี้จะไม่ทรงยอมพบหน้าข้าอีก”
ฟู่เป่าหยุนกัดริมฝีปากของตน
นางต้องการบอกกล่าวพี่ชายของนางก่อนที่จะปราบเจ้าวิหคเพลิงทว่าเขาแสร้งล้มป่วยทันทีที่ได้ยินว่านางมา เช่นนั้นนางจึงได้แต่สั่งพวกยอดฝีมือระดับเทียนเจี่ยให้จัดการวิหคเพลิงโดยพลการ
บัดนี้ดูเหมือนว่าหากนางต้องการทำให้วิหคเพลิงเชื่อง นางจำเป็นต้องหายอดฝีมือที่มีระดับสูงกว่านี้ !
ขณะเดียวกันฟู่เทียนฉีก็กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ลายมังกรภายในห้องตำราหลวง เขากำลังนั่งมองของที่ระลึกในมืออย่างเงียบ ๆ ใบหน้าที่อบอุ่นของเขาแลดูอ่อนโยนลงเล็กน้อย