จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 301-305
บทที่ 301 : ตี้เสี่ยวอวิ๋นผิดหวัง (2)
ตี้เสี่ยวอวิ๋นหลบตาวูบนางไม่กล้ามองตาไป๋หยาน
”ว่ามามีอะไร ?” ครั้นเห็นท่าทีของตี้เสี่ยวอวิ๋น ไป๋หยานก็ยิ่งมั่นใจว่า ตี้เสี่ยวอวิ๋นมีเรื่องบางอย่างปิดบังนางอยู่ “ช่างเถอะ เจ้าไม่พูดก็ไม่เป็นไร ข้าต้องจัดการเรื่องของตระกูลตงอาจใช้เวลาสักสิบวัน หรืออาจนานถึงครึ่งเดือน”
”พี่สะใภ้”ตี้เสี่ยวอวิ๋นร้องออกมาอย่างกังวลใจ “ไม่ได้ พี่อยู่ที่นี่ไม่ได้ หากพี่ชายของฉู่อีอี้มาที่นี่ ข้าอาจจะต้องพ่ายแพ้ !”
ไป๋หยานกล่าว “เจ้าหมายถึงอะไร”
”ข้า… ข้าเพิ่งเห็นจดหมายจากพี่ชายฉู่อีอี้ เขาบอกว่าเพิ่งเห็นจดหมายฉู่อีอี้เมื่อสองสามวันก่อน ตอนนี้เขาคงกำลังเดินทางมาแล้ว ฉู่อีอี้ขอให้ผู้คุ้มกันของนางออกไปรออยู่นอกเมือง”
จากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไปอาณาจักรหลิวฮั่วจำเป็นต้องผ่านอาณาจักรฉื่อเสียหากผู้คุ้มกันของฉู่อีอี้ออกไปรออยู่นอกเมือง เช่นนั้นพวกเขาจะต้องไปรอรับฉู่อี้เฟิงเป็นแน่
เมื่อได้ยินว่าฉู่อี้เฟิงกำลังจะมาถึงไป๋หยานก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที
”ข้าเคยบอกนานแล้วว่าข้าไม่ต้องการให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ยื่นมือแทรกแซงเรื่องของข้า ก็แล้วเหตุใดฉู่อี้เฟิงถึงต้องมาที่นี่ ?”
”พี่สะใภ้รีบจัดการเรื่องที่นี่ให้เสร็จ ๆ ไปทีเถิด จากนั้นเราก็รีบกลับบ้านของเรากัน ที่บ้านมีพี่ชายใหญ่ ไม่มีผู้ใดสามารถพาพี่สะใภ้ไปไหนได้แน่”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นกัดฟันกรอดด้วยความโกรธ
ฉู่อีอี้เลวโดยสันดานครั้นเห็นว่าพี่ชายของนางไม่ได้มาที่นี่ด้วย ฉู่อีอี้ก็เลยรีบตามพ่อบุญธรรมของเฉินเอ๋อมา หมายจะลักพาพี่สะใภ้นาง
นางต้องช่วยพี่ชายคอยเฝ้าพี่สะใภ้ไม่ให้คนเหล่านั้นทำการได้สำเร็จ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้วตี้เสี่ยวอวิ๋นก็หันไปมองไป๋เสี่ยวเฉิน พลันนางก็รู้สึกสบายใจขึ้น
เพราะอย่างไรเสียเฉินเอ๋อก็เป็นบุตรชายแท้ ๆ ของพี่ชายข้า เขาจะต้องยืนเคียงข้างพี่ชายของข้าอย่างแน่นอน เช่นนั้นนางจึงพยายามชักชวนให้ไป๋หยานกลับบ้าน
”เฉินเอ๋อ… ”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นพยายามจะเกลี้ยกล่อมให้ไป๋เสี่ยวเฉินอยู่ข้างเดียวกันกับนางไม่คาดคิดว่าแววตาของซาลาเปาน้อยกลับสว่างวาบ เขามองไป๋หยานอย่างมีความหวัง
”หม่ามี้พ่อบุญธรรมกำลังจะมา ทำไมเราไม่อยู่รอพ่อบุญธรรมก่อนแล้วค่อยไปพร้อมกันล่ะ ?”
ถ้อยคำดังกล่าวทำให้ตี้เสี่ยวอวิ๋นสำลักคำพูดที่ค้างในลำคอของนางทันที
ยังเสียงใสๆ นั่นอีก ยิ่งทำให้นางปวดใจเหลือเกิน
ชั่วขณะนั้นเองเสียงฝีเท้าก็ดังมาจากด้านนอกของลานบ้าน เพียงไม่นาน ฟู่เป่าหยุนก็วิ่งกระหืดหระหอบเข้ามา ทีท่าของนางพร้อมจะมีเรื่อง
นางรีบวิ่งไปด้านหน้าไป๋หยาน จากนั้นก็เตะโต๊ะน้ำชาที่อยู่ตรงหน้านาง พร้อมกับตะโกนด้วยความโกรธ “เมื่อครู่เป็นเจ้าใช่หรือไม่ที่ทำร้ายบุตรชายข้า ?”
ไป๋หยานไม่แม้แต่จะชายตามองนางหย่อนกายลงนอนบนเก้าอี้ ยกมือขึ้นหนุนศีรษะ มุมปากของนางยกยิ้ม
”อย่าลืมเลียน้ำที่หกบนพื้นนั่นให้สะอาดด้วยล่ะ”
ไป๋เสี่ยวเฉินกระพริบตา”หม่ามี้ แล้วถ้านางเลียไม่สะอาดล่ะ ?”
“ง่ายมากนางเตะโต๊ะของข้า เช่นนั้นข้าก็จะตัดเท้าของนางซะ”
อย่างว่าคนใกล้ชาดติดสีแดง คนใกล้หมึกติดสีดำ (สำนวนจีน : อุปมา คนที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมแบบไหน หรือใกล้กับอะไร ก็จะติดนิสัยหรือสิ่งนั้นมาด้วย สุภาษิตไทย ใช้คำว่า “ คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล ”)
นางอยู่กับตี้คังมานานพอควรย่อมเรียนรู้วิธีตัดมือตัดเท้าของคนมาด้วย
”นังแพศยา!”
แววตาของฟู่เป่าหยุนเย็นชานางตวัดมือจะตบหน้าไป๋หยาน
ทว่ามือของนางยังไม่ทันจะถึงแก้มของไป๋หยานตี้เสี่ยวอวิ๋นก็ยกมือขึ้นจับมือของนางแน่น
”เจ้าว่าใครแพศยา ?” นัยน์ตากลมโตที่สวยงามของตี้เสี่ยวอวิ๋นเต็มไปด้วยความโกรธ “พี่สะใภ้ข้า ไม่ใช่คนที่เจ้าจะสามารถหยาบคายด้วยได้ ?”
ต่อหน้าตี้เสี่ยวอวิ๋นนางกล้าด่าว่าพี่สะใภ้ข้าได้อย่างไร ไม่กลัวตายหรือไร ?
ฟู่เป่าหยุนยิ้มเยาะนางมองไป๋หยานด้วยสายตาแดกดัน “ไป๋หยาน ญาติของหลานเสี่ยวหยุน หาได้เป็นที่รู้จักเฉพาะในอาณาจักรหลิวฮั่วไม่ แม้แต่อาณาจักรฉื่อเสียของเราชื่อเสียงของนางก็ฉาวโฉ่ ก็แล้วเหตุใดข้าจะด่านางว่าแพศยาไม่ได้ ! ?”
***จบบทตี้เสี่ยวอวิ๋นผิดหวัง (2)***
บทที่ 302 : ตี้เสี่ยวอวิ๋นผิดหวัง (3)
ห้าปีที่แล้วไป๋หยานหนีตามผู้ชายทำให้บ้านสกุลหลานต้องอับอายขายหน้า
เช่นนั้นในช่วงห้าปีที่ผ่านมาทุกครั้งที่ตงรั่วหลานกลับมาเยี่ยมบ้านสกุลตง ฟู่เป่าหยุนก็จะใช้โอกาสนี้เยาะเย้ยถากถางนาง
เพี้ยะ!
ใบหน้าที่สวยงามของตี้เสี่ยวอวิ๋นเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวนางยกมือขึ้นสะบัดไปบนใบหน้าของฟู่เป่าหยุน
แรงตบของนางทรงพลังมากผลก็คือฟู่เป่าหยุนลอยละลิ่ว ก่อนจะตกลงสู่พื้นอย่างหมดสภาพ
ไป๋หยานมองร่างที่ร่วงหล่นลงบนพื้นของฟู่เป่าหยุนก่อนจะเชิดริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย “เฉินเอ๋อ ไปเชิญท่านเจ้าบ้าน และฮูหยินผู้เฒ่าของบ้านสกุลตงมาที่นี่ วันนี้หากป้าสะใภ้ของข้าไม่ได้รับความยุติธรรม ข้าจะทำให้บ้านสกุลตงของนางไม่มีวันสงบสุขอีกสืบไป !”
ครั้นคำว่า”ไม่มีวันสงบสุข” หลุดออกมา อากาศโดยรอบก็เย็นลง สายลมหนาวพัดหวีดหวิวมาทันที
ลมเย็นๆ พัดผ่านร่างกาย ไอเย็นก่อความยะเยือกไปถึงกระดูก
ไป๋เสี่ยวเฉินมองฟู่เป่าหยุนกับสามีด้วยท่าทีเห็นอกเห็นใจทว่าเด็กน้อยก็ไม่สามารถซ่อนความสะใจในแววตาของเขาได้
”ได้เลยหม่ามี้เฉินเอ๋อจัดให้”
ครั้นจบประโยคไป๋เสี่ยวเฉินก็ลุกออกจากอ้อมแขนของไป๋หยาน ก่อนจะวิ่งตื๋อออกไปจากลานหลังบ้าน ไม่นานร่างเล็ก ๆ ก็หายลับตา
”เจ้าคิดว่าข้าจะกลัวคนแก่ทั้งสองนั้นรึ ?” ฟู่เป่าหยุนลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกับหัวเราะเยาะ แววตาของนางเย็นยะเยือก นางหันไปกล่าวกับตงรั่วฉินผู้ซึ่งยามนี้กำลังยืนนิ่ง “เจ้าสัญญาอะไรกับข้าไว้ก่อนที่จะมาที่นี่ ? เจ้าลืมแล้วหรือ ?”
ตงรั่วฉินอ้าปากหากแต่ก่อนที่เขาจะทันได้กล่าวคำ เขาก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินเข้ามาจากระยะไม่ไกลนัก
”หม่ามี้”
ไป๋เสี่ยวเฉินถลาเข้าสู่อ้อมแขนของไป๋หยาน ใบหน้าเล็ก ๆ แก้มใส ๆ ราวหยกแกะสลักยามนี้ปรากฏรอยยิ้มน่ารัก
”เฉินเอ๋อเรียกมังกรแก้วมาด้วย หม่ามี้ว่าดีมั้ย ?”
ในวัยเด็กเช่นนี้ไป๋เสี่ยวเฉินมักจะตัดสินผู้คนด้วยรูปร่างหน้าตา และมังกรแก้วนั้นก็ช่างน่าเกลียดเสียเหลือเกิน เขาจึงทิ้งมังกรแก้วไว้ในลานหลังบ้าน จงใจเพิกเฉยต่อมัน
หากแต่ตอนนี้เพื่อช่วยเหลือท่านยายของเขาแล้วเขาจึงเรียกมังกรแก้วมา เพื่อใช้ข่มขู่คนเหล่านี้
”กรรร…”
มังกรแก้วรู้สึกภูมิใจมากหลังจากได้ยินคำพูดของไป๋เสี่ยวเฉิน มันคำรามใส่ฟู่เป่าหยุนจนทำให้ฟู่เป่าหยุนเกือบจะล้มลงกับพื้น
”มังกรแก้วเด็กดีทำได้ดีมาก” ไป๋เสี่ยวเฉินตบหัวมังกรแก้วแสร้งวางท่าราวกับผู้ใหญ่ก่อนจะกล่าวว่า “หากเจ้าทำตัวดี ๆ เฉินเอ๋อจะให้อาหารว่างเป็นรางวัล”
เหตุใดเมื่อก่อนไป๋เสี่ยวเฉินจึงเกลียดมังกรแก้ว? นั่นเป็นเพราะเขากลัวว่าสัตว์อสูรตัวนี้จะมาขโมยอาหารของเขากินงั้นสิ ?
แต่หากเป็นสัตว์อสูรหน้าตาน่ารักๆ แล้วล่ะก็ เขาก็พอรับได้นะ
สุดท้ายแล้วเรื่องความน่ารักดูดีก็ต้องมาก่อน เช่นนั้นสัตว์อสูรที่หน้าตาน่าเกลียดอย่างมังกรแก้วย่อมถูกไป๋เสี่ยวเฉินปฏิเสธเป็นธรรมดา
”ไป๋หยาน”
หลานเฉาหยันแตะท้ายทอยตนเองอย่างเก้อๆ ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขามีรอยยิ้มอย่างอาย ๆ
”รบกวนเจ้าต้องมาจัดการปัญหาถึงที่นี่เกรงใจจริง ๆ”
ไป๋หยานยิ้มพลางเอ่ยกล่าวว่า”ท่านป้าเป็นญาติของข้า ข้ามิอาจเพิกเฉยต่อเรื่องของนางได้”
ครั้นเห็นรอยยิ้มของไป๋หยานหลานเฉาหยันก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ ครู่ใหญ่กว่าเขาจะไอแห้ง ๆ ด้วยความเขินอาย
”ฟู่เป่าหยุน!”
เสียงคำรามที่น่าหวาดหวั่นนั่นทำให้ฟู่เป่าหยุนผู้ซึ่งกำลังจะเปิดปาก ถึงกับเงยหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจ นางมองตงเทียนหลิงผู้ซึ่งยามนี้เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
นางแต่งงานมาก็นานหลายปีทว่าตงเทียนหลิงไม่เคยกล้าขึ้นเสียงกับนางเลย เหตุใดตอนนี้เขาจึงกล้า … เขากล้าตะโกนใส่หน้านางได้ยังไง ?
”ฟู่เป่าหยุน!” แววตาของตงเทียนหลิงเต็มไปด้วยความโกรธ เขาตวาดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “เจ้าทำร้ายบุตรสาวของข้า แล้วยังกล้านำยาปลอมมาหลอกข้า เจ้าจะอธิบายเรื่องนี้ยังไง ?”
ที่สุดฟู่เป่าหยุนก็หายตกใจ ครั้นได้ยินถ้อยคำของตงเทียนหลิง นางก็ยิ้มเยาะ
***จบบทตี้เสี่ยวอวิ๋นผิดหวัง(3)***
บทที่ 303 : ตี้เสี่ยวอวิ๋นผิดหวัง (4)
“ตงรั่วหลานก็แค่แสร้งป่วย มีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะยอมสละยาดี ๆ ให้แก่นาง”
อย่างไรก็ตามตงรั่วหลานก็ยังไม่ตายสักหน่อย เหตุใดต้องยอมเสียของดี ๆ ?
”เจ้า… ” ร่างของตงเทียนหลิงสั่นระริก เขาชี้ไปที่ฟู่เป่าหยุน “ฮ่า ฮ่า เจ้ารับเงินจากมือของข้าไปซื้อยา ทว่าเจ้ากลับหลอกเอายาปลอมมาให้ข้า แล้วข้าก็โง่พอที่เชื่อเจ้า”
เขากำหมัดแน่นพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึก”พวกเจ้าเตรียมจดหมายหย่าร้างให้ข้า คุญชายรองตระกูลเราจะหย่าภรรยา !”
นัยน์ตาของฟู่เป่าหยุนเบิกกว้างขึ้นทันทีนี่เขาต้องการให้สามีหย่าขาดกับนางงั้นหรือ ?
”ท่านรู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังพูดอะไร?” ใบหน้าของฟู่เป่าหยุนเปลี่ยนเป็นซีดขาว
นางเสียสละแต่งงานกับตระกูลตงทว่าพวกเขากลับต้องการหย่าขาดจากนางงั้นรึ ?
”ท่านพ่อ!” ใบหน้าของตงรั่วฉินเปลี่ยนไป “เป่าหยุนต้องทนทุกข์ทรมานตลอดหลายปีที่ผ่านมามา ทว่าท่านกลับจะขับไล่ไสส่งนางเพื่อคนนอกกระนั้นรึ ?”
ร่างของตงเทียนหลิงแข็งค้างเขาหลับตาลงอย่างเชื่องช้า
โชคดีที่หลังจากตงรั่วหลานฟื้น เขาก็ให้หลานเสี่ยวหยุนคอยอยู่ดูแลนาง และไม่ให้นางออกมาจากห้อง
หาไม่แล้วหากปล่อยให้ตงรั่วหลานได้ยินถ้อยคำของตงรั่วฉิน นางจะเสียใจมากสักเพียงใดหนอ ?
นี่หรือคือน้องชายที่นางยอมอดทนเจ็บปวดเพื่อปกป้องเขามานานหลายปี
“หม่ามี้…”ไป๋เสี่ยวเฉินเรียกพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสงสัย แววตาที่ไร้เดียงสาของเขาเต็มไปด้วยความสับสน “ท่านตาทวดตงเก็บท่านยายมาเลี้ยงงั้นหรือ ?”
”เหตุใดเจ้าจึงพูดเช่นนั้น?”
”ก็ถ้าท่านยายของข้าเป็นลูกสาวของท่านตาทวดตงนางก็ต้องเป็นคนของตระกูลตง แต่เมื่อครู่ พวกเขาบอกว่านางเป็นคนนอก นั่นหมายความว่าท่านยายของข้าถูกเก็บมาเลี้ยงใช่หรือไม่ ? ถ้าเป็นเช่นนั้นท่านตา และท่านยายก็น่าสงสารมาก ๆ เลย”
เสียงไร้เดียงสาของซาลาเปาน้อยทำให้ลานบ้านที่มีเสียงดังเอะอะเงียบสงบลงไปครู่หนึ่ง
”เจ้าเอาอะไรมาพูด”ตงรั่วฉินมองอย่างหมดความอดทน “พี่สาวของข้าเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของท่านพ่อท่านแม่ข้า แต่ในเมื่อนางแต่งงานแล้ว เช่นนั้นนางย่อมต้องเป็นคนนอก”
”อ้อ! เป็นอย่างนี้นี่เอง” ไป๋เสี่ยวเฉินพยักหน้าราวกับจะเข้าใจ น้ำเสียงเด็กน้อยของเขา ไร้เดียงสาและน่ารัก “เมื่อท่านตากับท่านยายของข้าแต่งงานกัน พวกเขาต้องเปลี่ยนถ่ายเลือดกันด้วยงั้นเหรอ ? หากไม่ใช่ ก็แสดงว่าในร่างของนางยังมีเลือดของท่านตาทวดกับท่านยายทวดตง ถ้าเป็นอย่างนั้นนางก็ไม่อาจนับเป็นคนนอกได้”
เมื่อพูดถึงสิ่งนี้ไป๋เสี่ยวเฉินก็กัดนิ้วมือตนเองอย่างน่าสงสาร “หม่ามี้ จะเจ็บมั้ยหากต้องเปลี่ยนถ่ายเลือด ? แล้ววันหน้าหากเฉินเอ๋อแต่งงาน เฉินเอ๋อต้องเปลี่ยนถ่ายเลือดด้วยมั้ย ?”
หากเป็นคนอื่นพูดอย่างนี้ตงรั่วฉินจะต้องตำหนิว่าคนผู้นั้นแสร้งทำ
ทว่าตอนนี้เด็กชายอายุเพียงห้าขวบเป็นผู้พูด เขาจึงไม่อาจคิดว่าอีกฝ่ายจงใจเสแสร้งแกล้งไม่เข้าใจ
เขาทำได้เพียงกลั้นหายใจขณะมองไป๋หยานด้วยสายตาที่ไม่พอใจ ราวกับว่านางไม่ได้อบรมบุตรชายตนเอง
ไป๋หยานเชิดริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยก่อนจะลดสายตาลง นางยกมือขึ้นลูบศีรษะของไป๋เสี่ยวเฉินเบา ๆ
“ไม่ใช่ท่านตาท่านยายของเจ้าหรอกที่ถูกเปลี่ยนถ่ายเลือดหากแต่เป็นคนอื่นเช่นนั้นในสายตาของเขา ท่านตาและท่านยายของเจ้าจึงไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน เช่นนั้นพวกเขาจึงเป็นคนนอก”
”เฉินเอ๋อเข้าใจแแล้ว งั้นท่านตาท่านยายและท่านตาทวดยายทวดตงเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่เขาเป็นคนนอกที่แท้จริง”
”เข้าใจก็ดีแล้วต่อไปหากเจ้าไม่เข้าใจอะไรก็ถาม”
บทสนทนาระหว่างสองแม่ลูกทำให้สีหน้าของฟู่เป่าหยุน และสามีนางเปลี่ยนไปอย่างมาก ดวงตาของพวกเขาเปลี่ยนจากความไม่พอใจเป็นความโกรธเกรี้ยว
“ท่านพ่อท่านแม่ !” ตงรั่วฉินจ้องไป๋หยาน ก่อนจะหันไปมองเจ้าบ้านตงและฮูหยินผู้เฒ่า “เหตุใดเสี่ยวหยุน ถึงได้นำหญิงไร้มารยาทมาที่นี่ นางไม่อบรมสั่งสอนบุตรชายเลย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ใช่คนดีนัก”
***จบบทตี้เสี่ยวอวิ๋นผิดหวัง (4)***
บทที่ 304 : เจ้าแน่ใจนะว่าเป็นหลานเสี่ยวหยุน ? (1)
ตงฮูหยินกระแทกไม้เท้าของนางลงกับพื้น”เจ้าพูดถูก แม่ที่สั่งสอนบุตรชายไม่ได้ ย่อมไม่ใช่คนดีนัก ! ข้าเองก็ยอมรับว่า ข้าไม่ใช่คนดีเลย !”
รอยยิ้มบนใบหน้าของฟู่เป่าหยุนจางหายไปอย่างสมบูรณ์จากคำพูดของฮูหยินตงพร้อมกันนั้นใบหน้าเย่อหยิ่งของนางก็ดำจนเขียว
นางแก่ใกล้ตายคนนี้ยังไม่รู้จักแยกแยะดีชั่ว ถึงตอนนี้ยังกล้าที่จะขัดคอนางเพื่อคนนอกพวกนี้อีกกระนั้นรึ ?
”ว่าแต่ท่านตา ท่านยาย ” หลานเฉาหยันกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้วน้อย ๆ “ข้าอยากถามว่าเฟิงเอ๋อหายไปที่ใด เหตุใดข้าตามหาทั่วบ้านสกุลตงแล้วแต่กลับไม่พบ ?”
เฟิงเอ๋อที่หลานเฉาหยันเอ่ยถึงก็คือวิหคเพลิง
วิหคเพลิงนั้นอ่อนโยนและเชื่อฟังยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่มันจะออกไปไหนโดยไม่ได้รับอนุญาต เช่นนั้นหลานเฉาหยันจึงถามคำถามนี้
เดิมทีบรรยากาศที่กำลังตึงเครียดพลันสงบเงียบลงด้วยคำพูดของหลานเฉาหยัน
ตงเทียนหลิงมองตาหลานของเขาพลางกล่าวว่า”มารดาของเจ้า ปล่อยมันไว้ในสวนเล็ก นับแต่วันนั้น ข้าเองก็มัวแต่สาละวนอยู่กับมารดาของเจ้า จึงไม่ทันได้ใส่ใจวิหคเพลิงนั่น เช่นนั้นมันก็คงยังอยู่ในสวนเล็กนั่นแหละ”
”เมื่อครู่ข้าไปดูมาแล้ว มันไม่ได้อยู่ในสวนนั่น”
ไม่ได้อยู่ในสวนเล็กงั้นรึ?
ตงเทียนหลิงรู้สึกตกใจเขาขมวดคิ้วพลางกล่าว “หรือมันจะออกไปข้างนอก ? รอก่อนเถอะ ข้าว่า เดี๋ยวมันก็กลับมาเอง”
ในอาณาจักรฉื่อเสียไม่มีผู้ใดสามารถทำการบุ่มบ่ามเช่นนี้ได้ นอกจากราชวงศ์
ราชวงศ์
เมื่อสองคำนี้ปรากฏขึ้นในใจร่างของตงเทียนหลิงพลันแข็งค้าง เขาหันไปจ้องมองตงรั่วฉิน ทันใดนั้นเองเขาก็เห็นความผิดปกติในแววตาของตงรั่วฉิน
”เป็นไปไม่ได้! เฟิงเอ๋อออกไปเพียงลำพังไม่ได้แน่ ท่านตา บอกข้ามาเถิดว่ายามนี้เฟิงเอ๋ออยู่ที่ใด ? นั่นเป็นสัตว์อสูรของท่านปู่ข้า ท่านให้พวกเรายืมมา มันไม่ใช่ของตระกูลตง !”
หลานเฉาหยันเป็นผู้ที่มีอารมณ์ดีที่สุดในตระกูลหลานหากแต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่า น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความโกรธจากก้นบึ้งของหัวใจ
”ฮ่าฮ่า”ฟู่เป่าหยุนเชิดริมฝีปากอย่างนึกรังเกียจ “ไม่อยากให้คนรู้ก็อย่าทำ เห็นได้ชัดว่า ตงรั่วหลานได้มาจากชายอื่น หากแต่เจ้ากลับมาบอกว่าเป็นของท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานให้นางยืมงั้นรึ ? นางทำอะไรนักหนาตระกูลหลานจึงต้องปฏิบัติต่อนางดีถึงเพียงนั้น ?
ทว่าจู่ๆ ฟู่เป่าหยุนก็หยุดพูด เมื่อสังเกตเห็นดวงตาพร้อมไอสังหารของหลานเฉาหยัน นางถึงกับกลืนน้ำลาย
”เจ้า… เจ้าต้องการทำอะไร ? ข้าเป็นน้าของเจ้านะ ! เจ้า … ”
“พอได้แล้ว!” แววตาของตงเทียนหลิงเย็นเยียบ เขาขัดจังหวะถ้อยคำของฟู่เป่าหยุนอย่างเย็นชา สายตาที่เฉียบคมของเขาพุ่งตรงไปที่ตงรั่วฉิน “บอกข้ามาสิว่า วิหคเพลิงอยู่ที่ใด ?”
ร่างของตงรั่วฉินสั่นสะท้านเขาหลบตาอย่างมีพิรุธ “ข้าไม่รู้”
ตงเทียนหลิงมองบุตรชายที่เคยเป็นดั่งแก้วตาดวงใจของเขามานานหลายปีครั้นเห็นท่าทีเช่นนี้ของบุตรชาย ตงเทียนหลิงก็ค่อย ๆ หลับตาลง เขากล่าวขณะที่ริมฝีปากสั่นระริกว่า “ข้าจะให้โอกาสครั้งสุดท้าย เจ้าจงเลือกเอาระหว่างตระกูลตงกับหญิงผู้นี้ หากเจ้าเลือกตระกูลตงก็บอกข้ามาทีว่าวิหคเพลิงอยู่ที่ใด”
ตงรั่วฉินไม่กล้าสบตาตงเทียนหลิง”ท่านพ่อ ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่ามันอยู่ที่ใด บางทีมันอาจจะไม่อยากติดตามพี่สาวแล้วก็เป็นได้ เช่นนั้นมันจึงหนีไป”
ความรู้สึกหมดเรี่ยวแรงท่วมท้นขึ้นมาในหัวใจของตงเทียนหลิงเขาส่ายศีรษะอย่างผิดหวัง
“แม่นางไป๋ข้าช่างไร้ประโยชน์เสียจริง ไม่เพียงแต่ไม่สามารถล้างแค้นให้บุตรสาวได้ ทั้งยังไม่อาจดูแลวิหคเพลิงได้อีก ข้าต้องขอโทษตระกูลหลานของเจ้า … ”
***จบบทเจ้าแน่ใจนะว่าเป็นหลานเสี่ยวหยุน ? (1)***
บทที่ 305 : เจ้าแน่ใจนะว่าเป็นหลานเสี่ยวหยุน ? (2)
ท่านผู้เฒ่าตงยิ้มอย่างขมขื่นพลางกล่าวว่า”จากนี้ไปไม่ว่าเจ้าจะทำอะไร ข้าจะไม่ขัดขวางแล้ว”
“แม้ว่าท่านอยากจะขัดขวางตระกูลตงก็ไม่มีอำนาจเพียงพอหรอก” ไป๋หยานกล่าวพลางลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ “เฉินเอ๋อ ตรวจสอบทีสิว่า วิหคเพลิงอยู่ที่ใด ?”
ทุกคู่สายตาต่างก้มลงมองเด็กชายตัวน้อย
ผู้อาวุโสทั้งสองของตระกูลตงรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากตงรั่วฉินปฏิเสธที่จะยอมรับว่าเขาเป็นผู้จับวิหคเพลิงไป เช่นนั้นนางให้ซาลาเปาน้อย ๆ นี่ไปหาที่อยู่ของวิหคเพลิงเพียงลำพังเนี่ยนะ
อย่างไรก็ตาม…
เมื่อทุกคนต่างหันไปมองไป๋เสี่ยวเฉินด้วยความสงสัยเด็กน้อยก็หลับตาลง
พระอาทิตย์ตกดินแล้วลำแสงสุุดท้ายแห่งดวงตะวันทาบทับลงบนขนตาที่ยาวเป็นแพแผ่ออกราวพัดของไปเสี่ยวเฉิน ขนตาของเขาสั่นเทาเล็กน้อย ก่อนจะลืมนัยน์ตากลมโตขึ้นอย่างช้า ๆ
”หม่ามี้เฟิงเอ๋ออยู่ห่างจากที่นี่ไปทางตะวันออกไม่กี่ลี้”
ไม่กี่ลี้ทางตะวันออกงั้นรึ?
นั่นคือที่ตั้งวังหลวงใช่หรือไม่?
ตงเทียนหลิงกำหมัดแน่นเขาหันไปมองตงรั่วฉินอย่างผิดหวัง ทั้งไม่อยากจะเชื่อ
”เจ้าให้คนจากวังหลวงมาจับวิหคเพลิงไปใช่หรือไม่?”
ตลกที่เขาไม่ทันสังเกตเห็น!
เรื่องนี้จะทำให้เขากล้าสู้หน้าบุตรสาวกล้าสู้หน้าเจ้าบ้านหลานได้อย่างไร ?
ตงรั่วฉินไม่กล่าวคำใดการแสดงออกของเขาเท่ากับการยอมรับคำถามของเจ้าบ้านตง
เจ้าบ้านตงหัวเราะสะใจตนเอง”ดี… ทำได้ดีมาก ! สมกับเป็นบุตรชายแสนประเสริฐของข้า ! จดหมายหย่าฟู่เป่าหยุนคงไร้ประโยชน์ ที่ถูกก็คือข้าต้องไปที่ศาลบรรพบุรุษ เพื่อขอขมาพวกท่าน และนับจากนี้ เจ้าไม่ใช่คนของตระกูลตงอีกต่อไป ! ”
”ท่านพ่อ!” ใบหน้าของตงรั่วฉินเปลี่ยนเป็นซีดขาว นัยน์ตาของเขาเบิกกว้าง “ท่านพ่อขับข้าออกจากตระกูล ท่านรู้หรือไม่ว่าองค์ฮ่องเต้ทรงประทานอภัยให้เป่าหยุนที่เป่าหยุนแต่งงานกับข้าโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้ว ทั้งยังตั้งพระทัยจะสนับสนุนตระกูลตงของเรา ท่านไม่ต้องการโอกาสที่ดีเช่นนี้หรือ ? ”
หากมิใช่เพื่อเป่าหยุนฮ่องเต้จะทรงช่วยสนับสนุนตระกูลตงได้อย่างไร ?
ไป๋หยานไม่รอให้ท่านเจ้าบ้านตงพูดเสียงเย็น ๆ ของนางดังลอยมาราวกับสายลมหนาวที่พัดผ่าน กระทั่งทำให้กระดูกเย็นยะเยือกจนแข็ง
”เจ้าควรภาวนาให้วิหคเพลิงไม่เป็นอันตรายใด ๆ หาไม่แล้ว … ”
หาไม่แล้ว.. นางไม่ได้กล่าวอย่างชัดเจน หากแต่ทุกคนก็แน่ใจว่าน้ำเสียงที่ได้ยินนั้นเต็มไปด้วยไอสังหาร
นางจับมือของไป๋เสี่ยวเฉินก่อนจะหันกลับมาอย่างช้า ๆ “ตี้เสี่ยวอวิ๋น เจ้าคุมตัวตงรั่วฉิน และฟู่เป่าหยุนตามไปสมทบกับข้า ผู้ใดกล้าหลบหนี ก็หักขามันซะ ! เฉินเอ๋อ ไปตามเฟิงเอ๋อกัน”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นมองไป๋หยานผู้ซึ่งกำลังอุ้มไป๋เสี่ยวเฉินไต่ขึ้นหัวมังกรแก้ว”พี่สะใภ้ ไหน ๆ พี่ก็จะไปที่วังแล้ว เหตุใดไม่พาพวกเขาไปพร้อมกันเลยล่ะ”
”พวกเขาไม่มีคุณสมบัติพอ!”
ความหมายก็คือคนทั้งสองนี้ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะนั่งบนหลังของมังกรแก้ว
นางจึงไม่พาพวกเขาไปด้วย
ตี้เสี่ยวอวิ๋นกระพริบนัยน์ตากลมโตอันงดงามของนาง
ผัวเมียคู่นี้ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะนั่งบนหลังมังกรแก้วทว่านางเป็นองค์หญิงแห่งแดนอสูรนะ
ครั้นเห็นไป๋หยานจากไปแล้วฟู่เป่าหยุนก็กล่าววาจาเย้ยหยัน เต็มไปด้วยอาการดูถูกเหยียดหยาม “เจ้าจะมีโอกาสกลับออกจากวังหรือไม่ก็ไม่รู้ ? คิดจะหักขาข้างั้นรึ ? ฝันไปเถอะ”
ในวังมียอดฝีมือเป็นจำนวนมากนางไม่มีโอกาสกลับมาอีกเป็นแน่ !
ฟู่เป่าหยุนเตรียมหันหลังกลับหมายจะเดินจากไป
ทันทีที่นางก้าวออกไปได้สองก้าวเสียงก็ดังมาจากด้านหลัง “ผู้ใดอนุญาตให้เจ้าไป !”
ฟู่เป่าหยุนยิ้มเยาะทว่ายังคงไม่หยุดเดิน
ใบหน้าสวยๆ ของตี้เสี่ยวอวิ๋นเต็มไปด้วยความโกรธ สายลมรอบ ๆ ตัวนางเพิ่มความแรงขึ้นเล็กน้อย ผมยาวสลวยของนางกระพือพรึ่บ
”ข้าบอกว่าห้ามเจ้าไปไหน !”
***จบบทเจ้าแน่ใจนะว่าเป็นหลานเสี่ยวหยุน ? (2)***