จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 411-415
บทที่ 411 : ให้ท้ายลูก (1)
”เมื่อครั้งที่เจ้าข่มขืนข้าข้าพยายามตามหาเจ้านานหลายปีก็เพื่อแก้แค้น ! ทว่า … ” ตี้คังก้มหน้าลงพร้อมกับยิ้ม นิ้วมือของเขาค่อย ๆ เชยคางของนางขึ้น “มาวันนี้ หากหยานเอ๋อชอบ ข้าก็ยินดีให้เจ้าข่มขืนข้าตราบนานเท่านาน”
บูม!
ดูเหมือนว่าเส้นเลือดในสมองของไป๋หยานจะแตกไปแล้วบัดนี้สมองของนางว่างเปล่า กระทั่งนางสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่กดลงบนริมฝีปากของตน
ชายหนุ่มผู้หล่อเหลาเลิกคิ้วเรียวงามขึ้น ขณะเดียวกันก็ทอดสายตามองนางอย่างอ่อนโยน เขาช่างรูปงามราวกับเทพบุตรซาตาน
ความอ่อนโยนเช่นนี้ไป๋หยานไม่เคยเห็นในตัวตี้คังมาก่อน
ครั้นต้องเผชิญหน้ากับสุดหล่อระดับโลกขนาดนี้ต่อให้หัวใจของไป๋หยานเข้มแข็งสักเพียงใด ทว่าเจอเยี่ยงนี้ก็ไม่อาจควบคุมได้แล้ว นางปล่อยให้มือของชายหนุ่มลูบไล้วนเวียนไปทั่วร่าง เขาค่อย ๆ ชมเชยเนื้อตัวของนางทีละน้อย ๆ ไปเรื่อย ๆ
ไม่รู้เลยว่าเสื้อผ้าถูกปลดเปลื้องตั้งแต่เมื่อใดไหล่ขาวนวลเนียนปรากฏอวดสายตาภายใต้แสงตะวัน นัยน์ตาของตี้คังหรี่ลงเล็กน้อย ลมหายใจที่ร้อนแรงแผดเผาอยู่บนใบหน้าของหญิงสาว
”หยานเอ๋อตามข้ากลับไปแดนอสูรนะ ตกลงหรือไม่ ?”
จุมพิตของเขาขยับจากริมฝีปากระเรื่อยไปยังไหล่ที่หอมกรุ่นของนางจากนั้นก็ค่อย ๆ จูบไล่ไปที่กระดูกไหปลาร้า
เสียงของเขาต่ำแหบห้าวเปี่ยมเสน่ห์
ไป๋หยานรู้สึกว่ามือของตี้คังได้ย้ายจากร่างกายส่วนบนไปยังร่างกายส่วนล่างสัมผัสเย็น ๆ นั่นทำให้นางสั่นสะท้าน สัมผัสนั้นช่วยดึงเหตุผลที่นางลืมเลือนไปจากใจกลับคืนมา
ในขณะที่ตี้คังกำลังจะเปลื้องอาภรณ์ชั้นสุดท้ายนั้นมือเรียวงามของไป๋หยานก็คว้าจับมือใหญ่ของเขาไว้แน่น
”ตี้คังข้าไม่เชื่อใจบุรุษ ข้าเชื่อมั่นในตนเองเท่านั้น”
”ข้าไม่ต้องการเป็นราชินีอสูรสิ่งที่ข้าต้องการก็คือเป็นราชาแห่งแผ่นดินนี้ !”
นางมีความทะเยอทะยานทั้งจะไม่ยอมให้ตัวเองกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องคอยแต่พึ่งพาเพศตรงข้าม !
ปลายนิ้วเรียวยาวของตี้คังชะงักค้างจังหวะหายใจของเขาอึดอัดเล็กน้อย บรรยากาศที่หนักหน่วงยามนี้ทำให้ทั่วทั้งห้องเงียบสงบ
เงียบ…กระทั่งนางได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของเขาเท่านั้น
”เช่นนั้นฉู่อี้เฟิงล่ะ?”
เพียงครู่เสียงของตี้คังก็ดังขึ้น ทว่าน้ำเสียงนั้นฟังดูเหมือนจะเยาะเย้ยตัวเอง นัยน์ตาเรียวคมของเขาแลดูเจ็บปวดอย่างรุนแรง
”เจ้าอนุญาตให้เขาแสดงตัวเพื่อปกป้องเจ้าได้ ก็แล้วเหตุใดข้าถึงทำไม่ได้ ?”
”เพราะข้านับถือเขาเสมือนหนึ่งพี่ชายเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน ทั้งเขาก็ยินยอม”
ประสบการณ์ในชีวิตก่อนหน้าของนางทำให้ไป๋หยานไม่เชื่อในเพศชายนัก ฉู่อี้เฟิงเป็นคนเพียงผู้เดียวที่สามารถติดตามนางได้ และเมื่อครั้งที่อยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ฉู่อี้เฟิงก็คอยปกป้องนาง ทั้งยังยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ปกป้องนาง
เช่นนั้นยามอยู่ต่อหน้าฉู่อี้เฟิงนางจึงไม่มีปมในใจ
คำก็พี่ชายสองคำก็พี่ชาย ตี้คังหน้างอ “หากแต่ข้าเป็นสามีของเจ้า เป็นบิดาของเฉินเอ๋อ เช่นนั้นข้าก็มีสิทธิ์ที่จะปกป้องเจ้า”
ไป๋หยานหลุบตาลงนางดึงผ้าขึ้นคลุมร่างที่กึ่งเปลือยยามนี้ ทีท่าของนางแลดูเหนื่อยเล็กน้อย
”ตี้คังตอนนี้ข้าเหนื่อยมาก…”
ทันทีที่นางพูดจบมือใหญ่ ๆ ก็เหยียดออกดึงนางเข้าสู่อ้อมแขน พลางกดหัวนางแนบกับอก
สายลมพัดเส้นผมสีเงินของชายหนุ่มปลิวไสวระแก้มนวลกระทั่งได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ภายในอ้อมแขนของชายผู้นั้น หัวใจที่ไม่เคยสงบสุขของนางพลันค่อย ๆ สงบลง
”หยานเอ๋อ…ข้าสัญญาว่าเหตุการณ์เช่นวันนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก ข้าจะไม่ปล่อยให้ผู้ใดทำร้ายพวกเจ้าสองแม่ลูกอีกแล้ว !”
ร่างของไป๋หยานแข็งทื่อความรู้สึกแปลก ๆ ท่วมท้นหัวใจของนาง ยามนี้นางยอมรับแล้วว่า นางไม่ได้เฉยต่อชายไร้ยางอายผู้นี้เช่นที่นางคิดเอาไว้
ชั่วขณะที่เผชิญหน้ากับการคุกคามของบรรพบุรุษเผ่าอสรพิษยามที่ชายผู้นี้ร่อนลงมาจากท้องฟ้า หัวใจของนางก็เต้นไม่เป็นจังหวะ
***จบบทให้ท้ายลูก (1)***
บทที่ 412 : ให้ท้ายลูก (2)
ความรู้สึกที่หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะนั้นทำให้นางรู้สึกสับสนสับสนเสียจนอยากหนีไปให้ไกล
ไป๋หยานระงับความตื่นตระหนกในใจของตนนางปล่อยให้ตี้คังกอดนางไว้ในอ้อมแขน กระทั่งชายผู้นั้นยอมปล่อยมือ เขายกยิ้ม รอยยิ้มของเขาแลดูชั่วร้าย และนั่นยิ่งทำให้นางสับสน
”ตี้คัง… ” นางกัดริมฝีปาก อยากจะบอกกล่าวบางอย่าง ทว่าเมื่อสบตาเขา กลับไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
”ที่รักจ๋า”ตี้คังกล่าวพร้อมกับจุมพิตนางอย่างนุ่มนวล “ข้ามีเรื่องบางอย่างที่จะต้องไปสะสางสักสองสามวัน เจ้ารอข้าที่นี่จนกว่าข้าจะกลับมาได้หรือไม่ ?”
เพื่อหลบเลี่ยงสายตาเขาแล้วไป๋หยานหันหน้าหนีโดยไม่ตั้งใจ
ตี้คังไม่กล่าวคำใดอีกเขาช้อนศีรษะของนาง พลางจุมพิตหน้าผากของนาง จากนั้นเขาก็ปล่อยมือ พร้อมกับถอนริมฝีปากออกและยิ้ม “แล้วข้าจะรีบกลับมา … ”
บางทีเขาอาจเข้าใจว่าไป๋หยานไม่มีทางตอบเขา เช่นนั้นทันทีที่กล่าวจบ เขาก็หันหลังกลับแล้วเดินออกจากประตูไป
ภายหลังที่ตี้คังจากไปแล้วไป๋หยานก็เหลือบตาขึ้นจ้องประตูห้อง หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงกระแอมเบา ๆ นางกลับมารู้สึกตัว พลันใบหน้าหล่อ ๆ ก็ปรากฏขึ้นต่อสายตาของนาง
”เซียวเอ๋อเหตุใดเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่ได้ ?”
“พี่ใหญ่พี่กำลังคิดเรื่องของพี่เขยอยู่ใช่หรือไม่ ?” ไป๋เซียวยิ้มล้อเลียนขณะเอ่ยถาม
ไป๋หยานตกตะลึงและเงียบงัน
”พี่ใหญ่พี่เขยเองก็ดูเหมือนจะพยายามผ่อนปรนลงมาก ยามเมื่ออยู่ต่อหน้าพี่ เหตุใดพี่ถึงไม่ยอมรับเขาเสียที ?”
แววตาของไป๋เซียวแลดูซับซ้อนเล็กน้อยเขาควรสนับสนุนการตัดสินใจของพี่สาวตน หากแต่เขาก็เข้าใจด้วยเช่นกันว่า คนเช่นอ๋องคังนั้นหาได้ยากมากจริง ๆ
”ข้ารู้”
ไป๋หยานยิ้มอย่างขมขื่น
ตั้งแต่แรกเห็นชายผู้นั้นทั้งหยิ่งทั้งยโส อารมณ์ร้ายอีกทั้งกระหายเลือด เขาทำราวกับผู้คนทั้งโลกไม่อยู่ในสายตา
ทว่า…
ชายผู้นี้ก็ไม่เคยทำร้ายนาง
ซ้ำยังปกป้องนางทุกครั้ง
เดิมทีนางคิดว่าความเมตตาของตี้คังที่มีต่อนางนั้นเป็นเพราะเฉินเอ๋อ นางจึงไม่เปิดใจรับเขา
”เมื่อพี่รู้แล้วเหตุใดพี่ถึง … ”
”เซียวเอ๋อ”ไป๋หยานขัดจังหวะ “วันนี้เฉินเอ๋อเกือบจะตกอยู่ในอันตราย และต้นเหตุก็มาจากเขาโดยตรง”
เนื่องเพราะแรงรักและแรงริษยาชิงหลวนจึงบังคับให้เฉินเอ๋อกินยาพิษ หากตี้คังปรากฏตัวขึ้นไม่ทันเวลา ข้าและเฉินเอ๋อจะต้องเป็นอันตรายแน่ใช่หรือไม่ ?
แท้จริงแล้วความแข็งแกร่งของนางยังไม่เพียงพอ!
นางสามารถเอาชนะคนธรรมดาๆ ได้ ทว่ายังมิใช่สัตว์อสูรเฒ่าที่อาศัยอยู่ในแดนอสูรนานหลายร้อยปีนั่น !
”พี่สาว… ” ไป๋เซียวมองไป๋หยานด้วยความประหลาดใจ
เฉินเอ๋อตกอยู่ในอันตรายได้อย่างไร? เหตุใดเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้เขากลับไม่รู้ ?
”ด้วยความแข็งแกร่งของข้าข้าไม่สามารถยืนเคียงข้างเขาได้ และข้าไม่สามารถเผชิญกับอันตรายที่ไม่มีวันสิ้นสุดเหล่านี้” ไป๋หยานกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ยิ่งไปกว่านั้น ในวันนี้เป็นตี้คังที่ช่วยข้า หากวันหน้าเขาไม่ช่วยข้าล่ะ ? ”
หากจะต้องเลือกระหว่างแดนอสูรกับนางเขาจะเลือกสิ่งใด ?
หากนางเป็นโสดนางจะมีโอกาส แม้จะต้องสูญเสียไปบ้าง
ทว่านี่นางมีเฉินเอ๋อ
นางไม่อาจปล่อยให้เฉินเอ๋อต้องเสี่ยงต้องเดียวดายเฉกเช่นที่นางเคยเป็น นางไม่มีวันให้เฉินเอ๋อต้องผจญกับชีวิตที่เจ็บปวดเช่นนั้นได้
”พี่สาวข้าไม่เข้าใจแต่ไม่ว่าพี่จะตัดสินใจอย่างไร ข้าพร้อมจะสนับสนุนพี่เสมอ ! หากพี่อยากไปกับตี้คัง ข้าก็จะไม่ยอมให้ผู้ใดขัดขวางความสุขของพี่”
แววตาของชายหนุ่มหนักแน่นใบหน้าของเขามั่นคง
หัวใจของไป๋หยานพลันอบอุ่นนางยกมือขึ้นโอบกอดร่างของหนุ่มน้อย พลางหัวเราะน้อย ๆ ด้วยความเด็ดเดี่ยว “ไม่ต้องกังวล เมื่อใดที่ข้ามีพละกำลังเพียงพอที่จะปกป้องตนเอง เมื่อนั้นข้าก็จะทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจตนเอง”
***จบบทให้ท้ายลูก (2)***
บทที่ 413 : ให้ท้ายลูก (3)
“ดีแล้ว…”
เด็กหนุ่มยังตบหลังของไป๋หยานใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาระบายยิ้มสดใส
พี่สาวแม้เทพเซียนขวางทางพี่ ข้าก็จะสังหารเทพเซียนเพื่อพี่ แม้พุทธองค์ขวางทางของพี่ ข้าก็จะสังหารพุทธองค์เพื่อพี่
ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจเป็นอุปสรรคของพี่ได้!
*****
ช่วงเวลาเดียวกันนี้บริเวณลานหน้าบ้าน ร่าง ๆ หนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าฟาด เขาหอบ ขณะตะโกนออกมาด้วยความโมโห “เสี่ยวมี่เจ้าตัวเหม็น ! คืนขนมของข้ามา ! นั่นมันขนมของข้านะ”
เสี่ยวมี่กำลังถือขวดยาอายุวัฒนะไว้ในอุ้งมือมันไม่ยอมแม่แต่จะเหลียวหันกลับมามอง มันยังคงพยายามพุ่งไปข้างหน้าเรื่อย ๆ ไม่หยุด
อย่างไรก็ตาม…
ร่างที่เต็มไปด้วยแรงกดดันหนาแน่นพลันปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเมื่อมันไม่หยุด มันจึงปะทะเข้ากับร่างนั้นอย่างจัง
ปัง!
เสี่ยวมี่กระแทกเข้ากับแผงอกของชายผู้นั้นมันชะงักงัน ขณะตกลงมาจากกลางอากาศ ร่วงหล่นลงไปในอ้อมแขนของไป๋เสี่ยวเฉิน
“เจ้าตัวเหม็นข้าจับเจ้าได้แล้ว !” ไป๋เสี่ยวเฉินคว้าตัวของเสี่ยวมี่ เขามีทีท่าฮึดฮัด ขณะหันไปมองบุรุษที่อยู่เบื้องหน้าตน “ป๊ะป๋าวายร้ายจะไปแล้วเหรอ ?”
ตี้คังพยักหน้าเล็กน้อย”พ่อจำต้องไปที่ป่าสัตว์อสูร แล้วอีกสองสามวันพ่อก็จะกลับมา”
นัยน์ตากลมโตของไป๋เสี่ยวเฉินแวววาวระยิบระยับ”ป๊ะป๋าวายร้าย ท่านต้องกลับมาไว ๆ นะ เฉินเอ๋อมีอะไรจะบอกท่าน”
”อะไรหรือ?” ตี้คังกล่าวเสียงต่ำ ๆ
”เกี่ยวกับหม่ามี้… ”
นัยน์ตาที่ไร้เดียงสาของไป๋เสี่ยวเฉินจ้องมองตี้คังไม่กะพริบ
ที่สุดแววตาของตี้คังก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย “เอาล่ะ แล้วพ่อจะกลับมาไว ๆ ”
ทันใดนั้นเองไป๋เสี่ยวเฉินก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ แก้มเล็ก ๆ ของเขาพองขึ้น เขาทำปากจู๋อย่างหงุดหงิด “เฉินเอ๋อให้ท่านอาหญิงจับไป๋รั่วมา จากนั้นก็สกัดดวงวิญญาณของนางมาให้เสี่ยวมี่ แต่ทำไมพอเสี่ยวมี่กินลงไปมันถึงท้องเสียล่ะ ? ”
ตี้คังเงียบไปนาน”คุณภาพของวิญญาณไม่ได้มาตรฐาน”
”…”
นัยน์ตาของไป๋เสี่ยวเฉินเบิกกว้าง
ป๊ะป๋าวายร้ายหมายความว่าวิญญาณของไป๋รั่วห่วยมากมากจนทำให้เสี่ยวมี่เกิดอาการอาหารไม่ย่อยเหรอ ?
ตี้คังเลื่อนสายตามามองเสี่ยวมี่ผู้ซึ่งยามนี้ไป๋เสี่ยวเฉินกำลังอุ้มอยู่ “อย่าเอาวิญญาณที่ด้อยคุณภาพมากินอีก เพราะมันไร้ประโยชน์สำหรับเจ้า”
เสี่ยวมี่พูดอย่างเซ็งๆ “ข้าเองก็ไม่ได้อยากกิน แต่เป็นนายน้อยที่บังคับให้ข้ากินดวงวิญญาณของไป๋รั่ว วิญญาณดวงนั้นแย่มาก แย่เสียจนข้าไม่อยากกินอะไรอย่างนี้อีกแล้ว”
ครั้นหวนนึกถึงใบหน้าที่น่ารังเกียจของไป๋รั่วเสี่ยวมี่ก็หนาวสั่น หากไม่ใช่เพราะนายน้อยข่มขู่มัน มันคงยอมตายเสียดีกว่าที่จะกินดวงวิญญาณนั่น
”เสี่ยวมี่”ไป๋เสี่ยวเฉินรู้สึกผิด “คราวนี้เป็นความผิดของข้าเอง เพื่อชดเชยความเสียหายครั้งนี้ให้กับเจ้า ข้าจะไม่ใส่ใจเรื่องที่เจ้าขโมยขนมของข้า แต่ว่าตอนนี้เจ้าจงคืนมาให้ข้าซะดี ๆ แล้วเราก็จะยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตลอดไป”
เขาเป็นเด็กดีที่รู้ว่าสิ่งใดผิดสิ่งใดถูก
แต่หากคิดจะขโมยขนมของเขาล่ะก็ไม่มีทาง !
ตี้คังมองใบหน้าที่น่ารักของไป๋เสี่ยวเฉินพลันริมฝีปากที่ไม่ค่อยมีรอยยิ้มของเขาก็เผยรอยยิ้มออกมา
เด็กชายคนนี้เกิดจากเขากับหยานเอ๋อ!
แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้สีหน้าของเขาดีขึ้น
นัยน์ตาเย็นชาของเขากวาดไปที่เสี่ยวมี่ตัวน้อยผู้ซึ่งยังกำขวดเคลือบแน่นน้ำเสียงของเขาเย็นชามาก “คืนยาให้เฉินเอ๋อ”
”พวกท่านสองพ่อ-ลูกร่วมมือกันรังแกเสือน้อย!”
เสี่ยวมี่พยายามปกป้องยาเม็ดมันเกือบจะร้องไห้แล้ว ไม่คาดคิดว่าราชาอสูรจะให้ท้ายลูกตนเองเช่นนี้ ทั้งราชาอสูรทั้งนายน้อยกำลังร่วมกันรังแกมัน
”คืนยาให้เฉินเอ๋อซะครั้งหน้าข้าจะหาดวงวิญญาณที่แข็งแกร่งเหมาะสำหรับเจ้ามาให้”
”ข้าไม่ต้องการดวงวิญญาณ”
***จบบทให้ท้ายลูก (3)***
บทที่ 414 : ให้ท้ายลูก (4)
เสี่ยวมี่หดตัวหากแต่เพื่อขนมมันก็ยังพยายามระงับความกลัวในตัวตี้คัง แม้จะตัวสั่นทว่าก็ยังยืนกรานที่จะปฏิเสธ
”มันอร่อยทั้งยังมีพลังมากกว่าดวงวิญญาณของชิงหลวน”
ตี้คังยังคงสงบนิ่ง
ชั่วขณะนั้นเองนัยน์ตาของเสี่ยวมี่พลันสว่างวาบขึ้น
แท้จริงเดิมทีที่มันต่อต้านวิญญาณเพียงเพราะมันรู้สึกขยะแขยง ทว่าหลังจากผ่านไปได้ไม่นาน มันก็ตระหนักได้ถึงประโยชน์ของดวงวิญญาณ
ยิ่งตอนนี้เมื่อได้ยินว่ามีดวงวิญญาณที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าชิงหลวนเสี่ยวมี่ก็ไม่เห็นขวดยาเม็ดอายุวัฒนะอยู่ในสายตาอีกต่อไป มันยื่นขวดยาคืนให้ไป๋เสี่ยวเฉิน
เมื่อเทียบกับยาอายุวัฒนะแล้วดวงวิญญาณกลับมีประโยชน์มากกว่า
”ปกป้องแม่ของเจ้าและรอพ่อกลับบ้าน”
ตี้คังเงยหน้าขึ้นพลางใช้มือใหญ่ๆ ของเขาลูบศีรษะของไป๋เสี่ยวเฉิน
”ป๊ะป๋าวายร้าย…ไม่ต้องห่วงเฉินเอ๋อเป็นลูกผู้ชายพอ เฉินเอ๋อจะปกป้องความปลอดภัยของหม่ามี้เอง”
ไป๋เสี่ยวเฉินตบหน้าอกตนให้คำมั่นสัญญาสีหน้าของเขาเด็ดเดี่ยวแน่วแน่
ตี้คังหัวเราะน้อยๆ พร้อมกับหดมือของเขากลับคืน ก่อนจะเดินออกจากบ้านสกุลหลานช้า ๆ
เพียงพริบตาร่างของเขาก็หายไป
ครั้นไป๋เสี่ยวเฉินหันหลังกลับก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง
”หัวหน้า”
หวังเสี่ยวผางรีบวิ่งมาจากด้านหลังเขาวิ่งไปหาไป๋เสี่ยวเฉิน พร้อมทั้งยกแขนทั้งสองขึ้นกอดไป๋เสี่ยวเฉิน
”หวังเสี่ยวผางนี่เจ้าไม่ได้กลับบ้านแล้วหรอกหรือ ? ทำไมถึงมาที่นี่ได้อีกล่ะ ?” ไป๋เสี่ยวเฉินถามพลางกระพริบตาอย่างสงสัย
”ข้ามาที่นี่เพื่อบอกลาเจ้า”
”ลา? เจ้าจะไปไหน ?”
”ใช่”หวังเสี่ยวผางหัวเราะพลางเกาหัว “เดือนหน้าจะถึงวันเกิดของท่านปู่ข้า ท่านปู่ของข้าสั่งให้ข้า และพ่อของข้ากลับบ้าน เช่นนั้นข้าจึงมาลาเจ้า”
”ยินดีด้วย”ไป๋เสี่ยวเฉินตบไหล่หวังเสี่ยวผาง
หวังเสี่ยวผางถูกขับไล่ออกจากตระกูลหวังตอนนี้ตระกูลหวังยอมให้พวกเขากลับไปร่วมงานวันเกิด นั่นไม่ได้หมายความว่าตระกูลหวังยอมรับพ่อลูกคู่นี้อีกครั้งหรอกหรือ ?
”แสดงความยินดีกับข้าทำไม?” หวังเสี่ยวผางบุ้ยปาก “ข้าไม่ต้องการกลับไปพบคนเหล่านั้น คนตระกูลหวังดูถูกข้าและพ่อ พวกเขาไม่สนใจหรอกว่าพวกเราจะกลับไปหรือไม่ ? หากไม่ใช่เป็นเพราะยาอายุวัฒนะของพี่ไป๋หยาน พวกเขาก็คงไม่ยอมให้พวกเรากลับบ้าน”
ไป๋เสี่ยวเฉินเงียบไปนานก่อนจะพูดขึ้นว่า”หวังเสี่ยวผาง เจ้าก็เช่นเดียวกับ หนานกงซุ่น เจ้าทั้งสองต่างก็เป็นสหายที่ดีของข้า หากเจ้าต้องการความช่วยเหลือเจ้าก็เพียงแค่บอกข้า ข้าพร้อมจะช่วยเจ้าเสมอ”
“ไม่จำเป็น”หวังเสี่ยวผางส่ายศีรษะ “เรื่องนี้เจ้าไม่สามารถช่วยข้าได้ ข้าบอกท่านพ่อว่าข้าจะมาหาเจ้า เขาเลยบอกให้ข้าช่วยขอบคุณพี่ไป๋หยานด้วย ว่าแต่ตอนนี้พี่ไป๋หยานอยู่ที่ไหน ? ”
”หม่ามี้ข้า… ”
ในขณะที่ไป๋เสี่ยวเฉินกำลังจะตอบนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมาเห็นร่างที่งดงามปรากฏในระยะไม่ไกล
”หม่ามี้”
*****
ไม่ไกลกันนักไป๋หยานกำลังเดินมาที่ลานหน้าบ้าน ทว่าทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงไร้เดียงสาร้องเรียก
จากนั้นร่างเล็กๆ ก็วิ่งเข้ามาสู่อ้อมแขนของนางอย่างน่าเอ็นดู
ราวกับลูกแมวตัวน้อยหัวเล็ก ๆ ของเขาถูไถเข้ากับหน้าอกของนาง มือเล็ก ๆ ของเขาค่อย ๆ ดึงสาบเสื้อของนาง จากนั้นเขาก็เงยหน้าเล็ก ๆ ของเขาขึ้น ใบหน้ากลมอมชมพูแลดูไร้เดียงสาและน่ารัก
ไป๋หยานรู้สึกว่าหัวใจของนางพลันชุ่มชื่น หัวใจซึ่งกำลังสับสน และวิตกกังวลของนางสงบลงได้ด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวลของเจ้าซาลาเปาน้อย หัวใจของนางเต็มไปด้วยกระแสอบอุ่นราวกับการได้อาบแดดอุ่น ๆ
”หม่ามี้เฉินเอ๋อคิดถึงท่านมากเลย”
ไป๋หยานยิ้มพลางลูบศีรษะน้อยๆ ของไป๋เสี่ยวเฉิน “เราเพิ่งแยกจากกันเมื่อกี้นี้เอง แค่เพียงครู่เดียวเท่านั้น อ้อ ! อีกอย่าง แม่บอกให้เสี่ยวมี่ พาเจ้าไปพักผ่อนมิใช่รึ ? แล้วเจ้าออกมาอีกได้อย่างไร ?”
***จบบทให้ท้ายลูก (4)***
บทที่ 415 : ให้ท้ายลูก (5)
ไป๋เสี่ยวเฉินยิ้มอย่างไร้เดียงสา”เฉินเอ๋อไม่อยู่กับหม่ามี้แค่ครู่เดียว แต่ทำไมเฉินเอ๋อกลับรู้สึกเหมือนนานสักสามปี เฉินเอ๋ออยากจะอยู่กับหม่ามี้ตลอดเวลา”
เจ้าตัวเล็กนี่
ไป๋หยานไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีนางไม่รู้ว่าผู้ใดสอนถ้อยคำเหล่านี้ให้กับเขา
หวังเสี่ยวผางที่ยืนอยู่อีกด้านหนึ่งถึงกับนิ่งอึ้ง
เขาจ้องมองไป๋เสี่ยวเฉินผู้ซึ่งแลดูไร้เดียงสาจากนั้นก็หันไปมองไป๋หยานพลางกระพริบตาเบา ๆ
นี่…ไป๋เสี่ยวเฉินพูดกับแม่ของเขาหวานถึงเพียงนี้เลยหรือ?
หากเขาจำไปพูดกับพ่อบ้างพ่อจะดีกับเขามากกว่าเดิมไหมนะ ?
“เสี่ยวผางเจ้ามีอะไรจะพูดไม่ใช่หรือ ?” เจ้าซาลาเปาน้อยที่กำลังมีความสุขกับไป๋หยาน หันไปมองหวังเสี่ยวผางพลางเอ่ยถาม
หวังเสี่ยวผางพยักหน้าอย่างเร่งรีบ”พี่ไป๋หยาน ท่านพ่อของข้า และข้ากำลังจะกลับไปที่บ้านเกิดของเรา คาดว่าคงจะเสียเวลานานสักระยะหนึ่ง ท่านพ่อของข้า ขอให้ข้ามาขอบคุณพี่ เพราะหากไม่ใช่ยาของพี่สาว ชั่วชีวิตนี้พวกเราคงไม่สามารถกลับไปที่นั่นได้อีก”
ไป๋หยานเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “ข้ากับเฉินเอ๋อจะไปเยี่ยมบ้านสกุลหวังพร้อมกันกับพวกเจ้า”
”…” หวังเสี่ยวผางเบิกตากว้าง เขาได้ยินไม่ผิดนะ ครอบครัวหัวหน้ากำลังจะไปที่บ้านตระกูลหวังพร้อมกันกับพวกเขางั้นเหรอ ?
งั้นเขาก็ไม่ต้องจากหัวหน้าแล้วล่ะสิ?
”หม่ามี้?” ไป๋เสี่ยวเฉินกระพริบตาอย่างสับสน
หม่ามี้ไม่เคยทำเรื่องไร้ประโยชน์ต้องมีอะไรบางอย่างที่ทำให้นางอยากไปบ้านสกุลหวัง ?
”ไปกันเถอะข้าอยากจะพบบิดาของเจ้าเพื่อสนทนากันก่อน”
ไป๋หยานนึกถึงข่าวที่ได้รับจากหอบุปผาพลันนัยน์ตาของนางก็เปล่งประกายวูบ
ครานี้นางคงต้องไปเยี่ยมบ้านสกุลหวัง
”ดีเลย”
ใบหน้าอ้วนพลุ้ยที่แลดูตื่นเต้นของหวังเสี่ยวผางเปลี่ยนเป็นสีแดงเขาถูฝ่ามือตนเองอย่างตื่นเต้น “หากท่านพ่อได้รู้การตัดสินใจของพี่ เขาจะต้องตื่นเต้นมาก ! พี่ไป๋หยาน…หัวหน้า ข้าจะพาท่านทั้งสองไปพบบิดาของข้า”
*****
ยามนี้หวังตี้จวินกำลังยุ่งมาก เขาสั่งให้สาวใช้มาช่วยจัดเก็บข้าวของ
ทันใดนั้นน้ำเสียงที่ตื่นเต้นก็ลอยเข้ากระทบหูของเขา”ท่านพ่อ !”
เขานิ่งงันไปเล็กน้อยก่อนจะหันหน้าไปมอง เพื่อที่จะพบว่าหวังเสี่ยวผางกำลังกลิ้งตัวมาไม่ต่างกับลูกชิ้น
ครั้นเห็นลูกชิ้นยักษ์กำลังพุ่งมาหาเขาเขาก็รีบยกมือขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาจับหัวหวังเสี่ยวผางไว้ เพื่อบังคับให้หวังเสี่ยวผางหยุด
”เจ้าจะทำอะไร?” เขาเอ่ยถามบุตรชาย
”ท่านพ่อข้าคิดถึงท่านมาก” นัยน์ตาของหวังเสี่ยวผางเต็มไปด้วยความรัก กระทั่งเขาไม่อาจละสายตาจากบิดาได้
มุมปากของหวังตี้จวินกระตุกหลายครั้ง”เจ้าไปกินอะไรผิดสำแดงมาหรือ ? ข้าเพียงบอกให้เจ้าไปที่บ้านตระกูลหลาน ทว่ามันก็แค่ไม่นานนี้เอง เจ้าก็คิดถึงข้าแล้วหรือ ?”
”ไม่เลยท่านพ่อ ข้าไม่เห็นท่านเพียงครู่ เหมือนไม่เจอหน้าท่านสักสามปี ข้าต้องการจะอยู่กับท่านตลอดเวลา … ”
ผัวะ!
ก่อนที่หวังเสี่ยวผางจะทันพูดจบหวังตี้จวินก็ตบหัวของเขาเสียงดังลั่น
”ไอ้เด็กบ้าอย่าพูดอะไรน่าสะอิดสะเอียนเช่นนั้นกับข้าอีกนะ ! เจ้าอยากอยู่ข้างกายข้าตลอดเวลางั้นรึ ? ข้าคงรำคาญตายกันพอดี ช่วยออกไปห่าง ๆ และอยู่นิ่ง ๆ ไม่ทำให้ข้าอยากอ้วกก็พอแล้ว !”
เขาคว้าตัวหวังเสียวผางขึ้นมาจากนั้นก็เหวี่ยงหวังเสี่ยวผางไปข้างหลัง พลางมองไปที่ไป๋หยานแล้วยิ้ม “แม่นางไป๋ เด็กโง่คนนี้จู่ ๆ ก็กล่าวคำที่น่าสะอิดสะเอียนเช่นนั้นออกมา หวังว่าท่านคงจะไม่ถือสาเขานะ”
ยามนี้หวังเสี่ยวผางกำลังงุนงงเหตุใดปฏิกิริยาของพ่อเขาถึงได้แตกต่างจากไป๋หยาน ?
ไป๋หยานยิ้มเจื่อนๆ
หลังจากที่ได้เห็นรอยยิ้มของนางหวังตี้จวินก็หันหน้ากลับมามองหวังเสี่ยวผางอีกครั้ง พลางคิดถึงสิ่งที่บุตรชายของเขาเพิ่งพูดมาเมื่อครู่ พลันเขาก็รู้สึกขนลุกไปทั้งตัว
***จบบทให้ท้ายลูก (5)***