จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 336-340
บทที่ 336 : พ่อบุญธรรมฉู่อี้เฟิง (2)
แววตาของฉู่อี้เฟิงมีร่องรอยแห่งความประหลาดใจเขาพยักหน้าให้ตี้เสี่ยวอวิ๋น
”ขอบใจเจ้ามากที่ช่วยดูแลหยานเอ๋อและเฉินเอ๋อ”
นัยน์ตาที่สวยงามของตี้เสี่ยวอวิ๋นหรี่ลงชายผู้นี้กำลังประกาศความเป็นเจ้าของใช่หรือไม่ ?
”ท่านอาหญิง”
ครั้นเห็นว่าตี้เสี่ยวอวิ๋นไม่ได้โง่อย่างเคยไป๋เสี่ยวเฉินก็รีบผละออกจากอ้อมแขนของฉู่อี้เฟิง จากนั้นก็วิ่งเข้าไปยืนข้างกายตี้เสี่ยวอวิ๋น
”เฉินเอ๋อหิวแล้วท่านอาหญิงพาเฉินเอ๋อไปซื้อขนมหอมหมื่นลี้หน่อย”
”แต่…”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นขมวดคิ้วนางกำลังจะปฏิเสธ แต่ครั้นก้มลงมองใบหน้าเศร้า ๆ ของไป๋เสี่ยวเฉิน หัวใจของนางพลันอ่อนยวบ “ตกลง อาหญิงจะพาเจ้าไปซื้อขนม”
”ขอบคุณท่านอาหญิง”
ใบหน้าของไป๋เสี่ยวเฉินเบิกบานพร้อมรอยยิ้มสดใสเพื่อไม่ให้นางทะเลาะกับฉู่อี้เฟิง เขาจำต้องหลอกนาง
ท้ายสุดตี้เสี่ยวอวิ๋นก็ต้องละทิ้งหน้าที่ที่ตี้คังมอบหมายมา
ครั้นสองอาหลานจากไปลานบ้านก็กลับคืนสู่ความเงียบสงบ
”อี้เฟิง…”
ไป๋หยานจ้องมองบุรุษที่ยืนอยู่เบื้องหน้านางครุ่นคิดเพียงครู่ก่อนจะกล่าวว่า “ท่านมาที่นี่เพราะฉู่อีอี้บอกท่านเรื่องของอ๋องคังใช่หรือไม่ ?”
”ใช่”ฉู่อี้เฟิงกล่าวด้วยเสียงเบา ๆ “นางบอกว่า เจ้าถูกรังแกอย่างน่าเวทนา ทั้งยังถูกจำกัดเสรีภาพ นอกจากนี้จดหมายฉบับนั้นยังตกถึงมือของอาจารย์เจ้า หลังจากอ่านจดหมายแล้วพวกเขาต่างก็โกรธมาก ตอนนี้อาจารย์ของเจ้าน่าจะอยู่ระหว่างเดินทางไปอาณาจักรหลิวฮั่ว”
สีหน้าของไป๋หยานเคร่งเครียดนางหันมองฉู่อีอี้ด้วยสายตาเย็นยะเยือก “เจ้าบอกไปเช่นนั้นจริง ๆ หรือ ? ท่านอาจารย์จะตกใจมากเพียงไรกันนี่ ?”
ชั่วขณะนั้นเองฉู่อีอี้ก็อยากจะหายตัวไปจากที่ตรงนั้น นางไม่ต้องการจะให้ผู้ใดรับรู้ว่านางยังมีตัวตนอยู่ที่นี่ น้ำเสียงเย็นยะเยือกของไป๋หยานทำให้นางตกใจยิ่ง
รอยยิ้มเจื่อนๆ ผุดขึ้นบนมุมปากของนาง “ข้าเพียงล้อเล่นน่ะ”
”ล้อเล่นงั้นรึ?” ไป๋หยานยิ้มสีหน้าเคร่งขรึม “ล้อเล่นอะไรกัน ? ก็เห็นชัด ๆ ว่าเจ้าพูดเรื่องจริง ก็ข้าถูกรังแกจริง ๆ นี่”
ก็…ไอ้อ๋องคังผู้นั้นหาเศษหาเลยกับนาง! ตั้งหลายครั้ง ที่สำคัญ ยังหน้าด้านพาตนเองเข้ามาอยู่ในบ้านของนางอีก
นั่นเรียกได้ว่าเป็นการรังแกนางใช่หรือไม่ล่ะ?
”…”
ฉู่อีอี้คิดว่านางจะถูกไป๋หยานตีหากแต่เมื่อไป๋หยานพูดเช่นนี้ นางก็เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ นางจ้องไป๋หยานที่ยามนี้กำลังขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
นี่นางเข้าใจผิดไปงั้นหรือ? ที่ว่าอ๋องคังอยู่เคียงข้างไป๋หยานนั่นน่ะ ?
”เจ้า… ” แววตาของฉู่อี้เฟิงสว่างวาบอย่างหงุดหงิด “แล้วเจ้าก็ยอมเขางั้นรึ ?”
ที่ผ่านมาไป๋หยานมักทำตัวห่างเหินจากผู้ที่นางไม่ชอบแม้แต่กับเขานางก็ไม่เคยให้ความเป็นกันเอง นางมักจะแสดงท่าทีเฉยเมยใส่ทุกผู้คน
ทว่ายามนี้เมื่อนางเอ่ยถึงอ๋องคัง แม้ว่านางจะกัดฟันพูด ทว่ากลับไม่มีท่าทีรังเกียจหรือไม่ชอบในแววตาของนางเลย
”แค่กๆ !”
ทันใดนั้นเองท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานก็กระแอมขึ้นสองครั้ง เขามองไปที่ไป๋หยานและฉู่อี้เฟิง
”หยานเอ๋อเจ้าจะไม่แนะนำให้พวกเรารู้จักกันหน่อยหรือ ?”
ไป๋หยานกลับมารู้สึกตัวนางยักไหล่ “เขาเป็นบิดาบุญธรรมของเฉินเอ๋อ และสำหรับหลาน เขาเปรียบเสมือนพี่บุญธรรม นับแต่หลานออกจากบ้านสกุลไป๋ ก็ได้บ้านของเขาเป็นที่พำนักอาศัยอยู่นานหลายปี”
”อ้อ… เป็นเช่นนี้นี่เอง” ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานกล่าวโดยแสร้งทำเป็นเข้าใจ เขายิ้มให้กับฉู่อี้เฟิง “ข้าขอขอบคุณ คุณชายท่านนี้ที่ช่วยดูแลหลานสาวของข้าเป็นอย่างดี หากมิใช่ท่าน ข้าเกรงว่าหลานสาวของข้าอาจต้องตกระกำลำบากยิ่งนัก”
***จบบทพ่อบุญธรรมฉู่อี้เฟิง (2)***
บทที่ 337 : ป๊ะป๋ามา (1)
ฉู่อี้เฟิงกล่าวพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ “สมควรแล้ว ท่านพ่อท่านแม่ของข้า และทุกคนในครอบครัวของเราต่างก็ชอบหยานเอ๋อและบุตรชายของนาง”
หากมิใช่เพราะความชื่นชอบของฉู่อี้เฟิงที่มีต่อไป๋หยานนางจะอยู่ที่นั่นมาตั้งหลายปีได้อย่างไร
ครั้นเห็นว่าหลานสาวของตนได้รับความชื่นชมจากบุรุษผู้โดดเด่นเช่นนี้ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานก็พึงพอใจมาก ทว่าใบหน้าของเขายังคงสงบนิ่ง
”คุณชายฉู่ข้ายังมีเรื่องคั่งค้างที่ต้องจัดการ ไว้ข้าจะต้อนรับคุณชายฉู่อย่างเป็นทางการภายหลังจากข้าจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว”
เขาทำตัวราวกับบ้านสกุลตงเป็นบ้านของเขาเองอย่างนั้นแหละ
ทว่าตงเทียนหลิงก็ทำอะไรไม่ได้นอกเสียจากยิ้มเขาไม่กล้าเอ่ยกล่าวแม้สักครึ่งคำ
ครั้นเห็นฉู่อี้เฟิงปรากฏตัวฉีหลินก็รู้สึกตกใจ
ชายผู้นี้ไม่เพียงแต่มีภาพลักษณ์สูงส่งเกินกว่าจะอาจเอื้อมแตะต้องได้ทว่ายังมีแรงกดดันมากมาย เขาเกรงว่า แม้แต่ฮ่องเต้ก็มิใช่คู่ต่อสู้ของชายผู้นี้
เช่นนั้น…
เมื่อหวนนึกถึงสิ่งที่เขาพูดในหอบุปผาก่อนหน้านี้หัวใจของฉีหลินพลันสั่นไหวอย่างรุนแรง
หากเขาไม่เอาแต่คิดเข้าข้างตนเองตอนนี้เขาคงจะไม่ต้องมายืน ณ จุดนี้
*****
บนถนนในเมืองฉื่อเสียจู่ ๆ ตี้เสี่ยวอวิ๋นพลันหยุดชะงัก นางเขกหัวตนเองอย่างแรง ก่อนจะพูดเหมือนอยากจะร้องไห้ว่า “จบแล้ว ข้าจะต้องถูกพี่ชายฆ่าแน่ ๆ”
ไป๋เสี่ยวเฉินหยิบถุงขนมหอมหมื่นลี้ที่นางเพิ่งซื้อให้ขึ้นมาใบหน้าไร้เดียงสาของเขาแสดงความสงสัย “ทำไมป๊ะป๋าวายร้ายต้องฆ่าท่านด้วยล่ะ ?”
”พี่ชายของข้าสั่งให้ข้าเฝ้าติดตามพี่สะใภ้อย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะอย่างยิ่งห้ามปล่อยให้ชายใดเข้าใกล้นาง” ใบหน้าเล็ก ๆ ที่งดงามของตี้เสี่ยวอวิ๋นแลดูขมขื่น “หากพี่ชายของข้ารู้ว่า ข้าละทิ้งพี่สะใภ้มา เขาจะต้องสังหารข้าอย่างแน่นอน”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นนั้นไม่เคยกลัวอะไรมากเท่ากับตี้คังมีเพียงตี้คังเท่านั้นที่สามารถทำให้นางหวาดกลัวได้เช่นนี้
เอ่อ… ทว่าตอนนี้ก็มีไป๋หยานเพิ่มมาอีกคน
นางทิ้งฉู่อี้เฟิงให้อยู่กับไป๋หยานเพียงลำพังเช่นนี้หากพี่ชายที่ดุร้ายของนางรู้ แน่นอนว่าเขาจะต้องถลกหนังจิ้งจอกของนางออกมาอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ไป๋เสี่ยวเฉินกะพริบตา”อาหญิง ไม่มีประโยชน์ที่จะคอยเฝ้าหม่ามี้ของเฉินเอ๋อหรอก หากหม่ามี้ชอบพ่อบุญธรรมก็ไม่มีผู้ใดสามารถขัดขวางนางได้ แต่หากนางไม่ชอบ นางก็จะไม่ให้โอกาสพ่อบุญธรรมเลย”
”ก็จริง”ตี้เสี่ยวอวิ๋นพยักหน้าอย่างจริงจัง
นัยน์ตาของไป๋เสี่ยวเฉินเปล่งประกาย”นอกจากนี้ ตราบใดที่หม่ามี้กับเฉินเอ๋อไม่พูด ป๊ะป๋าวายร้ายก็ไม่มีวันรู้หรอกท่านว่าจริงมั้ย… ? ”
”เอ่อ…” จู่ ๆ ใบหน้าของตี้เสี่ยวอวิ๋นก็กลับไปหดหู่อีกครั้ง นางเกือบจะปล่อยโฮออกมาทันที “ดูเหมือนว่าจะสายเกินไปแล้ว”
ไม่ไกลกันนักกลิ่นอายแผ่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ทำเอาแข้งขาอ่อนจนเกือบเป็นอัมพาต
ไป๋เสี่ยวเฉินมือสั่น กระทั่งขนมร่วงตกพื้น
”ทำไมป๊ะป๋าวายร้ายต้องมาที่นี่ในเวลานี้ด้วย”
จบกันหากป๊ะป๋าวายร้ายมาเจอพ่อบุญธรรมทั้งคู่จะต้องต่อสู้กันแน่
เช่นนั้นเขาจะเข้าข้างผู้ใดดี?
ใบหน้าเล็กๆ ของ ไป๋เสี่ยวเฉินแลดูสับสน ที่สุดก็ดูเหมือนว่าเขาจะตัดสินใจได้ “อาหญิง ท่านอยู่ที่นี่ ถ่วงเวลาป๊ะป๋าไว้ก่อนนะ ข้าจะไปหาพ่อบุญธรรม หาทางหลบเลี่ยงไม่ให้พวกเขาพบกัน”
กล่าวจบไป๋เสี่ยวเฉินก็ไม่สนใจตี้เสี่ยวอวิ๋นซึ่งยามนี้เกือบจะร้องไห้ด้วยความกลัวอยู่ข้างหลังพลันร่างเล็ก ๆ ของเขาก็วิ่งตื๋อกลับไปบ้านสกุลตงอย่างรวดเร็ว
”เฉินเอ๋อ…รอ… ”
รอข้าด้วย…
นางไม่ต้องการเผชิญหน้าตี้คังแต่เพียงลำพัง
ทว่าก่อนที่นางจะทันกล่าวจบนางพลันรู้สึกได้ถึงลมหายใจเย็นยะเยือกอันทรงพลัง ทันใดนั้นร่างของนางก็เกิดอาการแข็งค้าง
ตี้เสี่ยวอวิ๋นคอแข็งนางค่อย ๆ หันกลับมามองชายผู้ทรงพลังที่ยืนอยู่ข้างหลังนางราวกับเห็นปีศาจ ก่อนจะฝืนยกยิ้ม
ทว่ากลับเป็นรอยยิ้มที่ดูเลวร้ายยิ่งกว่าการร้องไห้
***จบบทป๊ะป๋ามา (1)***
บทที่ 338 : ป๊ะป๋ามา (2)
”พี่ชาย… ท่าน … ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร ?”
ครานี้ตี้คังไม่ได้สวมเสื้อคลุมสีม่วงอันเป็นเอกลักษณ์ของตน ทว่ากลับเปลี่ยนมาสวมเสื้อคลุมสีดำแทน ทว่าอย่างไรก็ตามเขาก็ยังแลดูข่มขู่คุกคาม อีกทั้งชั่วร้ายเฉกเช่นเดิม ทว่าก็ยังคงหล่อเหลาเปล่งรัศมีตระการตาไม่เปลี่ยนแปลง
”ข้าว่าข้าสั่งให้เจ้าคอยเฝ้าติดตามหยานเอ๋อ ก็แล้วเหตุใดเจ้าถึงอยู่ที่นี่แต่เพียงผู้เดียวเล่า ? แล้วหยานเอ๋อล่ะ ?”
คิ้วของตี้คังย่นเข้าหากัน
ท่าทางเช่นนี้ทำเอาหัวใจของตี้เสี่ยวอวิ๋นแทบวางวายด้วยความหวาดกลัวนางยังพยายามฝืนยิ้ม “ข้ากำลังรอท่านอยู่ไง”
ตี้คังมองตี้เสี่ยวอวิ๋นอย่างสงสัย”เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้ากำลังมา ?”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นแทบจะกัดลิ้นตนเอง
ใช่นางรู้ได้อย่างไรว่าพี่ชายกำลังจะมา ?
หากมิใช่เป็นเพราะกลิ่นอายที่เต็มไปด้วยความน่ากลัวเหลือร้ายอันเข้มข้นของเขานางก็ไม่อาจรู้ได้เลยว่าเขามาถึงอาณาจักรฉื่อเสียแล้ว
”คือว่า…”ตี้เสี่ยวอวิ๋นเหลือบตาขึ้นมอง “เอ่อ…ก็เสด็จพี่ ออกจะรักพี่สะใภ้มากถึงเพียงนี้ เช่นนั้นพระองค์จะต้องตามมาอย่างแน่นอน แล้วหม่อมฉันจะไม่รู้ได้อย่างไรเล่าเพคะ ?”
ครานี้นางไม่เรียกตี้คังว่าพี่ชายหากแต่ปรับเปลี่ยนไปเรียกอย่างเป็นทางการแทน
โดยปกติแล้วหากมิได้อยู่ในแดนอสูร นางก็จะไม่เรียกตี้คังว่าเสด็จพี่
คิ้วของตี้คังย่นหนักขึ้นกว่าเดิม”ตามข้ามา”
”ช้า… ช้าก่อนสิ … ”
ครั้นเห็นตี้คังกำลังจะเดินจากไปตี้เสี่ยวอวิ๋นก็รีบวิ่งตามเขา นางเอื้อมมือคว้าจับแขนเสื้อของเขาไว้
แต่ครั้นหวนนึกถึงนิสัยรักความสะอาดของพี่ชายขึ้นมาได้นางก็รีบหดมือกลับ
”ยังมีอะไรอีก?” ตี้คังชะงักฝีเท้า พลางเอ่ยถามน้ำเสียงเย็นชา
ตี้เสี่ยวอวิ๋นรู้สึกราวกับมีสายลมเย็นยะเยือกพัดผ่านร่างของนางสั่นเทา นางเกือบจะปล่อยโฮอีกครั้ง “ไม่…ไม่มีอะไร”
”เจ้ากำลังมีเรื่องปิดบังข้า”
นี่มิใช่คำถามหากแต่บอกเล่าอย่างมั่นใจ
ใบหน้าที่สวยงามของตี้เสี่ยวอวิ๋นเปลี่ยนเป็นซีดขาวทันทีแน่นอนว่าไม่อาจรอดพ้นสายตาของตี้คังไปได้
รอยยิ้มของเขาแลดูเคร่งขรึม”รอให้ข้าได้พบหยานเอ๋อก่อน แล้วข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง !”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นรู้สึกราวกับพลังในกายสิ้นสลายร่างของนางอ่อนระทวย ก่อนจะทรุดลงไปกองกับพื้น
ครั้นลมหนาวพัดผ่านนางก็สะดุ้งตกใจ และรู้สึกคลับคล้ายว่าตนเองจะมีไข้
ณบริเวณห้องโถงด้านหน้าของบ้านสกุลตง
ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานกำลังจัดการกับฟู่เป่าหยุนและผู้ที่เกี่ยวข้อง ทันใดนั้นเองร่างเล็ก ๆ ก็พุ่งผ่านประตูเข้ามา ร่างนั้นถลันมายืนตรงหน้าฉู่อี้เฟิง
”เฉินเอ๋อ?”
ครั้นเห็นอาการลุกลี้ลุกลนของไป๋เสี่ยวเฉินไป๋หยานก็ขมวดคิ้ว “เกิดเรื่องใดขึ้น ตี้เสี่ยวอวิ๋นเล่า นางอยู่ที่ใด ?”
”ท่านอาหญิงนางรอซื้อขนมหอมหมื่นลี้แสนอร่อยให้เฉินเอ๋ออยู่” ไป๋เสี่ยวเฉินจับแขนเสื้อของฉู่อี้เฟิง พลางกล่าวอย่างน่าสงสารว่า “ท่านพ่อบุญธรรมช่วยพาเฉินเอ๋อไปฝึกวิชาหน่อย”
ฝึกวิชางั้นรึ?
ฉู่อี้เฟิงตกตะลึงเขาก้มมองใบหน้าอันบริสุทธิ์ของเจ้าซาลาเปาน้อย ครั้นเห็นรอยยิ้มสดใสราวสายลมฤดูใบไม้ผลิแล้ว เขาก็ปฏิเสธไม่ลง
”ได้สิ”
ทันทีที่ได้ยินฉู่อี้เฟิงรับคำไป๋เสี่ยวเฉินก็รู้สึกโล่งใจ เขารีบพาฉู่อี้เฟิงออกจากบ้านสกุลตง
”สถานที่แห่งนี้เล็กเกินไปเฉินเอ๋อกลัวว่าหากเกิดอุบัติเหตุ จะก่อให้เกิดความเสียหายได้ เช่นนั้นเราควรไปหาสถานที่ฝึกที่กว้างกว่านี้”
”เช่นนั้นเจ้าอยากไปที่ใดล่ะ?”
”วังหลวงน่าที่จะกว้างใหญ่พอเราไปฝึกกันที่วังหลวงเถอะ อย่างไรเสีย ฮ่องเต้ก็มีเงินทองมากมาย ทั้งยังโง่เง่ามากอีกด้วย มีเงินทองมากมายก็ไร้ประโยชน์”
”สุดแต่เจ้าเลย”
ครั้นร่างเล็กๆ ของไป๋เสี่ยวเฉินหายลับตาไป ไป๋หยานก็ยังไม่อาจเข้าใจได้ว่า เกิดอะไรขึ้นกันแน่ นางกระพริบตาด้วยความประหลาดใจ “วันนี้เฉินเอ๋อ กินยาผิดงั้นรึ ?”
โดยปกติแล้ว…เฉินเอ๋อก็ไม่เคยให้ฉู่อี้เฟิงช่วยชี้แนะการฝึกฝนวิชาให้สักหน่อย?
ทว่าเพียงไม่ช้าไป๋หยานก็เข้าใจในเจตนาของไป๋เสี่ยวเฉิน
สายลมพัดผ่านท้องฟ้าหอบพากลิ่นอายที่คุกคามเข้ามาปะทะใบหน้า คลับคล้ายท้องฟ้าสีฟ้าจะเปลี่ยนเป็นสีดำทะมึน แรงกดดันหนักหน่วงกดทับราวกับภูเขาลูกใหญ่
บทที่ 339 : ความหวาดกลัวของตี้เสี่ยวอวิ๋น (1)
ร่างของไป๋หยานแข็งค้าง
จากนั้นนางก็ถูกดึงตัวเข้าไปกอด
แผงอกของชายหนุ่มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายคุกคามผู้คนมือใหญ่แข็งแกร่งของเขารวบกอดเอวคอดกิ่วของนางแน่น
ภายใต้สายลมพริ้วไหวเส้นผมสีเงินสลวยเปล่งประกายแวววาว สะกดทุกจิตวิญญาณของผู้พบเห็น
”หยานเอ๋อเจ้าชักจะซุกซนเกินไปแล้ว ไยถึงมาที่นี่โดยไม่มีข้าล่ะ ?” ชายหนุ่มยิ้ม พลางเชิดริมฝีปากขึ้น ทว่านัยน์ตาเรียวคมกลับเต็มไปด้วยประกายอันตราย เขายิ่งเพิ่มน้ำหนักมือมากขึ้น เมื่อต้องการที่จะกระชับร่างของผู้ที่อยู่ในอ้อมแขนให้แนบแน่นกับแผ่นอก กระทั่งแทบจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว
ไป๋หยานเลิกคิ้วเพียงครู่ที่สุดนางก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดเฉินเอ๋อบุตรชายตัวน้อยของนางจึงต้องการดึงฉู่อี้เฟิงออกไป
เพราะหากปล่อยให้คนทั้งสองเจอกันย่อมจะต้องเกิดสงครามอย่างแน่นอน
”เอ่อ…”ไป๋หยานยกมือขึ้นแตะหน้าผากของตนก่อนจะกล่าวว่า “ข้ารู้สึกวิงเวียนศีรษะ ท่านตา รบกวนท่านช่วยจัดการปัญหาที่นี่ด้วย ข้าขอตัวกลับอาณาจักรหลิวฮั่วก่อน”
นี่นับเป็นเรื่องเร่งด่วนนางต้องรีบพาตี้คังออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันมิให้เขาต้องปะทะกับฉู่อี้เฟิง
มีหรือที่ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานจะไม่ทราบจุดประสงค์ของไป๋หยานครั้นเขาหวนคิดถึงความหึงหวงที่อ๋องคังมีต่อไป๋หยาน กับความรู้สึกซ่อนเร้นภายในใจของฉู่อี้เฟิงที่มีต่อไป๋หยาน เขาก็ต้องรีบเอ่ยกล่าวว่า
”อืมเช่นนั้นก็รีบกลับไปไว ๆ เถอะ ไม่ต้องกังวลเรื่องที่นี่ ไว้ข้าจัดการเอง”
ไป๋หยานถอนหายใจ”อ๋องคัง เราไปกันเถอะ”
ตี้คังหรี่ตาลงเล็กน้อยเขายิ้มราวรู้เท่าทัน “เจ้ามีสิ่งใดปิดบังข้ารึไม่ ?”
”ไม่มี”
”ไม่มีสิ่งใดปิดบังข้าเช่นนั้นเหตุใดเจ้าจึงทิ้งเฉินเอ๋อไว้ที่นี่ล่ะ ?” อ๋องคังยกยิ้ม รอยยิ้มของเขาราวกับรอยยิ้มของอสูรร้าย “หยานเอ๋อ เจ้าคงมิได้ซุกซ่อนชายอื่นไว้หรอกนะ ?”
หัวใจของไป๋หยานหล่นไปกองที่ตาตุ่มทว่าสีหน้าของนางยังคงเรียบเฉย “เฉินเอ๋อ มีท่านตาคอยดูแล ข้าไม่จำเป็นต้องเป็นห่วง”
”งั้นรึ?” ตี้คังยิ้ม “ข้าหวังว่า เจ้าคงจะจำสิ่งที่ข้าเคยพูดก่อนหน้านี้ได้ หากเจ้ากล้าที่จะมีชายอื่น มีหนึ่ง ข้าก็จะฆ่าหนึ่ง ! จนกว่า … จะไม่มีใครกล้าแข่งขันกับตี้คังผู้นี้ !”
ยิ่งบริเวณลานเงียบสงบเท่าไหร่เสียงของชายหนุ่มก็ยิ่งดังก้องเท่านั้น
ฟู่เป่าหยุนเงยใบหน้าที่ดุร้ายของนางพลางจ้องมองใบหน้าของไป๋หยานอย่างเกลียดชัง นางหญิงชั่วผู้นี้ เหตุใดวาสนาดีถึงเพียงนี้ ทั้งที่เป็นเพียงหญิงที่ตั้งครรภ์ก่อนสมรส !
ในเมื่อหญิงผู้นี้กล้าที่จะเหยียบเรือสองแคม! ข้าก็จะยืมมืออ๋องคังกำจัดนาง !
หากข้าบอกให้ชายผู้นี้รับรู้ถึงความเลวร้ายของไป๋หยานแน่นอนว่าเขาจะต้องฆ่าหญิงสารเลวผู้นี้อย่างแน่นอน !
”ข้า…”
ทันทีที่ฟู่เป่าหยุนอ้าปากหลานเสี่ยวหยุนก็เตะเข้าไปที่หน้าอกของนางดังเปรี้ยง !
อั้ค!
ฟู่เป่าหยุนกระอักเลือดออกมาหนึ่งคำร่างของนางทรุดลงบนพื้นด้วยอาการตื่นตระหนก ใบหน้าของนางยิ่งแลดูดุดัน นางยังหมายที่จะกล่าวต่อ ทว่ากำปั้นของหลานเสี่ยวหยุนกลับทุบลงมารัว ๆ ไม่ยั้ง
นางจำต้องกลืนทุกคำพูดของนางลงลำคอ
”เจ้าต้องการทำร้ายท่านแม่ของข้าเจ้าต้องการให้ข้าแต่งงานกับองค์ชายสาม ! วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าซะ !” หลานเสี่ยวหยุนเตะฟู่เป่าหยุนอย่างแรง นางรับรู้ถึงสายตาของอ๋องคังที่หันมาสนใจ นางจึงต้องแสดงละครฉากนี้ “พี่เขย หญิงผู้นี้ชั่วช้ามาก นางก็แค่จะขอความเมตตา ข้าเกรงว่าท่านแม่ของข้าจะใจอ่อน ข้าจึงไม่อยากให้นางพูดอะไรอีก”
ฟู่เป่าหยุนกระอักเลือดออกมาเต็มปากอีกครั้งนางต้องการเปิดโปงเรื่องของไป๋หยานชัด ๆ นางไม่ได้จะขอความเมตตาซะหน่อย
นอกจากนี้ขนาดตงรั่วฉิน ตงรั่วหลานยังไม่ให้อภัย กับนางมีหรือตงรั่วหลานจะยอมใจอ่อน ?
”เอาเลย”
พี่เขย…คำเรียกขานของหลานเสี่ยวหยุนดังก้องในหัวใจของตี้คังนั่นทำให้ใบหน้าของเขาไม่เย็นชาเฉกเช่นเคย ทั้งยังดูอ่อนโยนลงเล็กน้อยด้วยซ้ำ
”เจ้าทุบตีนางตามใจชอบเลยหากนางตาย ข้าจะรับผิดชอบเอง”
ผู้ใดใช้ให้หลานเสี่ยวหยุนเป็นเด็กรู้มากเช่นนี้เล่า? แค่เรียกพี่เขยก็เพียงพอที่จะทำให้ตี้คังไม่สนใจฟู่เป่าหยุนผู้ซึ่งพยายามดึงความสนใจเขาอีกเลย
***จบบทความหวาดกลัวของตี้เสี่ยวอวิ๋น (1)***
บทที่ 340 : ความหวาดกลัวของตี้เสี่ยวอวิ๋น (2)
”พี่เขย”หลานเสี่ยวหยุนกล่าวพร้อมรอยยิ้มชั่วร้าย พลางชี้ไปที่ฉีหลินผู้ซึ่งยามนี้ทั้งร่างของเขากำลังสั่นเทา “คนสารเลวนี่ ต้องการจะแต่งงานกับพี่ไป๋หยานของข้า เขาไม่รู้จักส่องกระจกดูสารรูปตัวเอง พี่สาวของข้าจะสนชายอื่นได้เช่นไร ? ในเมื่อมีพี่เขยอยู่ทั้งคน”
ไป๋หยานหน้าดำคร่ำเครียดเป็นครั้งแรกที่นางรู้ว่า หลานเสี่ยวหยุนเป็นเด็กช่างประจบสอพลอ
ทว่าก็เป็นการสอพลอที่ดีเยี่ยม
ร่างของฉีหลินสั่นเทาเขาเงยหน้าขึ้นด้วยความหวาดกลัว เพียงไม่ช้าเขาก็รู้สึกมืดมนสิ้นหวัง
”ไอ้ขยะไร้ประโยชน์นี่คิดจะแต่งงานกับภรรยาของข้างั้นรึ?”
เสียงของตี้คังทุ้มต่ำราวกับภูเขาขนาดใหญ่กดทับลงมากระทั่งขาของฉีหลินไม่อาจหยัดยืนอยู่ได้ เขาไร้สิ้นเรี่ยวแรงจนต้องทรุดกายลงคุกเข่ากับพื้น
”ข้า…”
เขายังไม่ทันที่จะได้อธิบายก็เห็นชายหนุ่มยกมือขึ้นเล็กน้อย
ฉีหลินไม่รู้ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นอีกเขามองชายผู้ซึ่งหล่อเหลาด้วยความหวาดกลัว จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงระเบิดดังออกมาจากช่องอกของตน
เสียงระเบิดนั้นชัดเจนดังก้องในหูเขาเจ็บปวดรุนแรงบริเวณหน้าอก สีหน้าของเขาแลดูหวาดกลัวมากขึ้นเรื่อย ๆ
”ไม่…ข้ายังไม่อยากตาย!”
ปัง!
การระเบิดปะทุขึ้นอีกครั้งเขากระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง ก่อนจะร่วงลงไปนอนแผ่กับพื้น
“ช่วย… ช่วยข้าด้วย … ”
หากเป็นเช่นนี้ใช้มีดแทงเขาเลยยังจะดีเสียกว่าเขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่าละอองเลือดกระจัดกระจายออกมาพร้อมกับแรงระเบิดจากภายในร่างของเขาเอง เขาเจ็บปวดแสนสาหัสกระทั่งต้องขดตัวกลม
ทุกคนต่างตกตะลึง
พวกเขาไม่เคยเห็นวิธีการฆ่าเช่นนี้มาก่อนเลยการทำให้เม็ดเลือดเม็ดเล็ก ๆ ภายในร่างกายคนพร้อมใจกันระเบิด
เพียงไม่ช้าฉีหลินก็หยุดการเคลื่อนไหว และนิ่งสงบบนพื้นไม่ต่างกับศพ
นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวทว่าการระเบิดภายในร่างของเขายังไม่สิ้นสุด พิสูจน์ให้เห็นว่า เขายังคงทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดนี้อย่างต่อเนื่อง
”อ๋องคัง”ไป๋หยานคว้าแขนของเขา “พวกเรากลับบ้านกันเถอะ”
กลับบ้านงั้นรึ?
ถึงตอนนี้ตี้คังลืมคำถามที่ถามไป๋หยานไปแล้ว ท่าทีของเขาอ่อนลง “ได้สิ”
ไป๋หยานถอนหายใจอย่างโล่งอกนางขยิบตาให้ฉู่อีอี้ก่อนจะเดินนำตี้คังไปที่ประตู
ในขณะที่นางกำลังจะรีบพาอ๋องคังจากไปนั้นจู่ ๆ ก็มีเสียงดังมาจากด้านนอกประตู
”พี่สะใภ้,พี่สะใภ้, เร็ว ๆ เข้าพี่ชายข้ากำลังมา !”
สตรีในอาภรณ์สีชมพูรีบวิ่งเข้ามาก่อนที่นางจะทันได้หายใจ นางก็ต้องตกตะลึง นัยน์ตาที่สวยงามของนางพลันเบิกกว้าง นางพูดติดอ่างทันที “พี่…พี่.. พี่ชายเหตุใดพี่มาถึงเร็วจัง”
นางคิดว่าพี่ชายของนางต้องไม่รู้จักทางมาบ้านสกุลตงเป็นแน่เพราะเขาเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก เช่นนั้นนางจึงต้องการแจ้งให้ไป๋หยานทราบก่อนที่เขาจะหาบ้านสกุลตงพบ
หากแต่นางลืมไปว่าพี่ชายของนางคือราชา! ทั้งยังเป็นราชาแห่งแดนอสูร ! เขาจะโง่เง่าเรื่องถนนหนทางเยี่ยงนางได้เช่นไร ?
”พี่ชายข้าเพียงล้อเล่น เพียงล้อเล่นเท่านั้นจริง ๆ”
ครั้นเห็นใบหน้าของตี้คังแลดูน่าเกลียดมากขึ้นเรื่อยๆ ตี้เสี่ยวอวิ๋นก็กลืนน้ำลายด้วยความยากลำบาก รอยยิ้มของนางยามนี้แลดูแย่ยิ่งกว่าร้องไห้เสียอีก
จบสิ้นแล้ว!
ครานี้เสด็จพี่จะต้องถลกหนังจิ้งจอกของนางเป็นแน่เขาจะต้องจับนางโยงแล้วโบยอีกด้วย !
”ข้าขอให้เจ้าเฝ้าหยานเอ๋อไว้ก็แล้วเหตุใดเจ้าจึงอยากให้นางหนีไปจากข้า ?” อ๋องคังยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่น่าขนลุกขนชันสิ้นดี
ตี้เสี่ยวอวิ๋นกลัวกระทั่งแทบจะร้องไห้”ไม่…หาใช่เช่นนั้นไม่ … ”
”ไม่ใช่เช่นนั้นแล้วเป็นเช่นใด? หรือเจ้าคิดว่าข้าไม่คู่ควรกับหยานเอ๋อใช่หรือไม่ ?”
ตี้คังค่อยๆ ปล่อยหญิงสาวในอ้อมแขน จากนั้นก็ก้าวอย่างช้า ๆ เข้าไปหาตี้เสี่ยวอวิ๋นที่ยามนี้มีสีหน้าซีดเซียว
***จบบทความหวาดกลัวของตี้เสี่ยวอวิ๋น (2)***