จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 311-315
บทที่ 311 : ไป๋หยานโกรธเกรี้ยว
ฟู่เทียนฉีหวาดกลัวจนแทบจะออกไปตบฟู่เป่าหยุนให้ตายคามือใบหน้าของเขาเขียวจนคล้ำ “หุบปาก !”
”เสด็จพี่”ฟู่เป่าหยุนยังคงพูดต่อด้วยความโกรธ “หม่อมฉันรู้ว่า พระองค์ทรงเกรงใจราชวงศ์ของอาณาจักรหลิวฮั่ว เพราะไป๋หยานเป็นพี่สาวของพระชายาแห่งองค์รัชทายาท หากแต่ไป๋หยานผู้นี้ไม่ใช่สตรีที่ปฏิบัติตามวิถีของหญิงผู้ดีงาม เช่นนั้นอาณาจักรหลิวฮั่วย่อมจะไม่ปกป้องนางเป็นแน่”
ตงรั่วฉินจ้องมองฟู่เป่าหยุนด้วยความประหลาดใจ
เพราะถึงตอนนี้เขาเห็นแล้วว่าฟู่เทียนฉีมิได้คิดเรื่องที่ไป๋หยานเกิดในอาณาจักรหลิวฮั่ว เพราะแค่เรื่องอาณาจักรหลิวฮั่วเพียงอย่างเดียวเขาคงจะไม่หวาดกลัวถึงเพียงนี้หรอก
ใช่…หวาดกลัว!
ดูราวกับว่าสตรีที่อยู่บนมังกรนั่นจะสามารถสังหารเขาได้ทุกเมื่อ!
ทว่าคำพูดคิดเองเออเองของฟู่เป่าหยุนทำให้เขารู้สึกตกใจ ราวกับว่าเขาเพิ่งรู้จักนางเป็นครั้งแรก ทั้งที่อยู่ร่วมกันมาตั้ง 20 ปีแล้ว
ยามนี้ไป๋หยานยังคงจับจ้องมองนิ่งไปเบื้องหน้า นัยน์ตาดำขลับของนางที่เคยสงบนิ่งเกิดความผันผวนไม่ต่างกับพายุ เปลวเพลิงแห่งความโกรธเกรี้ยวค่อย ๆ ปรากฏขึ้นในดวงตาสดใสคู่นั้น
อากาศโดยรอบราวจะนิ่งสนิท
ฟู่เทียนฉีเบือนหน้าไปมองเล็กน้อยเพียงไม่ช้าวิหคเพลิงที่ร่างชุ่มโชกไปด้วยเลือดก็ถูกคนกลุ่มหนึ่งแบกมา
ขนที่สวยงามของวิหคเพลิงถูกย้อมด้วยเลือดแห้งเกรอะกรังรอยแผลเป็นของมันพร่างพรายภายใต้แสงอาทิตย์อัสดง มันส่งเสียงคำรามฮึดฮัดในลำคอเบา ๆ อย่างอ่อนแรง ไม่มีกำลังแม้แต่จะผงกหัวขึ้น
ในขณะนี้หัวใจของฟู่เทียนฉีตกลงไปกองอยู่ที่ตาตุ่มหัวใจของเขาเปลี่ยนจากความตึงเครียดเป็นความหวาดกลัว
”แม่นางไป๋ฟังข้าก่อน ต้องเป็นความเข้าใจผิดแน่ ๆ ขอข้าอธิบายก่อน”
”อธิบายงั้นรึ?”
ริมฝีปากของไป๋หยานเชิดขึ้นเล็กน้อยราวจะเย้ยหยันสายลมพัดกรรโชกอย่างรุนแรง อาภรณ์สีแดงฉานราวปีศาจกระหายโลหิตพัดสะบัดล้อลม
”ยังต้องอธิบายอะไรอีก? มังกรแก้ว เว้นแต่ฟู่เป่าหยุนแล้ว ผู้ใดก็ตามที่แตะต้องวิหคเพลิง อย่าปล่อยให้มันรอด !”
ฟู่เป่าหยุนนางช่างชั่วช้านัก ไม่เพียงจะทำร้ายวิหคเพลิง หากแต่ยังทำร้ายตงรั่วหลานอีกด้วย
บัญชีครั้งนี้แม้ตายก็ไม่อาจชดใช้
”นางชั่วเอ๊ย!”
ฟู่เทียนฉีตื่นตระหนกเขารีบเดินไปหยุดเบื้องหน้าฟู่เป่าหยุน จากนั้นก็เงื้อมือตบหน้านาง ใบหน้าหล่อเหลาของเขาดุดันจากความรู้สึกหวาดกลัวที่อยู่ในใจ
“ทุกอย่างเป็นความผิดของเจ้านางหญิงสารเลว เหตุใดต้องลากข้าลงมาตกต่ำด้วย ที่ผ่านมาข้ายังดีกับเจ้าไม่พออีกงั้นรึ ?”
”ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเจ้าก่อเรื่องผิดซ้ำ ๆ ทว่าข้าก็อดทนกับเจ้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า นี่…เจ้าคิดว่า เจ้าเป็นน้องสาวของข้าจริง ๆ งั้นรึ ? หากมิใช่เพราะคุณงามความดีของมารดาผู้ให้กำเนิดเจ้าแล้ว จากเรื่องที่เจ้าเคยก่อเสด็จพ่อและข้าคงจะขับไล่เจ้าออกจากราชวงศ์นานแล้ว !
ดูเหมือนว่าแค่ด่ายังไม่สาแก่ใจขณะที่ฟู่เป่าหยุนมัวแต่ตกตะลึงอยู่นั้น ฟู่เทียนฉีก็ถีบหน้าอกของนางกระทั่งร่างนางกระเด็น
”เหตุที่ข้าไม่สนใจตระกูลตงก็เป็นเพราะข้าไม่ต้องการพบเจ้า ข้าคิดว่าเจ้าคงตระหนักถึงความเฉยชาที่ข้ามีต่อเจ้า แล้วเจ้าจะเปลี่ยนนิสัยเสียบ้าง ทว่ากลับกันมันกลับแย่กว่าเดิม !”
ตงรั่วฉินอยากจะพูดกับฟู่เป่าหยุนสักคำสองคำแต่ครั้นเขาได้ยินถ้อยคำของฟู่เทียนฉี ร่างของเขาก็แข็งทื่อขึ้นมาทันที
ขณะเดียวกันนี้เจ้าบ้านตง และตงฮูหยินก็ได้ยินถ้อยคำเหล่านี้เช่นกัน พวกเขาพลันชะงักค้าง สีหน้าของพวกเขาแสดงออกถึงความตกใจ
ที่ฟู่เทียนฉีไม่แยแสต่อตระกูลตงนั้นคนในตระกูลตงเองก็ไม่เคยรู้สาเหตุที่แท้จริงเลย
หากแต่เป็นเพราะ…
ฟู่เป่าหยุนอ้างว่าฟู่เทียนฉีไม่พอใจที่นางแต่งเข้าตระกูลตงเช่นนั้นนางจึงโกรธมากที่ไม่ได้รับการปฏิบัติเฉกเช่นองค์หญิงเหมือนเคย
เจ้าบ้านตงและตงฮูหยินต่างก็คิดว่าคงเป็นจริงเช่นนั้นดังนั้นในช่วงหลายปีที่ฟู่เป่าหยุนเข้ามาเป็นสะใภ้ตระกูลตง พวกเขาต่างก็รู้สึกผิด ทั้งยังพยายามทุ่มเทปฏิบัติต่อนางอย่างดีเสมอมา
แต่แท้จริงแล้วตระกูลตงต่างหากที่ถูกนางลากลงมาตกต่ำนางช่างไร้ยางอายยิ่งนักที่ยังกล้าตำหนิตระกูลตง
***จบบทไป๋หยานโกรธเกรี้ยว***
บทที่ 312 : พรรคสัตว์อสูรปรากฏ (1)
”เสด็จพี่… ” เสียงของฟู่เป่าหยุนสั่นเครือ “พระองค์ทรงรู้หรือไม่ว่ากำลังมีรับสั่งใดอยู่ ? หม่อมฉันเป็นพระขนิษฐาที่พระองค์รักนะ !”
“ข้าเคยยอมรับว่าเจ้าเป็นน้องสาวของข้าตั้งแต่เมื่อไหร่? ข้าอยากจะขับเจ้าออกจากวังหลวงนานแล้ว หากมิใช่เป็นเพราะรับสั่งของเสด็จพ่อ ! ช่างตลกที่เจ้าโง่งี่เง่า กระทั่งคิดว่าข้าไม่อยากเจอเจ้าเพราะตระกูลตง”
”ทั้งที่แท้จริงแล้วผู้ที่ขัดความเจริญของตระกูลตงก็คือเจ้า !
ถ้อยคำของฟู่เทียนฉีราวสายฟ้าฟาดเปรี้ยงลงกลางหัวของฟู่เป่าหยุนสมองของนางว่างเปล่าในบัดดล ใบหน้าของนางซีด ริมฝีปากของนางก็ไม่อาจเผยอกล่าวคำ
นางเป็นผู้ที่ขัดขวางความเจริญของตระกูลตงงั้นรึ?
เป็นไปได้อย่างไร?
ตระกูลตงต่างหากที่ลากนางลงมาตกต่ำ! นางเป็นถึงองค์หญิงแห่งอาณาจักรฉื่อเสียเชียวนะ !
”เสด็จพี่ก่อนหน้านี้เห็นได้ชัดว่าพระองค์วางแผนที่จะสนับสนุนตระกูลตงอีกครั้ง หากมิใช่เพื่อหม่อมฉัน ก็แล้วเหตุใดพระองค์ถึงยอมญาติดีกับตงรั่วฉิน ?”
ใช่แล้วเป็นเพราะฮ่องเต้รัก และเอ็นดูนาง หาไม่แล้ว มีหรือที่เขาจะช่วยสนับสนุนตระกูลตงอีกครั้ง !
ฟู่เทียนฉีรู้สึกได้ถึงสายลมเย็นยะเยือกพัดมาจากข้างหลังเขากระโดดตัวลอยด้วยความตกใจ ครั้นตั้งสติได้เขาก็ตบหน้าฟู่เป่าหยุนอีกครั้ง
”เจ้านี่มันโง่ไม่เลิก! รู้หรือไม่…ที่ข้าสนับสนุนตงรั่วฉินก็เพียงเพราะเขาเป็นน้องชายของตงรั่วหลานหรอก ? เจ้าอย่ามาพูดเอาหน้า !”
หากจะบอกว่าสิ่งที่ฟู่เทียนฉีกล่าวมาก่อนหน้านี้ทำให้ฟู่เป่าหยุนตกใจแล้วล่ะก็สิ่งที่เขาพูดเวลานี้ถึงกับทำให้นางทรุด นางเดินโซเซไปสองสามก้าว ก่อนจะทรุดนั่งกองกับพื้น
เสด็จพี่ทรงให้การสนับสนุนตระกูลตงก็เพื่อตงรั่วหลาน นางหญิงสารเลวคนนั้นน่ะหรือ ?
นางมีคุณสมบัติใดกัน?
”เสด็จพี่หม่อมฉันเข้าใจแล้ว พระองค์คงจะทรงหลงรักตงรั่วหลาน นางเป็นสตรีที่มีเสน่ห์ดึงดูดบุรุษได้เสมอ แม้กระทั่งพระองค์ก็ยังถูกนางล่อลวง” ฟู่เป่าหยุนกัดฟันกล่าว แววตาของนางเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
เพี้ยะ!
ทันทีที่ฟู่เป่าหยุนกล่าวจบเพียงพริบตาร่างในอาภรณ์สีแดงงดงามพลันปรากฏขึ้นเบื้องหน้าฟู่เป่าหยุน มือของไป๋หยานฟาดเพี้ยะลงมาอย่างแรง ทิ้งรอยนิ้วมือไว้บนใบหน้าของฟู่เป่าหยุน
พร้อมกันนั้นร่างของฟู่เป่าหยุนก็ลอยละลิ่วดวงตาของนางมองเห็นดวงดาวเต็มไปหมด ลำคอของนางก็มีรสคาว ๆ หวาน ๆ ของโลหิต
”เจ้าถือสิทธิ์ใดมาด่าทอป้าสะใภ้ของข้า?”
ภายใต้สายลมพริ้วแผ่วสตรีในอาภรณ์สีแดงช่างงดงามบาดตาราวแม่มดเจ้าสเน่ห์
ใบหน้าของนางไร้ซึ่งอารมณ์คิ้วของนางเลิกขึ้น นางกำลังคุกคาม และดูถูกสตรีที่ไม่สามารถแม้แต่จะลุกขึ้นยืนได้
บางทีอาจเป็นเพราะจิตวิญญาณชั่วร้ายของหญิงผู้นั้นที่ทำให้ฟู่เป่าหยุนหวาดกลัว นางเคยเป็นคนเย่อหยิ่งอยู่เสมอ ทว่าครานี้นางกลับหวาดกลัวกระทั่งไม่กล้าเอ่ยคำ ร่างของนางสั่นเทา
”แม่…แม่นางไป๋”ใบหน้าของฟู่เทียนฉีเปลี่ยนเป็นสีขาว เขาปาดเหงื่อเย็น ๆ บนหน้าผาก จากนั้นก็เอ่ยพร้อมกับยิ้มว่า “ข้าจะชดใช้บัญชีนี้แก่ท่าน ข้าจะสำเร็จโทษผู้ที่ทำร้ายวิหคเพลิงและตงรั่วหลานให้ ทว่าในวังหลวงนี้ยังมีผู้คนอีกเป็นจำนวนมากที่ไม่มีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้ ท่านช่วยให้มังกรของท่านออกไปก่อนจะได้หรือไม่ ? ”
ดวงตาของมังกรแก้วดุร้ายเสียเหลือเกินนัยน์ตาสีแดงกระหายเลือดดูราวกับจะกลืนเขาลงไปทั้งเป็น
ความรู้สึกแบบนี้ช่างเลวร้ายเสียยิ่งกว่าเมื่อคราที่เขาต้องเผชิญหน้ากับยอดฝีมือนับล้านคนเสียอีก
ไป๋หยานหันมามองฟู่เทียนฉีอย่างเย็นชา
ฟู่เทียนฉีเองแทบจะร้องไม่ออกเขารีบถอยหลังสองก้าว ก่อนจะยิ้มประจบประแจง
“ข้าเพียงล้อเล่นเชิญแม่นางไป๋ทำตามใจชอบได้เลย”
ล้อเล่น!
ต่อให้ไป๋หยานไม่ใช่เจ้าหอบุปผาทว่าเพียงแค่มังกรแก้วที่อยู่กับนางก็มาจากพรรคสัตว์อสูร
ผู้คนต่างเล่าลือกันว่าแม้แต่หัวหน้าพรรคสัตว์อสูรก็ยังไม่สามารถทำให้มังกรแก้วเชื่องได้เลย
ครั้นเขาถูกมังกรแก้วจ้องมองตรงๆ เช่นนี้ จะไม่ให้เขากลัวได้ไง ?
”เสด็จพี่?”
***จบบทพรรคสัตว์อสูรปรากฏ (1)***
บทที่ 313 : พรรคสัตว์อสูรปรากฏ (2)
ต่อให้ฟู่เป่าหยุนโง่เง่าเพียงใดนางก็รับรู้ได้ถึงความหวาดกลัวที่ฟู่เทียนฉีมีต่อไป๋หยาน นางกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ ว่า “หญิงผู้นี้เป็นเพียงบุตรสาวที่ถูกขับออกจากตระกูลชั้นนำตระกูลหนึ่งเท่านั้น เหตุใดพระองค์ถึง… ”
กลัวนางขนาดนี้รึ?
ฟู่เทียนฉีตะคอกกลับอย่างเฉยชา”บุตรสาวที่ถูกขับออกจากตระกูลงั้นรึ ? เช่นนั้นก็บอกได้เลยว่าคนตระกูลไป๋มีตาแต่ไร้แวว ทั้งยังไร้สมอง นางไม่เพียงแต่เป็นท่านเจ้าหอบุปผาเท่านั้น ทว่าบุตรชายของนางยังได้รับการยอมรับจากพรรคสัตว์อสูร หากไม่มีเหตุอันใดแล้วล่ะก็ ไป๋เสี่ยวเฉินจะต้องเป็นผู้นำน้อยของพรรคสัตว์อสูรอย่างแน่นอน”
หากไม่มีเหตุอันใดแล้วล่ะก็ไป๋เสี่ยวเฉินจะต้องเป็นผู้นำน้อยของพรรคสัตว์อสูรอย่างแน่นอน !
น่าขัน!
ฟู่เป่าหยุนที่พยายามอดทนฟังกระทั่งถึงตอนนี้ไม่สามารถแบกรับข่าวที่เพิ่งได้ยินนี้ได้ นางกระอักเลือดออกมา หน้าซีด ๆ ของนางไร้สีเลือด นางคลุ้มคลั่งแลดูดุร้าย
”ข้าไม่เชื่อ! แม้แต่ลูกของข้าก็ยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นผู้นำของพรรคสัตว์อสูร ส่วนเด็กนั่นเป็นเพียงลูกไม่มีพ่อที่เกิดก่อนแต่ง ทั้งยังตั้งครรภ์นอกสมรส ไร้ซึ่งความสามารถใด หากพรรคสัตว์อสูรเลือกเด็กนั่นเป็นผู้นำ แสดงว่าพรรคสัตว์อสูรจะต้องตาบอด ! ”
หากว่าลูกของไป๋หยานทำได้ลูก ๆ ของนางก็ต้องทำได้ด้วย ไป๋หยานเป็นคนป่าเถื่อน ลูกชายของไป๋หยานจะมีดีอะไร ไยพรรคสัตว์อสูรถึงต้องชอบเขา ?
ปัง
ร่างของไป๋หยานปรากฏขึ้นเบื้องหน้าฟู่เป่าหยุนอีกครั้งสีหน้าของนางดุดัน นางยกส้นเท้าของนางขึ้นเหยียบอกของฟู่เป่าหยุนผู้ซึ่งยามนี้กำลังนอนเจ็บ กระทั่งเลือดทะลักกลบปาก
”เจ้าว่าใครเป็นลูกไม่มีพ่อหา…?”
ไป๋หยานก้มมองคนที่กำลังถูกเหยียบใต้ฝ่าเท้าด้วยแววตาเฉยชาทว่าแฝงความโกรธเกรี้ยวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เป็นเวลานานที่ฟู่เป่าหยุนกล่าวคำใดไม่ออกเพราะความเจ็บปวดทว่าทิฐิที่รุนแรงของนางก็ปกปิดความหวาดกลัวภายในจิตใจ นางกัดริมฝีปาก พร้อมกับจ้องไปที่ใบหน้าไร้อารมณ์ของไป๋หยานด้วยความโกรธ
“ข้า…ไป๋หยานตั้งท้องสิบเดือนก่อนจะให้กำเนิดบุตรชาย บุตรชายของข้าคลอดตามกำหนด ข้าไม่เคยใช้เขาหลอกลวงผู้อื่น” ไป๋หยานกล่าว ในที่สุดริมฝีปากของนางก็ยกยิ้ม ทว่ารอยยิ้มนั้นเย็นเยือกและหนาวเหน็บ “ต่างกับบางคน ที่ต้องพยายามหาชายสักคนมานอนด้วย เพื่อให้ชายผู้นั้นรับเป็นบิดาของเด็กในครรภ์”
ใบหน้าของฟู่เป่าหยุนเปลี่ยนไปอย่างมากแววตาของนางมีแต่ความตื่นตระหนก
อะไรกัน… นี่นางรู้ได้อย่างไร ?
ไม่มีทางนางต้องล่อหลอกข้า !
เมื่อคิดได้เช่นนั้นฟู่เป่าหยุนก็กัดฟันและไม่กล่าวคำใดอีก
”ไม่มีอะไรจะพูดแล้วหรือ?” ไป๋หยานหัวเราะเยาะ “เหตุใดเจ้าจึงไม่ตะโกนออกมาดัง ๆ เหมือนเช่นเคยล่ะ ? ตอนนี้ข้าให้โอกาสเจ้าพูดแล้ว เจ้ามีคำพูดใดจะอธิบายเป็นครั้งสุดท้ายหรือไม่ ?”
”เจ้า… ” แววตาของฟู่เป่าหยุนสับสน ทว่านางยังคงปากแข็ง “เจ้าก็เพียงใช้ชื่อเสียงของพรรคสัตว์อสูรมาหาประโยชน์ ! เจ้าพูดเองเออเองว่าลูกชายของเจ้าจะได้เป็นผู้นำของพรรคสัตว์อสูรใช่หรือไม่ ? เขาจะเป็นผู้นำได้ไง เว้นแต่หัวหน้าพรรคสัตว์อสูรจะตาบอด เขาจึงจะยอมรับลูกชายของเจ้า ! ”
ครานี้ฟู่เป่าหยุนไม่กล้าพูดคำว่าลูกไม่มีพ่อแววตาของนางแสดงความยโส มุมปากที่มีรอยเลือดของนางยกสูงขึ้นเล็กน้อย
แซ่ดๆ !
จากนั้น
เสียงเอะอะอื้ออึงก็ดังมาจากฟากฟ้าแสนไกล
เพียงช่วงเวลาสั้นๆ กลุ่มวิหคนานาชนิดก็บินมาอย่างรวดเร็ว พวกมันปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าไม่ต่างกับเมฆดำ
มีวิหคหลายชนิดตั้งแต่ วิหคเพลิง เหยี่ยวฟ้า รวมไปถึงอินทรีทอง
และวิหคทุกตัวต่างก็มีมนุษย์ยืนอยู่บนหลังมัน
ใช่แล้วมนุษย์ !
ผู้คนในวังหลวงต่างมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยอาการตื่นตกใจแม้แต่ฟู่เป่าหยุนผู้ซึ่งกำลังเอะอะก็ยังถึงกับเงียบ นางอ้าปากกว้างเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
”หม่ามี้…”
ไป๋เสี่ยวเฉินจับมือของไป๋หยานพร้อมกับกระพริบตา “เฉินเอ๋อ ไม่ได้เรียกสัตว์อสูรเหล่านี้มานะ”
***จบบทพรรคสัตว์อสูรปรากฏ (2)***
บทที่ 314 : พรรคสัตว์อสูรปรากฏ (3)
”พวกมันเป็นสัตว์อสูรระดับหวงเจี่ย(ขั้นที่ 1) แน่นอนว่าเจ้าไม่ได้เรียกพวกมันมาแน่”
ไป๋หยานเลิกคิ้วขึ้นขณะเดียวกันก็ยังคงเหยียบหน้าอกของฟู่เป่าหยุนไม่ให้ลุกขึ้นยืน
ไม่ว่าคนเหล่านี้จะมาด้วยจุดประสงค์ใดทว่านางก็หากลัวไม่ !
”พี่สะใภ้”ตี้เสี่ยวอวิ๋นพูด พลางเบ้ปาก “ไม่ต้องห่วง หากราชวงศ์ของเราลงมือ ก็ไม่มีผู้ใดสามารถช่วยชีวิตคนเหล่านี้ได้”
พี่สะใภ้ของนางคือราชินีแห่งแดนอสูรเฉินเอ๋อก็เป็นราชาองค์ต่อไปของแดนอสูร ส่วนนางเองก็เป็นถึงองค์หญิงแห่งแดนอสูรเช่นกัน
สัตว์อสูรพวกนี้กล้าท้าทายความตายกล้าคิดที่จะช่วยมนุษย์พวกนี้หรือไร ?
ทันใดนั้นเองชายผู้หนึ่งก็กระโดดลงมาจากหลังของอินทรีปีกทอง
เขาเป็นชายวัยกลางคนสวมใส่ชุดเสื้อคลุมสีน้ำเงินคิ้วเป็นสันราวคมดาบ นัยน์ตาของเขาสว่างไสวราวกับดวงดาว ใบหน้าของเขาแลดูฉลาดหลักแหลม และเที่ยงธรรม
”เจ้าคือ… ” ฟู่เทียนฉีนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อย
เขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใดหากแต่เขารู้สึกคุ้นเคยกับชายวัยกลางคนผู้นี้ ดูเหมือนว่าเขาจะเคยพบชายผู้นี้ที่ไหนซักแห่ง
ตูมมมมม!
ทันใดนั้นเองก็มีแรงกดดันพุ่งออกมาจากภูเขาด้านหลัง
ครั้นฟู่เทียนฉีหันกลับไปมองเขาก็เห็นชายชราในชุดเสื้อคลุมสีขาวเดินมาจากด้านหลังและยืนประจันหน้ากับชายผู้นั้น
”ท่านหัวหน้าพรรคฟางเหตุใดท่านถึงมาเยือนที่นี่ได้ ?” ชายชรากล่าวพร้อมรอยยิ้ม
แท้ที่จริงหลังจากไป๋หยานปรากฏตัว เขาก็คอยจับสังเกตความเคลื่อนไหวภายในวัง หากแต่เขาไม่รู้จักตัวตนของไป๋หยาน ทั้งเขายังคิดว่าฟู่เทียนฉีจะสามารถจัดการทุกอย่างได้เป็นอย่างดี เช่นนั้นเขาจึงไม่ปรากฏตัวออกมา
ทว่าตอนนี้
ฟางหยูเฟิ่งได้มาถึงแล้วหากเขาไม่ออกมาพบฟางหยูเฟิ่ง บางทีอีกฝ่ายอาจจะคิดว่าเขาไม่ให้เกียรติ
”ท่านหัวหน้าพรรคฟาง?” ฟู่เทียนฉีตัวสั่น ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นซีดขาว “เสด็จพ่อ คนผู้นี้ก็คือหัวหน้าพรรคสัตว์อสูรกระนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ ?”
ถ้อยคำของเขาราวกับสายฟ้าที่ฟาดลงมากลางฝูงชน
พรรคสัตว์อสูรปรากฏตัวขึ้นได้อย่างไร? นี่นับเป็นองค์กรสุดยอดระดับต้น ๆ ! แม้ว่าทั้งสี่ประเทศจะร่วมมือกัน ก็ยังไม่เพียงพอที่จะหักเขี้ยวของสัตว์อสูรในพรรคสัตว์อสูรนี่เลย
ยิ่งไปกว่านั้นในโลกนี้ มีเพียงพรรคสัตว์อสูรเท่านั้นที่สามารถควบคุมสัตว์อสูรได้มากมาย !
ทันใดนั้นเองคนของพรรคสัตว์อสูรก็กระโดดลงมาจากหลังวิหค พวกเขาต่างก็เดินเข้ามารวมตัวกันอย่างต่อเนื่อง จากนั้นก็พากันยืนนิ่งอยู่หลังฟางหยูเฟิ่ง
สัตว์อสูรที่เหลือไม่ได้หลบไปไหนพวกมันยังคงบินอยู่บนท้องฟ้า ขณะเดียวกันก็จับจ้องมองกลุ่มคนเบื้องล่าง
ฟางหยูเฟิ่งอยากพบสองแม่ลูกทันทีแต่เขาก็ถูกชายชราลึกลับขวางไว้ คิ้วของเขายับย่น ดวงตาของเขาเปล่งประกายเย็นชา
”หลีกทางไปซะ!” น้ำเสียงของเขาเย็นชา และใบหน้าของเขาก็ดูไร้อารมณ์
อดีตฮ่องเต้ฟู่หุบปากทันทีทั่งที่กำลังพยายามจะเปิดฉากสนทนา
ฟางหยูเฟิ่งไม่แม้แต่จะชายตามองเขาเดินตรงไปที่ไป๋หยาน
”เทียนฉี”อดีตฮ่องเต้ฟู่มีรับสั่งพร้อมกับทอดพระเนตรมองพระโอรสของตน “เจ้าไปยั่วยุพรรคสัตว์อสูรตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ? หาไม่แล้วเหตุใดหัวหน้าพรรคสัตว์อสูรถึงมาอาณาจักรของเรา ?”
ฟู่เทียนฉีกลืนน้ำลายเอื๊อก”เสด็จพ่อไม่ทรงรู้หรือว่าผู้ใดเหยียบฟู่เป่าหยุนอยู่ ?”
”ผู้ใด?”
”ไป๋หยาน…”
บูม!
สมองของอดีตฮ่องเต้ฟู่พลันว่างเปล่าชั่วขณะเขามองสตรีในอาภรณ์สีแดงเบื้องหน้าด้วยความหวาดหวั่น ร่างชราของเขาสั่นเทา
ไป๋หยานนางก็คือไป๋หยาน !
นางมาถึงอาณาจักรฉื่อเสียแล้วทั้งยังพาฟางหยูเฟิ่งมาด้วยอีกรึนี่ ?
จบแล้วครานี้อาณาจักรฉื่อเสียถึงกาลจบสิ้นแล้ว !
”ไป๋หยานเจ้ากล้ายกลูกไม่มีพ่อของเจ้าขึ้นแอบอ้าง ข้าจะบอกหัวหน้าฟางให้หมดว่าเจ้าทำอะไรลงไปบ้าง !”
ครั้นฟู่เป่าหยุนเห็นฟางหยูเฟิ่งนัยน์ตาของนางพลันเปล่งประกายด้วยความยินดี นางจ้องมองไป๋หยานอย่างดุดัน
”พร้อมจะสั่งเสียรึยัง?” ไป๋หยานเหยียดริมฝีปากเยาะเย้ย พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
***จบบทพรรคสัตว์อสูรปรากฏ (3)***
บทที่ 315 : พรรคสัตว์อสูรปรากฏ (4)
”เจ้าคงไม่กลัวที่ข้าจะบอกหัวหน้าฟางเกี่ยวกับเรื่องของเจ้าจนถึงกับต้องการสังหารข้าปิดปากหรอกนะ ? ข้าขอบอกเจ้าไว้เลยว่า ต่อให้เจ้าทำเช่นนั้นก็ไร้ประโยชน์ ! การที่หัวหน้าฟางมาพบเจ้า ก็พิสูจน์ชัดแล้วว่าการกระทำของเจ้าถูกเปิดเผยแล้ว !
”ฟู่เป่าหยุนหุบปากนะ !”
ฟู่เทียนฉีกลัวมากกลัวจนหัวใจแทบหยุดเต้น เขาต้องการที่จะวิ่งเข้าไปตบปากนางผู้หญิงที่ชอบคิดเองเออเองคนนี้ให้ตายคามือ
เขาเสียใจจริงๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ฆ่านางให้ตายไปซะ
”เสด็จพี่เหตุใดพระองค์ถึงไม่ให้หม่อมฉันพูดล่ะ ยิ่งพระองค์ห้ามไม่ให้หม่อมฉันพูด หม่อมฉันก็ยิ่งต้องพูด !” ปากของฟู่เป่าหยุนเต็มไปด้วยเลือด แววตาของนางเต็มไปด้วยอาการเยาะเย้ย สายตาของนางหันไปจับจ้องมองฟางหยูเฟิ่ง “หัวหน้าฟาง ข้าไม่รู้ว่า ท่านเคยทราบเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่บ้างมั้ย ?”
ฟางหยูเฟิ่งนิ่งอึ้งก่อนจะหันไปมองฟู่เป่าหยุนด้วยสายตางงงวยเล็กน้อย
ฟู่เป่าหยุนพูดจาเย้ยหยัน”ก่อนอื่น ข้าขอถามอะไรสักอย่าง เด็กชายข้าง กายหญิงผู้นั้นเป็นศิษย์ของท่านหรือไม่ ?”
ครั้นได้ยินคำถามนี้ฟางหยูเฟิ่งก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ เขาหันไปมองไป๋เสี่ยวเฉิน ก่อนจะส่ายหัวเล็กน้อย “มิใช่ เขาเป็น …… ”
”ฮ่าๆ ๆ”
ด้วยความมั่นใจในความคิดของตนเองฟู่เป่าหยุนหัวเราะออกมาหลายครั้ง เสียงหัวเราะนั้นเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง “เสด็จพี่ พระองค์ได้ยินหรือไม่ ? หม่อมฉันบอกแต่ต้นแล้วว่า มีแต่หัวหน้าพรรคสัตว์อสูรตาบอดเท่านั้นที่จะยอมรับเด็กคนนี้ในฐานะศิษย์ เห็นได้ชัดว่าคนของพรรคสัตว์อสูรนั้นฉลาดมาก เป็นไปไม่ได้ที่เด็กแบบนี้จะกลายเป็นผู้นำของพรรคสัตว์อสูรได้ ! ”
หากจะรับศิษย์สักคนหัวหน้าพรรคสัตว์อสูรก็ต้องเลือกเชื้อสายดี ๆ ไม่เอาเด็กไม่มีพ่อแบบนี้หรอก ว่ามั้ย ?
ฟางหยูเฟิ่งยังพูดไม่ทันจบทว่าฟู่เป่าหยุนกลับขัดจังหวะเขาเสียก่อน ใบหน้าของเขาจึงเคร่งขรึมลง
“แน่นอนนายน้อยไป๋ หาใช่ศิษย์ของข้าไม่ ข้าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นอาจารย์ของเขาหรอก”
ตลกสิ้นดี!
เขาจะมีคุณสมบัติพอที่จะเป็นอาจารย์ของไป๋เสี่ยวเฉินได้ไง? เขาไม่อาจจะทำให้มังกรแก้วเชื่องได้ด้วยซ้ำ !
เสียงหัวเราะของฟู่เป่าหยุนหยุดชะงักลงอย่างกระทันหัน”ท่านหมายถึงอะไร ?”
มันหมายความว่าไงที่ว่าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นอาจารย์เด็กไม่มีพ่อนั่น ?
ฟางหยูเฟิ่งยังไม่หยุดเดินเขาค่อย ๆ ก้าวช้า ๆ ไปทางไป๋หยาน และไป๋เสี่ยวเฉิน
เขาเอ่ยทักทายด้วยความเคารพใบหน้าเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม แตกต่างจากท่าทีเฉยเมย อีกทั้งเย่อหยิ่งก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
”แม่นางไป๋ข้ายินดีที่จะส่งมอบพรรคสัตว์อสูรให้กับนายน้อยไป๋ ไม่ทราบว่าแม่นางไป๋จะมีความเห็นเช่นไร ?”
ฟางหยูเฟิ่งรู้ว่าไป๋หยานสามารถตัดสินใจแทนไป๋เสี่ยวเฉินได้เช่นนั้นแต่แรกเขาจึงไม่ได้ถามความเห็นของไป๋เสี่ยวเฉิน เขาต้องการได้รับอนุญาตจากไป๋หยานก่อน
นอกจากนี้…
บุตรชายของไป๋หยานสามารถสร้างปรากฏการณ์สรรพสัตว์น้อมกราบกรานได้พิสูจน์ชัดว่านางย่อมไม่ใช่ธรรมดา !
”เหตุใดท่านถึงมาที่นี่?” ไป๋หยานย่นคิ้วขณะเอ่ยถาม
ฟางหยูเฟิ่งยิ้มพร้อมกับเอ่ยตอบว่า”ข้าส่งผู้อาวุโสของพรรคสัตว์อสูรไปที่อาณาจักรหลิวฮั่ว จึงพบว่าบุตรชายของแม่นางไป๋เป็นคนของราชวงศ์สัตว์อสูร ผู้อาวุโสของเราจึงมอบมังกรแก้วให้ และในครานั้นผู้อาวุโสของเราก็ต้องการจะถามแม่นางไป๋ว่าจะยินดีจะรับพรรคสัตว์อสูรของเราเลยหรือไม่ โชคไม่ดีก่อนที่เขาจะมีโอกาสได้ถามไถ่ท่าน แม่นางไป๋ก็จากมาด้วยธุระบางประการแล้ว”
”ทันทีที่ทราบว่าท่านมาที่อาณาจักรฉื่อเสียซึ่งอยู่ไม่ไกลจากพรรคสัตว์อสูรของเรานัก ท่านผู้อาวุโสก็รีบส่งจดหมายมาหาข้าทันที เพื่อให้ข้าพาคนมาที่นี่”
พวกเขามีวิธีพิเศษในการส่งสารหากันซึ่งเร็วกว่านกพิราบธรรมดา ๆ มิเช่นนั้นเขาคงไม่สามารถรับข่าวสารได้รวดเร็วถึงเพียงนี้
ครั้นเห็นว่าไป๋หยานไม่พูดอะไรฟางหยูเฟิ่งก็กล่าวต่อว่า “แม่นางไป๋ ข้าเพิ่งรู้มาว่าท่านป้าของท่านถูกองค์หญิงแห่งอาณาจักรฉื่อเสียรังแก องค์หญิงคนนั้นอยู่ที่ใด ข้าอยากจะดูหน่อยว่าผู้ใดกันที่กล้าดี ถึงขั้นรังแกญาติของท่านใกล้ ๆ กับถิ่นของพรรคสัตว์อสูรเรา”
***จบบทพรรคสัตว์อสูรปรากฏ (4)***