จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 436-440
บทที่ 436 : ผู้อาวุโสแห่งสำนักเวชโอสถ (2)
”ท่านลุง”
อันเซียงหรันวิ่งไปจับมือของอันเจิ้นหนิงแน่นแก้มที่นุ่มนวลอ่อนโยนของเขาแดงด้วยความขุ่นเคือง “คนเหล่านี้ไร้ยางอายมาก ท่านลุงไปช่วยไป๋เสี่ยวเฉินเถอะ”
”แต่นี่เกี่ยวข้องกับสำนักเวชโอสถ…” อันเจิ้นหนิงลังเล
ตระกูลอันไม่เหมือนกับตระกูลหวังที่มีตำหนักเซียนพยับหมอกหนุนหลังหากมีปัญหากับสำนักเวชโอสถ พวกเราคงรับไม่ไหว
”ข้าไม่สนใจท่านต้องช่วยไป๋เสี่ยวเฉิน หากท่านไม่ช่วยพวกเขา ข้า… ” อันเซียงหรันกล่าว ก่อนจะกระทืบเท้าอย่างโกรธเคือง “ข้าจะหนีออกจากบ้าน ชั่วชีวิตนี้จะไม่ขอกลับบ้านสกุลอันอีก”
อันเจิ้นหนิงยิ้มอย่างไม่รู้จะทำเช่นไรผู้ใดใช้ให้เด็กคนนี้เป็นบุตรชายแต่เพียงผู้เดียวของน้องชายเขาเล่า … ซ้ำยังเป็นยอดดวงใจของบิดาเขาอีกด้วย
ครั้นนึกได้ดังนี้อันเจิ้นหนิงก็กำลังจะอ้าปากทว่าชั่วเวลานั้นเอง เขาก็ต้องเบิกตากว้าง เมื่อเห็นร่างในอาภรณ์สีแดงกระโจนขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็ว นางพุ่งขึ้นบนอากาศว่างเปล่า
”เดิมทีเพื่อเห็นแก่หวังเสี่ยวผางข้าจึงไม่อยากทำให้ตระกูลหวังต้องอึดอัดใจเกินไป แต่นี่เป็นพวกเจ้าที่ไม่ยอมให้เราจากไปเองนะ”
มุมปากของหญิงสาวยกโค้งอาภรณ์สีแดงของนางปลิวสะบัดบนท้องฟ้าแลดูไม่ต่างกับเปลวเพลิง
ธิดามาร!
ชั่วขณะนี้ถ้อยคำดังกล่าวผุดขึ้นในสมองของทุกคนอย่างพร้อมเพรียง กระทั่งบางคนถึงกับระลึกถึงเทพสวรรค์ขึ้นมาเลยทีเดียว
ทันใดนั้นเองเสียงคำรามของมังกรก็ดังมาจากท้องฟ้าไม่ไกลกันนักจากนั้นมังกรตัวใหญ่ก็บินพุ่งมาทันที ร่างใหญ่ยักษ์ประจักษ์ต่อทุกสายตา
ไป๋หยานอุ้มไป๋เสี่ยวเฉินขณะขึ้นไปยืนอยู่บนหลังมังกรเบา ๆ นางยิ้ม พร้อมกับกวาดตามองบรรดาผู้คนที่อยู่ด้านล่างด้วยความภาคภูมิใจ
”มังกรแก้วหากผู้ใดขวางไม่ให้เราไป ฆ่าได้เลยไม่ต้องมีเมตตา !”
ทันทีที่คำว่า”ฆ่าได้เลยไม่ต้องมีเมตตา” หลุดออกมา ท้องฟ้าพลันมืดมนลงราวกับพายุฝนกำลังจะมาเยือน ดั่งคลื่นใต้น้ำที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้ความสงบ
หวังตี้อี้ตกใจกระทั่งใบหน้าซีดขาว”มังกร มังกร … ”
มังกรสูญพันธุ์ไปหลายพันปีแล้วเหตุใดหญิงผู้นี้จึงสามารถควบคุมมังกรได้ ?
เป็นเรื่องน่าทึ่งมาก!
มิใช่เขาเพียงคนเดียวที่มีความคิดเช่นนี้ทุกคนในที่นั้นต่างก็ตกตะลึงงัน พวกเขาเฝ้ามองสตรีที่อยู่บนหลังมังกรด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยศรัทธาราวกับกำลังมองเทพเซียน
เพราะนับแต่วันที่ไป๋เสี่ยวเฉินทำให้มังกรแก้วเชื่องได้ข่าวก็แพร่กระจายออกไปทั่วดินแดน
ทว่าสถานที่แห่งนี้กลับไม่รู้เรื่องราวใดเลย !
ในสายตาของผู้คนในเมืองฮวนเฉิงนั้นนอกเสียจากตำหนักเซียนพยับหมอกแล้ว พวกเขาก็ไม่สนใจโลกภายนอกเลยไม่ต่างจากการอาศัยอยู่ในสถานที่ปิดตาย
นับเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ยินชื่อของไป๋หยานหรือแม้แต่มังกรแก้ว
ส่วนสำนักเวชโอสถกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้น หากไม่มีชื่อเสียงเทียบเท่าตำหนักเซียนพยับหมอก เกรงว่าพวกเขาก็คงจะไม่ทราบว่าสถานที่ทั้งสองนี้มีอยู่จริง
ท่ามกลางความตื่นตกใจของฝูงชนเสียงแก่ ๆ พลันดังลอยมาจากระยะไกล ไม่ต่างจากค้อนหนัก ๆ ทุบเข้ากลางหัวใจของฝูงชน
”ดูเหมือนว่าข้าจะมาไม่ถูกจังหวะสักเท่าใด ข้าควรรอให้ตระกูลหวังจัดการเรื่องราวต่าง ๆ ให้เสร็จสิ้นก่อนจะดีกว่าหรือไม่ ?”
เสียงนี้อาจจะแปลกหูสำหรับคนทั่วไปหากแต่สำหรับสองพี่น้องหวังตี้อี้และหวังตี้หยวนแล้ว นี่กลับเป็นเสียงที่พวกเขาคุ้นเคย ทำให้ดวงตาของพวกเขาสว่างไสวขึ้น
ภายใต้ท้องฟ้าที่มืดครึ้มชายชราสวมชุดสีขาวกำลังยืนกุมมือ เขาเหาะมาพร้อมสายลมแผ่วเบา เส้นผมสีขาวของเขาทำให้เขาแลดูคล้ายกับเซียนสวรรค์
ด้วยภาพลักษณ์เช่นนี้ก็ทำให้นึกถึงผู้วิเศษที่อาศัยอยู่อย่างสันโดษท่ามกลางภูเขาและพงไพร
“ผู้อาวุโสเซ่งท่านมาถึงแล้ว” หวังตี้อี้กล่าว แววตาของเขาสดใส เขาจ้องไป๋หยานเขม็ง “หญิงผู้นี้ฉกผลแก้วมังกรเพลิงที่พี่ใหญ่ข้าเตรียมไว้ให้ท่าน หากท่านมาช้ากว่านี้ นางคงจะเอามันไปแล้ว”
***จบบทผู้อาวุโสแห่งสำนักเวชโอสถ (2)***
บทที่ 437 : ผู้อาวุโสแห่งสำนักเวชโอสถ (3)
แววตาของชายชรานั้นแลดูอึดอัดใจเล็กน้อยนัยน์ตาสีอ่อนของเขากวาดมองไป๋หยานพลางขมวดคิ้วแสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจ
”ไร้สาระ”
อันเจิ้นหนิงปิดปากของอันเซียงหรันไม่ทันเมื่อหลานชายของเขาหลุดคำพูดดังกล่าวออกมา นัยน์ตาหวาน ๆ ของอันเซียงหรันเต็มไปด้วยความโกรธเคือง เขายกนิ้วเรียวงามราวดรรชนีกล้วยไม้ชี้ไปที่หวังตี้อี้
”ผลแก้วมังกรเพลิงนั่นเป็นของข้า! ข้าจะมอบให้กับผู้ใดก็ได้ที่ข้าพอใจ”
”เจ้าเด็กกระเทยออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้นะ !” หวังตี้อี้ตะคอกด้วยความโมโห หากมิใช่เป็นเพราะเด็กชายน่าชังผู้นี้ ผลแก้วมังกรเพลิงก็คงจะตกอยู่ในมือของเขาแล้ว
ก่อนหน้านี้อันเจิ้นหนิงไม่อยากจะมีเรื่องทว่าครั้นเขาได้ยินหวังตี้อี้ดูถูกหลานชายของเขา ใบหน้าของเขาก็พลันเย็นชา เขากล่าววาจาเย้ยหยัน
”ตระกูลหวังต้องการฉกชิงทรัพย์สินของผู้อื่นหรือว่าสำนักเวชโอสถเองก็มีพฤติกรรมเฉกเช่นเดียวกัน ? ผลแก้วมังกรเพลิงนี้เป็นของตระกูลอันของข้า หลานชายข้าต้องการมอบมันให้กับไป๋เสี่ยวเฉิน หากสำนักเวชโอสถประสงค์ที่จะช่วงชิง ท่านว่า…ผู้คนจะกล่าวขานเรื่องนี้กันเช่นไร ?”
ใบหน้าของผู้อาวุโสเซ่งน่าเกลียดขึ้นทันทีเขาไม่ได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับคำนินทา แต่หากเจ้าสำนักของเขาได้ยินเรื่องนี้ แล้วพบว่าเรื่องนี้ทำให้ชื่อเสียงของสำนักเวชโอสถเสียหาย เขาจะต้องถูกขับออกจากสำนักเป็นแน่ !
ทว่าผลแก้วมังกรเพลิงนี้จะช่วยในการพัฒนาให้เขาก้าวเข้าสู่หมอปรุงยาระดับเจ็ดได้เขาจึงไม่อาจยอมแพ้ง่าย ๆ !
”แม่นาง”ผู้เฒ่าเซ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงเนิบ ๆ “ผลแก้วมังกรเพลิงนี้เป็นส่วนประกอบสำหรับปรุงยาเม็ดจิตวิญญาณระดับเจ็ด เช่นนั้นอาจไม่มีประโยชน์สำหรับเจ้า จะเป็นการดีกว่าหากมอบให้แก่ข้า เจ้าต้องการแลกเปลี่ยนกับสิ่งใดก็สามารถบอกข้าได้”
มิใช่ว่าผู้อาวุโสเซ่งคิดจะดูหมิ่นไป๋หยานทว่าบนดินแดนแห่งนี้มีหมอปรุงยาเพียงไม่กี่คน ผู้ใดจะคิดเล่าว่าสตรีผู้ซึ่งมีวัยเพียงยี่สิบต้น ๆ เช่นนางจะเป็นหมอปรุงยา
“ขอโทษด้วยข้าจะไม่มอบผลแก้วมังกรเพลิงให้ไม่ว่ากับผู้ใดทั้งสิ้น” นางกล่าว
”แม่นางอย่าเพิ่งปฏิเสธข้าเลย” ผู้อาวุโสเซ่งยิ้มน้อย ๆ “ข้ารู้ว่าเจ้าหวงแหนผลแก้วมังกรเพลิงนี้มาก เจ้าคงจะเป็นหมอปรุงยาเช่นกัน ทว่าผลแก้วมังกรเพลิงไร้ประโยชน์สำหรับเจ้า ข้าจะให้โอกาสเจ้าเข้าสำนักเวชโอสถ น่าจะเป็นการดีต่อเจ้ามากกว่า
สำนักเวชโอสถเรียกได้ว่าเป็นแดนสวรรค์สำหรับหมอปรุงยาในดินแดนนี้หมอปรุงยาทุกคนที่มีประสิทธิภาพจะสังกัดอยู่ในสำนักเวชโอสถ เว้นจากสำนักเวชโอสถแล้ว หมอปรุงยาที่อื่นนับว่าคนละชั้น
เช่นนั้นหมอปรุงยาหลายคนจึงใฝ่ฝันที่จะเข้าสำนักเวชโอสถให้ได้
แน่นอนหลังจากได้ยินสิ่งนี้ทุกคนในที่นั้นต่างก็มองไป๋หยานด้วยสายตาอิจฉา
มีเพียงสองพี่น้องหวังตี้หยวนและหวังตี้อี้เท่านั้นที่โกรธมาก
เขาควรจะเป็นผู้ที่ได้รับความโปรดปรานจากสำนักเวชโอสถทว่าเหตุใดจึงกลับกลายเป็นนางหญิงชั่วผู้นี้ไปได้ ? เช่นนี้จะให้พวกเขายินดีงั้นรึ ?
”ท่านปู่”
ขณะที่ทุกอย่างเงียบงันเสียงเบา ๆ ก็ดังขึ้น “หม่ามี้ของข้าปฏิเสธไปอย่างชัดเจนแล้ว แต่ท่านก็ยังคงเซ้าซี้หม่ามี้ของข้าไม่เลิก ท่านไม่ละอายแก่ใจบ้างหรือ ?”
เสียงเด็กน้อยราวกับเสียงสวรรค์ทว่ากลับทำให้ใบหน้าของผู้อาวุโสเซ่งขรึมลงอีกครั้ง สายตาของเขาพลันเย่อหยิ่งและถือดี
”แม่นางข้าเพียงให้คำแนะนำเจ้า ข้าชี้ทางสว่างให้แก่เจ้าแล้ว หากเจ้าปฏิเสธโอกาสในครั้งนี้ ก็อย่ามาขอร้องข้าทีหลังแล้วกัน”
ไป๋หยานมองตอบอย่างดูหมิ่นนางเอ่ยกล่าวเบา ๆ ว่า “มีอะไรอีกหรือไม่ ? หากไม่มี ข้าจะได้ไปจากที่นี่เสียที”
ครั้นเห็นว่าไป๋หยานกำลังจะจากไปหวังตี้อี้ก็รีบกล่าวขึ้นอย่างเกลียดชังว่า “ไม่…เจ้ายังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น !”
หวังตี้อี้จ้องมองไป๋หยานก่อนจะหันไปหาผู้อาวุโสเซ่ง พลางกล่าวอย่างเศร้า ๆ ว่า “ผู้อาวุโสเซ่ง ท่านอย่าปล่อยหญิงผู้นี้ไปง่าย ๆ นะ ! นางไม่ไว้หน้าท่านเลย ท่านควรจะคว้าผลแก้วมังกรเพลิงมาเลยดีกว่า !”
ถึงนางจะขี่มังกรมาแล้วไง? แม้มังกรจะหายสาบสูญไปนานหลายปี และแม้ว่าจะเหลือเพียงตัวเดียวในโลก อย่างไรเสียพลังของมันก็ไม่อาจเทียบเท่าสำนักเวชโอสถ
”หุบปาก!
***จบบทผู้อาวุโสแห่งสำนักเวชโอสถ (3)***
บทที่ 438 : ผู้อาวุโสแห่งสำนักเวชโอสถ (4)
ครั้นได้ยินเช่นนั้นผู้อาวุโสเซ่งก็โกรธเกรี้ยว เขากวาดตาไปมองหวังตี้อี้
ไอ้คนชั่วนี่ยังไม่เข้าใจอีกหรือ ? ถึงได้กวนใจเขาไม่เลิก
จะให้เขาช่วงชิงผลแก้วมังกรเพลิง
หากเรื่องนี้แพร่ออกไปกระทั่งรู้ถึงหูของท่านเจ้าสำนัก เขาจะไม่แปดเปื้อนจนต้องถูกขับออกจากสำนักด้วยงั้นรึ ?
”แต่… ”
หวังตี้อี้อยากจะเอ่ยต่อหากแต่หวังตี้หยวนรีบขยิบตาให้เขาหุบปากทันที
”แม่นางไป๋เจ้าไปได้” หวังตี้หยวนระงับโทสะ ก่อนจะกล่าวขึ้นอย่างเย็นชา
ยามนี้ไป๋หยานกำลังยืนพิงเขามังกรแก้วนางยิ้มพลางเอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูสบาย ๆ
”ทว่าตอนนี้ข้าไม่อยากไปแล้ว … ”
”เจ้า… ” หวังตี้หยวนตะคอกออกมา ใบหน้าของเขาเขียวคล้ำ “เจ้าต้องการสิ่งใด ?”
นิ้วของไป๋หยานลูบเรือนผมของไป๋เสี่ยวเฉินแววตาของนางเย็นชา “ตระกูลหวังของเจ้าเกือบจะทำให้บุตรชายของข้าต้องหวาดกลัว จะไม่ให้ข้าเอาคืนบ้างหรือไร ? อีกอย่างเจ้าถือสิทธิ์ใดมาสั่งข้า ?”
”ไป๋หยานอย่ากดดันกันมากเกินไป อย่างไรเสียตระกูลหวังของข้าก็เป็นถึงนายทวารของตำหนักเซียนพยับหมอก !” หวังตี้อี้ตะคอกออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว นัยน์ตาของเขาแทบจะระเบิดออกมาด้วยประกายแสงดุดัน
ทว่าทันทีที่เสียงของเขาหลุดออกมาเขาก็ถูกตีเข้าที่ศีรษะ กระทั่งต้องกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เขาหันไปมองหวังหยู่ฟานที่อยู่ด้านหลัง
”ท่านพ่อ!”
”พอได้แล้ว!” หวังหยู่ฟานตัวสั่น “เจ้าไม่คิดบ้างหรือว่า วันนี้เจ้าทำให้บ้านของเราเสียหน้ามากเพียงใดแล้ว กลับไปที่ห้องของเจ้าเดี๋ยวนี้ แล้วนั่งสำนึกผิดที่นั่น ห้ามก้าวออกจากห้องจนกว่าจะมีคำสั่งจากข้า !”
“ข้าไม่ผิด!” หวังตี้อี้เงยหน้าขึ้น “ท่านพ่อ ท่านไม่รู้หรอกว่าหญิงผู้นี้ร้ายกาจเพียงใด นางส่งลูกชายของนางมาหลอกล่อชิงเอ๋อ ให้แต่งงานกับเขา ! นี่นางคงพยายามที่จะเกาะติดตระกูลหวังของข้าใช่หรือไม่ล่ะ ?”
ยามนี้ไม่เพียงแต่คนอื่น ๆ แม้แต่หวังตี้หยวนก็ยังหน้าเปลี่ยนสี
น้องชายของข้าช่างโง่งมน่าสิ้นหวังจริงๆ เจ้าพูดอย่างนี้ท่ามกลางที่ชุมนุมชนได้อย่างไร ? ต่อไปภายหน้าบุตรสาวของเจ้ายังจะมีหน้าอยู่ในเมืองฮวนเฉิงได้อย่างไร ?
“หม่ามี้”ไป๋เสี่ยวเฉินตกใจ เขายกมือขึ้นโอบรอบลำคอของไป๋หยาน ใบหน้าของเขาช่างน่าเวทนา “เฉินเอ๋อไม่แต่งงาน ต่อให้หม่ามี้อยากให้เฉินเอ๋อแต่งงาน ผู้หญิงคนนั้นก็จะต้องสวย และอ่อนโยนเหมือนหม่ามี้ หากเฉินเอ๋อต้องแต่งงานกับนาง เฉินเอ๋อคงต้องฝันร้ายทุกวันแน่”
เฉินเอ๋ออยากจะอยู่กับหม่ามี้เท่านั้นไม่มีใครสามารถดึงเฉินเอ๋อไปจากหม่ามี้ได้
”แง!”
จู่ๆ เสียงร้องก็ดังขึ้นจากลานหน้าบ้าน
ครั้นหวังตี้อี้หันไปมองเขาก็เห็นหวังชิงเอ๋อยืนอยู่ข้างหลังเขา นางมายืนตั้งแต่เมื่อไหร่เขาก็สุดรู้ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาอ้าปากจะพูด ทว่าก็พูดไม่ออก
”ข้าไม่สวยงั้นเหรอ?”
หวังชิงเอ๋อยกมือขึ้นปาดคราบน้ำตาขณะเดียวกันก็ร้องไห้ด้วยเสียงอันดัง
ไป๋เสี่ยวเฉินมองหวังชิงเอ๋อพลางส่ายศีรษะ
หากเป็นสาวน้อยคนอื่นบางทีเขาอาจจะพอทนได้ ทว่าหวังชิงเอ๋อเคยรังแกเสี่ยวมี่ ! เขาไม่มีวันอภัยให้นาง !
“พูดจาไร้สาระ!” หวังชิงเอ๋อกระแทกเท้าด้วยความโกรธ “ข้าสวยกว่าหวังเสี่ยวถง ข้าสวยกว่าแม่ของเจ้า ! แม่ของเจ้าเป็นเพียงสาวแก่ ๆ นางจะสู้สาวน้อยเช่นข้าได้อย่างไร ?”
ขนาดมังกรมีเกล็ดก็ยังมีจุดอ่อน
จิ้งจอกน้อยอย่างเขาก็มีจุดเจ็บเหมือนกัน
ในใจของไป๋เสี่ยวเฉินไป๋หยานเป็นที่หนึ่งยอดดวงใจของเขาเสมอ
เขาไม่มีวันยอมให้ผู้ใดดูถูกไป๋หยานได้!
”หม่ามี้ของข้าเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกเจ้าต้องการที่จะแข่งความงามกับหม่ามี้ของข้างั้นหรือ ? รนหาที่ตายเสียแล้ว” ไป๋เสี่ยวเฉินเชิดคางขึ้น พลางกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “มังกรแก้วพ่นไฟใส่นาง ผู้ใดใช้ให้นางลบหลู่หม่ามี้ของข้ากันเล่า”
กรรรร!
แววตาของมังกรแก้วเต็มไปด้วยความดุร้ายมันส่งเสียงคำรามลั่น กระทั่งทำให้หวังชิงเอ๋อหวาดกลัวจนซวนเซ ถึงกับทรุดนั่งลงบนพื้น
ขณะที่นางจ้องมองดวงตาที่น่ากลัวของมังกรแก้วอยู่นั้นมังกรแก้วก็พ่นไฟออกมาด้วยความโกรธ ลูกไฟตกลงตรงหน้านางพร้อมกับเสียงดังฮูม ! ควันฟุ้งไปทั่วลานหน้าบ้าน
***จบบทผู้อาวุโสแห่งสำนักเวชโอสถ (4)***
บทที่ 439 : ผู้ชายของเจ้ามาแล้ว (1)
”ชิงเอ๋อ!”
สีหน้าของหวังตี้อี้นั้นซีดเซียวขาของเขาแทบยืนไม่อยู่ เสียงของเขาแหบแห้ง ทั้งเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
”แง!”
ไม่กี่อึดใจถัดมาเสียงร้องไห้ที่แสนปวดร้าวใจก็ดังออกมาจากสถานที่ที่ซึ่งเต็มไปด้วยกลุ่มควัน ครั้นเสียงร้องดังขึ้น ควันก็กระจายสลายไปในท้องฟ้า
ณที่ตรงนั้น เหลือเพียงเด็กหญิงผิวดำเกรียมยืนอยู่ เส้นผมของนางยุ่งเหยิงฟูไปทั้งหัวอย่างน่าสังเวช
ในที่สุดหวังตี้อี้ก็รู้สึกตัว เขาวิ่งเข้าไปหาหวังชิงเอ๋อ รีบตรวจสอบดูอาการบาดเจ็บของเด็กหญิง ก่อนจะมองไป๋เสี่ยวเฉินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ
”ชิงเอ๋อยังเด็ก ต่อให้นางทำผิด เจ้าก็ไม่ควรปฏิบัติต่อเด็กผู้หญิงเช่นนี้”
ไป๋เสี่ยวเฉินกระพริบตาใบหน้าอมชมพูของเขาเผยรอยยิ้มไร้เดียงสา
”แต่ข้าก็เป็นเด็กเช่นกัน”
ไม่ว่าหวังชิงเอ๋อจะเป็นเด็กหรือโตเป็นสาวสำหรับไป๋เสี่ยวเฉินแล้ว ก็ไม่มีความหมายใดเลย
“ท่านพ่อ!” หวังตี้อี้จ้องมองไป๋เสี่ยวเฉินอย่างดุดัน ก่อนจะหันไปทางหวังหยู่ฟาน “ตระกูลหวังของเราเป็นนายทวารดูแลตำหนักเซียนพยับหมอก ท่านทนให้คนรังแกหลานสาวของท่านได้เยี่ยงไร ?”
คิ้วของหวังหยู่ฟานย่นเข้าหากันเล็กน้อยทว่าเขาไม่กล่าวคำใด
หวังตี้จวินที่อยู่อีกด้านหนึ่งกลับอดไม่ได้ที่จะตำหนิ”ก็สมควรแล้ว ผู้ใดใช้ให้เจ้าไปยั่วยุไป๋เสี่ยวเฉินก่อนเล่า”
”ไม่ใช่เป็นเพราะเขาอยากล่อลวงบุตรสาวของข้าครั้นเห็นว่าข้าไม่ยินยอม เขาเลยโกรธ กระทั่งอยากจะทำลายบุตรสาวของข้าหรอกรึ ?” หวังตี้อี้สั่นสะท้านไปทั้งร่าง เขาคิดว่าตนเองเป็นฝ่ายถูก “ข้าจะไม่ยอมให้คนสารเลวเช่นนี้อยู่ในบ้านสกุลหวัง”
เมื่อเห็นว่าหวังชิงเอ๋อยังคงร้องไห้หวังตี้อี้ก็รู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ใคร่ออก เขากำหมัดแน่น
บนอากาศไป๋หยานยังคงลูบไล้เรือนผมของไป๋เสี่ยวเฉิน มุมปากของนางเริ่มวาดเป็นเส้นโค้งน้อย ๆ
”เฉินเอ๋อเจ้ายังคงโกรธอยู่หรือไม่ หากยังไม่หายโกรธก็ลองให้มังกรแก้วพ่นไฟเล่นอีกสักสองสามคนดีหรือไม่ ?”
ครั้นมังกรแก้วได้ยินถ้อยคำของไป๋หยานมันก็ส่งเสียงคำราม
เสียงคำรามทำให้หวังตี้อี้ตัวสั่นเทาโดยไม่รู้ตัวเขาปล่อยมือหวังชิงเอ๋อ เด็กน้อยทรุดลงกับพื้นดินอีกครั้ง
หลังจากหวังตี้อี้ถอยร่นไปสองสามก้าวเขาพลันคิดได้ว่า เขาไม่ควรที่จะตื่นตกใจถึงเพียงนั้น เพราะเห็นแล้วว่ามังกรแก้วเพียงแค่ข่มขู่เขา เช่นนั้นเขาจึงรีบเข้าไปช่วยพยุงหวังชิงเอ๋อขึ้นจากพื้นดินด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ชิงเอ๋อเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง พ่อไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งเจ้านะ”
แท้จริงแล้ว
เสียงคำรามของมังกรช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน
ไม่ว่าเขาจะรักบุตรสาวมากเพียงใดเขาก็ห่วงชีวิตตนเองมากกว่า
หวังตี้จวินหัวเราะเยาะ
ว่ากันตามจริงหากบิดารักบุตรสาวอย่างลึกซึ้ง หวังตี้อี้ก็มีโอกาสที่จะช่วยลูกตัวเอง ก่อนที่มังกรแก้วจะพ่นไฟใส่ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ทำเช่นนั้น เพราะเขาไม่กล้าก้าวออกไป กระทั่งควันไฟสลายหายไป
คนเช่นนี้จะเรียกว่าเป็นบิดาที่รักลูกได้กระนั้นรึ?
น่าขันยิ่งนัก!
ไป๋หยานลดสายตาลงเล็กน้อยนางมองหวังตี้จวิน พลางเม้มปาก “หากข้าทำน้องชายของเจ้าพิการ เจ้าจะเสียใจหรือไม่ ?”
หวังตี้จวินกล่าวว่า”เราไม่ได้เกิดจากแม่เดียวกัน เขามักจะทุบตีบุตรชายของข้า เช่นนั้นท่านไม่ต้องกังวลถึงความรู้สึกของข้าเลย”
“แม่นางไป๋”หวังหยุู่ฟานเอ่ยทักท้วง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป “คนโง่คนนี้ทำผิดมากจริง ๆ ทว่าข้าขอแม่นาง ให้ข้าได้จัดการกับเขาตามกฎของตระกูลหวังเราจะได้หรือไม่ ?”
อย่างไรเสียหวังตี้อี้ก็เป็นบุตรชายของเขา
ในฐานะบิดาเขาไม่ต้องการเห็นบุตรชายของตนกลายเป็นคนพิการ
ไป๋หยานเงยหน้าขึ้นจ้องหวังหยู่ฟาน
***จบบทผู้ชายของเจ้ามาแล้ว (1)***
บทที่ 440 : ผู้ชายของเจ้ามาแล้ว (2)
”ข้ามีทางให้เจ้าเลือกสองทางทางแรกหวังตี้หยวน และหวังตี้อี้ต้องออกจากตระกูลหวัง ทั้งพวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้กลับมาที่เมืองนี้อีก ทางที่สอง ข้าจัดการเอง พวกเขาจะต้องพิการไปชั่วชีวิต !”
หวังหยู่ฟานตกตะลึงทั้งสองทางเลือกนี้ เป็นการยากมากที่เขาจะทำใจ
ขณะที่เขานิ่งเงียบอยู่นั้นไม่ไกลกันนัก พลังอันแข็งแกร่งรุนแรงก็พุ่งทะลุท้องฟ้า ตรงมากระแทกเข้ากับหน้าอกของเขา
ครั้นทุกคนเงยหน้าขึ้นมองอากาศว่างเปล่าพลันร่างที่ปราดเปรียวก็ปรากฏขึ้นต่อทุกสายตา
“นี่…”ผู้อาวุโสเซ่งตกตะลึงเมื่อเห็นร่างของชายชรา “ผู้อาวุโสเหรินอี้แห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ท่านมาได้อย่างไร ?”
คิ้วของเหรินอี้ยับยู่ยี่ยิ่งขึ้นเมื่อแลเห็นไป๋หยาน
แล้ว…
ก่อนที่ทุกคนจะทันเข้าใจถึงคำพูดของผู้อาวุโสเซ่งพวกเขาก็เห็นเหรินอี้รีบพุ่งตัวไปหาไป๋หยานแล้ว
”นี่… ” ไป๋หยานเองก็รู้สึกตกใจ นางมองชายชราที่รีบบึ่งเข้ามาหานางพลางเอ่ยถามว่า “ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร ?”
บางทีอาจเป็นเพราะเขาเดินทางมาไกลทำให้ชายชราหายใจหอบ มือเหี่ยว ๆ ของเขากดลงบนไหล่ของไป๋หยานอย่างหนักหน่วง
”หยานเอ๋อ…หนีเร็วผู้ชายของเจ้ากำลังจะมาจับตัวเจ้า! ข้า … ข้าไม่อาจเอาชนะเขาได้”
ประโยคสุดท้ายนี้เหรินอี้รู้สึกละอายแก่ใจมาก พวกเขาสามคนร่วมมือกันก็ยังไม่อาจเอาชนะชายผู้นั้นได้
ครั้นนึกถึงภาพลักษณ์ที่ดุดันของชายผู้นั้นแล้วหัวใจของเหรินอี้พลันหวั่นไหว นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
บูม!
ฝูงชนต่างตกตะลึง
ผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์รู้จักไป๋หยานงั้นรึ? ทั้งยังดูสนิทสนมกันอีกด้วย ?
นอกจากนี้ผู้ชายของไป๋หยานยังแข็งแกร่งถึงขนาดที่ว่าแม้แต่ผู้อาวุโสแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ยังไม่อาจเอาชนะได้อีกด้วยงั้นรึ ?
แล้วชายผู้นั้นอยู่ที่ใด?
แววตาที่ประหลาดใจของผู้อาวุโสเซ่งเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนก
ในบรรดาหมอปรุงยาต่างก็แข่งขันกันอย่างเข้มข้น !
เจิ้งฉีและเหรินอี้ต่างก็เป็นหมอปรุงยาในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เดิมทีความสามารถของทั้งคู่อ่อนด้อยมาก กระทั่งไม่อาจนำมาเปรียบเทียบกับเขาได้ ทว่าเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ชายชราทั้งสองได้เข้าร่วมการแข่งขันปรุงยาที่สำนักเวชโอสถ
และในครั้งนั้นสำนักเวชโอสถก็เพิ่งรู้ว่าชายชราทั้งสองได้มาถึงหมอปรุงยาระดับเจ็ดแล้ว !
นับว่ามีหมอปรุงยาระดับเจ็ดปรากฏขึ้นอีกครั้งในแผ่นดินใหญ่นี้! เพราะนอกจากเจ้าสำนักเวชโอสถแล้วก็ไม่มีผู้ใดสามารถเทียบเท่าชายชราทั้งสองได้อีก นอกจากนี้ตัวเขาเองก็ยังเป็นเพียงแค่หมอปรุงยาระดับหกเท่านั้น
ครั้นนึกถึงถ้อยคำที่เขาพูดข่มขู่ไป๋หยานก่อนหน้านี้แล้วผู้อาวุโสเซ่งก็ให้รู้สึกละอายแก่ใจ กระทั่งแทบมุดดินหนี
*****
บนอากาศว่างเปล่าไป๋หยานที่แลดูตกใจในตอนแรก ยามนี้กลับแปรเปลี่ยนเป็นสำนึกผิด
”ท่านบอกว่าอ๋องคังจะมาจับตัวข้างั้นรึ? เช่นนั้นเขารู้ได้อย่างไรว่าข้าอยู่ที่นี่ ?”
”เอ่อ… ” เหรินอี้กระแอมไอแค่ก ๆ “อาจารย์สามของเจ้าเผลอพูดให้เขารู้ นี่ไม่เกี่ยวกับพวกเราเลยนะ”
อืม! ฉิวชู่หรง มักจะกลายเป็นแพะรับบาปเช่นนี้เสมอ
ผู้ใดใช้ให้เขาเป็นน้องสามกันเล่าในขณะที่เหรินอี้และเจิ้งฉีก้าวเข้าสู่ระดับเจ็ด ฉิวชู่หรงกลับยังคงย่ำอยู่ในระดับหกนี่นา
แล้วผู้ใดจะเป็นแพะกันเล่าหากมิใช่เขา ?
ไป๋หยานกัดฟันพลางกล่าวว่า”อาจารย์รองกลับไปบอกอาจารย์สามด้วยว่า หากภายในสามเดือนนี้ เขายังปรุงยาเม็ดจิตวิญญาณระดับเจ็ดไม่ได้ก็อย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีก !”
อาจารย์รอง?
นี่…
ดูเหมือนว่าหัวใจของทุกคนแทบหยุดเต้นเมื่อได้ยินนางเรียกเหรินอี้ว่าอาจารย์รอง อาจารย์ทั้งสามของนางก็คือหัวหน้าผู้อาวุโสทั้งสามแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์กระนั้นหรือ ?
นอกจากนี้สิ่งที่นางพูดยังดูเหมือนว่านางจะเป็นผู้เชี่ยวชาญ ส่วนฉิวชู่หรงนั้นเป็นเพียงเด็กฝึกหัด ?
เมื่อเปรียบเทียบกับความตกใจของคนอื่นๆ แล้ว แข้งขาของหวังตี้อี้นั้นอ่อนยวบลงด้วยความแตกตื่น ทว่าเขายังพยายามฝืนร่างไม่ให้ทรุดลง
แม้ว่าตระกูลของเขาจะเป็นถึงนายทวารของตำหนักพยับหมอกหากแต่ก็เป็นแค่ผู้ดูแลปากประตูทางเข้า
ส่วนนางเป็นถึงศิษย์ของผู้อาวุโสแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์
นอกจากนี้เขายังประกาศออกไปว่าบุตรชายของไป๋หยานล่อลวงชิงเอ๋อเพื่อจะเข้าบ้านสกุลหวังอีกด้วยใช่หรือไม่ ?
***จบบทผู้ชายของเจ้ามาแล้ว (2)***