จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 351-355
บทที่ 351 : อดทนไว้ ? (1)
”นายหญิงภายหลังที่ท่านจากไป คนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็มาที่อาณาจักรหลิวฮั่วเพื่อคัดสรรคน ทว่าผู้รับผิดชอบในครั้งนี้มาพร้อมกับไป๋จื่อ”
คำบอกเล่าของฮัวหลัวทำให้ไป๋หยานตกตะลึงนางหันมามองฉู่อีอี้อย่างไม่รู้ตัว
ฉู่อีอี้ยักไหล่อย่างไร้เดียงสานางแสดงชัดว่านางไม่รู้อะไรเลย
”คนผู้นั้นตาบอดรึเปล่า?” ตี้เสี่ยวอวิ๋นโกรธจนไฟแทบลุก “ข้าโกนหัวของหญิงสารเลวผู้นั้นแล้ว พวกเขายังมาด้วยกันอีกได้ไง ?”
ฮัวหลัวเป่าลมออกจากมุมปาก”เขาไม่ได้ตาบอด เขาเพียงมีรสนิยมพิเศษ เขาชอบแม่ชี … ”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นเบิกตากว้างด้วยความตกใจพูดจริงหรือ ? นี่นางช่วยไป๋จื่อให้ได้ครองคู่กับชายแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใช่หรือไม่ ?
”ก็แล้วเหตุใดตระกูลไป๋จึงส่งชื่อเซียวเอ๋อเล่า?” นัยน์ตาของไป๋หยานเปล่งประกายแข็งกร้าว นางเอ่ยถามอย่างเย็นชา
ฮัวหลัวยิ้มอย่างเซ็งๆ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่รู้ว่าตระกูลไป๋ใช้วิธีการใด ทำให้ศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพิกเฉยต่อข่าวลือ และหันมาเชื่อตระกูลไป๋แทน ช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้ บ้านสกุลไป๋มีการเคลื่อนไหวอีกครั้ง แม้แต่คนของพรรคสัตว์อสูรก็ไม่อยู่ในสายตาพวกเขา”
มีสามนิกายที่ซ่อนเร้นอยู่บนผืนแผ่นดินใหญ่นี้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นหนึ่งในนั้น ! สำหรับแผ่นดินใหญ่นี้ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นทรงพลังมาก กระทั่งไม่มีผู้ใดกล้าที่จะแตะต้องแม้แต่ศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์
อย่างไรก็ตามเนื่องจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นสำนักสันโดษ พวกเขามักเก็บตัวอยู่อย่างเงียบ ๆ ไม่ค่อยปรากฏตัวต่อสายตาของคนภายนอก
เช่นนั้นไป๋หยานจึงไม่เข้าใจว่า เหตุใดดินแดนศักดิ์สิทธิ์จึงออกมาสู่โลกภายนอก ทั้งยังรับสมัครผู้คน ?
นางหรี่ตาลงเล็กน้อยหลังจากไตร่ตรองอยู่นาน นางก็ยังไม่เข้าใจ เช่นนั้นนางจึงเลิกคิด
ในเมื่ออาจารย์ทั้งสามของนางก็มาด้วยหากได้พบพวกเขา นางย่อมได้รับคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นในดินแดนศักดิ์สิทธิ์
”ข้าเข้าใจแล้วว่าแต่เซียวเอ๋ออยู่ที่ใด ? ข้าจะไปพบเขา”
ตระกูลไป๋ต้องการให้ไป๋เซียวช่วยกอบกู้ฐานะงั้นรึ ?
ก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขามีความสามารถเพียงพอหรือไม่!
“นายน้อยไป๋เซียวออกไปพร้อมกับชายหนุ่มที่ชื่อเว่ยชิงนอกจากนี้เมื่อวาน ไป๋จั่นเผิงก็มาที่นี่ ก่อนจะจากไปเขาได้ฝากจดหมายไว้ให้นายหญิงด้วย”
”ไป๋จั่นเผิงงั้นรึ?” ไป๋หยานเลิกคิ้ว “จดหมายอยู่ที่ใด ?”
ฮัวหลัวเก็บจดหมายไว้กับตัวตลอดเวลาทันทีที่ได้ยินคำของไป๋หยาน นางก็หยิบจดหมายออกมาส่งมอบให้ไป๋หยานด้วยความอ่อนน้อม
ไป๋หยานรับจดหมายมาจากนั้นก็ฉีกซองออก นางค่อย ๆ กวาดตาอ่านเนื้อหาในจดหมาย
จดหมายฉบับนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าคำอ้างที่ว่า เขามีธุระบางประการที่จำเป็นจะต้องจากไปก่อน ทั้งไม่สามารถบอกลานางด้วยตนเองได้ จึงจำต้องบอกลานางด้วยจดหมายฉบับนี้ ไม่มีเนื้อหาที่มีประโยชน์ใดมากนัก เช่นนั้นอ่านจบนางจึงโยนทิ้ง
”พาข้าไปพบเซียวเอ๋อ”
ไม่กี่วันมานี้มีการเปลี่ยนแปลงมากมายเกิดขึ้นในอาณาจักรหลิวฮั่ว ทันทีที่ไป๋หยานปรากฏตัว ผู้คนที่เดินผ่านไปมาบนท้องถนนต่างก็มองนางด้วยความประหลาดใจและเห็นอกเห็นใจ
ที่สุดไป๋หยานก็สามารถแยกตัวออกจากตระกูลไป๋นางกลายเป็นนายหญิงไปแล้ว เช่นนั้นตระกูลไป๋จึงพยายามหันไปซบอกดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในทันที
เหอเหอ อย่างไรเสียดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นหนึ่งในสามสำนักซ่อนเร้น ไม่ว่าไป๋หยานจะแข็งแกร่งสักเพียงใด นางก็ไม่สามารถต่อกรกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้
”แม่นางไป๋จะไปที่ใดกระนั้นหรือ ?”
ทันใดนั้นเองน้ำเสียงที่คุ้นเคยก็ดังมาจากด้านข้าง
ไป๋หยานหันหน้าไปมองนางเห็นชายวัยกลางคน ข้างกายเขามีเด็กชายตัวอ้วนที่ถือขาไก่เล็ก ๆ ในมือข้างหนึ่ง และคากิอยู่ในมืออีกข้างหนึ่ง
”เสี่ยวเฉิน!”
นัยน์ตาของหวังเสี่ยวผางสว่างไสวขึ้นเมื่อแลเห็นไป๋เสี่ยวเฉินเขาเหวี่ยงขาไก่ และคากิทิ้งจากนั้นก็วิ่งตื๋อตรงเข้าไปหาไป๋เสี่ยวเฉิน
เด็กชายตัวอ้วนกลมวิ่งกระหืดหระหอบใบหน้าอ้วน ๆ สั่นกระเพื่อม ศีรษะของเขาเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ
***จบบทอดทนไว้ ? (1)***
บทที่ 352 : อดทนไว้ ? (2)
“ไป๋เสี่ยวเฉินข้าคิดถึงเจ้ามากเลย เจ้าหายไปไหนตั้งสองวัน ? ข้าไปที่บ้านของเจ้าได้พบท่านป้าของเจ้า นางบอกว่าเจ้าไม่อยู่บ้าน”
“ข้าออกไปข้างนอกกับหม่ามี้เสี่ยวผาง ว่าแต่ทำไมเจ้ากับท่านลุงหวังถึงมาที่นี่ได้ล่ะ ?” ไป๋เสี่ยวเฉินกะพริบตากลมโตของเขาพร้อมกับเอ่ยถาม
”ข้าได้ยินมาว่าคนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์มาที่นี่ท่านพ่อและข้าเลยอยากมาดู … ”
”แค่ก”
ทันทีที่ถ้อยคำของหวังเสี่ยวผางหลุดออกจากปากหวังตี้จวินก็รีบกระแอม เขายิ้ม พร้อมกับเหล่ตามองไป๋หยาน พลางกล่าวช้า ๆ
”แม่นางไป๋ท่านคงจะได้ยินเกี่ยวกับเรื่องของดินแดนศักดิ์สิทธิ์มาบ้างแล้ว แต่ข้าไม่ทราบว่าท่านเคยได้ยินเรื่องที่บ้านสกุลไป๋ไปประจบประแจงคนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์บ้างหรือไม่ ?”
ไป๋หยานยิ้มน้อยๆ “ดูเหมือนว่าทุกคนจะรู้กันหมดแล้ว”
”เอ่อ…” หวังตี้จวินพูดอย่างเงอะงะ “ข้าไม่สามารถช่วยเหลืออะไรท่านได้ ทว่าข้ายังพอมีเงินอยู่บ้าง หากท่านต้องการสู้กับตระกูลไป๋ ข้าก็สามารถเป็นนายทุนให้ท่านได้”
ครั้นหวังตี้จวินกล่าวจบหัวใจของเขาก็เต้นแรง
เขาเป็นพ่อค้าสิ่งที่พ่อค้าให้ความสนใจมากที่สุดก็คือกำไร ! ตอนนี้เขายินดีที่จะเป็นนายทุนให้กับไป๋หยาน !
”ทว่า… ” หวังตี้จวินจงใจลดเสียงลงจนแทบกระซิบ “ตอนนี้อย่าเพิ่งเผชิญหน้ากับตระกูลไป๋เลย ซ่อนคมของท่านไว้ก่อน ไว้ค่อยตัดสินกันภายหลัง เพราะตอนนี้ตระกูลไป๋มีดินแดนศักดิ์สิทธิ์หนุนหลัง ท่านควรจะอดทนไว้ก่อน”
ครั้นเห็นทีท่าระแวดระวังของหวังตี้จวินไป๋หยานก็มิได้ปฏิเสธแต่อย่างใด นางเพียงกล่าวตอบอย่างสุภาพว่า “อืม ข้าเข้าใจแล้ว ขอบใจเจ้ามากสำหรับคำชี้แนะ”
เมื่อหวังตี้จวินเห็นไป๋หยานฟังคำเตือนของเขาเขาก็ยิ้ม “อย่างไรก็ตาม ท่านยังอายุน้อย ยังมีโอกาสอีกมาก นอกจากนี้ หากแม่นางไป๋ได้รับการยอมรับจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ด้วยความสามารถที่ยอดเยี่ยมของท่าน ท่านย่อมต้องกลายเป็นศิษย์เอกของดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน”
ที่นั่นมีทั้งศิษย์นอกสำนักศิษย์ในสำนัก และศิษย์เอกของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ผู้ที่รับผิดชอบการมาเยือนในครั้งนี้น่าที่จะเป็นศิษย์ในสำนัก ผู้ซึ่งมีอำนาจพอควรในดินแดนศักดิ์สิทธิ์
แน่นอนว่าไป๋หยานเองซึ่งไม่เคยเป็นศิษย์สำนักใดมาก่อนด้วยความสามารถของนาง ย่อมกลายเป็นคนโดดเด่นได้ไม่ยาก
ไป๋หยานลูบคางพลางกล่าวว่า”มีอะไรอีกหรือไม่ ? หากไม่มี ข้าขอตัวก่อน”
“อ้อยังมีอีกอย่าง” หวังตี้จวินพูดขึ้นหลังจากมองโดยรอบ เมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใดสังเกตเขา เขาก็กล่าวต่อ “จากข่าวที่เชื่อถือได้ ผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะมาถึงที่นี่ในไม่ช้านี้ แม่นางไป๋ท่านต้องอดทนสักสองสามวันนะ หากท่านสามารถเข้าตาผู้อาวุโสแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ ใช้วิธีการใดก็ได้ให้พวกเขาหลงใหลท่าน ท่านก็ไม่จำเป็นต้องกลัวคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป”
แค่กๆ !
ไป๋หยานไอใบหน้าของนางดูแปลกไป
”แม่นางไป๋อย่าได้เข้าใจผิด ข้ามิได้ต้องการให้ท่านยั่วยวนพวกเขา ข้าหมายถึงความสามารถในการปรุงยาของท่านล้ำเลิศมาก หากท่านแสดงความสามารถในการปรุงยาต่อหน้าผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เชื่อแน่ว่าท่านต้องสามารถสร้างความประหลาดใจให้พวกเขาได้ เมื่อถึงเวลานั้นหากผู้อาวุโสยอมรับท่าน ท่านก็สามารถพลิกสถานการณ์ได้ ”
หวังตี้จวินถอนหายใจตระกูลไป๋ช่างโชคดีจริง ๆ ตัวตนที่แท้จริงของหนานกงหลินเพิ่งถูกเปิดเผย ทว่าตระกูลไป๋กลับซวนเซได้เพียงไม่กี่วัน ก็ได้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นหลักยึดเสียแล้ว
สงสัยสวรรค์คงจะเอ็นดูพวกเขามาก?
แม่นางไป๋ผู้น่าสงสารนางกำลังจะลบชื่อตระกูลไป๋ได้แล้วเชียว หากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ปรากฏขึ้นเสียก่อน
”ขอบใจเจ้ามากสำหรับความมีน้ำใจของเจ้า”ปากของไป๋หยานเชิดขึ้นเล็กน้อย “ข้าเข้าใจดีแล้ว”
หวังตี้จวินถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะหัวเราะหึ ๆ “ยินดีที่ท่านรับฟังคำชี้แนะของข้า ด้วยความแข็งแกร่งของท่าน ข้าเชื่อแน่ว่าโลกใบนี้จะตกอยู่ในมือของท่านได้ไม่ยาก”
***จบบทอดทนไว้ ? (2)***
บทที่ 353 : อดทนไว้ ? (3)
ไป๋หยานไม่ได้บอกว่านางจะทนทว่าในหูของหวังตี้จวิน คล้ายกับว่าเขาได้ยินนางกล่าวคำนั้นแล้ว
“โอ้…นั่นไป๋หยานมิใช่เหรอ? นี่เจ้ายังกล้ากลับมาอีกกระนั้นหรือ ?”
ครั้นไป๋หยานหันกลับและกำลังจะเดินจากไป เสียงแปลก ๆ พลันดังขึ้นจากด้านข้าง
นางเห็นหยูหรงกำลังเดินตรงมาใบหน้าที่ร้ายกาจของหยูหรงแลดูมีความสุข ทั้งยังเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง หยูหรงเชิดคางขึ้นสูงขึ้น ขณะมองไป๋หยานที่อยู่เบื้องหน้าด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม
แม้ว่าไป๋เสี่ยวเฉินเด็กนรกนั่น จะเข้าตาพรรคสัตว์อสูร ทว่าตอนนี้คนรักของบุตรสาวของนางเป็นถึงลูกศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ !
ฐานะของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ยิ่งใหญ่เพียงใด? คนอย่างไป๋หยานมีหรือจะได้รับโอกาสก้าวเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ !
”ไป๋หยานข้าควรจะขอบใจเจ้าหากเจ้ามิได้แย่งชิงอ๋องคังไป บุตรสาวของข้ามีหรือจะเข้าร่วมดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ ? ไม่ว่าอ๋องคังจะแข็งแกร่งเพียงไร ? เขาก็ไม่สามารถเทียบดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ ! เจ้า …”
ปัง!
ครั้นหยูหรงพูดมาถึงตรงนี้ไป๋หยานก็ยกมือขึ้น กำปั้นของนางชกเข้าที่ใบหน้าของหยูหรงอย่างจัง ทันใดนั้นเองร่างของหยูหรงก็ลอยละลิ่วออกไป ก่อนจะตกลงท่ามกลางฝูงชน นางร่วงหล่นลงกองกับพื้นนอนแผ่พังพาบ
”ปากมากดีนัก”
ไป๋หยานดึงมือกลับจากนั้นก็อุ้มไป๋เสี่ยวเฉินขึ้นมาแล้วเดินเข้าไปหาหยูหรง
ใช่แล้วนางเหยียบหยูหรง ! เหยียบลงบนร่างของหยูหรง กระทั่งหยูหรงกระอักเลือดก่อนจะหมดสติ
หวังตี้จวินยืนตะลึงค้างเบิกตากว้างเขาตะลึงเมื่อเห็นไป๋หยานเหยียบหยูหรง
ไหนนางบอกว่าจะอดทนไงแล้วนี่หรือที่นางเรียกว่าอดทนน่ะ ?
”ว่าไง”ฉู่อีอี้หันหน้ามาหัวเราะน้อย ๆ “ศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่งพอหรือไม่ ?”
”…”
ใบหน้าของหวังตี้จวินยิ่งตกตะลึงศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่งพอหรือไม่ หมายความว่ากระไร ?
ขณะที่เขากำลังงงอยู่นั้นฉู่อีอี้และตี้เสี่ยวอวิ๋นก็เหยียบลงบนหน้าอกของหยูหรง
หยูหรงที่กำลังฟื้นนางพยายามหยัดกายลุกขึ้น ครั้นโดนสองสาวเหยียบก็กลับเป็นลมสิ้นสติไปอีกครั้ง
”ท่านพ่อ”หวังเสี่ยวผางเช็ดมือมันปลาบกับเสื้อผ้าของตน “ข้าคิดว่า การกระทำของพี่ไป๋หยานเท่มาก เราไปช่วยพี่ไป๋หยาน กันดีหรือไม่ ?”
หวังตี้จวินจ้องมองหวังเสี่ยวผางพลางกล่าวว่า”เจ้าเรียกไป๋หยานว่าพี่ เช่นนั้นไป๋เสี่ยวเฉินล่ะ เจ้าเรียกเขาว่ากระไร ?”
”แน่นอนต้องเรียก…หัวหน้า”
ท่านพ่อถามอะไรไร้สาระ? เขารู้ดีอยู่แล้วว่าไป๋เสี่ยวเฉินเป็นหัวหน้า เขาก็ต้องเรียกไป๋เสี่ยวเฉินว่าหัวหน้าน่ะสิ
หวังตี้จวินพูดด้วยความโมโห”ไม่ใช่เพราะความผิดพลาดของเราในอดีตหรอกหรือ ที่ทำให้เราต้องถูกขับออกจากบ้านใหญ่ มาถึงตอนนี้จะให้พ่อทำอะไรได้เล่า ?
“ท่านพ่อแต่พี่ไป๋หยานก็ขายเม็ดยาให้ท่านตั้งมากมาย ท่านไม่อยากพบท่านปู่หรือ ? หากมีอะไรเกิดขึ้นกับพี่ไป๋หยาน ยาอายุวัฒนะเหล่านั้นย่อมต้องอันตรธานหายไปด้วย”
หวังตี้จวินเงียบเรื่องใหญ่ที่สุดที่เขาสามารถทำได้ก็คือเป็นนายทุนให้แก่ไป๋หยาน ส่วนเรื่องอื่นใดนอกเหนือจากนี้เขาไม่มีอำนาจจริงๆ
ดูเหมือนหวังเสี่ยวผางจะรู้เท่าทันความคิดของหวังตี้จวินหวังเสี่ยวผางกลอกตาไปมา “ท่านพ่อ หากท่านไม่ช่วยพี่ไป๋หยานและหัวหน้าของข้า ข้าจะจุดไฟเผาบ้าน เผาสมบัติของท่านซะ ข้าจะเผาให้วอดวายทั้งหมดด้วยมือของข้าเอง”
”เจ้า… ” ใบหน้าของหวังตี้จวินโกรธจนดูแทบไม่ได้
เหตุใดเขาถึงได้มีลูกเช่นนี้?
”ท่านไม่ต้องมองข้าหรอกเพราะท่านต้องเห็นหน้าข้าอีกนานตราบชั่วชีวิตของท่าน ทั้งข้าก็จะหาโอกาสจุดไฟเผาสมบัติของท่านให้วอดจนกว่าจะไม่มีเหลือ”
หวังเสี่ยวผางทำเสียงฮึดฮัดไม่กลัวว่าจะโดนพ่อตนเองตีตาย
ทว่าถ้อยคำของหวังเสี่ยวผางไม่ต่างจากน้ำมันราดลงกองเพลิง บิดาของเขาโกรธหัวฟัดฟัวเหวี่ยง จนลากคอเขามายืนตรงหน้า
”เจ้าช่างเป็นลูกชายที่ชั่วร้ายที่สุด! ข้าจะส่งจดหมายกลับไปหาท่านปู่ของเจ้า ขอให้ท่านช่วยคิดหาวิธี โชคดีที่ไป๋หยานเพียงทำให้ศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขุ่นเคือง หากเป็นท่านผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้วล่ะก็ ต่อให้ท่านปู่ของเจ้าก็คงช่วยอะไรไม่ได้ ”
***จบบทอดทนไว้ ? (3)***
บทที่ 354 : อดทนไว้ ? (4)
ในที่สุดหวังเสี่ยวผางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ตราบใดที่บิดาของเขาออกรับหน้า ทุกเรื่องย่อมไม่มีปัญหา
”ไอ้เด็กบ้าถึงคราชำระบัญชีกับเจ้าแล้ว ว่ามั้ย ?” หวังตี้จวินจ้องตาลูกชายด้วยความโกรธ เขาฟาดมือลงบนก้นของหวังเสี่ยวผาง
หวังเสี่ยวผางร้องครวญไม่ต่างกับสุกร”ท่านพ่อ อภัยให้ข้าเถอะ ข้าเป็นลูกชายของท่านนะ !”
”อ้อ! เจ้ารู้เหมือนกันหรือว่า เจ้าเป็นลูกของข้า ? เพื่อคนอื่นแล้ว เจ้าถึงกับกล้าข่มขู่บิดาของเจ้าเลยกระนั้นรึ ? หากข้าไม่ให้บทเรียนแก่เจ้าบ้าง วันนี้ข้าจะขอใช้แซ่ของเจ้าแทน** !”
**วันนี้ข้าจะขอใช้แซ่ของเจ้าแทนเป็นคำแดกดัน คล้ายกับ ‘จะคำนับเจ้าเป็นพ่อ’ แต่เปลี่ยนมาเป็น ‘ใช้แซ่ของเจ้า’ ซึ่งความจริงก็แซ่เดียวกัน
ใบหน้าของหวังตี้จวินเต็มไปด้วยความโกรธเขามีลูกชายเพียงคนเดียว ทว่าลูกชายเพียงคนเดียวของเขากลับเอาแต่เข้าข้างคนนอก ไม่ช้าก็เร็วเขาคงต้องตาย เพราะความโมโหที่มีต่อเด็กคนนี้ !
”ท่านพ่อท่านกับข้าก็ … ”
”แซ่”คำสุดท้ายยังไม่ทันหลุดจากปาก ฝ่ามือของหวังตี้จวินก็ฟาดก้นหวังเสี่ยวผางอีกครั้ง หวังเสี่ยวผางกระโดดตัวลอยสูงถึงสามฉื่อ (สามฟุต) เสียงร้องคร่ำครวญดังก้องทั่วท้องถนน
เขามองไปทางด้านหลังของหวังตี้จวินนัยน์ตาของเขาพลันเปล่งประกายวาบ “ไป๋เสี่ยวเฉิน ไยเจ้าจึงไม่รีบเข้ามาช่วยข้า พ่อของข้าจะฆ่าข้าแล้ว”
หวังตี้จวินตกตะลึงเขาปล่อยหวังเสี่ยวผางโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็รีบหันกลับไปมองถนนด้านหลังที่ซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนเดินกันขวักไขว่ ทว่ากลับไม่เห็นไป๋เสี่ยวเฉิน และไป๋หยานเลย
ขณะที่หวังตี้จวินมัวแปลกใจอยู่นั้นหวังเสี่ยวผางผู้ซึ่งหลุดพ้นจากมือของเขาได้ก็เผ่นหายไปในถนนที่แออัด
ครั้นเห็นเช่นนี้หวังตี้จวินก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “เจ้ากล้าหลอกข้า ไอ้ลูกชาย หากข้าจับตัวเจ้าได้ ข้าจะฆ่าเจ้าทั้งเป็น !”
*****
ในเวลานี้ณ โรงเตี๊ยมซึ่งเต็มไปด้วยเสียงดังจ้อกแจ้กจอแจ
ภายหลังจากที่ทุกคนได้เห็นหญิงสาวในอาภรณ์สีแดงนางหนึ่งเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมเสียงของพวกเขาก็เงียบลง ขณะที่พวกเขากำลังประหลาดใจอยู่นั้น พวกเขาก็เห็นคนอีกคนเดินช้า ๆ ตามเข้ามาในโรงเตี๊ยมด้วย
ไป๋หยานไม่ได้ใส่ใจกับสายตาเห็นอกเห็นใจของคนเหล่านั้นในขณะที่ฮัวหลัวเดินแยกไปยังห้องพิเศษบนชั้นสองซึ่งอยู่ห่างออกไป
ไป๋หยานได้ยินเสียงเยือกเย็นของชายหนุ่มดังแว่วออกมาจากในห้องเสียงของชายหนุ่มทำให้นางรู้สึกอ่อนโยนขึ้น นางตบประตูห้องเบา ๆ ก่อนจะผลักมันออกช้า ๆ
ภายในห้อง
ไป๋เซียวนั่งหลังชนกับประตูอีกบานหลังของเขาหยัดตรง ยามนี้เขาสวมชุดสีเงินยวงให้ความรู้สึกเย็นยะเยือก
ผู้ที่นั่งอยู่ด้านหน้าไป๋เซียวเป็นชายหนุ่มผู้ซึ่งมีใบหน้าหล่อเหลา สีหน้าของเขาคล้ำเล็กน้อย คิ้วเฉียงคมราวกับดาบ ดูไม่ต่างจากวีรบุรุษที่เข้มแข็ง
เมื่อชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นเขาก็เห็นหญิงผู้หนึ่งผลักประตูเข้ามา นัยน์ตาของเขาเปล่งประกายด้วยความประหลาดใจ
นางก็คือ…
ครั้นเว่ยชิงเห็นเจ้าซาลาเปาน้อยที่อยู่ข้างกายหญิงผู้นั้นความประหลาดใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา
จากนั้นถ้อยคำของไป๋เซียวก็ช่วยยืนยันการคาดเดาของเขา
”พี่ใหญ่พี่กลับมาแล้วหรือ ?”
ทันทีที่ได้ยินการเคลื่อนไหวบริเวณประตูไป๋เซียวก็ลุกขึ้นยืนเขามองสตรีที่ยืนอยู่ตรงประตูด้วยความยินดี
”เอ่อ”ไป๋หยานกล่าว นางอุ้มไป๋เสี่ยวเฉินขึ้น ก่อนจะเดินห่างออกมาจากประตู “เซียวเอ๋อ เจ้าได้รับจดหมายที่ข้าฝากไทเฮามอบให้เจ้ารึยัง ?”
ใบหน้าหล่อเหลาของไป๋เซียวเต็มไปด้วยความรู้สึกซับซ้อน
”ข้าอ่านแล้ว… ”
เขารู้ว่าการตายของมารดามีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลไป๋
ทว่าพี่สาวที่เขารักมากนานนับปีกลับมิใช่บุตรสาวของไป๋เฉิงเซียงนี่สิ
”พี่ใหญ่ไม่ว่าจะอย่างไรท่านก็เป็นพี่สาวของข้าไม่มีวันเปลี่ยนแปลง” ไป๋เซียวกล่าวพร้อมรอยยิ้มขมขื่น “ที่จริงแล้วข้าอิจฉาพี่ ที่พี่สามารถกำจัดตระกูลไป๋ออกจากชีวิตพี่ได้ด้วยซ้ำ”
พี่สาวของเขายอดเยี่ยมถึงเพียงนี้จะเป็นบุตรสาวของตระกูลไป๋ได้อย่างไร ?
หากพี่สาวมาจากตระกูลอื่นนั่นย่อมเป็นเรื่องที่เข้าใจได้
”เซียวเอ๋อเมื่อเจ้ารู้ก็ดีแล้ว เจ้าควรกลับบ้านสกุลไป๋ ข้าต้องการเรียกร้องความยุติธรรมให้ท่านแม่ของเรา ทั้งยังความเจ็บปวดที่เราเคยได้รับอีกด้วย !”
***จบบทอดทนไว้ ? (4)***
บทที่ 355 : แก้แค้นแทน (1)
ไป๋เซียวทำปากยื่นเล็กน้อยแววตาของเขาฉายประกายเฉียบคม
”พี่ใหญ่ให้เวลาข้าสักนิด”
คำพูดเหมือนมีเลศนัยไป๋หยานจึงเลิกคิ้วทำตาโต “เจ้าคิดจะทำอะไร ?”
”ตระกูลไป๋ต้องการมีส่วนร่วมในการคัดสรรคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ส่วนข้าเองก็ต้องการเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้เช่นกัน !”
เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นแสงอาทิตย์จากหน้าต่างสาดส่องใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา
น้ำเสียงของเขาแน่วแน่ทั้งดวงตาก็ดูแวววาวสดใส ในขณะที่เขากวาดตามองทั่วใบหน้าของนาง ทำให้นางถึงกับมึนงงจนนัยน์ตาพร่ามัว
”ให้เหตุผลข้าหน่อยสิว่าเหตุใดเจ้าจึงต้องการมีส่วนร่วมในการคัดสรรครั้งนี้” ไป๋หยานกลับมารู้สึกตัว นางครุ่นคิดเพียงครู่จึงเอ่ยถาม
ชายหนุ่มยิ้ม”เพราะหนานกงอี้จะเข้าร่วมการคัดสรรครั้งนี้ด้วย ในเมื่อเขารังแกพี่มามาก เช่นนั้นข้าก็จะทำให้เขาพ่ายแพ้ต่อหน้าสาธารณะชน !”
หนานกงอี้งั้นรึ?
ไป๋หยานลูบคางนัยน์ตาของนางส่อประกายอันตราย
”ดูเหมือนว่าหนานกงอี้จะถูกอ๋องคังปล่อยตัวออกมาแล้วทว่าเขาเข้าร่วมการคัดสรรครั้งนี้ไหวได้อย่างไร ? ที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นหรือ ?”
”พี่ใหญ่ไม่ต้องเป็นกังวล เชื่อมั่นในตัวข้า ข้าจะไม่ทำให้พี่ต้องผิดหวัง”
มือทั้งสองข้างของไป๋เซียวเกาะกุมกันอย่างแน่นหนานัยน์ตาของเขามองไป๋หยานอย่างหนักแน่น
บางทีนี่อาจเป็นท่าทางที่เด็ดเดี่ยวของชายหนุ่มซึ่งทำให้หัวใจของไป๋หยานอ่อนไหว นางยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะกล่าวว่า “เอาละ ไม่ว่าเจ้าอยากจะทำอะไร ข้าก็สนับสนุนเจ้า ! ทว่าผ่านพ้นวันนั้นแล้ว ก็จะเป็นวันสิ้นสุดของตระกูลไป๋”
”ขอบคุณพี่ใหญ่ … ”
ไป๋เซียวยิ้มรอยยิ้มของเขายังคงปลอบประโลมใจเช่นเคย ทว่านัยน์ตาดำขลับที่เคยเฉยเมยเย็นชากลับมีประกายแสงแปลก ๆ
”นี่ของ…ท่านน้า”
ไป๋เสี่ยวเฉินหยิบยาออกมาจากสาบเสื้อก่อนจะยัดลงไปในมือของไป๋เซียว
”เฉินเอ๋อให้ขนมนี่แก่ท่านน้า ท่านน้าต้องชนะ และทำให้คนใจร้ายที่รังแกหม่ามี้ได้รู้ว่าน้องชายของหม่ามี้นั้นแข็งแกร่งเพียงไร”
ไป๋เซียวมองยาเม็ดที่ไป๋เสี่ยวเฉินมอบให้ พลันหัวใจของเขาก็อบอุ่นขึ้น มุมปากของเขายกยิ้ม “น้าจะไม่แพ้”
หากเขาพ่ายแพ้เขาจะคอยสนับสนุนนางอยู่เบื้องหลังได้อย่างไร ?
เช่นนั้นเขาต้องไม่แพ้
”เฉินเอ๋อเราไปกันเถอะ”
ไป๋หยานก็มองหน้าไป๋เซียวก่อนจะดึงไป๋เสี่ยวเฉินไปที่หน้าประตูห้อง
ตี้เสี่ยวอวิ๋นและฉู่อีอี้เดินตามไป๋หยาน ขนาบข้างซ้ายขวา พวกนางทั้งสองยังคงงงกับบทสนทนาของสองพี่น้อง ทว่าเมื่อไป๋หยานหันกลับมามอง พวกนางก็รีบเดินตามไปอย่างเงียบ ๆ
*****
ในห้องเว่ยชิงมองไป๋หยานกระทั่งลับสายตาก่อนจะหันกลับมามองไป๋เซียวที่นั่งเงียบอยู่ข้างหน้า เขาครุ่นคิดอยู่เพียงครู่ ก่อนจะกล่าวว่า “ไป๋เซียว ไยเจ้าต้องเข้าร่วมการคัดสรรครั้งนี้ ? เราไม่รู้เลยว่าคนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั่นให้อะไรหนานกงอี้กิน หนานกงอี้จึงฟื้นคืนพลังได้รวดเร็วเช่นนี้ แล้วหากเจ้าไม่สามารถเอาชนะหนานกงอี้ได้ล่ะ … ”
”ไม่! ข้าจะต้องเป็นผู้ชนะ !” แววตาไป๋เซียวเปลี่ยนเป็นเย็นชา “ไป๋จื่อ พยายามหลอกล่อศิษย์จากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เพื่อให้ตระกูลไป๋กลับมาผงาดได้อีกครั้ง หากข้าสามารถได้รับการคัดเลือกในครั้งนี้ ข้าก็จะกลายเป็นคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ! และเมื่อถึงเวลานั้น จะไม่มีผู้ใดสามารถรังแกนางได้อีก !”
เว่ยชิงเปิดปากคล้ายกับต้องการจะพูดบางอย่างทว่าที่สุดเขากลับทำเพียงถอนหายใจเฮือกหนึ่ง
”เหตุใดเจ้าจึงไม่บอกพี่สาวของเจ้าว่าที่เจ้าต้องการเข้าร่วมการคัดสรรครั้งนี้นั้นก็เพื่อนาง ?”
ไป๋เซียวจ้องมองไปยังทิศทางที่ไป๋หยานเดินจากไปพลันใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาก็อ่อนโยนลง
”เท่าที่ข้ารู้จักนางหากนางรู้ว่า ข้าเข้าร่วมการคัดสรรคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็เพื่อนาง นางจะไม่มีวันให้ข้าเข้าร่วม”