จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 331-335
บทที่ 331 : นางชอบเขาก็ดีสิ (2)
ใบหน้ากลมอมชมพูของไป๋เสี่ยวเฉินเลอะเทอะไปด้วยขนม”เฉินเอ๋อ ก็ไม่รู้เหมือนกัน”
แม้แต่เฉินเอ๋อก็ไม่เห็นงั้นรึ?
ไป๋หยานขมวดคิ้วแน่นขึ้นเรื่อยๆ เด็กสาวคนนั้นไปทำอะไรที่ไหนนะ ?
*****
ณอาณาจักรฉื่อเสีย
บนถนนนอกเมืองหลวงฉู่อีอี้นั่งขัดสมาธินับกลีบดอกไม้ในมือเล่น
ทันใดนั้นเองนัยน์ตาของนางพลันสว่างไสวขึ้น นางรีบลุกขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็ว ใบหน้าที่สวยงามของนางแดงระเรื่อด้วยความตื่นเต้น
”พี่ชาย!”
นางโบกมือพร้อมกับตะโกนเรียกเสียงสั่น
บุรุษในอาภรณ์สีขาวนั้นแลดูสว่างไสวใบหน้าหล่อเหลาของเขาเต็มไปด้วยความสุขุม เส้นผมยาวดำขลับราวกับน้ำหมึกนั้นพริ้วไสวไปกับสายลม
แลดูงดงามไม่ต่างจากภาพวาด
ทันทีที่เขาเห็นสตรีผู้ซึ่งกำลังตะโกนเรียกเขาแววตาที่ดูเฉยเมยนั้นพลันปรากฏร่องรอยอบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย
”เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
ครั้นได้ยินเขาไถ่ถามด้วยน้ำเสียงไม่แยแสริมฝีปากบาง ๆ ของนางพลันเชิดขึ้นเล็กน้อย
เว้นแต่ไป๋หยานและบุตรชายของนางแล้วท่าทีที่ชายผู้นี้มีต่อคนอื่นก็ยังคงไม่ต่างจากเดิม เรื่องนี้ฉู่อีอี้รับรู้มานานแล้ว
”ข้ามาที่นี่ก็เพื่อรอพี่ไง”ฉู่อีอี้กล่าวพร้อมกับยิ้ม “พี่ชาย ดีที่ท่านมาที่นี่ หาไม่แล้วพี่ไป๋หยาน จะต้องถูกอ๋องคังช่วงชิงไปแน่”
ร่างของฉู่อี้เฟิงแข็งทื่อแววตาของเขาดูสับสน “นางชอบเขากระนั้นหรือ ?”
นางชอบเขาก็ดีสิ
ฉู่อีอี้กระทืบเท้าด้วยความโกรธ”ที่สุด ข้าก็รู้ว่าพี่น่ะสู้อ๋องคังไม่ได้ตรงไหน สองแม่ลูกอยู่ที่เกาะศักดิ์สิทธิ์ของเราก็ตั้งหลายปี พี่ยังทำให้นางยอมรับพี่ไม่ได้ แต่เพียงเวลาแค่สองสามเดือนอ๋องคังกลับสามารถยืนเคียงข้างนางได้แล้ว”
อ๋องคังทั้งชอบทำตัวข่มทั้งร้ายกาจทว่าเพื่อตามตื๊อไป๋หยานแล้ว เขากลับไม่สนใจรักษาหน้าตนเอง เขาหมกมุ่นอยู่แต่กับนาง ตื๊อนางหน้าด้าน ๆ
ครั้นฉู่อีอี้กวาดตามองพี่ชายของนางอีกครั้งไป๋หยานไม่เคยให้ผู้ใดใกล้ชิดสนิทสนม เช่นนั้นเขาจึงทำได้เพียงยืนอยู่ข้างหลังนาง ไป๋หยานไม่ชอบให้ผู้ใดแตะต้องนาง เช่นนั้นเขาก็ไม่เคยเข้าใกล้นางเกินหนึ่งก้าว
หากเขาบ้าดีเดือดเช่นอ๋องคังป่านนี้ไป๋หยานก็คงจะเป็นพี่สะใภ้ของนางไปแล้ว
”นางอยู่ที่ใด?”
ฉู่อีอี้นิ่งอยู่นานกว่าฉู่อี้เฟิงจะเอ่ยประโยคนี้ออกมา แววตาของนางเต็มไปด้วยความโกรธ นางรู้สึกเจ็บใจที่ไม่สามารถหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้าได้ (ไม่ได้ดังใจ)
”พี่ใหญ่ครานี้อ๋องคังไม่ได้อยู่เคียงข้างนาง โอกาสของพี่มาถึงแล้ว หากช้ากว่านี้ข้าเกรงว่านางอาจจะกลายเป็นพี่สะใภ้ของตี้เสี่ยวอวิ๋นเข้าจริง ๆ”
”พาข้าไปพบนาง”
น้ำเสียงของฉู่อี้เฟิงยังคงสงบและเฉยเมยทว่ามีความผันผวนในดวงตาดำขลับของเขา
*****
ยามนี้บ้านตระกูลตงถูกผู้คุ้มกันในชุดเกราะตรงเข้าโอบล้อมเหตุการณ์เช่นนี้ย่อมเป็นที่ดึงดูดทุกคู่สายตาของผู้คนบนท้องถนนให้มามุงดู พวกเขาสงสัยว่าเกิดเหตุใดขึ้นกับตระกูลตง
ครั้นตงเทียนหลิงกลับมาถึงบ้านสกุลตงเขาก็เห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าว นั่นทำให้เขาเดินคอแข็งเข้าบ้าน ภายในบ้านเขาพบท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานพร้อมด้วยหลานฮูหยินผู้เฒ่านั่งอยู่ตรงหน้า
ข้างกายท่านผู้เฒ่าทั้งสองมีผู้คุ้มกันท่าทางดุร้ายยืนขนาบครั้นเห็นตระกูลตงกลับมา พวกเขาก็กวาดตามองมาอย่างดุดัน
”ท่านพ่อ”
ตงรั่วหลานเดินออกมาจากท่ามกลางฝูงชนใบหน้าของนางระบายไปด้วยรอยยิ้ม “ท่านมีกระไรหรือ ?”
ปัง!
ฝ่ามือของท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานตบลงบนโต๊ะอย่างแรงใบหน้าของชายชราแลดูจริงจัง ทั้งน้ำเสียงก็เย็นชาและดุดัน
”หากข้าไม่มาข้าก็คงไม่รู้ว่าตระกูลตงรังแกเจ้ามานานหลายปีแล้ว !”
ตงรั่วหลานมองหน้าท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานด้วยความหวาดกลัวนางรีบเอ่ยคำ
“ท่านพ่อท่านอย่าโกรธเลย ข้าสบายดี”
นางมิได้ต้องการอ้อนวอนเพื่อตระกูลตงทว่าพ่อสามีของนางเพิ่งฟื้นตัวจากอาการป่วยหนัก นางไม่อยากให้สุขภาพของเขาทรุดลงอีก
***จบบทนางชอบเขาก็ดีสิ (2)***
บทที่ 332 : เศษสวะโดยแท้ (1)
“รั่วหลาน”หลานฮูหยินผู้เฒ่าลุกขึ้นยืนพลางตบหลังมือของตงรั่วหลานเบา ๆ “ท่านพ่อของเจ้าหายเป็นปกตินานแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลหรอก หากวันนี้ตระกูลหลานของเราไม่มาเรียกคืนความเป็นธรรมให้แก่เจ้า ผู้คนจะคิดได้ว่าตระกูลหลานของเราไม่สนใจเจ้า ! ”
ตงรั่วหลานหยุดพูดนางยืนเงียบ ๆ ข้างกายหญิงชรา ขณะเดียวกันก็จ้องมองฟู่เป่าหยุนและบุตรสาวผู้ซึ่งยามนี้ถูกโยนทิ้งไว้บนพื้นโดยไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ
”ท่านปู่ท่านย่า” หลานเสี่ยวหยุนบุ้ยปากพลางกล่าวด้วยความโกรธ “ท่านทั้งสองไม่รู้หรอกว่าฟู่เป่าหยุนก่อเรื่องหนักหนาเพียงใด นางไม่เพียงแต่ทำร้ายท่านแม่ ทว่ายาที่นางให้ท่านแม่นั้นก็เป็นยาปลอม ทั้งยังต้องการบังคับข้าให้ถวายตัวเป็นพระสนมขององค์ชายสาม แม้แต่วิหคเพลิงที่ท่านปู่และท่านย่ามอบให้ท่านแม่นางก็ยังแย่งไปครอบครอง”
”แล้ว…”หลานเสี่ยวหยุนหันไปมองไป๋หยาน “หากมิใช่เพราะพี่ไป๋หยานมาพร้อมกับข้า ข้าเกรงว่า พวกท่านคงจะไม่ได้พบท่านแม่อีกแล้ว”
หัวใจของท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานเต้นระทึกด้วยความหวาดหวั่นใบหน้าของเขาซีดขาว
เขารู้เพียงว่าตงรั่วหลานได้รับบาดเจ็บหากแต่ไม่คาดคิดว่าจะร้ายแรงถึงเพียงนี้ !
เพียงคิดว่าตงรั่วหลานจะได้รับอันตรายจากคนพวกนี้หัวใจของเขาก็สั่นระริก กระทั่งแทบจะลืมหายใจ
”เฉินเอ๋อ”
ไป๋หยานขยิบตาให้ไป๋เสี่ยวเฉิน
ไป๋เสี่ยวเฉินเข้าใจได้ทันทีเขารีบวิ่งเข้าไปหาท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลาน จากนั้นก็ลูบหน้าอกของชายชราอย่างช้า ๆ
”ท่านตาทวดหม่ามี้บอกว่าคนเลวย่อมได้รับผลกรรมตอบสนอง อย่าโกรธพวกเขาเลย เวลาเห็นท่านโกรธเฉินเอ๋อกับหม่ามี้จะไม่สบายใจ”
อาจเป็นเสียงหวานๆ น่ารัก ๆ ของเจ้าซาลาเปาน้อย ช่วยทำให้ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานหายใจหายคอสะดวกขึ้น เขากระแทกฝ่ามือลงบนโต๊ะที่อยู่เบื้องหน้า ผลก็คือโต๊ะแยกออกเป็นสองเสี่ยงด้วยความโกรธ เขากล่าวว่า “ลูกสะใภ้บ้านสกุลหลานของข้า ต้องได้รับความทุกข์ทรมานและเจ็บปวดในบ้านสกุลตงของเจ้า เจ้าไม่คิดจะอธิบายให้ข้าฟังหน่อยหรือ ?”
ตงเทียนหลิงกล่าวพร้อมกับยิ้มว่า”ตระกูลตงของข้าทำผิดมากมายจริง ๆ ข้าไม่สามารถปกป้องหลานเอ๋อได้ บัดนี้เรานำตัวฟู่เป่าหยุนมารับโทษแล้ว เชิญท่านกำหนดโทษให้นางตามแต่ใจท่านเถอะ”
”ฮึ่ม!”
ถ้อยคำของตงเทียนหลิงทำให้ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานรู้สึกดีขึ้น เขายังส่งเสียงฮึดฮัดอย่างเย็นชา พลางกวาดสายตาอันดุดันไปที่ฟู่เป่าหยุนผู้ซึ่งถูกโยนไว้บนพื้น เจตนาสังหารส่องประกายวาบผ่านดวงตาของเขา
”ทำลายวรยุทธนางซะจากนั้นก็โยนนางเข้าไปในป่าสัตว์อสูร แล้วทิ้งนางไว้ที่นั่นแหละ !”
นัยน์ตาของฟู่เป่าหยุนเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกนางกรีดร้อง “ไม่… ข้าไม่อยากไปป่าสัตว์อสูร ! ข้าไม่อยากกลายเป็นขยะไร้ค่า !”
แม้ว่าจะไม่ทำลายวรยุทธนางทว่านางก็ไม่อาจหนีความตายพ้นหากถูกทิ้งไว้ที่ป่าสัตว์อสูร แล้วนี่ยังจะทำลายวรยุทธนางอีก เช่นนั้นนางไม่เหลือทางรอดแน่
นี่ย่อมไม่ต่างจากการฆ่านางทั้งเป็น!
อย่างน้อยหากฆ่านางเสียเลยนางก็แค่รู้สึกเจ็บปวดเพียงชั่วครู่ แต่หากนางถูกโยนเข้าไปในป่าสัตว์อสูร นางคงทำได้เพียงนั่งมองตนเองกลายเป็นอาหารของสัตว์อสูรเหล่านั้น !
”ไม่ทราบว่าพี่ตงมีความคิดเห็นอื่นใดเกี่ยวกับบทลงโทษของข้าหรือไม่ ?” ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานหันไปมองตงเทียนหลิงอย่างเฉยเมย
ตงเทียนหลิงมีหรือจะออกความคิดเห็นใดได้? เขาทำได้เพียงยิ้ม “สุดแล้วแต่ท่านเลย”
”ไม่นะ!” ฟู่เป่าหยุนกรีดร้อง นางรีบลุกขึ้นจากพื้นถลาไปซบแทบเท้าของตงรั่วฉินทันที “รั่วฉิน สามี-ภรรยาครองคู่วันเดียวเหมือนอยู่ร่วมกันร้อยวัน เราสองคนอยู่กินกันมาก็นานหลายปี โปรดช่วยข้าด้วย”
ตงรั่วฉินเบือนหน้าหนีไปทางอื่นไม่ยอมมองใบหน้าซีด ๆ ของฟู่เป่าหยุน
”รั่วฉินข้ารู้ว่า ข้าทำร้ายตง รั่วหลาน ทว่านางก็ยังปลอดภัยดี ก็แล้วเหตุใดเจ้าถึงยังต้องการให้ข้าชดใช้ด้วยชีวิตอีกเล่า ?”
***จบบทเศษสวะโดยแท้ (1)***
บทที่ 333 : เศษสวะโดยแท้ (2)
ไม่ตายก็ไม่ต้องชดใช้ด้วยชีวิตหมดคำจะพูดกับหญิงผู้นี้ !
ก็แล้วเหตุใดตงรั่วหลานต้องชดใช้ให้นางด้วยชีวิตเล่า?
หลานเสี่ยวหยุนหัวเราะเยาะ”หากข้าไม่พาพี่ไป๋หยานของข้ามา มารดาของข้าจะยังมีชีวิตอยู่กระนั้นหรือ ? จะผิดอะไรเล่า ในเมื่อเจ้าพยายามจะสังหารมารดาของข้า เจ้าก็ต้องชดใช้”
”ข้า… ข้าไม่ได้ตั้งใจ”
น้ำเสียงของฟู่เป่าหยุนสั่นระริกนัยน์ตาแดงก่ำของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว “ตอนนี้ข้ารู้ตัวแล้วว่าข้าผิด โปรดให้โอกาสข้าสักครั้งเถอะ”
”ทว่าท่านปู่ของข้าก็ไม่ได้สังหารเจ้านี่เจ้าทำร้ายมารดาของข้า ทั้งยังให้ยาปลอมแก่นาง ท่านปู่ของข้าก็เพียงทำลายวรยุทธของเจ้า จากนี้ต่อไปเจ้าจะรอดชีวิตได้หรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับบุญกรรมของตัวเจ้าเอง”
พูดได้เลยว่าหากทิ้งนางไว้ในป่าสัตว์อสูร นางย่อมไม่มีโอกาสรอดชีวิตอย่างแน่นอน
ร่างของฟู่เป่าหยุนทรุดลงกองกับพื้นทันใดนั้นเองนางก็เหลือบไปมองฉีหลินผู้ซึ่งอยู่ไม่ไกลด้วยสายตาลนลาน
”ฉีหลินเจ้าเคยบอกข้าว่าเจ้าจะปกป้องข้า เหตุใดตอนนี้เจ้าถึงได้ขี้ขลาดยิ่งกว่าตงรั่วฉินซะอีก”
”เดิมทีก็เป็นเจ้าที่ให้ข้าแต่งงานกับตงรั่วฉิน นอกจากนี้ยังเป็นเจ้าที่เสนอแนะให้ส่งตงรั่วหลานไปเป็นพระสนมของเสด็จพี่ข้า แม้แต่เรื่องให้หลานเสี่ยวหยุนไปเป็นพระสนมขององค์ชายสามก็ยังเป็นความคิดของเจ้า !”
”ข้าขอบอกเจ้าไว้เลยว่าหากข้าไม่อาจรอดพ้นความตายได้ เจ้าก็อย่าหวังว่าจะรอด !”
ฟู่เป่าหยุนหัวเราะเส้นผมยาวของนางร่วงหล่นระกรอบหน้าแลดูรุ่ยร่าย นัยน์ตาของนางแดงก่ำราวกับคนบ้า
”ฟู่เป่าหยุนเจ้ากำลังพูดเรื่องใด !”
ฉีหลินตบหน้าฟู่เป่าหยุนพลางกล่าวด้วยความโกรธว่า “เจ้าเองเป็นผู้กระทำผิด ไยจึงต้องลากข้าลงน้ำครำไปด้วยเล่า ! ข้าไม่รู้เรื่องที่เจ้าทำนั่นแม้แต่น้อย”
”ฮึ่ม!” ฟู่เป่าหยุนกล่าวต่อไปว่า “ข้าจะไปซื้อยาแท้ให้ตงรั่วหลาน ทว่าเจ้ากลับบอกข้าว่า ตงรั่วหลานเพียงแสร้งทำเป็นเวียนหัว แค่ให้ยาปลอมแก่นางก็พอ จากนั้นเจ้าก็เอาเงินไปซื้อยา ! ”
หลานเสี่ยวหยุนเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
ฟู่เป่าหยุนเป็นคนงี่เง่าทว่าฉีหลินเป็นเศษสวะโดยแท้ !
”พวกเจ้า… อย่าฟังนางบ้าคนนี้ !” ฉีหลินตัวสั่น นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยหวาดกลัว
ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานค่อยๆ กวาดตาลงมองร่างของฉีหลิน “เจ้าเป็นใครกัน ?”
ครั้นได้ยินคำถามของท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานหลานเสี่ยวหยุนก็อธิบายถึงความเป็นมาของฉีหลิน รวมถึงชาติกำเนิดของสองพี่น้องบุตรของฟู่เป่าหยุน
ครั้นได้ยินเรื่องราวท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานพลันขมวดคิ้ว เขากล่าวเย้ยหยันขึ้นว่า “ดูเหมือนเจ้าทั้งสองจะรักกันมาก เช่นนั้นข้าก็ไม่รังเกียจที่จะส่งพวกเจ้าไปที่ป่าสัตว์อสูรพร้อม ๆ กัน เจ้าทั้งสองจะได้เป็นคู่สร้างคู่สมราวกับเป็ดแมนดารินเคียงคู่ ! ”
ร่างของฉีหลินอ่อนระทวยทรุดลงกองกับพื้นเขามองฟู่เป่าหยุน แววตาของเขาเต็มไปด้วยความดุร้าย
”ฟู่เป่าหยุนเจ้าทำร้ายข้า ข้าจะฉุดเจ้าลงนรกเช่นกัน”
”อะไรนะ?”
ฟู่เป่าหยุนตกตะลึงนางคิดไม่ทันว่าเขาหมายถึงสิ่งใด ฉีหลินคว้าตัวตงมู่เซียะผู้ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ใช้มีดสั้นแทงอกของตงมู่เซียะทันที
”อ๊า! ! !”
เสือร้ายยังไม่กินลูกตนเอง
ต่อให้ฟู่เป่าหยุนจะมีจิตใจโหดร้ายสักเพียงใดทว่านางก็ไม่เคยทำร้ายบุตรตนเอง ครั้นเห็นฉีหลินฆ่าตงมู่เซียะได้อย่างไม่ลังเล นางก็พุ่งเข้าไปทุบตีเขาพร้อมกับกรีดร้อง
”ฉีหลินเจ้ามันใจคอโหดร้าย เจ้ามันเป็นหมาป่าที่น่ารังเกียจ นางคือบุตรสาวของเจ้า บุตรสาวแท้ ๆ ของเจ้านะ ! ! !”
นัยน์ตาของนางแดงก่ำยามนี้นางไม่ต่างกับสิงโตบ้าที่คำรามอย่างดุดันและดุร้าย
***จบบทเศษสวะโดยแท้ (2)***
บทที่ 334 : เศษสวะโดยแท้ (3)
ตงมู่เซียะมองมีดที่ปักบนหน้าอกของนางจากนั้นก็เงยหน้ามองบิดาผู้ซึ่งเปรียบเสมือนเทพเจ้าของนาง พลางตกตะลึง
”ทำไม? ”
”อย่าโทษข้าต้องโทษมารดาของเจ้าที่พยายามดึงข้าลงน้ำครำด้วย”
ฉีหลินยิ้มอย่างน่ากลัวในเมื่อฟู่เป่าหยุนกล้าที่จะลากเขาไปตายด้วย เช่นนั้นเขาก็จะทำให้นางตกนรกทั้งเป็นเช่นกัน !
โครม!
ร่างของตงมู่เซียะล้มลงบนพื้นอย่างแรงนัยน์ตาของนางเบิกกว้าง นางตายตาไม่หลับ
ใบหน้าของฟู่เป่าหยุนเต็มไปด้วยความเจ็บปวด”ฉีหลิน เจ้าต้องไม่ตายดี เจ้าฆ่าบุตรสาวด้วยมือเจ้าเอง !”
”แล้วที่ข้าต้องไม่ตายดีก็เพราะผู้ใดล่ะ?”
ฉีหลินทุบหัวฟู่เป่าหยุน”หากมิใช่เป็นเพราะเจ้า ข้าก็คงไม่ต้องพบเรื่องเช่นนี้ ! ในเมื่อข้าต้องตาย ข้าก็จะลากลูกของเจ้าตายตามไปด้วย !”
”เจ้า…”ฟู่เป่าหยุนชี้นิ้วไปที่ฉีหลิน นางกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ เต็มไปด้วยความโกรธ “เจ้าจะทำอะไรหลินเอ๋อ ?”
รอยยิ้มฉีหลินแลดูดุร้าย”หากข้ายังมีชีวิต แน่นอนว่าข้าย่อมสามารถปกป้องหลินเอ๋อได้ แต่หากข้าตาย เจ้าคิดหรือว่าภรรยาของข้าจะปล่อยเขาไป ?”
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานางเสือที่บ้านของเขาไม่อนุญาตให้ผู้ใดมีทายาทให้เขา หากหญิงใดมีลูกกับเขาหญิงผู้นั้นก็ต้องตาย
เช่นนั้นหากนางเสือที่บ้านเขารู้ว่าตงมู่หลินเป็นบุตรของเขา นางย่อมไม่มีวันปล่อยตงมู่หลินเป็นแน่
ร่างของฟู่เป่าหยุนสั่นระริกความเสียใจท่วมท้นหัวใจของนาง
นางเพียงอยากให้ฉีหลินประสบชะตากรรมเดียวกับนางนางลืมคิดไปว่าหากฉีหลินตาย ผู้ใดจะปกป้องบุตรชายของนาง ?
”เจ้ายังมัวพล่ามอะไรกันอีก? สายเกินไปแล้วที่จะพูดเรื่องเหล่านี้ ไปคุยกันต่อในป่าสัตว์อสูรเถอะ” ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานขมวดคิ้ว จากนั้นเขาก็เหลียวมองไปที่ตงรั่วฉิน “ฟู่เป่าหยุนและฉีหลินต่างก็ได้รับโทษแล้ว เหลือก็แต่ตงรั่วฉิน ตระกูลตงจะตัดสินเช่นไร ?”
ตงเทียนหลิงตกใจเขายิ้มอย่างไม่ใคร่เต็มใจนัก “เช่นนั้นท่านต้องการให้ตระกูลตงทำเช่นไร ?”
”ประการแรกเขาต้องออกจากบ้านสกุลตง ประการที่สองวันหน้าพวกท่านทั้งสองสามารถไปเยี่ยมรั่วหลานที่บ้านสกุลหลานของเราได้ ทว่ารั่วหลานจะไม่กลับมาบ้านสกุลตงอีก !”
ลูกสะใภ้ของเขาต้องทนแบกรับความเจ็บปวดมากมายเพื่อตระกูลตงโดยที่เขาไม่รู้ ตอนนี้ผู้ใดก็ตามที่ทำให้นางเสียใจ เขาก็จะไม่ให้อภัยง่าย ๆ เช่นกัน !
ตงรั่วหลานเม้มปากไม่กล่าวคำใด
เห็นได้ชัดว่าการกระทำของตงรั่วฉินทำให้หัวใจของนางแตกสลาย หากนางพบเห็นเขาอีก นางเกรงว่าจะไม่สามารถควบคุมความโกรธไว้ได้
”เอ่อ…” ตงเทียนหลิงตกตะลึง เขามองตงรั่วหลานเพื่อขอความช่วยเหลือ “หลานเอ๋อ เจ้าเห็นด้วยหรือไม่ ?”
ตงรั่วหลานหัวเราะเบาๆ “ครั้งที่ฟู่เป่าหยุนคิดจะส่งหยุนเอ๋อไปเป็นพระสนมขององค์ชายสาม น้องชายของข้าก็อยู่ที่นั่นด้วย และแม้หลังจากที่ฟู่เป่าหยุนทำร้ายข้าจนได้รับบาดเจ็บ เขาก็ยังไม่พูดอะไรสักคำ ! พฤติกรรมเช่นนี้จะให้ข้าเย็นใจได้อย่างไร”
นับแต่วัยเยาว์ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับตงรั่วฉินนั้นแน่นแฟ้นมาโดยตลอด ตงรั่วฉินเป็นเด็กขี้อาย เช่นนั้นเพื่อปกป้องเขานางจึงต้องต่อสู้กับคนอื่นครั้งแล้วครั้งเล่า โดนผู้คนทุบตีก็หลายต่อหลายครั้ง
แต่ถึงกระนั้นนางก็ยังคงร้อนรนทุกครั้งที่เห็นตงรั่วฉินถูกรังแกแม้ว่าหัวของนางจะแตกกระทั่งเลือดไหลโซมนางก็ไม่เคยถอย
ทว่าตงรั่วฉินทำอะไรเพื่อนางบ้าง? เขาเฝ้าดูนางถูกทุบตีโดยไม่ยื่นมือช่วยเหลือ ไม่แม้แต่จะพูดอะไรสักคำ !
นางเหนื่อยใจบางทีตลอดชั่วชีวิตนี้นางอาจไม่สามารถให้อภัยเขา
”พี่สาว”ริมฝีปากของตงรั่วฉินสั่นระริก เขาหลับตาลงใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “ข้าขอโทษ เป็นข้าที่ผิดเอง … ”
ตงรั่วหลานยืนนิ่งเงียบข้างกายท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลาน
”ท่านพ่อ”ตงรั่วฉินลืมตาขึ้น เขาหันไปมองตงเทียนหลิง “ข้ายินดีที่จะออกจากบ้านสกุลตง จนกว่าพี่สาวจะยกโทษให้”
***จบบทเศษสวะโดยแท้ (3)***
บทที่ 335 : พ่อบุญธรรมฉู่อี้เฟิง (1)
ยามนี้ตงเทียนหลิงดูเหมือนจะมีอายุเพิ่มขึ้นอีกหลายสิบปี เขาขยับริมฝีปากกล่าวอย่างขมขื่น “เรื่องนั้นข้ารู้แล้ว ก่อนอื่น …เจ้าควรคุกเข่าต่อหน้าพี่สาวของเจ้า และยอมรับผิดในสิ่งที่เจ้าเคยทำลงไป”
”ขอรับท่านพ่อ”
ตงรั่วฉินหันหลังกลับเขาเดินเข้าไปหาตงรั่วหลาน จากนั้นก็คุกเข่าลงอย่างแรง
”พี่สาวข้ารู้ว่า พี่คงจะไม่ยกโทษให้ข้า ทั้งหมดเป็นเพราะข้าหลงผิด ข้าลืมน้ำใจที่พี่มีต่อข้าจนสิ้น”
”หากย้อนเวลากลับไปได้ข้าจะไม่ทำให้พี่ต้องผิดหวังอีก”
เขากระแทกศีรษะลงบนพื้นอย่างรุนแรงกระทั่งเลือดไหลอาบใบหน้า
หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็ลุกขึ้นยืน เขาหันไปมองไป๋หยานพร้อมรอยยิ้ม
”พี่สาว… พี่มีหลานสาวที่ดี”
”ฮึ!” ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานพ่นลมออกจมูก “คนบ้านตระกูลหลานของข้า ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นคนดี !”
ครั้นได้ยินน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโอ้อวดของท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานหน้าผากของไป๋หยานก็ย่น กระทั่งเกิดริ้วรอยขึ้นสามเส้น มุมปากของนางกระตุก
”ไป๋หยาน!”
ทันใดนั้นเองน้ำเสียงแสดงความตื่นเต้นก็ดังมาจากด้านหน้า
ไป๋หยานเงยหน้าขึ้นเสียงนั่นดังมาจากฉู่อีอี้ นางถลาเข้าหาอ้อมแขนของไป๋หยานราวกับผีเสื้อโฉบดอกไม้
ไป๋หยานขมวดคิ้วในขณะที่กำลังจะอ้าปากพูดนั้น พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นชายคนหนึ่งเดินตามฉู่อีอี้เข้ามา
อาภรณ์สีขาวของชายผู้นั้นเปล่งรัศมีสว่างไสวเขาแลดูเฉยเมยไม่แยแสโลกหล้า
แม้ว่าชายตรงหน้าจะหล่อเหลาไร้ที่ติทว่าเขาก็มีกลิ่นอายสันโดษ กระทั่งคนภายนอกไม่อาจเข้าใกล้ได้ แรงกดดันนี้ผลักดันให้คนรอบข้างอยากออกห่างให้ไกลหลายพันลี้ สร้างความหวาดหวั่นให้ผู้คนที่ยืนอยู่โดยรอบ
”มาที่นี่ได้ยังไง?”
ไป๋หยานมองจ้องร่างของชายหนุ่มพลางยิ้มน้อยๆ ริมฝีปากของนางยกโค้งงดงาม
”เอ่อ…”น้ำเสียงของชายหนุ่มเฉยเมยเฉกเช่นเคย ทว่าแววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยนที่ไม่มีผู้ใดเคยพบเห็นมาก่อน “ข้ามาหาเจ้า”
ข้ามาหาเจ้าราวสายลมอบอุ่นแห่งฤดูใบไม้ผลิพัดผ่าน ก่อนหน้านี้คนแปลกหน้าผู้นี้มิใช่ชายหนุ่มผู้เฉยเมยหรอกรึ ? ก็แล้วเหตุใดถึงแลดูอบอุ่นเช่นนีได้
ตี้เสี่ยวอวิ๋นยืนงงบนแผ่นดินใหญ่นี้ มีบุรุษหน้าตาดีเช่นนี้ด้วยหรือ ?
หล่อกว่าท่านราชครูของข้าทว่ายังน้อยกว่าพี่ชายข้านิดนึง
แต่…
ชายผู้นี้เย็นชาเกินไปมีเพียงช่วงเวลาอยู่ต่อหน้าไป๋หยานเท่านั้นที่ทำให้อารมณ์ของเขาเปลี่ยนไป
นางชอบความอ่อนโยนของท่านราชครูมากกว่า
”พ่อบุญธรรม”
ทันใดนั้นเองนัยน์ตาของไป๋เสี่ยวเฉินพลันสว่างไสวขึ้น เขาผละจากอ้อมแขนของท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานทันที จากนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปหาฉู่อี้เฟิง
ฉู่อี้เฟิงยกมือขึ้นโอบกอดไป๋เสี่ยวเฉินผู้ซึ่งยามนี้ขดตัวเป็นก้อนซาลาเปาริมฝีปากที่เคยเย็นชาของเขายกยิ้ม บัดนี้ความเฉยเมยในแววตาของเขามลายหายไปสิ้น
”พ่อบุญธรรมเฉินเอ๋อคิดถึงท่านม้ากมาก”
ใบหน้าเล็กๆ ของไป๋เสี่ยวเฉินอวบอิ่ม นัยน์ตากลมโตของเขากระพริบวิบวับ และมือของเขากอดแขนฉู่อี้เฟิงแน่น
หัวใจของฉู่อีอี้พลันขมขื่น
เป็นที่ชัดเจนว่าฉู่อี้เฟิงมีเวลาตั้งห้าปีในการตามตื๊อไป๋หยานทั้งนางและไป๋เสี่ยวเฉินต่างก็พยายามช่วยเขามาโดยตลอด เหตุใดเขาจึงไม่สามารถทำให้ไป๋หยานเป็นพี่สะใภ้ของนางได้สักที ?
ตอนนี้บิดาของเฉินเอ๋อปรากฏตัวขึ้นแล้วยิ่งเป็นการยากที่จะตามตื๊อไป๋หยาน
คนนี้คือ…
ครั้นถ้อยคำของไป๋เสี่ยวเฉินหลุดออกมาในใจของตี้เสี่ยวอวิ๋นพลันหวาดระแวงขึ้นมาอย่างรุนแรง นัยน์ตาที่สวยงามของนางเต็มไปด้วยความระแวดระวัง
”ท่านก็คือพ่อบุญธรรมที่เฉินเอ๋อพูดถึงบ่อยๆ งั้นหรือ ?”
ฉู่อี้เฟิงเพิ่งเห็นตี้เสี่ยวอวิ๋นแววตาของเขากลับมาเย็นชาเฉกเช่นเดิม เขากราดตามองตี้เสี่ยวอวิ๋น ริมฝีปากบาง ๆ ของเขาสร้างความรู้สึกเย็นยะเยือก
”พี่ชาย…นางก็คือตี้เสี่ยวอวิ๋น น้องสาวอ๋องคัง”
ฉู่อีอี้แนะนำให้เขารู้จัก
***จบบทพ่อบุญธรรมฉู่อี้เฟิง (1)***