จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 346-350
บทที่ 346 : ข้าต้องปกป้องหม่ามี้
มุมปากของไป๋หยาน กระตุก
แล้วอะไรคือความแตกต่างระหว่างเจ้าตอนนี้กับเจ้าเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมากันล่ะนี่?
แม่ดูไม่ออก…
แต่ครั้นเห็นลูกน้อยพยายามปกป้องนางเช่นนี้หัวใจของไป๋หยานก็เต็มไปด้วยความตื้นตัน นางอดไม่ได้ที่จะคว้าตัวเจ้าซาลาเปาน้อยเข้ามากอดพร้อมกับจูบลงบนใบหน้าเล็ก ๆ ที่น่ารักของเขา
“เฉินเอ๋อเจ้าสมกับเป็นยอดดวงใจของแม่จริง ๆ แม่ไม่เสียใจเลยที่มีเจ้าอยู่ในชีวิตของแม่”
นางไม่เสียใจที่มีบุตรชายเชื่อฟังเช่นนี้ในชีวิต!
แววตาที่เย็นยะเยือกของตี้คังจ้องมองใบหน้าของไป๋เสี่ยวเฉินที่กำลังถูกจูบน้ำเสียงของเขาเย็นชา “เจ้าออกไปข้างนอกก่อน”
ตอนนี้แม้แต่บุตรชายก็ยังกล้าแข่งกับเขางั้นหรือ?
เจ้าเด็กน้อยนี่ลืมไปแล้วหรือไรว่าผู้ใดกันที่ทำให้เขาได้ถือกำเนิดบนโลกใบนี้ ?
”ตี้คัง!” ไป๋หยานตบเตียง “ท่านกล้าตะคอก เฉินเอ๋อหรือ ?”
หากผู้ใดกล้าพูดเช่นนี้กับตี้คังแน่นอนว่าต้องโดนเลาะกระดูกออกเป็นแน่
ทว่าผู้ที่พูดใส่หน้าเขาก็คือไป๋หยาน!
ไป๋หยานที่ไม่เคยกลัวเกรงผู้ใดและเขาเป็นฝ่ายที่ต้องยอมให้เสมอมา
น้ำเสียงของตี้คังอ่อนลง”ข้าหมายความว่า … บางทีลูกอาจจะหิว เช่นนั้นข้าจึงจะพาลูกออกไปหาอะไรกินก่อน”
หลังจากกล่าวจบเขาก็ยกมือขึ้นคว้าตัวไป๋เสี่ยวเฉินแล้วเดินออกไปนอกห้อง
เอ่อ…
ราตรีนั้นสงบนิ่งราวกับสายน้ำ ภายใต้แสงจันทร์ที่หนาวเหน็บ ยิ่งส่งให้บุรุษผู้สวมเสื้อคลุมสีดำ เส้นผมสีเงินยวงแลดูมีเสน่ห์
เขาอุ้มเด็กชายตัวเล็กๆ แก้มยุ้ย ๆ ซึ่งถอดแบบเขามาราวกับพิมพ์เดียว
”เจ้าต้องการที่จะปกป้องมารดาของเจ้ากระนั้นรึ?”
เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มกังวานใสในแสงจันทร์
นัยน์ตาของไป๋เสี่ยวเฉินเบิกกว้างตะลึงงัน”เฉินเอ๋อ เป็นลูกผู้ชาย ย่อมต้องปกป้องหม่ามี้กับน้องสาว”
แม้ว่าจะยังไม่มีน้องสาวแต่ในใจของไป๋เสี่ยวเฉินก็มีนางแล้ว
”ผู้ใดบอกเรื่องเหล่านี้กับเจ้า?” ตี้คังหรี่ตาลง นัยน์ตาของเขาส่องประกายอันตราย
”พี่สาวฉู่บอกเฉินเอ๋อให้เฉินเอ๋อคอยปกป้องหม่ามี้ และต้องไม่ปล่อยให้หม่ามี้ถูกกลั่นแกล้ง
ฉู่อีอี้ผู้น่าสงสารถูกไป๋เสี่ยวเฉินขายแล้วอย่างง่ายดาย
รอยยิ้มบุ๋มๆ ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของตี้คัง “นางบอกเจ้าว่า พ่อรังแกแม่ของเจ้างั้นรึ ?”
ไป๋เสี่ยวเฉินเอียงศีรษะพร้อมกับพยักหน้า
อืม…หากเจ้าต้องการที่จะปกป้องแม่ของเจ้า ด้วยความแข็งแกร่งในยามนี้ของเจ้า พ่อเกรงว่าเจ้าจะยังไม่มีความสามารถพอ”
ถ้อยคำของตี้คังฟังดูหยาบคายมากทว่าก็เป็นจริงตามนั้น
ทันทีที่ไป๋เสี่ยวเฉินได้ยินเขาก็ก้มหน้างุด ๆ พร้อมกับกัดริมฝีปาก ไม่กล่าวคำอีกต่อไป
”ทว่า… ” ดวงตาของตี้คังกระพริบน้อย ๆ เขายิ้มชั่วร้าย “หากเจ้าสามารถโน้มน้าวแม่ของเจ้าให้ตามพ่อกลับแดนอสูรได้ ในฐานะองค์ชายแห่งแดนอสูร ทุกสิ่งทุกอย่างในแดนอสูรจะเป็นของเจ้า ! ในแดนอสูรเจ้าจะสามารถฝึกฝนความสามารถให้พัฒนาก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว”
แดนอสูรหรือ?
ไป๋เสี่ยวเฉินเพิ่งเคยได้ยินสถานที่นี้เป็นครั้งแรกเขาจึงเกิดความสับสนเล็กน้อย “แล้วแดนอสูรนั่นอยู่ไกลมั้ย ? หากเฉินเอ๋อไปแดนอสูรแล้ว จะยังได้พบพ่อบุญธรรม พี่สาวฉู่ ท่านอา ท่านตา ท่านยาย ท่านตาทวด ท่านยายทวด และท่าอาจารย์ตาทั้งสามด้วยมั้ย ?”
”หากเจ้าต้องการกลับมาพ่อก็สามารถส่งเจ้ากลับมาได้”
ตี้คังมองใบหน้าที่อ่อนโยนของไป๋เสี่ยวเฉินพลางกล่าวต่อว่า “ในภายหน้าแม่ของเจ้าจะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ เจ้าจะปกป้องนางได้อย่างไร หากเจ้าไม่แข็งแกร่งพอ อย่าลืมสิว่าเจ้าเป็นสัตว์อสูร การฝึกฝนที่แดนอสูรย่อมจะเป็นการดีที่สุดสำหรับเจ้า”
ความสามารถของไป๋เสี่ยวเฉินนั้นแข็งแกร่งมากมาตั้งแต่ยังเล็กทั้งไม่มีลูกมนุษย์คนใดสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้
ยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่ผู้ใหญ่บางคนก็หาใช่คู่ต่อสู้ของเขาไม่
ทว่าศัตรูที่ไป๋หยานต้องเผชิญหน้ามิใช่พวกเด็กๆ เหล่านี้
ศัตรูของนางแข็งแกร่งและหากต้องการปกป้องนาง เขาก็จะต้องแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้ !
***จบบทข้าต้องปกป้องหม่ามี้***
บทที่ 347 : ปมในใจของไป๋หยาน (1)
”แล้วถ้าหม่ามี้ไม่อยากไปล่ะ?”
เห็นได้ชัดว่าไป๋เสี่ยวเฉินเริ่มคล้อยตามแล้ว เพราะหากเขาสามารถพัฒนาความแข็งแกร่งของตนเองได้ วันหน้าเขาก็จะสามารถช่วยแม่ของเขาให้พ้นจากการถูกพ่อรังแกได้
ตี้คังมีหรือจะไม่รู้เท่าทันความคิดของไป๋เสี่ยวเฉินสายตาเรียวคมของเขาส่องประกายเจ้าเล่ห์
”นั่นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถในการโน้มน้าวใจของเจ้าแม่ของเจ้าจะยอมหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ้ามีความสามารถเพียงใด ?”
เขายอมทำทุกอย่างเพื่อตามตื๊อภรรยาแล้วตอนนี้เขาก็มีลูกชายแล้ว เรื่องอะไรเขาจะไม่ใช้ประโยชน์จากลูกของตนล่ะ ?
”ป๊ะป๋าวายร้ายหากไปแดนอสูรหม่ามี้จะเจออันตรายหรือไม่ ?” ไป๋เสี่ยวเฉินขมวดคิ้วอย่างน่ารักบนใบหน้าไร้เดียงสา
ตี้คังยกมือขึ้นลูบหัวเจ้าซาลาเปาน้อย”ไม่…พ่อจะไม่มีวันปล่อยให้ผู้ใดทำร้ายนาง”
”ตกลง…เฉินเอ๋อช่วยป๊ะป๋าก็ได้แต่หากหม่ามี้ไม่ต้องการไป ป๊ะป๋าก็ห้ามบังคับนางนะ”
ครั้นเห็นท่าทางที่เด็กน้อยพยายามปกป้องมารดาไม่ต่างจากจงอางหวงไข่ตี้คังก็ยกยิ้ม นัยน์ตาที่แลดูคุกคามของเขาเต็มไปด้วยอาการโอ้อวด “หากพ่อต้องการบังคับแม่ของเจ้า ป่านนี้นางคงอยู่ในแดนอสูรเรียบร้อยแล้ว”
เขาไม่ต้องการบังคับนางเช่นนั้นเขาจึงต้องหลอกล่อบุตรชายตนเอง เพราะตราบใดที่บุตรชายต้องการ หยานเอ๋อก็ย่อมต้องตามเขาไปยังแดนอสูรอย่างแน่นอน
“เฉินเอ๋อหิวแล้วป๊ะป๋าวายร้ายจะทำอาหารให้เฉินเอ๋อกินใช่มั้ย ?” ไป๋เสี่ยวเฉินเงยหน้าขึ้นมอง นัยน์ตากลมโตสดใสเต็มไปด้วยความคาดหวัง
ใบหน้าของตี้คังเปลี่ยนเป็นดำคล้ำ”ที่นี่ก็มีพ่อครัว”
ไป๋เสี่ยวเฉินลดศีรษะลงด้วยท่าทางสลด”เฉินเอ๋อ…ชอบอาหารฝีมือหม่ามี้เป็นที่สุด แต่วันนี้หม่ามี้เหนื่อยมากมาทั้งวันแล้ว เฉินเอ๋อไม่อยากรบกวนหม่ามี้ เอ่อพ่อบุญธรรมอยู่ที่นั่น เฉินเอ๋อไปหาเขา … ”
”ไม่ต้อง!” ตี้คังหันกลับไปหาไป๋เสี่ยวเฉินที่กำลังจะเดินจากไป พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึก “ตกลงพ่อจะทำอาหารให้เจ้ากินเอง !”
ไป๋เสี่ยวเฉินหลบอยู่ด้านหลังตี้คังนัยน์ตากลมโตส่องประกายเฉียบคมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์พลันปรากฏบนใบหน้าที่ไร้เดียงสา และน่ารักของเขา
ข้าจะทำให้ท่านไม่กล้ารังแกหม่ามี้ของข้าอีก!
แน่นอนว่าคืนนี้ทุกคนที่อยู่ในบ้านสกุลตงจะไม่ได้หลับไม่ได้นอนเป็นแน่
เสียงระเบิดดังมาจากห้องครัวตลอดเวลาควันฟุ้งเต็มห้องครัว ตงเทียนหลิงกลัวมากจนเขาต้องส่งคนมาสอบถามในทันที ทว่าอย่างไรก็ตามชายคนนั้นก็ถูกสายตาฆาตกรของมังกรแก้วหยุดไว้ก่อนที่เขาจะทันได้ก้าวเข้าไปในครัว
กระทั่งวันถัดมาเสียงระเบิดถึงได้เงียบลง ตี้คังยังคงอยู่ในชุดสะอาดสะอ้าน เขาก้าวออกมาอย่างสง่างาม เส้นผมสีเงินของเขาช่างสวยงามเปล่งประกาย
ไป๋เสี่ยวเฉินเดินตามมาอย่างผิดหวังใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาสกปรกมอมแมม เขาเสียใจจริง ๆ เขารู้แล้วว่า เขาไม่ควรให้ป๊ะป๋าวายร้ายผู้นี้ทำอาหารให้กินอีก
”หม่ามี้”
ครั้นเจ้าซาลาเปาน้อยเห็นไป๋หยานเดินมานัยน์ตาของเขาก็แจ่มใสขึ้นมาทันที เขาวิ่งเข้าไปหา ร่างเล็ก ๆ ของเขาถลาเข้าไปในอ้อมแขนของไป๋หยาน พลันน้ำตาของเขาก็เกือบจะร่วงริน
”หม่ามี้เฉินเอ๋อคิดถึงท่านมากเลย”
เฉินเอ๋อคิดถึงหมูตงโปขาหมู ไก่อบพริกไทยกับเกลือของหม่ามี้มาก
“เหตุใดเจ้าถึงได้มอมแมมเช่นนี้ล่ะ?” ไป๋หยานมองสภาพสกปรกของเจ้าซาลาเปาน้อย นางถึงกับย่นคิ้ว พลางกวาดตามองไปทั่ว ก่อนจะกล่าวว่า “เมื่อคืนนี้เจ้าเล่นสนุกมากเกินไปรึเปล่านี่ ?”
ไป๋เสี่ยวเฉินดึงแขนเสื้อของไป๋หยานอย่างน่าสงสาร “หม่ามี้ ป๊ะป๋าวายร้ายอยากทำให้หม่ามี้มีความสุข เขาเลยพยายามเรียนทำอาหาร เขามีของขวัญให้หม่ามี้ด้วย หม่ามี้จะยอมรับของขวัญนั้นหรือไม่ ?”
เพื่อพัฒนาความแข็งแกร่งของข้าเพื่อปกป้องหม่ามี้กับน้องสาว
พ่อบุญธรรม-พี่สาวฉู่เฉินเอ๋อขอโทษที่จำต้องหักหลังพวกท่าน
”อืม”
ครั้นเห็นสภาพน่าสังเวชของไป๋เสี่ยวเฉินไป๋หยานก็ไม่ทันคิดถึงความเปลี่ยนแปลงของไป๋เสี่ยวเฉิน นางรู้เพียงว่า นางมิอาจปฏิเสธคำขอใด ๆ ของลูกได้
***จบบทปมในใจของไป๋หยาน (1)***
บทที่ 348 : ปมในใจของไป๋หยาน (2)
”นี่ไง”
ทันใดนั้นเองจิ้งจอกขาวพลันปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของชายหนุ่ม
จิ้งจอกตัวเล็กๆ แกะสลักด้วยหัวไชเท้าขาว ทว่าดวงตาของมันราวกับมีชีวิต หากเขาวางมันลงในกอหญ้า ก็จะเสมือนจริงมาก ๆ
ไป๋หยานหยิบสุนัขจิ้งจอกจากฝ่ามือของชายหนุ่มทว่าก่อนที่นางจะทันได้ชื่นชมมัน นางก็ได้ยินถ้อยคำของชายหนุ่มลอยมา ถ้อยคำนั้นทำให้มือของนางสั่นด้วยความตกใจ กระทั่งเกือบจะทำลายจิ้งจอกนั่นเสีย
“ในเมื่อเจ้ารับตัวแทนแห่งความรักของข้าไปแล้วเจ้าก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจได้อีก”
”เอาคืนไป”
ไป๋หยานรีบส่งสุนัขจิ้งจอกตัวน้อยคืนให้ตี้คัง”ของแบบนี้ ข้าไม่รับหรอก”
ก็แค่สุนัขจิ้งจอกตัวเล็กที่แกะจากหัวไชเท้าขาวจะใช้แลกกับชีวิตทั้งชีวิตของนาง ไม่ถูกไปหน่อยหรือ ?
”ไม่ชอบมันงั้นหรือ?” เช่นนั้นเจ้าชอบอะไรล่ะ
ไป๋หยานลูบคางนัยน์ตาของนางจับจ้องท้องฟ้าสีคราม ทันใดนั้นเองนางก็ฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ พลันนางก็ยกยิ้มอย่างน่าสยดสยอง
”ข้าต้องการอาณาจักรสวรรค์ท่านมอบให้ข้าได้หรือไม่เล่า ?”
อาณาจักรสวรรค์กระนั้นรึ?
ตี้คังเงียบไป
ไป๋หยานมองตี้คังจากนั้นก็หันไปจับมือของไป๋เสี่ยวเฉินก้าวช้า ๆ ไปยังห้องโถงด้านหน้า
”เฉินเอ๋อเราไปกันเถอะ”
”โอ้!”
ไป๋เสี่ยวเฉินเดินตามไป๋หยานไป
ในขณะที่ไป๋เสี่ยวเฉินกำลังจะจากไปนั้นเขาก็ไม่ลืมที่จะหันกลับมาขยิบตาให้ตี้คัง ซึ่งนั่นหมายความว่า เชื่อมือเขาเถอะ
“หม่ามี้ต้องการให้ป๊ะป๋าวายร้ายมอบอาณาจักรสวรรค์ให้จริง ๆ งั้นหรือ ?”
ไป๋เสี่ยวเฉินเอ่ยถามด้วยความสงสัย
ไป๋หยานก้าวออกไปอีกก้าวแล้วจึงหยุด”เทพบนสวรรค์เป็นเพียงตำนาน ไม่มีผู้ใดรู้ว่ามีอยู่จริงหรือไม่ ? แม่เพียงอยากให้เขาจากไปก็เท่านั้น”
”หม่ามี้ไม่ชอบป๊ะป๋าวายร้ายหรือ ?” ไป๋เสี่ยวเฉินย่นจมูก ดูราวกับว่าเขายังมีปัญหาคาใจเล็กน้อย
ร่างของไป๋หยานแข็งทื่อนางก้มศีรษะลงเล็กน้อย “เฉินเอ๋อ เจ้าแตกต่างจากลูกมนุษย์โดยทั่วไป แม่รู้ว่าเจ้ารู้มากกว่าเด็กพวกนั้น”
”อย่าเพิ่งมองเพียงว่ายามนี้ป๊ะป๋าวายร้ายของเจ้าดีกับเรามากแต่หากภายหน้าเขาตกอยู่ในอันตรายเล่า เมื่อถึงเวลานั้นเขาจะทอดทิ้งเราสองแม่ลูกหรือไม่ ?” ไป๋หยานยกยิ้มเยาะ “หากเวลานั้นมาถึงจริง ๆ เราจะมัวรอความช่วยเหลือจากคนอื่นได้อย่างไร ? แม่ไม่มีวันฝากชีวิตไว้กับใครหน้าไหนทั้งสิ้น ! เช่นนั้นแม่จึงต้องพัฒนาความแข็งแกร่งของแม่ให้ก้าวไกลยิ่งขึ้น”
ไป๋เสี่ยวเฉินก้มหน้าลง”ป๊ะป๋าวายร้ายบอกลูกว่า เขาจะไม่ยอมให้ใครทำร้ายหม่ามี้ … ”
ไป๋หยานยิ้ม”เฉินเอ๋อ ทุกคนล้วนมีชีวิตเดิม แม่เองก็มีชีวิตเดิม ชีวิตก่อนหน้านี้ของแม่ แม่อยู่ในสถานที่ที่เรียกว่า ประเทศจีน”
ทุกสิ่งในอดีตผ่านเข้ามาในห้วงทรงจำของนางนางพริ้มตาลงช้า ๆ
”ในอดีตบิดามารดาของแม่และแม่ พวกเรามีความรักให้กันอย่างลึกซึ้ง ครอบครัวของเราสามคนมีชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ! ทว่าน่าเสียดายที่ท่านตาของแม่ไปมีเรื่องกับศัตรูที่แข็งแกร่ง เช่นนั้นบิดาของแม่จึงทอดทิ้งท่านตา เพื่อให้ครอบครัวของเราปลอดภัย”
ก่อนที่นางจะเกิดใหม่ในโลกนี้ครอบครัวของนางในประเทศจีนก็เป็นตระกูลนักรบโบราณ บิดามารดาของนางรักกันมาตั้งแต่ยังเยาว์ เพื่อความแข็งแกร่งแล้วทั้งสองมักร่วมมือกันเสมอ
แต่ผู้ใดจะรู้ว่าการเผชิญหน้ากับอันตรายเท่านั้นที่ทำให้เราสามารถเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของคนได้
ไป๋หยานลูบศีรษะไป๋เสี่ยวเฉินเพื่อปกปิดความเจ็บปวดในแววตาของนาง
”มารดาของแม่ทนไม่ได้ที่จะปล่อยให้ท่านตาต้องเผชิญกับอันตรายเพียงลำพังนางจึงบุกเข้าไปในช่วงเวลาวิกฤติพร้อมด้วยดาบในมือ ในปีนั้นแม่เพิ่งจะมีอายุเพียงห้าขวบ ! ท่านพ่อของแม่ดึงตัวแม่ออกจากภยันตราย เราทั้งคู่ทำได้เพียงดูท่านแม่และท่านตาต้องตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้าย กระทั่งจมลงสู่ทะเลเลือด ”
”แม่ได้แต่ร้องไห้และร้องขอให้ท่านพ่อช่วยท่านแม่ทว่าท่านพ่อปฏิเสธ แท้จริงแล้วหากสองครอบครัวร่วมมือกัน พวกเขาก็อาจสามารถเอาชนะศัตรูได้ ทว่าเป็นเรื่องเสี่ยงเกินไปที่จะทำเช่นนั้น”
***จบบทปมในใจของไป๋หยาน (2)***
บทที่ 349 : ปมในใจของไป๋หยาน (3)
”บางทีพวกเขาอาจคิดว่ามารดาของแม่ไม่มีค่าพอที่จะให้พวกเขาต้องเสี่ยง … ”
ช่างน่าขัน! ในช่วงเวลาปลอดภัยพวกเขาพร้อมยอมทุ่มเทได้ทุกอย่าง ทว่าเมื่อตกอยู่ในอันตรายพวกเขากลับทอดทิ้งกันได้
”และเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงในครั้งนั้นจึงทำให้แม่ฝึกฝนอย่างหนัก เพื่อแก้แค้นแทนมารดา ! ต่อมาแม้ว่าแม่จะแก้แค้นได้สำเร็จ แม่ก็ไม่อาจหยุดการฝึกฝนได้ เช่นนั้นในชีวิตก่อนหน้านี้ ผู้คนที่อยู่รายล้อมรอบตัวแม่ต่างก็ทิ้งแม่ไปทีละคน เพราะความเพิกเฉยของแม่เอง”
ไป๋หยานลืมตาขึ้นช้าๆ นางยิ้มน้อย ๆ
หากมิใช่เป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงในครั้งนั้นนางก็คงไม่ตระหนักถึงความสำคัญของความแข็งแกร่ง และคงจะไม่บ้าฝึกฝนมากถึงเพียงนั้น
น่าเสียดายก่อนที่นางจะทันได้ทำให้บิดาของนางรู้จักคำว่าเสียใจนางก็ล้มลงใต้ประกายฟ้าผ่า ท่ามกลางเสียงฟ้าร้อง จากนั้นก็มาเริ่มต้นชีวิตใหม่ในโลกที่แปลกประหลาดนี้
“เฉินเอ๋อยังไม่ค่อยเข้าใจ”ไป๋เสี่ยวเฉินมองไป๋หยานราวกับว่าเขาไม่เข้าใจนัก “อย่างไรก็ตาม เฉินเอ๋อจะไม่มีวันไปจากหม่ามี้ และเฉินเอ๋อเชื่อว่าป๊ะป๋าวายร้ายก็จะไม่ทำอย่างนั้นเช่นกัน”
ไป๋หยานตัวแข็งทื่อนางก้มลงมองเจ้าซาลาเปาน้อยที่จับมือของนางไว้แน่น รอยยิ้มของเด็กน้อยช่างอบอุ่น
”เฉินเอ๋อชั่วชีวิตนี้สิ่งที่แม่ตัดสินใจได้ถูกต้องที่สุด ก็คือการมีเจ้า … ”
เพียงมีบุตรชายเช่นเจ้านี้แม่ยังจะต้องการสิ่งใดอีกเล่า
*****
ภายในสวนหลังบ้าน
นกสีแดงเพลิงร่อนลงมาจากท้องฟ้าก่อนจะกลายร่างเป็นชายสวมชุดสีแดง เส้นผมของเขาสีแดงฉาน เขาคุกเข่าลงเบื้องหน้าตี้คัง
“องค์ราชาทรงเรียกหาข้าบาท ไม่ทราบว่าพระองค์จะทรงให้ข้าบาทรับใช้สิ่งใดหรือพ่ะย่ะค่ะ ?”
”เจ้าจงส่งข้อความกลับไปยังแดนอสูรแจ้งให้ฝ่ายการทูตของเราเชิญผู้นำจากทุกเผ่าพันธุ์เข้าร่วมประชุมในกระจกปีศาจ”
กระจกปีศาจเป็นสถานที่ลับของแดนอสูรจะต้องใช้พลังงานจำนวนมากในการเปิดสถานที่ลับแห่งนี้ ไม่ต้องพูดถึงการจะนำผู้นำจากทุกเผ่าพันธุ์ของแดนอสูรเข้าไปในนั้น
เรื่องใหญ่มากเลยใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?
ฮัวหยูคุกเข่าบนพื้นร่างของเขาสั่นสะท้าน “องค์ราชา ทรงไตร่ตรองอีกครั้งดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ?”
”ไม่”
“แล้วหากท่านอาจารย์ถามว่าเกิดเรื่องใดฝ่าบาทจะให้ข้าพระองค์ตอบเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ ?” ฮัวหยูกัดฟันเอ่ยถามด้วยหน้าซีด ๆ
ริมฝีปากของตี้คังเชิดขึ้นนัยน์ตาของเขาแลดูดุร้าย
”เราจะโจมตีเหล่าทวยเทพ!”
อะไร… อะไรนะ ?
โจมตีเหล่าทวยเทพกระนั้นรึ?
องค์ราชารับสั่งจริงๆ หรือที่ว่าต้องการโจมตีอาณาจักรสวรรค์ ?
ทรงเลอะเลือนไปแล้วหรือไร?
”องค์ราชา… แดนอสูรของเราถูกผนึก เช่นนั้นเราจะโจมตีอาณาจักรสวรรค์ได้อย่างไร โปรดทบทวนอีกครั้งเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
ตี้คังยิ้มอย่างเยือกเย็น”หากภรรยาของข้าต้องการอาณาจักรสวรรค์ ข้าก็จะมอบมันให้แก่นาง นอกจากนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องสะสางเรื่องราวระหว่างอาณาจักรอสูรและอาณาจักรสวรรค์ที่ค้างคามาเนิ่นนานหลายปี … ”
ส่วนไป๋หยานดูเหมือนจะไม่ได้คิดอะไรมากกับถ้อยคำที่นางกล่าวออกไปนางไม่คิดว่าตี้คังจะเอาจริงเอาจังถึงเพียงนั้น !
หากนางรู้เรื่องนี้นางก็คงจะไม่ใช้ข้ออ้างนี้ปรามตี้คัง
*****
ไม่ไกลกันนักไป๋หยานเห็นหลานฮูหยินผู้เฒ่าและคนอื่น ๆ กำลังรอนางอยู่
ครั้นเห็นนางพาไป๋เสี่ยวเฉินมาท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานก็กระแอมขึ้น “เจ้ามาก็ดีแล้ว เราควรจะไปกันเสียที ว่าแต่อ๋องคังไปไหนเสียล่ะ ?”
ริมฝีปากของไป๋หยานเผยอยิ้ม”ไม่ช้าเขาก็คงจะตามมา ท่านตา ท่านกลับไปอาณาจักรหลิวฮั่วกับมังกรแก้วก่อนเถิด”
มังกรแก้วคำรามเสียงต่ำมันก้มกายลง รอให้คนเหล่านั้นเหยียบขึ้นหลังมา
”กองทัพที่ท่านพามาด้วยไว้ข้าจะพาพวกเขากลับไปเอง” หลานเฉาหยันแตะหลังศีรษะของตน พร้อมกับยิ้มเก้อ ๆ “ไป๋หยาน เจ้ากลับบ้านพร้อมท่านปู่เลยเถอะ”
ไป๋หยานพยักหน้ารับกองทัพมีคนเป็นจำนวนมาก หลังของมังกรแก้วไม่กว้างเพียงพอที่จะรองรับทุกคน เช่นนั้นพวกเขาจึงต้องการผู้นำ ที่จะนำพาพวกเขากลับไปยังอาณาจักรหลิวฮั่ว
”ฉู่อีอี้”ไป๋หยานกล่าว “แล้วพี่ชายของเจ้าล่ะ ?”
***จบบทปมในใจของไป๋หยาน (3)***
บทที่ 350 : ปมในใจของไป๋หยาน (4)
ฉู่อีอี้ตกใจมากนางส่ายศีรษะ “ข้าเองก็ไม่รู้ เมื่อเช้าเขาบอกเพียงว่าเขามีเรื่องต้องทำ แล้วก็จากไป ทั้งยังให้ข้าบอกเจ้าด้วยว่า ไว้เจอกันที่อาณาจักรหลิวฮั่ว”
มีเรื่องต้องทำเร่งด่วนเลยกระนั้นรึ ?
ไป๋หยานย่นคิ้วเรียวงามลงเล็กน้อยเขามีเรื่องอะไรกันนะ ?
”แท้ที่จริง”การแสดงออกของฉู่อีอี้แลดูหดหู่เล็กน้อย “พี่ชายของข้ายังกล่าวอีกว่า ท่านพ่อของข้าวางแผนที่จะออกมายังโลกภายนอกเพื่อคัดคน เช่นนั้นเขาจึงเสนอให้มาที่อาณาจักรหลิวฮั่ว ครั้งนี้ท่านพ่อ และผู้อาวุโสหลายคนก็คงไปถึงที่นั่นแล้ว”
สีหน้าของฉู่อีอี้นั้นแลดูแย่เอามากๆ เหตุใดพี่ชายของนางจึงโง่เง่าถึงเพียงนี้ เขาจากไปเช่นนี้แล้วจะแข่งขันกับตี้คังได้อย่างไรเล่า ?
นี่เป็นเพราะบิดาของนางไม่ให้กำเนิดนางเป็นบุรุษหาไม่แล้วนางคงไม่ยอมให้ไป๋หยาน และไป๋เสี่ยวเฉินออกมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นแน่
ไป๋หยานหรี่ตาทว่านางไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้นัก ทันใดนั้นนางก็ยิ้มเอ่ยกล่าวว่า “กลับกันเถอะ ไม่ต้องห่วงฉู่อี้เฟิงหรอก”
เมื่อได้รู้ประวัติความเป็นมาที่แท้จริงของตนเองแล้วก็ไม่จำเป็นที่จะต้องละเว้นตระกูลไป๋อีกต่อไป !
*****
ณอาณาจักรหลิวฮั่ว
เหนือท้องฟ้าแห่งเมืองหลวงของราชอาณาจักร
มังกรยักษ์แผดเสียงคำรามกึกก้องเมื่อผู้คนแหงนมองขึ้นฟ้า พวกเขาก็เห็นมังกรขนาดใหญ่บินอยู่เหนือหัวของพวกเขา มันมุ่งหน้าไปยังบ้านสกุลหลาน
ครั้นมังกรยักษ์บินไปถึงบ้านสกุลหลานมันก็หยุด จากนั้นก็ร่อนลง ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลาน และคนอื่น ๆ ต่างก็ลงจากหลังมังกร เมื่อส่งคนที่บ้านสกุลหลานเรียบร้อย มังกรยักษ์ก็บินต่อไปยังคฤหาสน์โบราณ
ภายในคฤหาสน์โบราณ
ฮัวหลัวกำลังนั่งหลับตาเข้าสมาธิอยู่ในห้องจู่ ๆ นางก็ได้ยินเสียงคำรามของมังกร นางรีบลุกขึ้นจากพื้นเงยหน้าขึ้นมองบนฟ้าอย่างรวดเร็ว
ชั่วครู่ฉู่อีอี้ และตี้เสี่ยวอวิ๋นก็กระโดดลงมา
หลังจากเด็กสาวทั้งสองลงจากหลังมังกรไป๋หยานในอาภรณ์สีแดงก็อุ้มเจ้าซาลาเปาน้อย กระโดดลงบนพื้นอย่างงดงาม
สตรีผู้นี้ยังคงสวยสง่าอาภรณ์สีแดงนั้นทรงพลังและเปี่ยมเสน่ห์ เจ้าซาลาเปาน้อยในอ้อมแขนของนางก็ราวกับตุ๊กตาเคลือบแกะสลักด้วยหยกเนื้อดี แลดูน่ารักอ่อนโยนเสียเหลือเกิน
”นายหญิงกลับมาแล้ว?”
ฮัวหลัวออกมาต้อนรับอย่างมีความสุข
“เอ่อ..”ไป๋หยานเลิกคิ้วน้อย ๆ กล่าวขึ้นว่า “มีสิ่งใดเกิดขึ้นบ้างในช่วงที่ข้าไม่อยู่”
”เรียนนายหญิงเมื่อวานนี้นายน้อยเหวินหรู่มาขอพบท่าน เมื่อทราบว่าท่านไม่อยู่ เขาก็จากไป”
“เหวินหรู่มาหาข้างั้นรึ ? มีเรื่องผิดปกติใดเกี่ยวกับพวกหมอปรุงยาเหล่านั้นกันหรือ ?”
นายน้อยเหวินหรู่ผู้พ่ายแพ้ในการแข่งขันทว่ากลับมีความภักดีให้นางนับแต่นั้นมา กลุ่มหมอปรุงยาของนาง นางก็ไว้วางใจให้เหวินหรู่เป็นผู้ดูแล ทั้งนางยังเคยกำชับไว้ด้วยว่า หากไม่มีปัญหาใดก็อย่ารบกวนนาง
เมื่อเหวินหรู่มาพบนางแสดงว่าต้องมีบางอย่างผิดปกติ
”เขาไม่ได้บอกกล่าวสิ่งใดเลย”ฮัวหลัวส่ายหน้า “ทว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นในอาณาจักรหลิวฮั่วนี่ นายหญิงรู้จักดินแดนศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ ?”
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์งั้นรึ?
ไป๋หยานยิ้มนางมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ก็แล้วเหตุใดจึงจะไม่รู้จักดินแดนศักดิ์สิทธิ์เล่า ?
”เจ้าต้องการจะบอกเรื่องดินแดนศักดิ์สิทธิ์มาสรรหาคนงั้นหรือ? เรื่องนี้ข้ารู้แล้วไม่ต้องกังวล”
เรื่องไป๋หยานมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นฮัวหลัวพอรู้มาบ้างทว่านางไม่รู้ฐานะแท้จริงของฉู่อีอี้ และไป๋หยานเองก็ไม่เคยบอกนาง
เช่นนั้นตอนนี้ฮัวหลัวจึงกล่าวต่อว่า
”นายหญิงการแข่งขันคัดสรรคนเข้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในครั้งนี้นั้น นายน้อยเซียวก็เข้าร่วมด้วย”
ฮัวหลัวยิ้มแห้งๆ น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
ไป๋หยานอึ้ง”เซียวเอ๋อ ต้องการเข้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์งั้นรึ ?”
”ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาต้องการเข้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ ? ทั้งหมดที่ข้ารู้ก็คือบ้านสกุลไป๋ส่งชื่อของนายน้อยเซียวเข้าร่วมการแข่งขันด้วย”
บ้านสกุลไป๋อีกแล้วรึ?
คิ้วของไป๋หยานขมวดเป็นปมนางจากไปเพียงสองสามวัน แมลงเม่าตัวไหนกล้าออกมาจากตระกูลไป๋อีกกระนั้นหรือ ?
ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลไป๋ยังคิดจะส่งเซียวเอ๋อไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย?
”ฮัวหลัวข้าอยากรู้รายละเอียด”
นัยน์ตาของไป๋หยานแสงประกายเย็นเยือกเจตนาสังหารค่อย ๆ เอ่อล้นออกมาอย่างช้า ๆ
***จบบทปมในใจของไป๋หยาน (4)***