จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 326-330
บทที่ 326 : เผยโฉมหน้าที่แท้จริงของนาง (3)
ตงรั่วฉินไม่อยากจะเชื่อเลยว่านางจะทรยศเขา ทั้งที่เขาดูแลปกป้องนางเป็นอย่างดี ที่สำคัญนางทรยศเขามานานแล้ว !
“ตงรั่วฉินเจ้าอ่อนแอ ไม่รู้จักโต และก็โง่เง่ามาก คนอย่างเจ้าคู่ควรที่จะได้ภรรยาอย่างข้างั้นรึ ? ” ฟู่เป่าหยุนกล่าววาจาเยาะเย้ย “เจ้าดูแลข้าดีจริงงั้นรึ ? เจ้าไม่กล้าช่วยข้าแม้แต่ตอนที่ข้าโดนทุบตีด้วยซ้ำ”
ฟู่เป่าหยุนอาจต้องการให้ทุกอย่างแตกหักไปเลยนางจึงเดินเข้าไปคล้องแขนฉีหลิน
แม้ว่าตระกูลตงจะไม่ต้องการนางนางก็ยังมีลูกพี่ลูกน้องที่รักนาง ในเวลานี้ นางยินดีที่จะลดศักดิ์ศรีของนาง เข้าไปอยู่ร่วมบ้านสกุลฉีในฐานะอนุ ลูกพี่ลูกน้องย่อมไม่ทำให้นางผิดหวังเป็นแน่
ฉีหลินขมวดคิ้วแน่นดวงตาของเขาพลันเย็นชา
หญิงไร้ประโยชน์ผู้นี้ต้องการให้เขาปกป้องนาง? ฝันไปเถอะ !
”อืมม”
ที่สุดตงมู่เซียะก็สลัดพ้นจากมือของหลานเสี่ยวหยุนนางกระโจนไปยืนด้านหน้าฟู่เป่าหยุนทันที พร้อมกับหันหน้าไปจ้องมองตงรั่วฉิน
”ท่านแม่ของข้ากล่าวได้ถูกต้องเจ้าเป็นคนขี้ขลาด เจ้าสู้บิดาแท้ ๆ ของข้าไม่ได้สักอย่าง หากมิใช่เพราะต้องการครอบครองตระกูลตงแล้ว พี่ชายของข้ากับข้าย่อมไม่มีวันยอมรับเจ้า !”
ตงรั่วฉินกำหมัดแน่นแน่นจนเล็บจิกลึกลงไปในเนื้อ
”เจ้ารู้อยู่แล้วกระนั้นหรือ? ”
“ใช่แล้วท่านแม่ของข้าเคยเล่าเรื่องชาติกำเนิดของข้าให้ข้าฟังหมดแล้ว ข้าดีใจที่เจ้าไม่ใช่บิดาของข้า ! บิดาของข้าดีกว่าเจ้าหลายร้อยเท่านัก”
แววตาของตงมู่เซียะเต็มไปด้วยอาการดูถูก
ทำเช่นนี้น่าจะดีกว่านางไม่ควรสนใจตระกูลตงแล้ว เพราตอนนี้ชาติกำเนิดของนางได้รับการเปิดเผยแล้ว เช่นนั้นนางก็ควรกลับไปอยู่ตระกูลฉี
”เจ้ารู้อยู่แก่ใจว่าข้าไม่ใช่บิดาของเจ้า เช่นนั้นตอนที่อยู่ในวัง เหตุใดเจ้าถึงกล้าใช้ชีวิตของเจ้าข่มขู่ข้า” หัวใจของตงรั่วฉินนั้นเต็มไปด้วยความงวยงง
เขาคิดว่าฟู่เป่าหยุนและฉีหลินรู้เรื่องนี้เพียงสองคน ทว่าเด็กทั้งสองนั้นยังไร้เดียงสา
ท้ายที่สุดแล้วผลออกมาว่าเขาต่างหากที่เป็นชู้
”ตงรั่วฉินเจ้ายังมีสำนึกบ้างหรือไม่ที่พูดเช่นนั้นออกมา ? ” ตงมู่เซียะเท้าสะเอว พลางจ้องมองเขาด้วยความโกรธ “ข้าอุตส่าห์เรียกเจ้าว่าบิดามาตั้งนานหลายปี ข้าต้องทำตัวเป็นลูกที่ดีกตัญญูต่อเจ้ามานานหลายปี แทนที่เจ้าจะขอบใจข้า เจ้ากลับกล้าตำหนิข้าว่าไร้ยางอายอีกหรือ ? หากมิใช่เพราะท่านแม่ท่านพ่อของข้า เจ้าจะมีโอกาสได้เป็นบิดามั้ย”
ถึงตอนนี้ที่สุดหลานเสี่ยวหยุนก็ได้รู้ว่าเหตุใดไป๋หยานจึงสั่งให้นางควบคุมตงมู่เซียะไว้ ไม่ปล่อยให้ตงมู่เซียะทำอะไรได้อย่างอิสระ
ปรากฎว่าไป๋หยานรู้ดีในทุกเรื่อง เช่นนั้นไป๋หยานจึงกลัวว่านางจะทำแผนเสีย
แต่ความไร้ยางอายของตงมู่เซียะก็ทำให้หลานเสี่ยวหยุนตกตะลึงพรึงเพริศ
”หม่ามี้เฉินเอ๋อไม่เข้าใจว่า เหตุใดพวกนางทำร้ายผู้อื่น แต่กลับบอกให้ผู้อื่นขอบคุณนางอีก”
ทันใดนั้นเองเสียงนุ่มๆ ของเด็กน้อยก็ดังมาจากด้านนอกประตู
คนทั้งหมดหันไปมองจึงได้เห็นหญิงสาวสวยผู้หนึ่งกำลังอุ้มซาลาเปาน้อยตัวกลมๆ ป้อม ๆ นุ่ม ๆ น่ารักน่าเอ็นดูเดินผ่านประตูเข้ามาช้า ๆ
ด้านหลังนางมีหญิงสาวสวยผู้หนึ่งที่งดงามราวกับนางฟ้านางสวรรค์เสด็จมาเยือนพิภพ
ไป๋หยานยกยิ้มนางยกมือขึ้นลูบศีรษะเล็ก ๆ ของไป๋เสี่ยวเฉิน “ลืมที่แม่พูดกับเจ้าแล้วหรือว่าลูกที่เกิดจากสายเลือดชิดกันย่อมต้องมีข้อบกพร่อง !”
”อ้อ! หม่ามี้หมายถึงเรื่องที่นางพิการทางสมองน่ะหรือ ? ”
นัยน์ตากลมโตของไป๋เสี่ยวเฉินพลันสว่างไสว
”ใช่นางก็แค่สมองพิการ” ไป๋หยานกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
ตงมู่เซียะไม่เข้าใจถ้อยคำของไป๋เสี่ยวเฉินทว่าคำอธิบายของไป๋หยานทำให้นางเข้าใจได้ทันที นางกัดฟันกรอดด้วยความเกลียดชัง ทันใดนั้นเองนางก็รู้สึกโมโหอย่างรุนแรง
นับแต่วินาทีที่ไป๋หยานเดินเข้ามาในห้องฉีหลินก็ได้แต่ตกตะลึง
เขาผ่านสตรีมามากมายนับไม่ถ้วนทว่าไม่เคยพบเห็นสตรีใดที่งดงามสวยสง่าเช่นนี้มาก่อนเลย
***จบบทเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของนาง (3)***
บทที่ 327 : เผยโฉมหน้าที่แท้จริงของนาง (4)
นางช่างงดงามเสียเหลือเกินงามเสียจนกระทั่งสตรีทุกคนในโลกนี้ซีดเซียวไปหมด ทว่าหญิงสาวแสนสวยผู้นี้กลับมีบุตรชายเสียแล้ว !
*****
หญิงสาวที่อยู่บนเตียงสวมเสื้อผ้าจากนั้นก็เดินมาหาไป๋หยานอย่างนอบน้อม
กระโปรงผ้าโปร่งของนางบางเบากระทั่งเห็นเอวคอดกิ่ว ก้นอวบอิ่ม นางยิ้มไม่เห็นไรฟัน ผิวของนางขาวผ่อง
”ข้าน้อย…ชิงเซียะคารวะนายหญิง”
ชิงเซียะคำนับพร้อมทั้งกล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
นายหญิง…
นัยน์ตาของฉีหลินเบิกกว้างด้วยความตกใจไป๋หยานคือเจ้าหอบุปผา
นี่แสดงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นแผนการของหญิงผู้นี้ จุดประสงค์ก็เพื่อให้ตงรั่วฉินได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของฟู่เป่าหยุนกระนั้นรึ ?
”เจ้าคือเจ้าหอบุปผางั้นหรือ?”
ริมฝีปากของฟู่เป่าหยุนสั่นระริก
ที่สุดนางก็จำได้ว่าเคยได้ยินคำว่าหอบุปผาจากที่ใด
ก่อนหน้านี้เมื่อเสด็จพี่ของนางมีรับสั่งถึงความแข็งแกร่งของไป๋หยาน ดูเหมือนพระองค์จะมีรับสั่งถึงหอบุปผาด้วย น่าเสียดายที่นางเอาแต่สนใจเรื่องพรรคสัตว์อสูร นางจึงไม่ใส่ใจหอบุปผา !
“หอบุปผาเป็นเพียงหอนางโลมไม่น่าแปลกใจที่เจ้าจะตั้งครรภ์ก่อนแต่งงาน นั่นหมายความว่าลูกของเจ้าเกิดจากลูกค้าผู้อุปถัมภ์หอบุปผานี่เอง” ใบหน้าของฟู่เป่าหยุนเปลี่ยนไปเล็กน้อย ขณะกล่าววาจาประชดประชัน
ฉีหลินเผลอสลัดมือของฟู่เป่าหยุนออกเขาก้าวถอยหลังสองสามก้าว เพื่อรักษาระยะห่างจากหญิงโง่เง่าผู้นี้
ผู้อื่นอาจจะไม่รู้จักหอบุปผาทว่าเขารู้จักดีทีเดียว
ดูจากภายนอกแล้วหอบุปผาเป็นเพียงหอนางโลม แต่แท้จริงแล้วหอบุปผาเป็นสำนักข่าวกรอง ทั้งความแข็งแกร่งของที่นี่ก็ไม่ด้อยไปกว่าราชสำนัก !
เช่นนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่หอบุปผาจะล่วงรู้ความสัมพันธ์ของเขากับฟู่เป่าหยุน
”ท่านป้า”
สายตาของไป๋หยานกราดผ่านฟู่เป่าหยุนนางหันไปทางตงรั่วหลานอย่างแช่มช้า
สีหน้าของไป๋หยานสว่างสดใสขึ้นนางยิ้มน้อย ๆ “ท่านพอใจกับการแสดงชุดนี้หรือไม่ ?”
ร่างของตงรั่วหลานแข็งค้างใบหน้าของนางปรากฏความสับสน
นับแต่ฟู่เป่าหยุนแต่งเข้าตระกูลตงนางก็ตกเป็นเป้าหมายของหญิงผู้นี้ตลอดเวลา ทว่าเพื่อตระกูลตงแล้ว นางจึงพยายามอดทนเสมอมา
หากแต่วันนี้เมื่อมีคนบอกนางว่าหลานชายตงมู่หลิน และหลานสาวตงมู่เซียะมิใช่ลูกหลานตระกูลตง ความพยายามหลายปีของตงรั่วฉินก็กลายเป็นเรื่องตลก !
ตงรั่วหลานหลับตาลงเบาๆ พร้อมกับยกยิ้ม
”ข้าพอใจแล้ว”
กระเบื้องดินเผายังมีจุดเปราะสามจุดนับประสาอะไรกับนางที่เป็นมนุษย์มีชีวิตจิตใจ ?
จะไม่ให้นางโกรธทั้งจะให้นางลืมความอัปยศอดสูหลังจากถูกกดขี่มานานหลายปีได้อย่างไร ?
ทว่าทุกคนกลับบอกนางว่าเพื่อแต่งเข้าตระกูลตงแล้ว ฟู่เป่าหยุนต้องทนรับความคับข้องใจ ทนต่อสายตาเหยียดหยามของชาวบ้าน
เช่นนั้นตระกูลตงควรปฏิบัติต่อหญิงผู้นี้อย่างดีที่สุด! นางจึงพยายามตามใจฟู่เป่าหยุนอย่างเต็มอกเต็มใจ !
ที่ผ่านมานางยอมทุกเรื่องทว่าเรื่องที่ฟู่เป่าหยุนวางแผนจะให้หลานเสี่ยวหยุนถวายตัวเป็นพระสนมนั้นนางยอมไม่ได้
สตรีอาจอ่อนแอได้หากแต่เมื่อเป็นมารดาก็ต้องเข้มแข็ง !
ในฐานะที่เป็นมารดาบุตรสาวของนางย่อมมาก่อนทุกสิ่ง !
”เมื่อท่านพอใจเช่นนั้นก็พอแล้ว”
ไป๋หยานยิ้ม
การแสดงครั้งนี้นางจัดมาก็เพื่อตงรั่วหลานตราบใดที่ตงรั่วหลานพอใจ คนอื่น ๆ จะเป็นยังไงนางก็หาใส่ใจไม่
”ขอบใจเจ้า…”
น้ำเสียงของตงรั่วหลานราวกับกำลังสำลักสะอื้น
นางเจ็บปวดใจมากเหลือเกินเพราะคนที่ล้างแค้นให้นางหาใช่คนตระกูลตงไม่ หากแต่เป็นหลานสาวของสามี !
“ท่านป้าท่านเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลหลาน และในโลกนี้ตระกูลหลานเป็นครอบครัวเดียวของข้า”
แม้นางจะรู้ว่านางมิใช่บุตรสาวของหลานเยี่ยทว่านางก็ไม่รู้แน่ชัดว่ามารดาของนางยังมีอยู่ชีวิตอยู่ หรือหาชีวิตไม่ ? ก่อนที่นางจะได้รู้ชาติกำเนิดแท้จริงของตน ตระกูลหลานก็เหมือนจะเป็นครอบครัวเดียวของนาง
ครานี้ตี้เสี่ยวอวิ๋นอยากจะร้องไห้บ้าง
เห็นได้ชัดว่านางเองก็เป็นญาติของพี่สะใภ้เช่นกัน ก็แล้วเหตุใดพี่สะใภ้ถึงลืมได้ตลอดเลย ?
”เซียะเอ๋อเราไปกันเถอะ”
***จบบทเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของนาง (4)***
บทที่ 328 : เผยโฉมหน้าที่แท้จริงของนาง (5)
ฟู่เป่าหยุนจับมือของตงมู่เซียะพร้อมกับจ้องหน้าตงรั่วหลานก่อนจะหันเดินออกไปจากห้องพิเศษ
”เจ้าจะไปไหน?”
ทันใดนั้นเองน้ำเสียงที่เยือกเย็นก็ดังมาจากด้านหลัง พลันเสียงฝีเท้าของฟู่เป่าหยุนก็ชะงักลงทันที
หลังของฟู่เป่าหยุนแข็งค้างด้านหลังของนางก็คือหญิงสาวในชุดแดง นางกัดฟันกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้เจ้าสัญญาว่า จะปล่อยข้าไป เช่นนั้นยังมีอะไรอีก ? หรือเจ้ายังมีอะไรที่ต้องการคุยกับข้า ?”
ไป๋หยานหัวเราะเบาๆ “ข้าเพียงต้องการให้ตงรั่วฉิน ไม่นึกเสียใจในภายหลัง ไม่ได้สัญญาว่าจะปล่อยเจ้าไปสักหน่อย ?”
คำพูดแปร่งๆ นั่นทำให้ร่างของฟู่เป่าหยุนแข็งขึ้นเรื่อย ๆ ใบหน้าของนางซีดขาว ความกลัวเริ่มเอ่อท้นขึ้นเต็มหัวใจ
แท้จริงไป๋หยานไม่เคยพูดว่าจะปล่อยนางเลย
เพี้ยะ!
ไม่รู้ว่าหลานเสี่ยวหยุนปรากฏตัวต่อหน้าฟู่เป่าหยุนตั้งแต่เมื่อไหร่นางตบหน้าฟู่เป่าหยุนอย่างแรง ทำให้ฟู่เป่าหยุนเต็มไปด้วยโกรธ
”ข้าขอมอบตบนี้เพื่อท่านตาท่านยายของข้า! หลายปีที่ผ่านมาเจ้าใช้ฐานะองค์หญิงของเจ้าสร้างปัญหาไม่น้อย ! หากมิใช่เพราะเจ้า ท่านยายของข้าคงไม่โกรธจนเป็นลม !”
เพี้ยะ!
ตบอีกครั้ง!
“ตบนี้สำหรับตัวข้าเองเจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร ในฐานะบุตรสาวของบ้านสกุลหลาน เจ้าถือสิทธิ์ใดมาตัดสินใจเรื่องการแต่งงานของข้า ?”
เพี้ยะ!
”ตบนี้สำหรับเฟิงเอ๋อ! นับแต่ลูกพี่ลูกน้องของข้ามอบเฟิงเอ๋อให้กับบ้านสกุลหลาน เราไม่เคยปล่อยให้มันได้รับความทรมานเลย !
เมื่อหวนคิดถึงบาดแผลมากมายบนตัววิหคเพลิงน้ำตาแห่งความโศกเศร้าของหลานเสี่ยวหยุนก็ไหลริน เพียงไม่ช้านางก็เงื้อมือขึ้นตบอีกครั้ง
”ตบสุดท้ายเพื่อท่านแม่ของข้า ! หลังจากที่เจ้าแต่งเข้าตระกูลตง ทุกคนล้วนดีกับเจ้า เอาอกเอาใจเจ้า เพียงเพราะท่านแม่ของข้าไม่ต้องการที่จะเป็นพระสนมของฮ่องเต้ เจ้าจึงดูถูกเหยียดหยามนางให้ได้อาย ! ทั้งยังพยายามอ้างว่านางจะต้องเสียใจกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน ! ”
”ฮ่องเต้นั่นมีดีอะไรนักหนาหรือ? เทียบกับลูกพี่ลูกน้องของข้ายังไม่ได้เลย ? ท่านแม่ของข้าเลือกท่านพ่อของข้านับเป็นการตัดสินใจที่ประเสริฐแล้ว หาไม่พี่ไป๋หยานก็คงจะไม่ใช่ลูกพี่ลูกน้องของข้า !”
หลานเสี่ยวหยุนยกมือสั่นๆ ของนางขึ้นปาดน้ำตา
นางต้องการตบหญิงผู้นี้มานานแล้วทว่าก่อนหน้านี้ฟู่เป่าหยุนมีน้าของนางคอยปกป้อง อีกทั้งผู้เฒ่าทั้งสองก็คอยให้การช่วยเหลือ นางจึงไม่กล้าตบฟู่เป่าหยุน
ตอนนี้ครั้นได้ระบายความโกรธในใจของนางจนหมดหัวใจของหลานเสี่ยวหยุนพลันสดชื่นขึ้นอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
”หลานเสี่ยวหยุน!”
ตงมู่เซียะคำรามพร้อมกับถลาเข้าหาหลานเสี่ยวหยุน
นางกลัวไป๋หยานหากแต่ไม่ได้หมายความว่านางจะต้องกลัวหลานเสี่ยวหยุนไปด้วย เพราะอย่างไรเสียหลานเสี่ยวหยุนก็เป็นหลานสาวของตระกูลตง นับแต่เล็กจนโต ทุกคนมักจะให้หลานเสี่ยวหยุนยอมอ่อนข้อให้นาง
เช่นนั้นนางจึงอยู่เหนือหลานเสี่ยวหยุนเรื่อยมาไม่เคยพ่ายแพ้ !
ทว่าครานี้หลานเสี่ยวหยุนไม่ยอมลงให้นางเฉกเช่นเคย
ทันทีที่ตงมู่เซียะออกมายืนขวางหน้าหลานเสี่ยวหยุนก็ยกขาขึ้นถีบตงมู่เซียะ ส่งให้ร่างของตงมู่เซียะกระเด็นออกจากห้องไปกระแทกเข้ากับโต๊ะน้ำชา
”นานกว่าสิบปีแล้วเพื่อให้บ้านของข้าสงบสุข ข้ายอมฟังคำพูดของพวกท่าน และยอมลงให้เจ้าเสมอมา ทว่าที่สุดแล้ว ผู้ที่ข้าทนมานานหลายปีก็เป็นแค่ลูกชู้ !” หลานเสี่ยวหยุนเศร้าจนแทบจะร้องไห้ “เจ้ารังแกตงรั่วฉินก็เป็นเรื่องของพวกเจ้า ทว่ามารดาของข้าแต่งเข้าตระกูลหลานแล้ว ทั้งข้าก็เป็นคนในตระกูลหลานด้วย เหตุใดเจ้าถึงยังรังแกพวกเราอีก ?
หลานเสี่ยวหยุนไม่ยอมเรียกท่านน้ากลับเรียกชื่อของเขาตรง ๆ แสดงให้เห็นถึงความผิดหวังของนางที่มีต่อตงรั่วฉิน
ตงรั่วฉินถอนหายใจนัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
ไป๋หยานเดินไปยืนข้างกายหลานเสี่ยวหยุนเงียบๆ พลางลูบศีรษะหลานเสี่ยวหยุนเบา ๆ เอ่ยกล่าวอย่างอบอุ่นว่า “หากเจ้าอยากร้องไห้ ก็ร้องออกมาเถอะ”
***จบบทเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของนาง (5)***
บทที่ 329 : เผยโฉมหน้าที่แท้จริงของนาง (6)
ปกติแล้วหลานเสี่ยวหยุนมิใช่คนที่จะยอมคนขนาดนางพบเจอไป๋จื่อทีไรก็ยังทะเลาะทุบตีกันจนเกือบตายทุกที
แต่เพื่อบ้านสกุลตงแล้วนางต้องอดทนอดกลั้นมานานหลายปี
”ฮืออออออ”
หลานเสี่ยวหยุนถลาเข้าซุกในอ้อมแขนของไป๋หยานพร้อมกับปล่อยโฮ “พี่ไป๋หยาน เหตุใดในโลกนี้จึงมีคนหน้าด้านเช่นนี้ได้ ? พวกเขาต่างก็รู้ว่าข้ามิใช่หลานสาวของตระกูลตง หากแต่ยังกล้ากลั่นแกล้งรังแกท่านแม่ของข้าอีก ! อย่าอ้างว่าตระกูลตงติดค้างนาง เพราะแม้ว่าจะติดค้างจริง นั่นก็เป็นเรื่องของตงรั่วฉิน เหตุใดต้องรังแกท่านแม่ที่บริสุทธิ์ของข้าด้วย ? ”
ไป๋หยานตบหลังของหลานเสี่ยวหยุนเบาๆ เพื่อปลอบประโลมอย่างเงียบ ๆ
ถึงตอนนี้ตี้เสี่ยวอวิ๋นก็โกรธ กระทั่งร้องไห้ออกมาจริงๆ
นางเช็ดน้ำตาอย่างขมขื่นนัยน์ตาที่งดงามของนางเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความเศร้าโศก
”ไม่ยุติธรรมเลย! เหตุใดหยุนเอ๋อถึงสามารถซุกอ้อมกอดของพี่สะใภ้นางเพื่อรับการปลอบประโลม ยามเมื่อถูกรังแกได้ล่ะ ?”
ไป๋เสี่ยวเฉินกัดขนมหอมหมื่นลี้**ที่หอมหวานในมือของตนนัยน์ตากลมโตของเขาแจ่มใสบริสุทธิ์ “ท่าอาหญิง ตอนที่ป๊ะป๋าวายร้ายรังแกท่าน ท่านก็สามารถซุกเข้าหาอ้อมแขนของหม่ามี้ได้นะ”
**ขนมหอมหมื่นลี้(桂花糕 หรือ กุ้ยฮวาเกา)
ตี้เสี่ยวอวิ๋นคิดใคร่ครวญอย่างจริงจัง”ข้าคิดว่าพี่สะใภ้ของข้าคงจะเตะข้ากระเด็นเสียมากกว่าน่ะสิ”
”…”
ปรากฏว่าอาหญิงของข้าดันรู้อีกว่าหม่ามี้จะเตะนางกระเด็น
*****
”ท่านเจ้าบ้าน”
ทันใดนั้นเองผู้คุ้มกันก็ผลุนผลันเข้ามารายงานอย่างนอบน้อม “เจ้าบ้านหลานพาคนบุกมาถึงบ้านเรา ท่านเจ้าบ้านจะกลับไปจัดการเรื่องนี้เลยหรือไม่ ?”
เจ้าบ้านหลานกระนั้นรึ?
ตงเทียนหลิงตกตะลึง”ครอบครัวของเจ้ามาถึงแล้ว ข้าต้องกลับไปที่บ้านสกุลตงก่อน แม่นางไป๋ ข้าขอตัวฟู่เป่าหยุนไปด้วยจะได้หรือไม่ ? ข้าจะพาพวกนางกลับไปที่บ้านสกุลตง เพื่อตกลงกับสกุลหลาน !”
ไป๋หยานเหลือบมองตงเทียนหลิง”ท่านตาของข้ามาที่นี่ เช่นนั้นเราก็กลับไปพร้อมกัน ชิงเซียะ เจ้าพาฟู่เป่าหยุน และฉีหลินกลับไปที่บ้านสกุลตง ! อย่าให้พวกเขาหลบหนีไปได้ !”
สีหน้าของฟู่เป่าหยุนแลดูสิ้นหวังนางรีบหันไปมองฉีหลิน นางภาวนาให้ฉีหลินช่วยนางให้พ้นจากอันตรายครั้งนี้
ทว่าในเวลานี้ฉีหลินไม่แม้แต่จะชายตามองนาง นัยน์ตาของเขายังคงสว่างไสว ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาระบายยิ้มอย่างอ่อนโยน
”แม่นางไป๋ข้ายอมรับว่าฟู่เป่าหยุนกับข้าเคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งมาก่อน แต่นั่นเป็นเพราะข้าไม่อาจต้านทานความต้องการเมื่อครั้งยังอยู่ในช่วงรุ่นหนุ่มได้ ไม่มีผู้ใดไม่เคยทำผิดพลาด และแม้ว่าฟู่เป่าหยุนจะทำอะไรผิด นั่นก็มิได้เกี่ยวข้องอันใดกับข้า”
ในหัวใจของฟู่เป่าหยุนผู้ที่น่าเชื่อถือที่สุดก็คือฉีหลินบัดนี้ได้เห็นฉีหลินกระตือรือร้นที่จะตัดสัมพันธ์กับนาง สีหน้าของนางจึงเต็มไปด้วยความตกตะลึง
”พี่ฉีหลินพี่รู้หรือไม่ว่าพี่กำลังพูดถึงเรื่องใด ? พี่เคยบอกข้าว่า คนที่พี่รักมากที่สุดในชีวิตก็คือข้า ทั้งพี่ยังบอกด้วยว่าพี่จะล่อลวงไป๋หยาน เพื่อลูก ๆ ของเรา … ”
”หุบปาก!”
ฉีหลินตกใจกับคำกล่าวของฟู่เป่าหยุนเขาส่งเสียงตวาดออกมาด้วยความเย็นชา “ข้าบอกว่าข้าจะล่อลวงไป๋หยานเมื่อไรกัน ? เจ้าเองเป็นคนทำผิดอย่าพยายามดึงข้าเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย ! ครั้งที่เจ้ากลั่นแกล้งรังแกตงรั่วหลาน ข้าเคยแนะนำให้เจ้าหยุดการกระทำเช่นนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เจ้าก็ไม่เคยฟังข้า มาตอนนี้เจ้ายังต้องการจะจับข้าไปร่วมรับโทษพร้อมกับเจ้าหรือไร ?
ราวสายฟ้าห้าเส้นฟาดใส่ฟู่เป่าหยุนนางเบิกตากว้าง สมองของนางว่างเปล่าทันที
ฉีหลินไม่ลืมที่จะเดินเข้าไปหาฟู่เป่าหยุนเขายกเท้าขึ้นถีบนาง เอ่ยกล่าวอย่างเกลียดชัง “หญิงเยี่ยงเจ้าก็ไม่ต่างจากอสรพิษ ข้าจะไปพัวพันกับเจ้าได้อย่างไร ? หากมิใช่เป็นเพราะข้าพลาดพลั้งไปด้วยเหตุที่ข้ายังเยาว์วัย มีหรือคนเยี่ยงข้าจะคิดสนใจเจ้า ?”
ฟุ่ว์!
ฟู่เป่าหยุนโดนลูกถีบนี้เข้านางก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก นางกำมือแน่น หัวใจของนางแหลกสลาย นางรู้สึกเกลียดชังอย่างที่สุด
ตงมู่เซียะหวาดกลัวนางทำได้เพียงยืนนิ่งอย่างโง่งมอยู่กับที่ นางไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดฉีหลินผู้ที่เคยสาบานว่าจะปกป้องพวกนางแม่-ลูกถึงกลับกลายเป็นคนโหดร้ายขึ้นมาอย่างกะทันหัน
***จบบทเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของนาง (6)***
บทที่ 330 : นางชอบเขาก็ดีสิ (1)
”แม่นางไป๋”ฉีหลินหันมายิ้ม รอยยิ้มของเขาราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ “ฟู่เป่าหยุนเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้า อย่างไรเสียส่วนหนึ่งก็นับเป็นความผิดของข้าเช่นกัน ในฐานะพี่ชาย ข้ามิได้อบรมนางให้ดี ก็แล้วเหตุใดท่านไม่ให้ข้าเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารแทนการขออภัยแม่นางสักมื้อเล่า”
ไป๋หยานยิ้มมุมปากพร้อมกับเลิกคิ้ว แววตาของนางเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
นางกระดิกนิ้วเรียกฉีหลิน”เจ้าเข้ามานี่หน่อย ?”
หัวใจของฉีหลินยินดียิ่งแน่นอนว่า ไม่มีสตรีใดในโลกที่สามารถต้านทานเสน่ห์ของเขาได้
ยิ่งไปกว่านั้นนางเป็นสตรีที่ท้องก่อนแต่งย่อมต้องผ่านความอัปยศอดสูมานักแล้ว
เขาเลือกที่จะยิ้มในแบบที่คิดว่าหล่อเหลาและสง่างามที่สุด ขณะเดินเข้าไปหาไป๋หยาน
”แม่นางไป๋เป็นคนมีเหตุผลจริง ๆ ข้า …… ”
ปัง!
ก่อนที่ฉีหลินจะทันพูดจบเขาก็เห็นสตรีที่ยืนยิ้มอยู่เบื้องหน้า ยกขาของนางขึ้น จากนั้นก็เตะเข้าไปที่เป้าของเขาอย่างแรง
”อ๊าค! ! !”
ครู่ถัดมาเสียงร้องแหกปากลั่นก็ดังไปทั่วหอบุปผา เสียงนั้นก้องดังขึ้นไปบนท้องฟ้า
ทันใดนั้นเองร่างของฉีหลินก็กระแทกเข้ากับผนังห้อง จากนั้นก็รูดลงมากองอยู่กับพื้น มือของเขากุมเป้าแน่น ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวเนื่องจากความเจ็บปวดอย่างรุนแรง
ห้องพิเศษทั้งห้องเงียบกริบ
ครั้นบ่าวรับใช้ของหอบุปผาที่อยู่ด้านนอกห้องพิเศษแลเห็นลูกเตะของไป๋หยาน พวกเขาก็รู้สึกเย็นวาบบริเวณเป้าของตนเองตามไปด้วย ร่างของพวกเขาสั่นสะท้านไม่หยุด
”เจ้ามีดีอะไรถึงกล้าที่จะต่อรองกับข้า ?”
ไป๋หยานยิ้มพร้อมกับก้าวเข้าหาฉีหลิน
ฉีหลินตัวสั่นเขาเงยหน้าขึ้นด้วยอาการตกตะลึง เขาไม่สนความเจ็บปวดที่บริเวณเป้าแล้ว ยามนี้เขาได้แต่มองดูไป๋หยานด้วยความสยดสยอง
”ก็ไหนเจ้าว่าเจ้าไม่มีวันชอบข้า หากแต่จะทำให้ข้ารักเจ้า รักเจ้าจนตายไงล่ะ” นัยน์ตาของไป๋หยานกำลังยิ้ม
ก็เพียงรอยยิ้มธรรมดาๆ หากแต่กลับทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกถึงหนาวยะเยือกถึงขั้วหัวใจ
ฉีหลินเบิกตากว้างด้วยความหวาดกลัวเป็นไปได้อย่างไร ?
สิ่งที่เขาพูดกับฟู่เป่าหยุนหญิงผู้นี้ได้ยินทุกถ้อยคำได้อย่างไร ?
ไป๋หยานค่อยๆ ชะลอฝีเท้า พลางมองเย้ยเยาะ “ข้าจะให้โอกาสเจ้า ไหนบอกหน่อยสิว่าเจ้าจะจัดการกับข้าเช่นไร ?”
”ไม่!”
ฉีหลินตื่นตระหนกความเจ็บปวดที่บริเวณเป้าทำให้ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว ทว่าเขาไม่ใส่ใจสิ่งใดแล้ว เขาคุกเข่าลงต่อหน้าไป๋หยาน จากนั้นก็โขกคำนับกับพื้นอย่างแรง กระทั่งเกิดเสียงดังโป๊ก ๆ
”แม่นางไป๋ข้ารู้ตัวว่าผิดไปแล้ว โปรดอภัยให้ข้า ข้าไม่อาจเอื้อมกระทำเช่นนั้นอีก”
เพียงครู่หน้าผากของฉีหลินก็ย้อมไปด้วยเลือดสีแดงสดดูเหมือนว่าเขากำลังจะสิ้นสติ ร่างของเขาสั่นอย่างรุนแรง
ฟู่เป่าหยุนผู้ซึ่งหมดเรี่ยวแรงไปแล้วนางทำได้เพียงนอนราบลงกับพื้นอย่างเงียบเชียบ จ้องมองฉีหลินผู้กำลังโขกคำนับร้องขอความเมตตา บัดนี้หัวใจของนางเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
ตงรั่วฉินอาจจะเป็นคนหัวอ่อนก็จริงทว่าเขาก็ไม่เคยคุกเข่าร้องขอความเมตตาผู้ใด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามที
ยิ่งไปกว่านั้นครั้งที่เขาถูกเซียะเอ๋อกดดัน เขาก็ยังกล้าขอร้องให้ท่านพ่อท่านแม่ของเขาปล่อยนาง
ฉีหลินผู้ที่นางยึดมั่นตลอดมาว่าเป็นวีรบุรุษของนาง กลับรักตัวกลัวตายเช่นนี้เองหรือ ?
”ขอความเมตตากระนั้นรึ? ผู้ที่เคยเหยียดหยามพี่สะใภ้ข้าหายไปที่ใดแล้วล่ะ ?” ตี้เสี่ยวอวิ๋นก้าวไปข้างหน้า จากนั้นก็เหยียบเท้าของฉีหลินอย่างแรง นางพูดพร้อมกับเท้าสะเอว “คนต่ำต้อยเยี่ยงเจ้า กล้าสร้างความอับอายให้พี่สะใภ้ข้าได้เยี่ยงไร ?”
หากนี่เป็นแดนอสูรของนางแน่นอนว่านางคงจะให้สัตว์อสูรเอาไอ้ชั่วนี่ไปย่างกินแล้ว
ไป๋หยานกวาดตามองฉีหลินก่อนจะหันกลับมาหาตี้เสี่ยวอวิ๋นช้า ๆ พร้อมกับเอ่ยเบา ๆ
”อวิ๋นเอ๋อลากเขากลับไปที่ตระกูลตงก่อน”
เพียงครู่นางก็คิดถึงบางสิ่งขึ้นมาได้คิ้วเรียวงามของนางย่นเล็กน้อย
”เฉินเอ๋อเจ้ารู้หรือไม่ว่า ฉู่อีอี้หายไปที่ใด วันนี้ทั้งวันข้ายังไม่พบนางเลย”
***จบบทนางชอบเขาก็ดีสิ (1)***